คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : That's what I like│1 │๑๐๐%
“เถอะน่าเวลลิน ถ้าครั้งนี้ไม่ถูกใจแกจริงๆ
ฉันจะเลิกพาแกมาที่นี่เลย”
“ครั้งสุดท้ายแล้วนะพิงค์กี้”
“สัญญา!”
เวลลินกรอกตาไปมาอย่างอดไม่ได้
ก็แม่พีอาร์บาร์โฮสคนสวยเพื่อนสนิทเขาขยันชวนมาที่ทำงานของเธอ
ทำเป็นอ้างโน่นอ้างนี่จริงๆ ก็แค่อยากให้เขามาหิ้วกลับเวลาเมาจัดขับรถไม่ไหวนั่นแหละ
อันที่จริงแค่เธอโทรหาเขากริ๊งเดียวก็มารับได้แล้วแต่นี่อะไร
พาเขามาบาร์โอสไม่พอยังจะจับเด็กนั่งดริงค์มายัดเยียดให้เขาอีกต่างหาก
“พิงค์กี้ฉันอยากกลับไปนอน” พีอาร์คนสวยตวัดตามองค้อน
ดวงตากลมโตถูกกรีดทับด้วยอายไลน์เนอร์จนดูสวยเฉี่ยวผิดกับช่วงเวลาปกติยิ่งขับให้เธอดูน่าค้นหามากกว่าเก่า
“แกเพิ่งอายุยี่สิบเจ็ดนะเวลอย่าทำตัวเหมือนตาลุงอายุสี่สิบหน่อยเลยน่า”
“ห้าทุ่มฉันมีคิวงาน
ฉันเอาเวลาไปนอนยังดีกว่ามานั่งแกร่วที่นี่”
“จ้า
พ่อดีเจคิวทองไว้แกเจอเด็กใหม่ฉันก่อนเถอะเกิดติดใจขึ้นมาไม่ไปทำงานฉันจะขำให้ฟันร่วง”
“ไม่มีวันนั้นแน่พิงค์”
เวลลินเอ่ยด้วยความมั่นใจ
พีอาร์สาวคนสวยยักไหล่แทนคำตอบ
เดี๋ยวก็รู้พ่อดีเจเวลลินว่านายจะได้ไปทำงานก่อนแพ้โฮสคนใหม่ของบาร์หรือเปล่า
ท่ามกลางแสงสีที่สาดส่องไปทั่วบาร์แห่งนี้ร่างสูงโปร่งดูโดดเด่นท่ามกลางบรรดาสาวน้อยใหญ่ที่มาหาความสุขกันที่นี่
ก็ไม่ได้มีแค่ผู้หญิงหรอกที่มาใช้บริการ
ผู้ชายแบบเขาเองก็มีเพียงแต่คงหลบมุมไปที่ไหนสักแห่ง
เวลลินเดินตามหญิงสาวคนสวยไปด้วยความเบื่อหน่าย
ถ้าถามว่าผับที่มีคนเยอะๆ กับบาร์โฮสเวลลินชอบแบบไหนมากกว่ากัน
เขาคงตอบไปแบบไม่ต้องคิดว่าต้องเป็นผับ ให้เขาเจอกับผู้คนหลากหลายแบบดีกว่าต้องมานั่งให้คนเอาอกเอาใจอีกอย่าง
เวลลินไม่ได้เหงาขนาดนั้นสักหน่อย
“แกนั่งนี่แหละเวล
รับรองว่าเด็กคนนี้ต้องถูกใจแกแน่ ถ้าไม่นะฉันให้แกเอาเท้าถีบหน้าเลย” พิงค์กี้เอ่ยกับเขาด้วยความมั่นใจเต็มร้อย
“ไม่อ่ะ เสียดายรองเท้า” จากที่กำลังยิ้มอยู่ริมฝีปากของหญิงสาวก็หุบลงทันที
“ไอ้บ้าเวลนี่!” เจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงยังคงแหย่พีอาร์สาวสวยไม่เลิก
บนโซฟากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่เวลลินนั่งอยู่ต่างเป็นที่สะดุดตาของบรรดาลูกค้าสาวๆ
เป็นอย่างมากจนพิงค์กี้ถึงกับรีบมองหาเด็กใหม่คนนั้นทันที
เดี๋ยวเกิดมีคนเข้าใจผิดว่าไอ้บ้าเวลลินเป็นโฮสล่ะก็เธอตายแน่
ไอ้หมอนี่มันเลิกเป็นเพื่อนเธอแน่นอน
“แกจะมานั่งเฉยๆ ไม่ได้นะเวล
เปิดเหล้าสักขวดสิดื่มไปทำงานก็ไม่มีใครว่าแกหรอกนะ”
“เออๆ ”
“ชานรับออเดอร์โต๊ะนี้ด้วย
ส่วนแกอย่าลุกไปไหนเดี๋ยวฉันมา”
“จ้าแม่”
ท่อนขาเรียวยกขึ้นไขว้ก่อนจะพาดแขนลงบนพนักโซฟา
ดวงหน้าหวานในแบบของผู้ชายดูดึงดูดดีไม่หยอกยิ่งรวมเข้ากับเรือนผมสีแดงเพลิงตามแบบฉบับคนยุโรปและดวงตาสีเทาอมฟ้าด้วยแล้วยิ่งทำให้เวลลินดูน่าค้นหามากขึ้นไปอีก
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคุณดีเจวีถึงดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าดีเจคนอื่น
“ขอโทษนะครับ
ใช่คุณเวลลินหรือเปล่าครับ” เวลลินย่นคิ้วก่อนจะละจากหน้าจอมือถือ
น้ำเสียงทุ้มทว่าหวานฟังรื่นหูเรียกความสนใจจากคุณดีเจได้เป็นอย่างดี
ดวงตาสีเทาอมฟ้าสะท้อนภาพของหนุ่มน้อย..
ใช่
หนุ่มน้อยหน้าตาดีที่ดูแล้วยังไงอายุก็ไม่น่าเกินยี่สิบปี ร่างสูงโปร่งสวมเสื้อสีขาวคอวีแขนยาวผูกผ้าสีขาวบนลำคอยิ่งขับลุคให้ดูน่ารัก
น่าทะนุถนอมเหมือนเด็กไฮสคูลไม่มีผิด
อ่า..ถ้าบอกว่าอยากได้จะติดคุกมั้ยนะ
“ใช่ครับ” หนุ่มน้อยตุ๊กตายืนประสานมือดูเกร็งพิลึกจนเวลลินอดนึกถึงตัวเองเมื่อสมัยก่อนไม่ได้
“เจคไปนั่งข้างพี่เขาสิ”
“อ่า ครับ”
หนุ่มน้อยตุ๊กตานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเขาแต่เว้นระยะห่างจนเขาเชื่อแล้วจริงๆ
ว่าโฮสเด็กคนนี้เพิ่งมาทำงาน
ปกติเวลลินจะเจอแต่พวกโฮสที่เป็นงานแถมบางรายยังมือไวใจเร็วอีกต่างหากผิดกับเด็กคนนี้ที่ดูใสซื่อจนภายในอกปั่นป่วนไปหมด
“ฉันบอกแล้วว่าแกต้องชอบเวลลิน” พิงค์กี้กระซิบข้างหู
แต่เวลลินเกลียดน้ำเสียงรู้ทันของยัยนี่จริงๆ
ไม่คิดไม่ฝันว่าสุดท้ายแล้วยัยพิงค์กี้จะรู้จุดอ่อนของตัวเองจนได้
อุสส่าห์ปิดมาได้ตั้งหลายปี
“เกลียดแกว่ะพิงค์” ปากก็ว่าไปอย่างนั้นทั้งที่ในใจรู้สึกขอบคุณยัยพีอาร์คนสวยที่ส่งตุ๊กตาตัวน้อยมาให้ถึงปากเสือ
“ขอบคุณฉันให้มากๆ ล่ะเวล” พิงค์กี้ยิ้มร้ายก่อนจะโค้งตัวให้เขาตามหน้าที่ปล่อยให้ตุ๊กตากระเบื้องอยู่กับเขาตามลำพัง
บาร์โฮสที่นี่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวมาก
มากเสียจนมือโฮสตัวน้อยสั่นจนจับสังเกตได้
“ชื่ออะไรล่ะเรา
แล้วเรียนจบไฮสคูลหรือยังเนี่ย” ถึงเวลลินจะรวยแต่ก็ไม่อยากเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางให้เสียประวัติหรอกนะ
“เจคครับ ผะ..ผมเรียนมหาวิทยาลัยแล้วครับ” เจคเงยหน้าขึ้นทำใจกล้าสบตาคุณลูกค้าคนแรกในชีวิต
ดวงตาสีเทาอมฟ้าแวววาวเสียจนต้องหลุบตามองฝ่ามือตัวเองที่กำลังกำชายเสื้อด้วยความประหม่า
“นี่เจคไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นฉันไม่ได้จะทำมิดีมิร้ายนายสักหน่อย”
“ครับ”
“เงยหน้าขึ้นได้แล้ว
หน้าฉันดูเหมือนตาแก่โรคจิตหรือยังไงหืม”
“เปล่าครับ! เปล่านะครับผมไม่ได้คิดแบบนั้น”
เจคเงยหน้าขึ้นปฏิเสธแทบจะทันที
คุณเวลลินไม่ได้ดูแก่หรือโรคจิตสักหน่อยออกจะดูดีจะตาย รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าหวานทำเอาโฮสมือใหม่เผลอมองอย่างหลงใหล
เรือนผมสีแดงเพลิงธรรมชาติตัดกับผิวขาวจัดอีกทั้งดวงตากลมโตสีเทาอมฟ้าถึงจะดูขัดกันแต่พอมันอยู่บนตัวของคุณเวลลินกลับเข้ากันอย่างประหลาด
เพอร์เฟค
คุณเวลลินดูเพอร์เฟคไปหมด
“พอเงยหน้าก็เอาแต่จ้องฉัน นายนี่ยังไงกันนะเจค” น้ำเสียงติดตลกของคุณเวลลินเล่นเอาโฮสมือใหม่อายจนแก้มขาวขึ้นสีแดงปลั่ง
ก็คุณเวลลินดูดีอย่างกับไม่ใช่มนุษย์ใครไม่เผลอจ้องก็แปลกแล้ว
ตอนทำหน้านิ่งก็ว่าดูดีแล้วแต่พอยิ้มเท่านั้นแหละเจคเชื่อแล้วว่าโลกนี้มีนางฟ้าอยู่จริง
ถ้าเขากะพริบตาคุณเวลลินจะหายไปไหมนะ
“เจค ดูแลคุณเวลลินดีๆ นะ” เจ้าของชื่อสะดุ้งก่อนจะพยักหน้ารับคำ
ถาดเครื่องดื่มรวมไปถึงมิกซ์เซอร์ถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้า
บริกรหนุ่มโค้งตัวให้แขกวีไอพีก่อนจะถอยหลังออกไป
“อ่า..คุณเวลลินครับผมขอชงเหล้าให้นะครับ”
“เอาสิ”
“คุณเวลลินชอบดื่มแบบไหนครับ
ผมหมายถึงเข้มหรืออ่อน”
“ฉันขอไม่ต้องเข้มมากก็แล้วกันเดี๋ยวไปทำงานไม่ไหว”
“ได้ครับ”
เวลลินมองตามทุกการกระทำของโฮสตัวโตแต่น่ารักไม่ต่างจากตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ
เด็กคนนี้มีเสน่ห์ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ดูน่ามองไปเสียหมดถ้าจับแต่งตัวเสียใหม่คงเป็นหนุ่มฮอตได้ไม่ยาก
“อายุเท่าไหร่ล่ะเรา” รอบแก้วที่บรรจุน้ำสีอำพันมาถือแล้วเอ่ยถามพลางยกแก้วขึ้นจิบ
ดวงตาสีเทาอมฟ้าลอบมองปฏิกิริยาผ่านแก้วเหล้าก่อนจะหลุบลงทันทีที่เจ้าตัวเสสายตามองเขา
“ยี่สิบครับ”
“เรียนปีสองสินะ”
“ใช่ครับ
แล้วคุณเวลลินล่ะอายุเท่าไหร่ครับ อ่า..ถามได้ไหมนะ”
“ได้สิ
ฉันน่ะยี่สิบเจ็ดแล้วล่ะแก่เนอะว่ามั้ย”
“ไม่เลยครับ คุณเวลลินน่ะดูดีมากๆ
เลยนะครับถ้าไม่ถามอายุผมคงคิดว่าคุณเวลลินโตกว่าผมไม่กี่ปี”
“ปากหวานนะเรา”
เวลลินหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี
สาบานว่าเขาไม่ได้ดีใจเพราะคำเยินยอแต่เขารู้สึกชอบที่เด็กคนนี้คิดอะไรก็แสดงออกมาตรงๆ
ไม่ว่าจะทางสีหน้า ท่าทาง แววตาหรือคำพูดผ่านบทสนทนาเมื่อครู่
ดวงตาสีสวยเหลือบมองบรรยากาศภายในร้านก่อนจะกวักมือเรียกให้คุณโฮสมือใหม่เข้ามานั่งใกล้ๆ
เวลลินไม่ได้คิดจะลวนลามเด็กเสียหน่อยก็แค่อยากถามอะไรบางอย่างเท่านั้น
“มีอะไรเหรอครับ” เวลลินสะกดตุ๊กตากระเบื้องตัวโตไว้เพียงแค่สบตาก่อนจะเอ่ยถามบางสิ่งที่ทำให้คุณโฮสเด็กตกใจ
“ฉันซื้อชั่วโมงนายทั้งคืนนี้เลยได้มั้ย” นัยน์ตาสีเทาอมฟ้าจางไม่ได้ปรากฏความใคร่ในตัวเขาเช่นคนอื่นๆ
จะมีเพียงก็แต่แววตาจริงจังในคำพูดจนเจคหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก
“คุณเวลลินจะซื้อชั่วโมงผมไป..” เจคเว้นวรรค
เขาไม่ใจกล้าพอพูดมันออกมา
หากต้องไปทำเรื่องอย่างว่ากับคุณเวลลินจริงเขาคงต้องขอปฏิเสธแต่ดูท่าแล้วคงยากเพราะที่บาร์แห่งนี้แค่เงินหนาจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
“โทษที ฉันพูดไม่เคลียสินะ
เจคฉันไม่ได้จะซื้อชั่วโมงนายไปทำอะไรไม่ดีแบบที่นายคิดอยู่แน่แต่คืนนี้ฉันต้องไปทำงานไม่รู้จะเมาหนักแค่ไหนฉันเลยอยากได้คนขับรถอีกอย่างนายจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลลุ้นว่าจะมีเสือสาวหรือเสือหนุ่มให้มาหิ้วไป
ไม่ดีหรอ”
“อ่า..ก็ได้ครับคุณเวลลิน
แค่ขับรถใช่ไหมครับ”
“อ่าฮะ นายขับรถยนต์เป็นใช่มั้ย”
“พอขับได้ครับ”
“ดี
งั้นก็ไปกันทำเรื่องกันเลยฉันไม่อยากเข้างานช้า”
“ครับคุณเวลลิน”
เจครับคำอย่างว่าง่าย
นัยน์ตาสีเข้มจดจ้องแผ่นหลังไม่กว้างแต่ก็ไม่แคบ
คุณเวลลินดูดียิ่งใส่สูทสีแดงเข้มแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งทำให้คุณเวลลินดูภูมิฐานคล้ายผู้บริหารอะไรเทือกๆ
นั้นมากกว่าคนทำงานกลางคืน
เจคจับจ้องทุกการกระทำของคนตรงหน้าด้วยความสนใจ
ผู้จัดการบาร์ดูจะนอบน้อมต่อคุณเวลลินมากกว่าคนอื่น
รอยยิ้มราบเรียบของคุณเวลลินที่สะท้อนผ่านกระจกด้านหลังผู้จัดการทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาด
คุณลูกค้าที่ซื้อชั่วโมงงานของเขาในคืนนี้กำลังยิ้มก็จริงแต่นัยน์ตาสีสวยกลับไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยต่างจากตอนที่พูดคุยกับเขาอย่างลิบลับ
แปลกดี
“ไปกันเถอะ” คุณเวลลินหันเสี้ยวหน้ามาทางเขาก่อนจะเดินนำออกไป
เจคโค้งตัวให้ผู้จัดการอย่างมีมารยาทก่อนจะเดินตามไปอย่างว่าง่าย
เจคนั่งเกร็งตัวจัดบนรถมัสแตงคันหรูราคาหลักล้าน ชีวิตนี้ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่คิดไม่ในว่าตัวเองจะได้มีโอกาสได้นั่งรถคันงามแบบนี้ ลำพังแค่หาเงินพอค่าหน่วยกิต ค่ากินค่าอยู่ให้พ้นไปแต่ละเดือนนี่ก็แทบหืดขึ้นคอแล้ว แค่รถญี่ปุ่นธรรมดาเจคจะมีปัญญาแตะหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ที่เขาบอกคุณเวลลินว่าขับได้นี่ก็เพราะประสบการณ์จากอาชีพเสริมล้วนๆ
“เกร็งอะไรขนาดนั้นเจค นายกำลังทำให้ฉันคิดว่านายกลัวฉันนะ” เจคสะดุ้งก่อนจะเอ่ยปฏิเสธเป็นพัลวัลจนคุณเวลลินขำนั่นแหละเขาถึงหุบปากฉับ เขานี่มันเด๋อจริงๆ แทนที่จะทำให้คุณเวลลินประทับใจแบบที่พนักงานคนอื่นสอนกลับทำให้คุณเวลลินขำซะได้
“ผะ..ผมไม่ได้กลัวนะครับ แค่ไม่ชิน” เจคขมุบขมิบปากบอกเจ้าของรถด้วยน้ำเสียงเบา
“ไม่ชินอะไรกันนี่มันก็รถปกติ มีสี่ล้อขับบนถนนไม่ใช่ว่ามันจะเหาะได้สักหน่อย” เวลลินกล่าวติดตลกกับท่าทางแตกตื่นเหมือนลูกหนูลูกกระต่ายของเจคตั้งแต่เห็นรถเขา
“แต่นี่มัสแตงเลยนะครับ!” เจคเอ่ยเสียงดังแต่เหมือนเจ้าตัวเพิ่งนึกได้ถึงได้กล่าวขอโทษการกระทำตัวเองก่อนจะนั่งก้มหน้าเล่นมือตัวเองด้วยความประดักประเดิด
“แล้วนายจะขับได้ไหมเนี้ย ไม่ใช่ว่าพอขับจริงแล้วพาฉันพุ่งลงข้างทางนะ”
“โธ่ คุณเวลลินครับผมแค่ดีใจที่ได้นั่งรถราคาเหยียบหลักล้านเท่านั้นเอง ต่อให้ทำงานทั้งชีวิตผมคงไม่มีปัญญาได้แตะรถแบบนี้หรอกครับคงได้แต่ฝันเอา”
“ทำไมล่ะ อ่า..ถ้าไม่สะดวกใจตอบก็ไม่เป็นไรนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมน่ะลำพังแค่มีเงินจ่ายค่าเทอม ค่ากิน ค่าห้องไม่ให้เขาเตะโด่งออกจากอพาร์ตเมนต์ก็บุญแล้วครับ” เจคพูดติดตลกทั้งที่มันค่อนข้างจะเป็นตลกร้ายสำหรับเขา
“นายอยู่คนเดียวงั้นเหรอ”
“ครับ พ่อแม่ผมเสียไปนานแล้วตอนแรกผมก็อยู่กับป้าแต่.. ช่างมันเถอะครับ”
เวลลินมองเด็กหนุ่มข้างกายด้วยความหลากหลาย นัยน์ตาสีสวยจ้องมองท้องถนนโล่งทั้งที่ในหัวกำลังขบคิดอะไรหลายอย่าง น้ำเสียงของเจคยามพูดถึงชีวิตตัวเองถึงแม้ว่าจะเอ่ยออกมาตัวความตลกแต่ความเศร้าในน้ำเสียงนั่นไม่สามารถปิดเขาได้ ก็บอกแล้วว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองไม่อย่างนั้นคงไม่หลุดพูดเรื่องชีวิตตัวเองทั้งที่รู้จักกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงหรอก
“เจค เดี๋ยวฉันจะแวะไปที่บ้านก่อนนะ” เวลลลินเอ่ยบอกเด็กหนุ่มที่กำลังสนใจท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่
“ครับ” เจคตอบทั้งที่ยังเอนศีรษะพิงกระจกรถแหงนมองท้องฟ้าที่ถูกย้อมจนกลายเป็นสีดำสนิททั่วทั้งแผ่นฟ้า
“บ้านฉันอยู่ไกลนายนอนก่อนได้เลย”
“แล้วงานคุณ..”
“งานฉันเริ่มห้าทุ่มน่ะ นี่เพิ่งสองทุ่มกว่าเองนายไม่ต้องเป็นห่วง”
“ผมนั่งเป็นเพื่อนคุณเวลลินดีกว่าครับ”
เวลลินยักไหล่ก่อนจะเอื้อมมือไปกดเปิดเพลงที่คอนโซนหน้ารถ ความเงียบปกคลุมอยู่พักใหญ่ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยดนตรีจังหวะสนุกสนานตามความชอบของเจ้าตัว เวลลินได้ยินเสียงฮัมเพลงจากคนข้างกายก่อนจะระบายยิ้มออกมาเพราะว่าเพลงนี้ช่างตรงกับใจเขาเหลือเกิน
Jump in the Cadillac
Girl, let’ s put some miles on it
Anything you want
Just to put a smile on you
You deserve it baby, you deserve it all
And I’ m gonna give it to you
กระโดดขึ้นมานั่งบนคาดิลแลคคันนี้เลย
มานั่งรถเล่นด้วยกันสักสองสามไมล์ดีกว่า
เธออยากได้อะไรก็บอกเลยนะ
ขอแค่ยิ้มหวานๆ ให้พี่ก็พอ
เธอสมควรได้มันแล้วล่ะ สมควรได้ทุกอย่างเลย
และพี่จะให้ทุกอย่างแก่เธอเอง
เวลลินชักอยากจะได้เด็กคนนี้ขึ้นมาจริงๆ แล้ว แต่เขาจะไม่ทำให้กระต่ายตื่นหรอกนะก็แค่ค่อยๆ รุกก็พอแต่หลังจากคืนนี้ไปเขาคงต้องบอกพิงค์กี้ว่าห้ามใครยุ่งกับเด็กคนนี้นอกจากเขาเสียแล้ว เวลลินยินดีจ่ายเงินเต็มจำนวนแบบวันนี้ทุกคืนเพื่อที่จะได้ไม่ให้เด็กคนนี้ไปเกลือกกลั้วกับอะไรที่ไม่ควร ผ้าขาวอย่างเจคควรเป็นผ้าขาวต่อไปไม่ใช่มาเปื้อนสีดำในสถานเริงรมย์แบบนี้
ดวงตาใสซื่อของเด็กหนุ่มทำให้เขานึกถึงตัวเองในอดีต เด็กที่ไม่ได้เจนโลกแต่ก็ไม่ได้ใสซื่อจนดูโง่ในโลกที่มันโหดร้ายแบบนี้ เวลลินอยากรักษาเจคไว้ไม่ให้แตกสลายอย่างที่เขาเคยเป็น
“ถึงบ้านแล้วเจค จะลงมั้ย” เจคพยักหน้าก่อนจะผลักประตูรถออกไป ระยะเวลาจากในตัวเมืองออกมาถึงนี่เจคคิดว่าบ้านหลังนี้คงอยู่ในชานเมืองที่ไหนสักที่ในแมนฮัสตัน บ้านขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่สไตล์ลอฟต์เปิดไฟสว่างไสวจนดูโดดเด่นท่ามกลางแมกไม้
เจคเดินตามคุณเวลลินพลางสำรวจรอบตัวด้วยความสนใจ ถึงบ้านจะหลังไม่ใหญ่มากแต่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ราคาคงไม่ใช่น้อยๆ แน่ คราแรกเจคคิดว่าคุณเวลลินคงอยู่คฤหาสน์หลังโตเหมือนในละครเสียอีก
“ดูทำหน้าเข้า ให้ฉันเดานะนายคงคิดว่าบ้านฉันต้องหลัวใหญ่เวอร์ๆ มีเมดสักสิบยี่สิบคนออกมาต้อนรับ ไม่ล่ะใหญ่ขนาดนั้นฉันขี้เกียจเดิน” เจคชักจะเริ่มเกลียดเสียงหัวเราะของคุณเวลลินแล้ว คนอะไรจะรู้ทันไปหมดเสียทุกอย่างแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคิดแบบนั้นจริง
“ผมนั่งรอตรงนั้นนะครับ” เจคชี้ไปที่เคาท์เตอร์บาร์ที่ติดอยู่กับกระจกใสบานใหญ่ เขาอยากมองธรรมชาติใกล้ๆ แต่ถ้าหากเขาขอออกไปนั่งเล่นในสวนหย่อมนั่งคงดูเสียมารยาทเกินไปหน่อย ช่างเถอะ แค่ได้กูอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ก็ดีมากแล้ว
“เอาสิ งั่นเดี๋ยวฉันมาถ้าหิวก็หยิบของในตู้เย็นกินได้เลยนะ”
“ครับ”
ว่าจบคุณเวลลินก็หายขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน โคมไฟแบบหลอดไส้อยู่ในเหล็กดัดรูปทรงหลายเหลี่ยมแขวนอยู่ด้านบนขนาดต่างกัน บ้านคุณเวลลินน่าอยู่มากแล้วก็คงแพงมากแน่ๆ เฟอร์นิเจอร์แต่ละอย่างดูมีราคาถึงไม่ใช่อะไรที่ประดับด้วยทองหรือคริสตัลก็เถอะ
เจคเท้าคางทอดสายตามองบรรยากาศนอกตัวบ้าน รถยี่ห้อดังหลายคันจอดนิ่งอยู่ในโรงจอดรถที่ถูกเปิดทิ้งไว้อย่างไม่เกรงกลัวโจร นี่ถ้าเขาคิดจะขโมยของในบ้านคุณเวลลินจริงก็คงหยิบไปได้สบายๆ เลย คุณเวลลินก็ใช่ว่าจะเป็นคนสะเพร่าแต่ทำไมถึงกล้าทิ้งเขาไว้ในบ้านกับของราคาแพงพวกนี้กันนะ
นั่งเอื่อยเฉื่อนได้ไม่นานเสียงคุณเวลลินที่กำลังคุยกับใครสักคนดังเรียกความสนใจเขา เจคหันมองคุณเวลลินที่ตอนนี้ไม่ได้สวมชุดสูทสีแดงเข้มตัวนั้นแต่กลับเป็นเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนสีซีดขาดเข่าแทน บนศีรษะสวมหมวกแบบสมัยนิยมปกปิดเรือนผมสีแดงส้มสวย
คุณเวลลินกวักมือเรียกให้เขาเดินตามออกไปโดยที่ยังคงโต้ตอบกับปลายสายไม่ขาด เจคลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปหาคุณเวลลินที่กำลังสวมรองเท้าผ้าใบกุชชี่อย่างทุลักทุเล มือบางยื่นกุญแจบ้านใหเขาก่อนจะพยักพเยิดให้เจคจัดการล็อกประตูบ้าน เจครับกุญแจมาอย่างว่าง่ายก่อนจะไขล็อกปิดบานประตูแล้วส่งคืนให้เจ้าของ
“เออ รู้แล้วน่าอย่าบ่นนักได้มั้ยโจ ห้ามลืมไปรับพิงค์กี้เด็ดขาดเลยนะ”
“...”
“แค่นี้นะโจอี้ ฉันจะไปทำงานแล้ว”
เวลลินกดตัดสายโดยไม่รอฟังคำบ่นของคนที่โทรมา พิงค์กี้ว่าขี้บ่นแล้วเจอโจอี้เข้าไปยัยนั่นไม่ได้ครึ่งของหมอนี่หรอก ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นพ่อกันแน่เขาอายุเกือบจะสามสิบแล้วยังจะโทรมาบ่นไม่ให้เขาไปทำงานอีก
“ลองขับดู” เวลลินโยนกุญแจรถมัสแตงให้คุณโฮสหน้าตุ๊กตาที่ยืนใกล้ๆ ก่อนจะอมยิ้มเปิดประตูฝั่งโดยสารเข้าไปนั่งอย่างอารมณ์ดีปล่อยให้เจคยืนทำหน้าเด๋อด๋าอยู่นอกตัวรถ
เด็กมันน่ารัก
แกล้งนิดแกล้งหน่อยจะเป็นไรไป
“คุณเวลลินครับผมขับได้จริงๆ เหรอ” เจคแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง กุญแจรถมัสแตงอยู่ในมือเขา..ในมือเขาเนี้ยนะ!
“ถ้านายไม่พาฉันลงเหวล่ะก็..ได้”
“ผมจะขับให้ดีเลยครับรับรองว่าคุณเวลลินถึงที่หมายปลอดภัยหายห่วง!”
“แล้วนายรู้เหรอว่าฉันจะไปที่ไหน”
“เอ๊ะ เอ่อ..” เวลลินขำให้กับท่าทางตลกๆ นั่นก่อนจะเอ่ยปากบอกจุดหมาย
เจคน่ารัก
น่ารักมากจริงๆ
ความคิดเห็น