คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บันทึกรูปถ่ายของเจนที ❘ 1 ❘ ๑๐๐%
“พี่เจนลางานยาวแบบนี้ที่แผนกจะไม่วุ่นเอาเหรอครับ” หนึ่งในพนักงานแผนกเดียวกันเอ่ยถาม ซึ่งเขาก็แค่ยิ้มแล้วส่ายหน้าตอบน้องมันไปโดยไม่ไม่ได้พูดอะไร เจนเก็บข้าวของใส่กระเป๋าก่อนจะเอี่ยวตัวไปรดน้ำแคสตัสต้นเล็กที่วางอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เขาไม่อยู่ตั้งครึ่งเดือนเดี๋ยวไม่มีใครมารดน้ำให้มันจะตายเสียก่อน
ถึงแม้ว่าแคสตัสจะเป็นพืชที่ไม่ค่อยต้องการน้ำแต่เชื่อเถอะยังไงมันก็ต้องได้รับความใส่ใจบ้างอยู่ดี
ร่างสูงมองมันอีกครั้งก่อนจะลุกออกมา ทิ้งโต๊ะทำงานอันแสนเป็นระเบียบไว้เบื้องหลังพร้อมกับลูกน้องในแผนกและปัญหาวุ่นวายต่างๆ เขาเบื่อกับการใช้ชีวิตที่ต้องเร่งรีบอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ลืมตายันหลับตา อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะสิ้นปีแล้วพักร้อนที่เขาสะสมไว้ตั้งแต่ต้นปีถ้าไม่เอามาใช้ช่วงนี้เขาก็คงต้องขายมันแลกเป็นเงิน และคงได้มันเป็นจำนวนไม่น้อย
แต่ไม่ล่ะ
หัวหน้าแผนกอย่างเขาอยากหยุดพักจิตใจมากกว่า
“เอาจริงเหรอวะไอ้เจน ฉันได้ยินคนทั้งออฟฟิศลือกันว่าแกลางานยาวสองอาทิตย์เพื่อไปเที่ยวคนเดียวเนี่ยนะ”
“เออ แปลกตรงไหน”
“แปลกสิ แฟนก็ไม่มีเพื่อนฝูงก็ไม่ชวนใครไป”
“ถ้าฉันชวนแล้วแกจะไปไหมล่ะไอ้กล้า”
“ไม่ว่างขนาดนั้นว่ะ”
“เห็นไหมล่ะ”
เขาส่ายหน้าพลางถอนหายใจอย่างปลงตก ทำมาเป็นพูดดีสุดท้ายแล้วก็ไม่ไปกับเขาหรอก เหตุผลง่ายๆ คือถ้าไม่ว่างก็อยากเก็บพักร้อนไว้ลาทีเดียวช่วงปีใหม่ เจนเลือกที่จะโบกมือลาเพื่อนร่วมบริษัทก่อนจะพาตัวเองลงลิฟต์ไปยังลานจอดรถใต้ดิน
มนุษย์เงินเดือนกว่าสิบชีวิตทยอยขับรถออกไปจากตึก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเย็นนี้ผมคงได้ใช้ชีวิตบนรถท่ามกลางถนนที่มีแต่ควันและรถยนต์หลากสีเป็นเวลาหลายชั่วโมงอีกตามเคย
นิ้วแกร่งกดปลดล็อกประตูก่อนจะสอดตัวเข้าไปนั่งในรถยนต์สีขาวยี่ห้อนิสสันแล้วเหยียบคันเร่งขับมันออกไป เพลงสากลเพลงแล้วเพลงเล่าที่ถูกเปิดเพื่อฆ่าเวลารอไฟแดงแยกสุดท้ายก่อนถึงคอนโด นัยน์ตาคมกวาดสายตามองสิ่งรอบตัวที่อยู่นอกตัวรถไม่ว่าจะเป็นรางรถไฟฟ้าด้านบนที่สูงจนบดบังไม่ให้แสงเล็ดลอดลงมาถึงถนน ร้านรวงต่างๆ ที่ตั้งอยู่บนฟุตบาทอย่างเห็นแก่ได้รวมไปถึงต้นไม้ที่ยืนต้นเขียวสดอย่างไม่มีใครใส่ใจ กระทั่งสัญญาณจราจรถูกเปลี่ยนเป็นสีเขียวเจนถึงได้ละกลับมามองถนนอีกครั้งก่อนจะหักเลี้ยวพวงมาลัยมุ่งตรงสู่คอนโด
ไม่นานนักเขาก็พาร่างอันเหนื่อยล้าจากการเดินทางและการทำงานตลอดทั้งวันมาถึงเตียงนอนจนได้โดยที่ไม่ตายไปเสียก่อน ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มก่อนจะขยับปลดเนคไทน์ออกจากคอ ทันทีที่ผิวกายสัมผัสแอร์เย็นๆ เปลือกตาก็หนักอึ้งขึ้นมาทันที เขาว่าวันนี้เขาใช้ร่างกายเกินขีดจำกัดแล้วล่ะ
พักสักหน่อยก็แล้วกัน
นาฬิกาดิจิตอลหัวเตียงส่งเสียงร้องบอกเจ้านายมันว่ายามนี้เป็นเวลาสามทุ่มเหมาะแก่การไปหาอะไรยัดลงท้องและตรวจเช็กกระเป๋าเป็นรอบสุดท้ายก่อนเดินทางได้แล้ว เปลือกตาสีอ่อนขยับเล็กน้อยก่อนจะเปิดขึ้นพร้อมเสียงถอนหายใจยาวๆ เจนพลิกตัวบิดขี้เกียจไล่ความปวดเมื่อยก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาที่ส่งเสียงร้องไม่หยุด
ร่างสูงยันตัวเองขึ้นนั่งแล้วมองออกไปนอกกระจกบานใส ทิวทัศน์ยามค่ำคืนต่างจากกลางวันอยู่มากโข ตึกสูงต่ำมากมายเปิดไฟนีออนแข่งกันจนดูสวยในสายตาเจน อดไม่ได้ที่จะคว้ากล้องตัวเก่งขึ้นมาถ่าย เขาจะตั้งชื่อรูปใบนี้ว่าลาก่อนมหานครกรุงเทพ
เมื่อหัวหน้าแผนกจัดซื้อคนเก่งได้รูปที่พอใจแล้วก็พาตัวเองออกมาจากห้องนอนก่อนตรงไปยังตู้เย็นในครัว เจนคงไม่คิดพาตัวเองออกไปเผชิญรถติดอีกรอบก่อนนอนหรอกดังนั้นอาหารง่ายๆ ก็แค่โยนข้าวกล่องแช่แข็งที่ซื้อตุนไว้เข้าไมโครเวฟ เสียงหึ่งๆ ของเครื่องใช้ไฟฟ้าดังไปทั่วห้องครัวก่อนที่เสียงเตือนว่าอาหารพร้อมทานแล้วดังขึ้นในอีกไม่กี่นาทีถัดมา
กลิ่นอาหารลอยฟุ้งไปทั่วห้องครัวจนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปเปิดสวิตส์เครื่องไล่อากาศ อาหารเวฟพวกนี้หอมไม่เท่ากับข้าวที่แม่เขาทำหรอก นี่ถ้าแม่รู้ว่าลูกชายคนเล็กอย่างเจนเอาแต่กินอาหารพวกนี้ทั้งที่บ้านเปิดร้านอาหารตามสั่งและพี่สาวก็เป็นเชฟภัตตาคารโรงแรมระดับห้าดาวมีหวังได้โดนคุณนายทั้งสองดุเอาแน่นอน
ใช้เวลาไม่นานกับข้าวมื้อเย็นแม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบสี่ทุ่มแล้วก็ตามที เจนจัดการล้างกล่องก่อนจะวางไว้บนที่วางเหนือซิงค์ล้างที่มีกล่องขาวๆ แบบนี้อยู่อีกเกือบสิบใบ เขาไม่ชอบกินพวกมันนักหรอกแต่บางครั้งชีวิตเราก็เลือกมากไม่ได้
ผ้าเช็ดน้ำสีเทาถูกซับรอบขอบซิงค์ที่มีน้ำกระเด็นขึ้นมาจนมันแห้งสนิท มือหนาคลี่มันออกก่อนจะพึ่งไว้บนราวเล็กๆ ข้างที่วางจาน เจนเช็กความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะปิดไฟแล้วพาตัวเองไปอาบน้ำหลังจากเผชิญฝุ่นมากมายมาทั้งวันเสียที
ใบหน้าคมปรากฏความอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด เจนยืนสังเกตใบหน้าตัวเองอยู่หน้ากระจก ริมฝีปากหยักลึกยกยิ้มให้กำลังใจตัวเองผ่านเงาสะท้อนทว่าแววตาในนั้นกลับไม่สดใสตามรอยยิ้มทำให้เขาต้องหุบริมฝีปากลงอย่างช่วยไม่ได้ ขนาดร่างกายยังฟ้องว่าไม่มีความสุขขนาดนี้แล้วเขาจะฝืนตัวเองทำงานต่อเพื่อเงินเดือนไปทำไม
ที่เจนไม่อยากไปเที่ยวช่วงวันหยุดยาวอย่างปีใหม่ก็เพราะว่าคนคงเยอะไม่ต่างกันแค่เปลี่ยนสถานที่คนพลุกพล่านอย่างเมืองใหญ่ไปเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ แล้วเขาจะไปเที่ยวเพื่ออะไรแบบนั้นไม่สู้อยู่กรุงเทพที่คนน้อยลงจนการจราจรไร้ปัญหาไม่ดีกว่าเหรอ
ไปเที่ยวสำหรับเจนคือการพักผ่อนจริงๆ ไปนอนริมทะเลตื่นแต่เช้ารับอากาศบริสุทธิ์ ไปนั่งร้านกาแฟข้างทางมองผู้คนใช้ชีวิตประจำวันอย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่รีบร้อนพาตัวเองไปไหน นั่นแหละคือนิยามคำว่าพักผ่อนของเขา ไม่ใช่พาตัวเองไปเหนื่อยเพิ่มหรือไปแย่งกันกินแย่งกันใช้กับผู้คนมากมาย
เจนพาตัวเองพานั่งกลางห้องก่อนจะเปิดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่มีเสื้อผ้ารวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้อัดแน่นอยู่เพื่อเช็กความพร้อมออีกครั้ง ร่างหนาเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าหนังใส่เอกสารมาเปิดดู ตั๋วเครื่องบิน พาสปอร์ต แพลนการเดินทางเพื่อยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง บัตรเครดิตสำรองและเงินสดของประเทศที่เขากำลังจะเดินทางไปอีกจำนวนหนึ่ง
โอเค ทุกอย่างพร้อมรวมไปถึงกล้องDSLRตัวเก่งที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าอีกใบ
หวังว่าการที่เจนทิ้งงานแล้วออกเดินทางสิบสี่วันในครั้งนี้จะไม่เสียเปล่า
เจอกันพรุ่งนี้..สวิตเซอร์แลนด์
ท่าอากาศยานเจนีวา ,สวิตเซอร์แลนด์
“ครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับลูกชายแม่เก่งอยู่แล้ว ถ้าถึงที่พักแล้วผมจะโทรหาทันทีเลยแค่นี้นะครับ รักแม่นะครับ” ร่างสูงโปร่งเก็บมือถือใส่กระเป๋าก่อนจะหันมองซ้ายมองขวา ชายหนุ่มเลือกที่จะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ในสนามบินที่มีผู้คนหลายสัญชาตินั่งกระจายอยู่ เขาไม่เห็นคนไทยเลยจริงๆ ดูท่าแล้วการเลือกที่จะลาออกจากงานแล้วมาเที่ยวครั้งนี้น่าจะเป็นการใช้ชีวิตที่แท้ทริง
นทีหรือที ชายหนุ่มที่มีหน้าที่การงานก้าวหน้ากว่าคนวัยเดียวกันแต่กลับเลือกที่จะลาออก มือบางหยิบกล้องไลก้าขึ้นมาก่อนจะกดถ่ายภาพสนามบินยามเช้าที่ผู้คนค่อนข้างบางตาก่อนจะกดปิดแล้วเก็บมันเข้าที่ ทีขอเวลาตั้งหลักสักครู่หลังจากที่เขาหลับยาวบนเครื่องบินตั้งแต่เมืองไทยยาวมาจนถึงสวิตเซอร์แลนด์นั่นค่อนข้างทำให้สมองเขาประมวลผลช้านิดหน่อย
สงสัยอยู่เหมือนกันว่าหลับหรือซ้อมตาย
ทีมีแผนการเดินทางในหัวที่สามารถเที่ยวได้เป็นเดือนโดยไม่ต้องกลับบ้านแต่เขาเพิ่งตื่นไงสมองเลยแล่นช้าพาให้นึกไม่ออกว่าจะทำอะไรต่อ ใบหน้าเรียบนิ่งใต้แมสก์ปิดปากกับผมสีบลอนด์น้ำตาลยุ่งเหยิงไม่ต่างจากใครอีกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ถัดไปสองสามตัว
เจนเปิดกระเป๋าเอกสารหยิบแผนการเดินทางออกมาด้วยสีหน้าง่วงงุ่น กล้องดิจิตอลตัวเก่งที่แขวนอยู่บนคอค่อนข้างหนักพอควรทำให้เจนเลือกปลดมันออกจากคอทว่าสายตาเขากลับสะดุด เผลอมองชายหนุ่มร่างบางที่นั่งอยู่ทางด้านขวาเขา มือหน้ายกกล้องขึ้นก่อนจะกดถ่ายชายคนนั้นที่กำลังนั่งก้มหน้าเช็กกล้องฟิล์มในมือ
เป็นผู้ชายที่ดูติสจังเลยนะ
ยุคนี้มีใครบ้างที่สนใจเล่นกล้องฟิล์มราคาแพงอย่างไลก้า อีกอย่างรุ่นที่อยู่ในมือชายคนนั้นก็ค่อนข้างหายากและเก่าพอควรทว่าสภาพกล้องมันกลับดูดีจนเขาอดทึ่งไม่ได้ถึงได้เผลอกดลั่นชัตเตอร์อย่างเสียมารยาทนั่นไง
เจ้าของไลก้าหันมาทางผมอย่างงงงวยทันทีที่สิ้นเสียงชัตเตอร์ เจนเผลอสบดวงตากลมโตหลังเลนส์กล้องก่อนจะค่อยๆ ลดมันลงเมื่อรู้ตัวว่าตนกำลังทำตัวเสียมารยาท
“I’ m sorry. อ่า..ต้องพูดว่าอะไรนะ” ดวงตากลมโตสีน้ำตาลสวยที่เจนเผลอมองเมื่อครู่ทำเอาสมองเขาหยุดประมวลผลกะทันหันถึงขนาดที่ว่านึกคำอังกฤษง่ายๆ ไม่ออก
“ฮะๆ คนไทยด้วยแฮะ” เจนขมวดคิ้ว เขาคิดว่าตัวเองหูฟาดทว่ารอบตัวเขามีเพียงเจ้าของกล้องไลก้าที่นั่งอยู่ ถ้าประโยคภาษาบ้านเกิดนั่นไม่ใช่เขาคนนั้นแล้วจะเป็นใครไปได้ เช้าแบบนี้คงไม่ใช่ผีหรอกมั้ง
“คนไทย..เหรอครับ” เจนถามด้วยความกล้าๆ กลัวๆ เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนไม่ใช่คนจากประเทศบ้านเกิดเขาเลยแม้แต่น้อย
“ครับผม” อีกฝ่ายดึงแมสก์ปิดปากลงก่อนจะส่งยิ้มให้เขา
อ่า..ทำไมรู้สึกเหมือนตาพร่าแบบนี้นะ
“ขอโทษที่ถ่ายรูปคุณนะครับ คุณจะให้ผมลบมั้ย” เจนไม่อยากลบ ไม่เลยจริงๆ เขาตั้งใจไว้แล้วว่ารูปถ่ายในการมาเที่ยวครั้งนี้เขาจะไม่ลบสักภาพเดียวแม้มันจะออกมาไม่ถูกใจก็ตามแต่ถ้าเจ้าของอยากให้ลบคงขัดใจไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจคนชอบถ่ายรูปเพราะผมก็เป็น” เจนก้มศีรษะเชิงขอบคุณก่อนจะเงียบกันไป เขาหันกลับมานั่งท่าเดิมทั้งที่ภายในอกยังคงสั่นไหวจนเผลอยกมือขึ้นกุมอก แม้จะไม่มากแต่ก็รับรู้ได้ว่ามันไม่ได้เต้นในจังหวะปกติ
แชะ
“หืม” เป็นอีกครั้งที่เจนต้องหันกลับไปมองคนด้านข้าง กล้องไลก้าสีดำที่ยกค้างอยู่พร้อมกับเจ้าของที่ค่อยๆ โผล่หน้าขึ้นมา
“เสมอกันนะครับ” เขายิ้ม ช่างเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้คนยิ้มตามจริงๆ เจนขำเล็กน้อยกับการกระทำของเจ้าของกล้องฟิล์มรุ่นเก๋า
“มาเที่ยวคนเดียวเหรอครับ” เจนเริ่มบทสนทนาอย่างเรียบง่าย
“ครับ คุณล่ะ” คนที่เพิ่งถ่ายรูปเขาเป็นการเอาคืนถามกลับ
“เช่นกันครับ มาคนเดียวเหมือนกัน”
“นึกว่าจะมีแค่ผมที่ติสแตกอยากเที่ยวคนเดียวเสียอีก”
“ผมอยากลองใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีคนรู้จักบ้างน่ะแต่พอมาถึงแล้วมันก็..เคว้งดี”
“รู้สึกเหมือนผมเลยแฮะ เอางี้ดีมั้ยคุณไหนๆ เราก็มาเจอกันแถมเที่ยวคนเดียวคงไม่น่าเวิร์ค เรา..มาลองเที่ยวด้วยกันมั้ยครับ” เจนยิ้มรับคำพูดเจ้าของกล้องไลก้าก่อนจะพยักหน้า
“ผมชื่อชัดเจนครับเรียกเจนก็ได้” เขายื่นมือออกมาก่อนที่คนตรงข้ามเขาก็จะเอื้อมออกมาจับมือเขาเช่นกัน
“ที นทีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณคนแปลกหน้า”
ความคิดเห็น