คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : JACK BUTLER ❘ 1/5 ❘ ๑๐๐%
สิ่งที่ไม่อาจรับรู้..
ใช่ว่าไร้ตัวตน
ณ
ดินแดนต้องห้ามของเหล่าวิญญาณคนตายเพราะหากหลงเข้ามาแล้วไซร้แม้กระทั่งดวงจิตสุดท้ายก็มิอาจรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของสิ่งมีชีวิตที่สถิตอยู่ในที่แห่งนั้น
ว่ากันว่าเป็นสถานที่ที่ใครก็หาได้เข้ามากันง่ายๆ
มีเพียงดวงวิญญาณบริสุทธิ์ที่ถูกรับเลือกที่จะได้เหยียบย่างเข้ามาในดินแดนแห่งนี้
ห้วงเวลาย้อนกลับ
สถานที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และโลกหลังความตาย
สิ่งเดียวที่จะทำให้พวกเขาสนใจคือกลิ่นวิญญาณอันหอมหวานเสียจนไม่อาจปล่อยให้ลงไปยังอเวจีได้
พวกเขาที่ว่านั่น..คือปีศาจ
เหล่าปีศาจจะมีอยู่ทุกห่วงเวลาย้อนกลับ
ทว่ามีเพียงห้วงเดียวที่ไม่เคยมีปีศาจตนใดมาผลัดเปลี่ยนเป็นเวลากว่าศตวรรษ
ราวกับว่าปีศาจตนนั้นกำลังรอคอยเพียงวิญญาณตนเดียวเท่านั้นและเวลานี้ดูเหมือนว่าการรอคอยอันแสนยาวนานนี้ได้สิ้นสุดลงเสียที
ประตูบานใหญ่เปิดต้อนรับวิญญาณที่มีกลิ่นหอมหวานจนปีศาจจากห้วงเวลาทั่วโลกให้ความสนใจและต้องการครอบครอง
เด็กชายรูปร่างบอบบางนอนนิ่งอยู่ท่ามกลางขนนกสีขาวมานานเสียจนลืมเรื่องนับเวลา ทว่าแวนเดล ดัลธาเชี่ยน บุตรชายคนเล็กวัยสิบสองปีแห่งตระกูลขุนนางที่ได้ชื่อว่าเป็นสุนัขรับใช้ของราชินีอังกฤษ
ไม่ได้อยู่ ณ ที่แห่งนี้เพียงคนเดียว
เปลือกตาสีมุกขยับขึ้นอย่างเชื่องช้าเผยให้เห็นดวงตาสีเงินไร้แววต่างจากยามเป็นมนุษย์
ลมหายใจผะแผ่วทำให้รู้ตัวว่าเขานั้นยังไม่ตาย
เพียงแต่ขนนกสีขาวบริสุทธิ์ที่กำลังลอยขึ้นไปบนฟากฟ้าและกลิ่นหอมอ่อนไม่รู้ที่มาที่ไปทำให้เขาอดนึกย้อนไปไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้ตนเพิ่งถูกลอบสังหาร
ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็..
“ยินดีต้องรับสู่เขตแดนความเป็นและความตายครับท่านแวนเดล
ดัลธาเชี่ยน”
“ใครน่ะ”
ดวงตาสีม่วงมาเจนต้าหลังความมืดทอประกายอยู่ด้านหลังของแขกผู้มาเยือนก่อนจะหายวับไปก่อนปรากฏตัวพร้อมเงาของสัตว์ปีกขนาดใหญ่ที่บินโฉบฉวัดเฉวียนอยู่เหนือศีรษะ
ทำให้แวนเดลต้องแหงนหน้ามองทว่าแสงที่ส่องลงมาทำให้เขาเห็นเป็นเพียงภาพย้อนแสงเท่านั้น
มันเป็นนกแต่สัตว์ก็คือสัตว์มันจะพูดได้อย่างไร
ฟึบ!
“ได้สิครับท่านแวนเดล” ราวกับล่วงรู้ความคิด เงาที่ว่าบินโฉบลงมาก่อนจะเกาะอยู่บนไม้ต้นเล็กที่ยืนตายซากอยู่ไม่ไกลจากระยะสายตาเขานัก
นกกาขนสีดำขลับจนแทบจะกลืนไปกับความมืด
ทว่าขนาดตัวของมันใหญ่เกินกว่าจะเป็นอีกาธรรมดา
ลำตัวและปีกของมันใหญ่จนเกือบเทียบเท่ากับพญาอินทรีเลยก็ว่าได้
แวนเดลเอียงคอมองไล่สายตาสำรวจก่อนจะหยุดอยู่ที่ดวงตาสีม่วงแดงคู่นั้น
“เพราะผมน่ะคือซาตานยังไงล่ะครับ”
เพราะอะไรกันนะ..
ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนว่าอีกาดำตัวนั่นส่งยิ้มให้เขาทั้งที่จะงอยมันไม่สามารถขยับพูดได้เหมือนมนุษย์
ดวงตาสีเงินซีดจางถูกตรึงไว้กับลูกแก้วลูกเล็กสีม่วงมาเจนต้าของสัตว์ตรงหน้า
นกกาตัวใหญ่ท่ามกลางลานขนนกสีขาวที่กว้างสุดลูกหูลูกตาช่างดูโดดเด่นเสียเหลือเกิน
“วิญญาณคุณบริสุทธิ์มากนะครับท่านแวนเดล
หากรั้งรอนานกว่านี้พวกยมทูตหรือซาตานตนอื่นได้ตรงมารุมทึ่งวิญญาณคุณแน่เลยครับ”
หูเขาได้ยินเสียงพูดแต่ปากนกกาที่อ้างตัวว่าเป็นซาตานนั่นไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
“วิญญาณ..ฉันตายแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่เชิงครับ
หากคุณต้องการกลับขึ้นไปบนโลกมนุษย์ไปจัดการเรื่องวุ่นวายของคุณ
ผมมีข้อเสนอแน่นอนว่าต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน”
“ถ้านายทำให้ฉันกลับไปจัดการคนพวกนั้นได้จริงไม่ว่านายต้องการอะไรฉันจะหามาให้ทั้งหมด”
ผู้สูงศักดิ์เอ่ยด้วยความเย่อหยิ่ง
ดวงตากลมโตฉาบด้วยแววถือดีและเย็นชาจนน่าหลงใหล
“เด็ดเดี่ยวดีจังเลยนะ
สิ่งที่ผมต้องการไม่เกินความสามารถคุณแน่นอนครับ
หากคุณตกลงผมจะพาคุณกลับขึ้นไปบนนั้นพร้อมกับผมที่จะเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของคุณตลอดไปท่านแวนเดล
ดัลธาเชี่ยน”
“...” หนึ่งมนุษย์หนึ่งสัตว์จ้องตากัน
ดวงตาสีเงินยวงถามในสิ่งที่นกกาตรงหน้าต้องการผ่านแววตาโดยไม่คิดเปล่งเสียง
เหมือนหูของเขาจะได้ยินเสียงหึเบาๆ ในลำคอของอีกาตัวนั้น
“วิญญาณของคุณ”
“...”
“ตกลงหรือเปล่าครับ” โทนเสียงทุ้มต่ำกอปรกับดวงตาน่าต้องมนตร์ล่อลวงให้แวนเดล
ดัลธาเชี่ยน ยอมแลกสัญญากับซาตานด้วยความเต็มใจ
“ฉันตกลง”
ชั่วพริบตาขนนกสีขาวที่กำลังลอยขึ้นฟ้ากลับหยุดนิ่งคล้ายห้วงเวลาในนี้ถูกหยุดไม่ให้เดินหน้าหรือถอยหลัง
หมอกควันสีขาวคลุ้งขึ้นจนบดบังทัศนียภาพมันหนาเสียจนมองไม่เห็นนกกาตัวนั้นอีกแล้วจะมีก็แต่เงามนุษย์คนหนึ่งที่กำลังเดินฝ่าหมอกตรงมาหาเขา
แวนเดลยืนนิ่งมองชายที่แต่งกายด้วยชุดดำทั้งตัวด้วยความสงสัยทว่าสิ่งที่ทำให้เขาสะดุดตาอีกครั้งคือดวงตาสีม่วงมาเจนต้าคู่นั้น
ริมฝีปากหยักลึกขยับยิ้มเล็กน้อย
กว่าจะรู้ตัวชายคนนั้นก็เข้ามาประชิดตัวเขาแล้วโน้มลงมาจนปลายจมูกเกือบสัมผัสกัน
“นาย..นกกาตัวนั้น”
ร่างสูงไม่เอ่ยวาจาใด
ริมฝีปากที่ยังคงประดับรอยยิ้มไว้ขยับใกล้เข้ามาเสียจนแวนเดลต้องหลับตาลง
ทันทีที่บุตรชายคนเล็กแห่งตระกูลดัลธาเชี่ยนปิดเปลือกตาริมฝีปากบางเฉียบได้รูปก็ประทับลงบนดวงตาที่ปิดสนิทด้านขวา
แสงประกายเจิดจ้าจากดวงตาข้างนั้นสาดส่องไปทั่วทั้งบริเวณพร้อมกับขนนกที่นิ่งค้างอยู่และบนพื้นถูกย้อมไปด้วยสีม่วงแดงมาเจนต้า
“ดวงตานายน้อยสวยมากเลยครับ”
นัยน์ตาสีเงินไร้แววบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสองสีที่ดูจะแตกต่างแต่กลับเข้ากันอย่างน่าประหลาด
ร่างสูงจดจ้องดวงตากลมโตสีเงินและดาวห้าแฉกสลักอักขระรูนในตาสีม่วงมาเจนต้าข้างขวา
สีเดียวกับนัยน์ตาเจ้าของพันธสัญญา
สัญลักษณ์ดวงดาวห้าแฉกล้อมรอบด้วยอักขระรูนโบราณที่มีเพียงซาตานที่ถือกำเนิดจากนรกชั้นทาร์ทารัสเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้
สัญลักษณ์ที่แสดงว่าแวนเดล
ดัลธาเชี่ยนได้มอบวิญญาณให้แก่ซาตานผู้นี้เสร็จสมบูรณ์
“...” นัยน์ตากลมโตอ่อนแรงพร้อมกับร่างของเด็กน้อยวัยสิบสองปีที่กำลังจะล้มลงราวตุ๊กตาไม้ถูกตัดสายป่าน
ทว่าก่อนที่ร่างกายบอบบางจะได้สัมผัสขนนกสีม่วงแดงนั้น..
“นามของผมคือแจ็คผู้ที่จะเป็นไพ่เคียงข้างและซื่อสัตย์กับท่านคิงแวนเดลจวบจนเวลาของท่านจะหมดลง
จนกว่าจะถึงกาลนั้นผมจะดูแลนายน้อยอย่างดีที่สุด”
ท่อนแขนแกร่งของบุรุษที่แทนตัวว่าแจ็ครับร่างของเด็กชายวัยสิบสองปีก่อนจะกระชับแนบอกด้วยความเบามือ
“แจ็คงั้นเหรอ”
“โปรดเอ่ยสิ่งที่ท่านปรารถนา”
“พาฉัน.. กลับบ้านที”
“Yes, my lord”
2 ปีต่อมา
“นายน้อย
หากยังไม่รีบขึ้นจากน้ำผมเกรงว่าท่านเอิร์ลเฮดารอนด์จะไม่พอใจเอานะครับ”
“อืม เข้ามาสิแจ็ค”
พ่อบ้านซาตานหรือบัตเลอร์ประจำตระกูลดัลธาเชี่ยนโค้งตัวให้เจ้านายด้วยความนอบน้อมก่อนจะเดินมารับนายน้อยแวนเดลขึ้นจากอ่างน้ำพุร้อน
เสื้อคลุมและผ้าขนหนูซับน้ำถูกพาดไว้บนท่อนแขนซ้ายส่วนอีกข้างก็ผายขึ้นรับฝ่ามือนายน้อยของตน
หยดน้ำเกาะพราวบนกายขาวผ่องที่ปราศจากอาภรณ์เผยให้เห็นสัดส่วนบอบบางสมเป็นเด็กอายุสิบสี่ปี
แจ็คสวมเสื้อคลุมก่อนจะใช้ผ้าขนหนูผืนนุ่มซับน้ำออกจากดวงหน้าเนียน
มือหนากึ่งประคองฝ่ามือเล็กมายืนหน้ากระจกห้องแต่งตัวที่อยู่ติดกับอ่างน้ำพุร้อนแล้วลงมือแต่งตัวให้
พ่อบ้านที่ดีต้องทำเป็นทุกอย่าง
หากเรื่องแต่งตัวให้นายน้อยยังทำได้ไม่สมบูรณ์คงไม่ต้องเรียกเขาว่าพ่อบ้านตระกูลดัลธาเชี่ยนแล้ว
เส้นผมสีดำขลับนุ่มลื่นมือถูกสางด้วยหวีแปรงก่อนจะจัดทรงอย่างเรียบง่าย
ตามด้วยเสื้อสีขาวแขนยาวคอจีบทับในด้วยกางเกงขาสั้นพอดีเข่า สวมเสื้อตัวนอกสีน้ำเงินเข้มก่อนจะปิดท้ายด้วยเชือกริบบิ้นผูกคอเสื้อเข้าชุดกัน
“นั่งรอตรงนี้สักครู่นะครับนายน้อยแวนเดล”
เก้าอี้บุกำมะหยี่อย่างดีถูกเลื่อนมาให้เจ้าของคฤหาสน์ดัลธาเชี่ยนนั่งก่อนที่พ่อบ้านจะเลือกหยิบถุงเท้าสีดำมาสวมและรองเท้าหนังสีเดียวกัน
มือหนาผูกเชือกรองเท้าด้วยความชำนาญและผละออกไปหยิบเครื่องแต่งตัวสุดท้าย
ผ้าคาดตาสีดำแบบผูก
“เรียบร้อยแล้วครับนายน้อย”
“วันนี้มีพาร์เฟ่หรือเปล่าแจ็ค”
“มีครับ
หากท่านเฮดารอนด์อยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วยของหวานวันนี้ก็จะเป็นพาร์เฟ่ครับ”
“นายบังคับให้ฉันรั้งเฮดารอนด์ไว้เหรอ”
“ผมเปล่านะครับนายน้อย”
“หึ”
ริมฝีปากบางบิดยิ้มทว่านัยน์ตาสีเงินยวงกลับไร้ประกายความสุขมีแต่ความเย็นชาแฝงความร้ายกาจไว้มิดชิด
แวนเดลจัดเสื้อตัวนอกให้เข้าที่ก่อนจะก้าวเดินไปยังห้องรับรองที่มีแขกมารออยู่ก่อนหน้าแล้ว
“เชิญครับนายน้อย”
คุณพ่อบ้านประจำคฤหาสน์ดัลธาเชี่ยนผายมือเชิญนายน้อยของตนให้เดินนำหน้าส่วนเขาก็เดินรั้งอยู่ด้านหลัง
ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งทว่าริมฝีปากบางกลับหยัดโค้งขึ้นเล็กน้อยหากแต่ให้ความรู้สึกน่าขนลุกมากกว่าเป็นมิตร
อาจเพราะดวงตาเรียวรีสีมาเจนต้าที่เรียบนิ่งไร้ระลอกคลื่นคล้ายคลึงกับทะเลสาบอันเงียบสงบ
สีผิวขาวค่อนไปทางซีดและเรือนผมสีน้ำหมึกเข้มเก็บขึ้นเผยให้เห็นหน้าผากขับให้คุณพ่อบ้านคนนี้ไม่น่าเข้าใกล้เป็นอย่างยิ่ง
“เช้านี้จะเป็นชาไวท์วิชทราซออฟเชลซีหรือน้ำผลไม้กันนะก็หมอนั่นน่ะไม่ดื่มชานี่”
“...”
“ใช่มั้ยแจ็ค”
“ครับนายน้อย”
“อะไรกัน นายนี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลยนะ”
“ท่านเอิร์ลเฮดารอนด์คอยท่าอยู่ที่ห้องรับรองนานแล้วนะครับนายน้อย”
“รู้แล้วๆ”
เจ้าพ่อบ้านหน้าตาย
แวนเดลเคยคิดเล่นๆ
ว่าถ้าไพ่ใบนี้แสดงอารมณ์ได้มากกว่าเอาแต่ดุเขาหรือทำตามคำสั่งคงสนุกดีไม่หยอก
แจ็คบนไพ่ทุกสำรับคือตัวตลกแต่หมอนี่ไม่เห็นจะตลกเลยสักนิด
ใบหน้าอ่อนเยาว์มู่ทู่แล้วเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งทันทีที่เดินมาถึงหน้าบานประตูห้องรับแขกคนสำคัญ
เอาล่ะเอิร์ลเฮดารอนด์ อี สเปียร์
คุณจะมาเป็นไพ่ใบไหนในสำรับของเกมนี้กันนะ จะเอซหรือหมู
มาลองกันซักตั้ง
“สวัสดีครับเอิร์ลแวนเดล
คฤหาสน์ตระกูลคุณสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ” ยังไม่ทันได้นั่งแขกของวันนี้กลับเอ่ยทักคฤหาสน์ที่ยังดูใหม่ตลอดเวลาแม้ว่าเวลาจะผ่านมานับร้อยปีนับตั้งแต่ตระกูลดัลธาเชี่ยนขึ้นเป็นคนสนิทขององค์ราชินี
“ที่นี่ได้รับการดูแลตลอดใช่ไหมแจ็ค”
เสี้ยวหน้าอ่อนเยาว์ผินถามคุณพ่อบ้านก่อนจะกระตุกยิ้มเล็กน้อย
“ครับ ผมขอตัวไปเตรียมของว่างนะครับนายน้อย”
แจ็คค้อมตัวทำความเคารพนายน้อยตนก่อนจะเดินออกมา
ไม่วายส่งสายตาเตือนพ่อบ้านของอีกฝ่ายว่าหากแตะต้องนายน้อยของเขาแม้แต่ปลายเล็บอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับออกไปดูโลกภายนอกอีก
“ท่านเฮดารอนด์ผมขออนุญาตไปช่วยคุณพ่อบ้านของที่นี่เตรียมของนะครับ”
ผู้ดูแลของอีกฝ่ายค้อมตัวลงต่ำจนแทบไม่เห็นสีหน้าจะมีเพียงก็แต่คำพูดที่เล็ดลอดมาให้ได้ยิน
เฮดารอนด์พยักหน้า
ความเงียบปกคลุมชั่วครู่กระทั่งคล้อยหลังผู้ดูแลทั้งสองแวนเดลเลยถือโอกาสสำรวจใบหน้าที่ไม่ได้พบกันเสียนาน
เอิร์ลเฮดารอนด์ อี สเปียร์
ขุนนางอายุยี่สิบสองปีที่มีเชื้อสายของชาวเกาหลีใต้ไหลเวียนอยู่ในตัว
ใบหน้าจิ้มลิ้มทว่าไม่ได้ดูใสซื่ออย่างที่ควรจะเป็น
ดวงตาเรียวรีคมกริบแฝงความฉลาดเฉลียวทว่ารูปร่างที่ค่อนข้างเล็กทำให้ทั้งแวนเดลและเอิร์ลลูกครึ่งคนนั้นดูเหมือนรุ่นเดียวกันมากกว่า
“เรามาว่าเรื่องธุรกิจของเราดีกว่าครับเอิร์ล”
เฮดารอนด์เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
นิ้วมือเรียวหยิบเอกสารสองสามฉบับขึ้นมาจากกระเป๋าหนังราคาแพงก่อนจะวางไว้บนโต๊ะที่คั่นกลางระหว่างเขาและเจ้าของคฤหาสน์
“แท่นขุดเจาะน้ำมันที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
จะไม่เสี่ยงเกินไปหน่อยเหรอครับหากว่าราชินีรู้เข้าอาจจะซวยเอาได้” เฮดารอนด์ยกคิ้วข้างสูงข้างหนึ่งก่อนจะจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สนทนาแล้วหัวเราะออกมาแผ่วเบา
“ไอ้ผมก็เป็นคนที่ไม่ชอบคุยธุรกิจกับคนใจไม่กล้าพอเสียด้วยสิ”
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม มือเล็กเอื้อมหยิบเอกสารขึ้นมาพลิกอ่านนั่นเท่ากับว่าแวนเดลยอมรับธุรกิจแท่นขุดเจาะไปแล้วห้าสิบเปอร์เซ็นต์
ดวงตาเรียวรีราวจิ้งจอกจับจ้องท่านเอิร์ลอายุสิบสี่ปีไม่วางตา
เฮดารอนด์เคยร่วมทำธุรกิจเล็กๆ
กับแวนเดลมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปลายปีก่อนและเขาก็ไม่โง่พอที่จะดูถูกเด็กคนนี้
แวนเดลฉลาดเป็นกรดทั้งยังเจ้าเล่ห์จนหาตัวจับได้ยาก
คิดจะร่วมลงทุนกับแวนเดลก็ไม่ควรหักหลังหรือปล่อยให้ตัวเองมีช่องโหว่มากเกินไป
อย่างที่บอกว่าแวนเดลเป็นเด็กฉลาด
“ผมตกลงครับส่วนเรื่องเซนต์สัญญาถ้าไม่รบกวนมากจนเกินไปผมขอให้คุณนำมาอาทิตย์หน้าได้เลย
ส่วนเอกสารนี่ผมขอเก็บไว้ชุดหนึ่งก็แล้วกันเผื่อมีอะไรต้องแก้”
แวนเดลยิ้มบาง มันเป็นรอยยิ้มทางธุรกิจที่ไม่ว่าใครๆ
ก็ทำกัน เฮดารอนด์ชอบนิสัยเด็กคนนี้ที่ตรงไปตรงมา
ทั้งยังรอบคอบจัดจนน่ารำคาญอีกต่างหาก
“ได้เลยครับ
ผมเข้าใจแท่นขุดเจาะน้ำมันเป็นธุรกิจใหญ่ให้เซนต์สัญญาปุปปับเลยคงยาก”
เด็กอายุสิบสี่ยังคงประดับรอยยิ้มน่ามองไว้บนใบหน้า
ในใจกลับคิดว่าเฮดารอนด์เหมือนอสรพิษที่เหมือนจะเชื่องแต่ยังไงซะอสรพิษก็คืออสรพิษอยู่วันยังค่ำ
ตราบใดที่มันยังไม่แว้งกัดดัลธาเชี่ยน
เขาก็ไม่จำเป็นต้องตีมันให้ตาย
อีกอย่างตระกูลอี
สเปียร์เป็นพวกทำมาค้าขายทั้งบนดินและใต้ดิน เส้นสายเยอะพอๆ กับเขาแตกต่างตรงที่อี
สเปียร์มีขุมกำลังที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ดินนอกเหนือสายตาตำรวจ
มันทำให้เขาต้องประเมินความคุ้มได้คุ้มเสียหากจะดึงเฮดารอนด์มาเป็นไพ่ในมือ
งูมันเลี้ยงไม่เชื่องอยู่แล้วความภักดีอะไรนั่นไม่จำเป็นต้องเก็บมาคิดให้รกสมองแต่ที่แวนเดลกำลังมองคือผลประโยชน์ต่างหาก
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพเฮดารอนด์เป็นพวกต้นอ้อที่ลู่ตามลมที่แข็งแกร่งกว่าเพื่อความอยู่รอด
แต่จนกว่างูพิษตัวนี้จะแว้งกัดแวนเดลคงใช้ประโยชน์หมดแล้ว
ตำแหน่งเอซเหรอ
หึ
แค่เจ็ดโพดำก็พอ
“เอิร์ลเฮดารอนด์หากไม่เป็นการรบกวนช่วยอยู่ทานมื้อเย็นเป็นเพื่อนผมได้หรือเปล่าครับ”
นัยน์ตาสีเงินสบตาเรียวรีจองอีกฝ่ายอย่างไม่คิดหลบ
เขาไม่ได้คิดร้ายต่อท่านเอิร์ลตัวเล็กคนนี้เสียหน่อยแค่อยากกินพาร์เฟ่เท่านั้นเอง
“รบกวนด้วยนะครับ”
“ด้วยความยินดีครับ”
เด็กอายุสิบสี่เดินนำแขกลงไปยังสวนหลังคฤหาสน์ในฐานะเจ้าบ้านที่ดี
ส้นรองเท้าหนังกระทบแผ่นหินที่ปูไว้เป็นทางเดินในสวนก้องสลับกับคนด้านหลังที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบกาย
แวนเดลกระตุกยิ้มมุมปากพลางหมุนแหวนที่ประดับอยู่ที่นิ้วก้อยเล่นด้วยความเคยชิน
ใบหน้าอ่อนเยาว์เชิดขึ้นเล็กน้อยตามนิสัยเจ้าตัวก่อนจะหุบยิ้มทันทีที่พ่อบ้านของเขาส่งสายดุมาให้
คนกำลังมีความสุขจะยิ้มไม่ได้เลยหรือยังไงกัน
“คืนนี้เป็นสเต๊กเนื้อแกะชั้นดีทานคู่กับไวน์แดงบ่มเมื่อปี1865
หากนับดูวันนี้ก็จะครบรอบสิบปีพอดีครับ”
แวนเดลนั่งลงบนเก้าอี้ที่แจ็คเลื่อนให้ก่อนจะฟังเจ้าตัวแนะนำอาหารอย่างที่เคยทำเช่นทุกวัน
ดวงตาสีแปลกเหลือบมองผู้ร่วมโต๊ะในดินเนอร์วันนี้ที่กำลังส่งยิ้มการค้าให้เขา
แน่นอนว่าเขาก็ส่งยิ้มเช่นเดียวกันกลับไป
“พ่อบ้านของเอิร์ลแวนเดลนี่เก่งจังเลยนะครับ
จำวันที่บ่มไวน์ได้ด้วย” แจ็คส่งยิ้มเป็นมิตรให้อีกฝ่ายอย่างเป็นธรรมชาติก่อนจะโค้งตัวน้อยๆ
เป็นการขอบคุณ
“ขอบคุณที่ชมครับท่านเอิร์ล
ผมอยู่มานานหากเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ผมก็ไม่สมควรเป็นบัตเลอร์ตระกูลดัลธาเชี่ยนแล้วล่ะครับ”
แวนเดลหัวเราะในลำคออย่างห้ามไม่อยู่
ภายใต้รอยยิ้มของคนคนนั้นน่ะซ่อนอะไรไว้เยอะจนเขาคร้านจะอ่านมันแล้ว
แจ็คเป็นพวกรู้สึกอย่างหนึ่งแต่กลับแสดงออกอีกอย่าง
มีเพียงเขาที่เป็นเจ้านายเท่านั้นที่แจ็คจะแสดงความรู้สึกที่ซื่อตรงด้วย
ก็วิญญาณของแวนเดลน่ะเป็นของแจ็คยังไงล่ะไม่มีอะไรต้องปิดหรอก
ความคิดเห็น