ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Shinee Fic]please tell me that u luv me(Jong x Tae)

    ลำดับตอนที่ #9 : plz tell me that u luv me>>>[9]

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 57



    "โอ้ย เบาๆหน่อยสิ หน้าคนนะไม่ใช่พื้นรองเท้าถึงได้กดซะแรงอย่างนี้น่ะ"

    "ผี" ที่ตอนนี้นั่งเอามือกุมท้อง เลือดไหลออกปากซิบๆ ร้องโอดครวญอย่างน่าเวทนา แต่มันจะน่าเวทนากว่านี้ถ้าไม่ติดว่าคีย์รู้ว่าเมื่อกี้เขากำลังคิดจะทำอะไร

    "สมน้ำหน้า เล่นไม่รู้จักเล่น ฉันไม่เตะให้นายกลายเป็นผีจริงๆก็บุญแค่ไหนแล้ว นี่ยังอุตส่าห์สงเคราะห์มาทำแผลให้ยังไม่สำนึกบุญคุณอีก มันน่าซ้ำอีกรอบซะจริง"

    ไม่พูดเปล่าคีย์ก็กำหมัดขึ้นทันที ผู้เป็น "ผี" เลยรีบใช้สองมือตะครุบกำปั้นนั้นโดยไวพร้อมส่งยิ้มตาหยีกลับไปให้ก่อนเอ่ย

    "แหม่ๆ ฉันก็แค่ล้อเล่นน่ะ อันที่จริงตอนนี้จิตใจฉันน่ะมันรู้สึกดีมากๆเลยนะ"

    คีย์หยุดการกระทำทุกอย่างของเขาแล้วจ้องมองไปที่ดวงตาเล็กของคนตรงหน้า อย่างสงสัยในสิ่งที่เขาพูด

    "ทั้งๆที่ฉันแกล้งนาย  แต่นายก็ยังใจดีมาทำแผลให้ฉัน นายนี่ใจดีกว่าที่คิดนะ"

    ไม่พูดเปล่าคนตรงหน้าก็ยังยื่นมือมาลูบหัวคีย์อีกด้วย กว่าจะตั้งสติทันคีย์ก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำกับการกระทำของคนตรงหน้า

    "ย่า อยากตายรึไงถึงได้มาลูบหัวฉันเนี่ยะ"

    คีย์พยายยามตวาดเสียงดังกลบเกลื่อนความรู้สึกตน เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็มีไม่กี่คนที่เคยลูบหัวเขาอย่างนี้ นอกจาก พ่อ แม่ ยาย และแทมินที่เป้นเพื่อนสนิท ก็ไม่มีใครเคยลูบหัวเขาเลย ก็แหงล่ะ ใครๆก็รู้ว่าเขาน่ะขาโหดขาเหวี่ยงแค่ไหน

    "นายก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอกใช่มั้ย ฉันน่ะชอบจะตายเวลามีคนมาลูบหัวให้ เพลินดีออก"

    ไม่พูดเปล่าคนพูดยังเอาหัวตัวเองไซ้ๆมือคีย์ที่กุมยู่ เล่นเอาเจ้าของมือหัวใจเต้นหนักกว่าเดิม เลยแก้เขินโดยการใช้กำปั้นเขกหัวไอ้คนลามปามเข้าทีนึง

    "โอ๊ย ใจร้ายอีกแล้วนะ" ไอ้คนลามปามโวยวาย พร้อมเบะปากเหมือนทำท่าจะร้องไห้ ซึ่งในสายตาคีย์มันช่างตลกสิ้นดี

    "แล้วฉันเคยใจดีกับนายเมื่อไหร่ เอ้า เอาไป น้ำแข็งนี่น่ะ ประคบเองเลยละกันพูดมากดีนัก" คีย์กล่าวพร้อมกับยัดน้ำแข็งที่ถูกห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าให้คนตรงหน้า ที่น่าแปลกคือคนตรงหน้าตอนนี้กลับยิ้มตาหยีใส่เขาอีกแล้ว

    "นะ...นายยิ้มบ้าอะไรของนาย ประสาทกลับแล้วรึไง"

    คนตรงหน้าส่ายหัวไปมาก่อนจะรับน้ำแข็งในมือคีย์มีกดบริเวณมุมปากที่มีเลือดไหลออกมาของตน แล้วจึงลุกยืนขึ้นพร้อมหันไปมองคีย์ด้วยสายตาอบอุ่น

    ใช่ อบอุ่น...พอสำนึกได้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ คีย์ก็รีบเสมองไปทางอื่น อย่างกลัวคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะรู้ความคิดในหัว บ้าไปแล้วนะ คิบอม อะไรทำให้นายมองคนตรงหน้าคือผู้ชายอบอุ่นกัน กับอีแค่ยิ้มตาหยีๆนั่น กับการมองอย่างอ่อนโยนแค่นั้นเหรอ นายนี่มันก็แค่เสแสร้งเท่านั้นแหละ

    "ทำไมต้องพยายามทำตัวให้ดูเหมือนว่านายน่ะใจร้ายม้ากมาก ทั้งๆที่ความจริงน่ะนายน่ะใจดีม้ากมากต่างหาก ฉันว่าคนที่ประสาทกลับมันคือนายมากว่านะ ฮ่าๆ" ไม่ว่าเปล่า อนยูยังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งกับสิ่งที่ตัวเองพูด ซึ่งคีย์ได้แต่มองอย่างเคืองๆ เพราะไม่เข้าใจว่ามันมีอะไรน่าขำนักหนา

    "มันเรื่องของฉัน นายโอเคแล้วใช่มั้ย ดี งั้นฉันไปก่อนล่ะ ลาแล้วลาขาดนะ" พูดจบคีย์ก็เดินลงส้นจะจากไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือหนามารั้งแขนเขาเอาไว้ พอกำลังจะหันไปด่าคนที่รั้งก็ชิงพูดขึ้นซะก่อน

    "ได้ข่าวว่ากำลังตามหาร้านเสื้ออยู่ไม่ใช่รึไง นายยังไม่ได้เสือ้ตัวที่นายตามหาเลยนี่ มาเหอะ มากับฉัน" ไม่พูดเปล่าอนยูก็จัดการลากคีย์ออกไปทันที โดยไม่ฟังเสียงโวยวายและการพยายามขืนตัวของคนตัวเล็กที่พยายามหลุดให้พ้นจากมือที่จับแขนตนอยู่ สุดท้ายพอดูแล้วว่าคงหนีไม่พ้นเจ้าตัวเลยจำยอมเดินไปด้วย โดยพึมพำก่นด่าคนที่กึ่งลากกึ่งดึงตนมาตลอดทาง

    "ไอ้เต้าหู้จอมบงการเอ้ย" 

    แต่ก็น่าแปลกสำหรับคีย์ที่คนตรงหน้าไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้านกับคำด่าของเขาเลย ตรงข้าม ยิ่งได้ยินเขาด่าคนตรงหน้ากลับยิ่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เข้าไปอีก สงสัยท่าจะบ้าจริงๆซะล่ะมั้ง นายเต้าหู้

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    โอเค ถึงแม้ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ แต่คงต้องยอมรับในนาทีนี้ว่านายอนยูนี่ไม่ใช่เล่นๆเลย

    "ขอบคุณมากนะครับ พี่สาว พี่สาวใจดีที่สุดในโลกเลยรู้ตัวรึเปล่า"

    "หยุดเลยๆ ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีไปนะคะ น้องอนยู มาเกาะประตูบ้านพี่เรียกโวยวาายขนาดนั้นพี่ไม่มาก็เกินไปแล้วค่ะ"

    อนยูหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นพี่เจ้าของร้านเสื้อ (ที่คีย์เห็นว่าตอนแรกมันปิด) บ่นหงุงหงิง

    "คราวหน้ารับรอง ถ้าพี่ไปร้านบะหมี่ผมนะ ผมจะให้คุณพ่อเลี้ยงบะหมี่พี่ฟรีเลยอ่ะ ซัก 2 ชาม ไม่สิ 10 ชามเลยดีมั้ยครั้บ"

    พี่เจ้าของร้านหัวเราะเบาก่อนบอกปัดไป

    " เธอเห็นพี่เป็นยักษ์รึไงถึงจะกินบะหมี่พ่อเธอถึงสิบชามน่ะ ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ช่างเหอะ รีบกลับไปได้แล้วนี่จะเที่ยงคืนแล้วนะ พี่ก็ง่วงแล้วด้วย กลับดีๆนะสองหนุ่ม"

    พี่สาวเจ้าของร้านกล่าวอย่างใจดีก่อนดึงประตูหน้าร้านปิดลง

    อนยูหันมามองคีย์ก่อนยักคิ้วให้เล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยถาม

    "เป็นไงล่ะ มีอะไรจะพูดมั้ย"

    คีย์มุ่นหัวคิ้วอย่างไม่เข้าใจ อนยูทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนเอ่ย

    "นายนี่นะ คนเค้าอุตส่าห์ช่วยขอบคงขอบคุณซักคำไม่เคยมี"

    พอได้ยินดังนั้นคีย์ก็ถึงบางอ้อ พลางลอบยิ้มอย่างนึกขำในท่าทางงอนเหมือนเด็กๆของคนตรงหน้า เจ้าตัวเลยเดินไปใกล้ๆแล้วหยิบเสื้อจากแขนคนตรงหน้ามาทันทีแล้วเอ่ยพร้อมยิ้มแป้น

    "ขอบคุณนะนายเต้าหู้"

    ปฏิกิริยาต่อคำพูดของคีย์ดีเกินคาด เพราะอยู่ๆ อนยูที่เมื่อกี้ทำท่างอนใส่เอขาก็หน้าเปลี่ยนสีซะอย่างนั้น คีย์มองอย่างไม่เข้าใจก่อนทัก

    "นายเป็นบ้าอะไร ทำไมต้องทำหน้าอึ้งอย่างนั้นด้วย ทำไมฉันขอบคุณนายนี่มันประหลาดมากเลยรึไง"

    คีย์ถามอย่างหงุดหงิด ไอ้บ้านี่เพิ่งบอกว่าเขาใจดีกว่าท่าทีที่เขาแสดงออกมาอยู่แหมบๆ ไหงพอเขาทำท่าใจดีด้วยจริงๆถึงต้องทำหน้าตาตกใจแบบนั้นด้วยเนี่ยะ

    "เปล่า..."

    คีย์ที่กำลงัหงุดหงิดเงยหน้าขึ้นตามเสียงของอนยูที่เงียบไปนาน

    "ไม่ใช่เรื่องที่นายขอบคุณทำให้ฉันประหลาดใจ แต่เป็น..."

    "..."

    "แต่เป็นตอนที่นายยิ้มต่างหาก ที่ทำให้ฉันรู้สึก ไม่อยากให้นายยิ้มให้ใครแล้วนอกจากฉัน"

    คีย์เบิ่งตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดที่ทำให้เขาใจเต้นแรงจากชายหนุ่มตรงหน้า แล้วในตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมาอีกเมื่ออยู่ๆชายหนุ่มตรงหน้าก็เขยิบเข้ามาใกล้เขาแล้วจับมือของเขาขึ้นมาแนบอก

    "ไอ้บ้าเต้าหู้นายจะทำอะไรน่ะ"

    คีย์ร้องเสียงหลงพลางพยายามดึงมือตนออกจากมือของชายหนุ่มตรงหน้าที่ตอนนี้มองเขานิ่งเป็นตาเดียว

    "นายไม่แปลกใจเหรอ ว่าตั้งแต่ที่เจอกันคราวนั้นฉันก็มักจะเจอกับนายบ่อย"

    "ก็แค่เรื่องบังเอิญ มะ..ไม่น่าจะมีอะไรนี่"

    คีย์พูดอย่างตะกุกตะกัก ในขณะที่ก็ยังพยายามเอามืออกจากการจับกุมของคนตรงหน้า ปกติเขาว่าเขาแรงเยอะกว่าหมอนี่นะ แล้วทำไมเขาดึงมือเขาไม่ออกซะทีล่ะเนี่ยะ"

    "นายไม่แปลกใจเหรอ ว่าทำไมอยู่ๆวันนี้ฉันก็เจอนาย ทั้งๆที่ปกตินายก็เห็นนี่ว่าฉันเดินกลับคนละทางกับนาย"

    "ฉะ...ฉันจะไปรุ้นายเหรอ"

    "นายไม่แปลกใจจริงๆเหรอ ว่าทำไมฉันถึงบอกว่าไม่อยากให้นายยิ้มให้ใครแล้ววนอกจากฉัน"

    "..."

    "นายไม่สงสัยจริงๆงั้นเหรอ ไม่อยากถามฉันเหรอว่าทำไม"

    คีย์หยุดดิ้นแล้วมองคนตรงหน้าที่มองเขาด้วยแววตามุ่งมั่นนิ่งก่อนค่อยๆเอ่ยออกมาในที่สุด

    "แล้วทำไมนายทำอย่างนั้นล่ะ"

    อนยูยิ้มให้เขาน้อยๆ ก่อนใบหน้าจะค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้คีย์ขึ้นเรื่อย น่าแปลกที่คราวนี้คีย์ไม่ได้ขยับหนีหรือโวยวาย ดวงตาสีน้ำตาลบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังรอคำตอบของคนตรงหน้า รู้สึกตัวอีกทีก้ตอนสัมผัสได้ถึงมือที่เย็นเฉียบของคนตรงหน้าที่ยกขึ้นมาประคองใบหน้าเขาเมื่อไหร่ไม่รุ้

    "ฉันเดาว่า..."

    อนยูพูดหยุดอยู่แค่นั้นก่อนจะแนบริมฝีปากอุ่นกับริมฝีปากบางตรงหน้าชนิดที่เจ้าตัวก็ไม่ทันตั้งตัว จังหวะหายใจตอนแรกของคีย์ติดขัดเพราะตกใจกับการกระทำที่ไม่คาดฝันของคนตรงหน้า แต่เขาก็แปลกใจตัวเองที่ไม่ขัดขืนอะไรซ้ำร้าย ตอนนี้เขากลับตอบสนองสัมผัสนั้นและค่อยๆหลับตาลงรับรสจูบของคนตรงหน้าอย่างว่าง่าย ลมหายใจของเขาเริ่มเป็นหนึ่งเดียวกับคนตรงหน้า และเริ่มหอบหายใจแรงขึ้นเมื่อผู้ครอบครองริมฝีปากยังรุกล้ำเข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานก็ตาม

    จนเมื่อเขารุ้สึกปริ่มจะขาดใจตายเจ้าตัวเลยทุบออกคนกำลังเพลิดเพลินกับการลิ้มรสหวานจากริมฝีปากเขาแล้วดันออกเบาๆ ซึ่งคนตรงหน้าก็ผละออกอย่างว่าง่ายแต่ใบหน้าเขาก็ยังคงใกล้กับคีย์อยู่ ชนิดที่ได้ยินเสียงหอบหายใจของกันและกัน นั่นเลยทำให้คีย์รู้ว่าเจ้าตัวก็แทบจะขาดอากาศหายใจแล้วเหมอนกัน

    "...นายทำบ้าอะไรเนี่ย"

    คีย์ถามทั้งๆที่เขาก็ยังหอบอยู่ อนยูขยับเข้าไปใกล้จนหน้าผากเขาชนกับหน้าผากของคีย์ แล้วจึงเอ่ยพลางยิ้มน้อยๆ

    "ฉันเดาว่า ฉันคงชอบนายเข้าแล้วน่ะสิคีย์กุน"

    ไม่ทันจบประโยคดีคนพูดก็พุ่งเข้าประกบปากคนตรงหน้าอีกครั้ง คงไม่สามารถบรรยายอะไรต่อได้ เพราะตอนนี้สิ่งที่คีย์รับรู้มีเพียงเสียงหัวใจ และสัมผัสหวานจากริมฝีปากที่คนตรงหน้ามอบให้เท่านั้น ไว้จบภารกิจนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากันเรื่องที่บอกว่าชอบเขาทีหลังละกัน ;)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×