ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : plz tell me that u luv me>>>[8]
"จงฮยอน"
เสียงที่คุ้นเคยเมื่อสองปีก่อนเอ่ยขึ้น จงฮยอนไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร เขาเลยได้แต่แสยะยิ้มเบาๆก่อนยกเบียร์กระป๋องขึ้นมาดื่มอีกครั้งแล้วก้าวเดินต่อไป โดยไม่หันไปมองคนพูดเลยสักนิด
"จงฮยอน หยุดก่อนได้มั้ย"
จงฮยอนชะงัดฝีเท้าตัวเองลง ก่อนเอ่ยขึ้นเบาๆ
"จะอะไรกับฉันอีกหรือฮะ ชอนอา สนุกพอหรือยัง"
เขาหันไปสบตากับคนที่เคยทำให้เขารักหมดใจเมื่อสองปีก่อน เขารักเธอมาก และจากการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมาเขาก็ไม่สามารถตอบได้เลยว่า เขาได้ทำอะไรผิดพลาดเธอถึงได้ทิ้งเขาไปซะเฉยๆแบบนั้น ช่วงนั้นพอเขาโทรหาเธอก็จะกดตัดสายทิ้ง ไม่ก็ปิดเครื่อง สุดท้ายก็ไม่สามารถติดต่อกันได้อีกเลย ตอนนั้นสภาพเขาแย่มาก แย่จนไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้เขาด้วยกระแสความเศร้าและหม่นหมองที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ยกเว้นก็แต่เด็กชายผมบ็อบในวันนั้น
"พี่จงฮยอนฮะ พี่ไหวรึเปล่า"
เขาเห็นเจ้าเด็กนี่มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆเขาพักนึงแล้ว แต่วันนี้ทำไมเขารู้สึกเหมือนเห็นอะไรที่ชัดเจนมากบนใบหน้าของเจ้าเด็กนี่
"ให้ผมได้อยู่กับพี่ได้มั้ยครับ ผมไม่เรื่องมาก พี่ยังไม่ต้องรักผมตอนนี้ก็ได้ แต่ให้ผมได้รักพี่และอยู่กับพี่ไปอย่างนี้นะครับ"
คำสารภาพรักที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ในสถานการณ์แบบนี้ แต่มันทำให้เขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
แต่ว่า...วันหนึ่งคนที่ทิ้งเขาไปก็กลับมา
"จงฮยอน ฟังฉันหน่อยนะ"
ชอนอารั้งแขนจงฮยอนไว้อย่างนั้น ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้เดินไปไหน แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนเขากำลังเดินห่างออกไปทุกที
"เธอจะเอายังไงกับฉันกันแน่ ชอนอา"
จงฮยอนถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ สายตาที่เย็นชามองหญิงสาวร่างบางจนเธอรู้สึกว่าเขาเหมือนไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จักร
"ฉันยังยืนยันคำเดิม..."
จงฮยอนถอนหายใจอย่างหน่ายๆ
"...เรากลับมาคบกันอีกได้มั้ย"
ชอนอาพูดพร้อมมองลึกเข้าไปในดวงตาของอดีตคนรัก ไม่สิ ตอนนี้เธอก็ยังรักเขาอยู่แต่เธอไม่รู้ว่าเขายังรักเธอเหมือนเดิมหรือเปล่า
"ฉันก็เคยบอกเธอตอนที่เธอกลับมาแล้วนี่ว่าเราจะไม่กลับมาคบกัน ฉันมีคนรักใหม่แล้ว เธอยังไม่เข้าใจอะไรอีก....."
"งั้นตอบฉันหน่อยว่าเธอไม่มีเยื่อใยให้ฉันเลยใช่ไหมตอนนี้"
จงฮยอนนิ่งมองใบหน้าสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา และเขาก็หลุบตาลงต่ำเพราะไม่กล้าสบตากับเธอตรงๆ ร่างเล็กจึงเลือกที่จะใช้อีกมือมากุมมือของเขาไว้ก่อนเอาไปแนบแก้มซ้ายของเธอ
"เธอลืมฉันหมดทั้งใจแล้วจริงๆเหรอ จงฮยอน"
จงฮยอนนิ่งอยุ่อย่างนั้น ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้คำตอบ แต่เป็นเพราะจริงๆแล้วเขาก็ยังไม่เคยลืมเธอซักวินาที
................................................................................................................
แทมินมองนาฬิกาในโทรศัพท์บอกเวลาสามทั่มเข้าไปแล้ว เขาโทรไปบอกพี่ของเขาก่อนหน้านั้นว่าเขาจะกลับดึกเพราะจะอยู่เที่ยวกับคีย์ต่อซึ่งความจริงมันคือเรื่องโกหกทั้งเพ เพราะเขาเพิ่งวิ่งหนีจากจงฮยอนมา และตอนนี้ก็กำลังเดินอยู่บนถนนคนเดียว
แต่เขาก็ไม่อยากกลับบ้านอยู่ดี เพราะรู้ว่าตอนนี้เขารู้ว่าถ้าเขากลับบ้านก็มีแต่จะต้องกลับไปนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวจนหลับไปแน่ๆ
ฟึบ!
เสียงเหมือนอะไรบางอย่างถูกกางขึ้น และอยู่ๆไหลของเขาก็หนักขึ้นเหมือนมีผ้ามาคลุมอยู่ พอหันไปมองหัวไหล่ก็พบว่ามันคือเสื้อคลุมโรงเรียน และพอหันไปมองข้างๆแทมินก็ถึงกับเผลอเรียกชื่อคนที่เป็นเจ้าของเสื้อที่มายืนข้างเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"มินโฮ"
คนตัวสูงไม่พูดอะไรแต่ยิ้มให้เขาน้อยๆ วินาทีนั้นไม่รู้อะไรดลใจเขา อยู่ๆแทมินจึงตวาดขึ้นมา
"นายมาที่นี่ทำไม ไม่ใช่ว่าฉันบอกนายไปแล้วเหรอว่าไม่ว่ายังไงความรู้สึกฉันก็ไม่เปลี่ยน ฉันรักพี่จงฮยอน นายได้ยินมั้ยมินโฮ"
มินโฮมองหน้าแทมินอึ้งๆ ตอนแรกเขาดูไม่เข้าใจในสิ่งที่แทมินกำลังทำ แต่พอเห็นสายตาที่หวั่นไหวของร่างเล็กนั้น มันก็ทำให้เขาเข้าใจอะไรบางอย่าง
แทมินเมื่อเห็นมินโฮไม่มีทีท่าว่าจะเดินจากไป จึงรีบเดินออกมาจากจุดนั้นซะเอง เขาไม่ได้โมโหมินโฮขนาดนั้นหรอกเขารู้ แต่เขาเพียงแค่หงุดหงิดที่คนที่ควรจะตามเขามาดันไม่มา
พอเท้ากำลังจะก้าวเดินออกไปร่างเล็กก็ถูกกระตุกอย่างแรงจากมือใหญ่ ชั่วพริบตาเขาก็กำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของมินโฮ
"ปล่อยฉันนะ มินโฮ นายก็รู้ความรู้สึกของฉันไปแล้วนี่ แล้วทำไม ทำไม ฮึก...ฮึก..."
แทมินไมาสามารถพูดอะไรได้อีกต่อไป น้ำตาที่คิดว่าหยุดไปแล้วกลับมาไหลอีกครั้ง ยิ่งเมื่อมือใหญ่ของคนตรงหน้าค่อยๆลูบหัวเขาเบาๆ เขายิ่งรู้สึกตัวเองอ่อนแอขึ้นทุกที
"ทำไม ฮึก...ทำไมคนที่ตามฉันมาต้องเป็นนาย ทำไมไม่ใช่..."
แม้แค่คิดจะเอ่ยชื่อยังเจ็บปวดขนาดนี้ เขาจะทนได้อย่างไรถ้าต้องเห็นหน้าพี่จงฮยอนในอีกวันนึง
"เหมือนฉันจะเคยบอกนายไปแล้วนี่..."
มินโฮเอ่ยขึ้นหลังจากเป็นฝ่ายเงียบมานาน แทมินแม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง แต่เขาก็ได้ยินเสียงมินโฮชัดเจน
"เมื่อไหร่ที่นายเจ็บ ฉันจะเป็นคนแรก และคนสุดท้ายที่อยู่กับนายในวันที่นายเจ็บที่สุด..."
มินโฮจับไหล่ร่างบางอย่างแผ่วเบาก่อนค่อยๆดันออกจากอกเพื่อที่จะมองหน้าคนที่กำลังร้องไห้ให้ชัด ไม่สิ เขาอยากให้คนตรงหน้ามองตาเขาและรับฟังถึงประโยคต่อมาที่เขากำลังจะพูดต่างหาก
"และคราวนี้ฉันจะไม่มีวันปล่อยนายไปให้คนอื่นๆอีกแน่"
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
"คีย์ แม่บอกกี่ครั้งแล้วห๊ะ ว่าอย่ามัวดูทีวีพร้อมกับรีดผ้าไปด้วยน่ะ"
เสียงแม่ของคีย์ที่กำลังก่นด่า พร้อมใบหน้าหงุดหงิดหลังจากมองเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวสวยที่ตอนนี้มีรูโหว่ เป็นรอยไหม้ขนาดใหญ่อยู่กลางหลังเสื้อ
"ผมขอโทษจริงๆครับแม่ ให้อภัยผมเถอะ ยังไงซะผมก็ลูกแม่นะ"
ป็อก!
เสียงของขวดน้ำพลาสติกที่กระทบจากหัว ทำเอาคีย์ต้องเอามือกุมหัวตัวเองป้อยๆ พลางหันไปมองคนที่ทำด้วยสายตาเหมือนลูกแมวที่กำลังจะร้องไห้
"พ่อ ตีผมทำไมเนี่ยะะ"
คนเป็นพ่อแค่นยิ้มก่อนตีหัวลูกชายตัวดีอีกรอบ
"ทำไมฉันจะตีแกไม่ได้ ห๊ะ ในเมื่อแกเป็นคนทำให้เสื้อชั้นเป็นรูโหว่ขนาดนี้ ฮึ่ยยย มันน่าจริงๆ"
พ่อคีย์สบถอย่างขัดใจ ก่อนไปหยิบเสื้อสีขาวที่ไหม้มาดูอย่างนึกเสียดาย
"นี่ก็เหลืออยู่ตัวเดียวแล้วด้วย พรุ่งนี้ก็ต้องใส่ไปพบลูกค้า ไป ไปเลย แกรีบออกไปซื้อเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่ร้านจะปิด เอาไซส์นี้ สีนี้ ไปให้ไวเลย"
พูดจบก็โยนเสื้อตัวนั้นใส่หน้าคีย์ที่บึนปากอย่างขัดใจ พลางค่อยๆกระเถิบไปเกาะขาผู้เป็นพ่อ พลางทำทาออดอ้อน
"ดถ่ พ่อเอาตัวอื่นไปใส่ก่อนก็ได้นี่นา พ่อก็มีเสื้อเชิ้ตตั้งหลายตัวนี่ ผมไม่อยากออกไปข้างนอกตอนนี้นี่หน่า อากาศมันหนาวมากเลยนะพ่อ"
คนเป็นพ่อใช้ขวดน้ำเคาะหัวลูกชายคนเดียวของตน ก่อนที่คนเป็นแม่จะทำอย่างเดียวกันแล้วจึงชี้แจงแทนผู้เป็นสามีที่ตอนนี้คงเครียดจนไมเกรนจะขึ้นแย่แล้ว
"ตัวอื่นมันไม่ใช่สีขาว พรุ่งนี้งานทางการต้องใส่เชิ้ตขาวกับสูทร ลุกไม่ต้องพูดมาก รีบออกไปซื้อเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นทั้งพ่อและแม่จะเอาขวดน้ำนี่ตีให้หัวโนไปเจ็ดคืนเลยคอยดู"
คีย์หน้างอง้ำอย่างขัดใจ แต่เมื่อเจอสายตาพิฆาตของผุ้เป้นพ่อก็เริ่มรู้ว่าตัวเองเลี่ยงไม่ได้เลยต้องจำใจเดินไปหยิบเงินและเสื้อกันหนาวก่อนออกไปจากบ้าน
-----------------------------------------------------------------------------------------
"ห๊าาา ปิดอีกแล้วเหรอ"
นี่เป็นร้านเสื้อร้านที่สามแล้วที่เค้าเดินมาซื้อ และร้านนี้ก็ปิดไปแล้วเช่นกัน แหงล่ะ นี่ก็เกือบจะสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ร้านไหนจะเปิดบ้างล่ะเนี่ยะ คีย์คิดพลางมองเสื้อในมืออย่างหงุดหงิด นึกโมโหตัวเองที่มัวแต่นั่งมองทีวีเพลินจนเผลอทำเสื้อพ่อไหม้ เค้ารู้จักร้านเสื้อแถวนี้ก็แค่สามร้านนี้เท่านั้นที่ใกล้บริเวณบ้านเขา แล้วสามร้านนี้ก็ดันปิดพร้อมๆกันอีก โหย จะบ้าตาย
ตึก ตึก ตึก
"หือ?"
คีย์หันไปมองด้านหลังของเขา เมื่อได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้แต่ปรากฎว่าเขาก็ไม่เจอกับอะไร
"น่ะ...นั่นใครน่ะ?"
คีย์ตะโกนถามออกไปตรงทางมือด้านหน้า แต่ก็ไม่มีใครตอบอกมาก ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนขนที่แขนมันเริ่มตั้งขึ้น พร้อมมือที่เย็นเฉียบ
"ฮึ่ยย โนด่าก็โนด่าวะ ดีกว่าต้องโดนผีหลอก"
พูดออกมาดังนั้นคีย์ก็รีบหันหลังกับไปในทางเดิมและเตรียมก้าวเท้าออกไปทันที แต่ทว่าอยู่ๆก็มีมือคู่หนึ่งมาปิดตาเขาไว้ ไม่ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
คีย์กรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง เขาพยายามสลัดมือของเจ้าผี (ที่เขาคิดว่าใช่) ออกไปด้วนการดิ้นสุดแรงเกิด แต่มันก็ไม่ออกไปซักที เขารู้สึกถึงมือที่ปัดไปโดนอะไรบางอย่างนุ่มๆเหมือนผิดคน แต่ตอนนี้สติสตางค์เขาแทบไม่ประติดประต่อ เมื่อสำนึกว่าเหมือนกำลังของเขาจะสู้เจ้าผีนี่ไม่ได้
ทำไงดี ทำไงดี
คำถามซ้ำๆย้ำไปย้ำมาในหัวก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ แต่ก็ยังชั่งใว่ามันจะได้ผลหรือไม่
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
คิดได้ดังนั้น คีย์ก็กระทุ้งศอกไปด้านหลังอย่างแรง ซึ่งมันก็โดนเข้าอย่างจังกับท้องของเจ้า "ผี" ตัวแสบ
"โอ๊ยย!"
เสียงร้องดังอย่างเจ็บปวดในขณะเดียวกันกับที่ตาของคีย์ก็เป็นอิสระจากมือของ "ผี" ตัวนั้น แม้จะดีใจที่สามารถหลุดพ้อนมาได้ แต่คีย์ก็รู้สึกตะหงิดๆกับเสียงของผีที่ได้ยินเมื่อกี้ว่ามันคุ้นๆแบบแปลกๆ เลยตัดสินใจหันไปดูหน้าเจ้า "ผี" นั่นก่อน
และทันทีที่หันไป คียืก็ถึงกับต้องร้องสบถออกมาอย่างไม่น่าฟังที่สุด คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันอย่างพยายามใช้ความคิดหาคำมาด่าคนตรงหน้าที่ลงไปนอนตัวงอเหมือนกุ้งอยู่บนพื้น
เขาตระหนักแล้วว่า "ผี" ที่เค้าคิดไม่ไม่ได้มีส่วนของความเป็นผีอยู่เลยซักนิด ถ้าสังเกตเห้นจากรอยเลือกที่่มุมปาก แต่ในใจก็นึกอย่างทำให้คนตรงหน้าเป็นผีซะให้รู้แล้วรู้รอด
"ไง มือนายนี่หนักเหมือนกันนะเนี่ยะ"
นาย "ผี" นั่นยังคงปากดีไม่เลิกในสายตาคีย์ ทั้งๆที่ตอนนี้สภาพย่ำแย่ที่สุด คีย์พ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจก่อนเดินไปแสยะยิ้มให้คนที่นอนอยู่บนพื้นแล้วเอ่ย
"ดูเหมือนนายอยากจะเป็นผีซะจริงๆเลยนะ ฉันสงเคราะห์ให้เป็นไง"
ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวก็เตะอัดเข้าที่ท้องของคนที่นอนอยู่บนพื้นเข้าเต็มแรง ให้สมกับความแค้นที่สั่งสมมา
--------------------------------------------------------------------------------------------
ขอโทษทีนะคะ ที่กลับมาแต่งให้ช้า งานมันรุมเร้าจริงๆ แต่ก็กลับมาแต่งตอนนี้ให้จบแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ติดตาม และติชมนะคะ
สัญญาว่าจะพยายามมาแต่งให้บ่อยขึ้น ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ^ ^
เสียงที่คุ้นเคยเมื่อสองปีก่อนเอ่ยขึ้น จงฮยอนไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร เขาเลยได้แต่แสยะยิ้มเบาๆก่อนยกเบียร์กระป๋องขึ้นมาดื่มอีกครั้งแล้วก้าวเดินต่อไป โดยไม่หันไปมองคนพูดเลยสักนิด
"จงฮยอน หยุดก่อนได้มั้ย"
จงฮยอนชะงัดฝีเท้าตัวเองลง ก่อนเอ่ยขึ้นเบาๆ
"จะอะไรกับฉันอีกหรือฮะ ชอนอา สนุกพอหรือยัง"
เขาหันไปสบตากับคนที่เคยทำให้เขารักหมดใจเมื่อสองปีก่อน เขารักเธอมาก และจากการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมาเขาก็ไม่สามารถตอบได้เลยว่า เขาได้ทำอะไรผิดพลาดเธอถึงได้ทิ้งเขาไปซะเฉยๆแบบนั้น ช่วงนั้นพอเขาโทรหาเธอก็จะกดตัดสายทิ้ง ไม่ก็ปิดเครื่อง สุดท้ายก็ไม่สามารถติดต่อกันได้อีกเลย ตอนนั้นสภาพเขาแย่มาก แย่จนไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้เขาด้วยกระแสความเศร้าและหม่นหมองที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ยกเว้นก็แต่เด็กชายผมบ็อบในวันนั้น
"พี่จงฮยอนฮะ พี่ไหวรึเปล่า"
เขาเห็นเจ้าเด็กนี่มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆเขาพักนึงแล้ว แต่วันนี้ทำไมเขารู้สึกเหมือนเห็นอะไรที่ชัดเจนมากบนใบหน้าของเจ้าเด็กนี่
"ให้ผมได้อยู่กับพี่ได้มั้ยครับ ผมไม่เรื่องมาก พี่ยังไม่ต้องรักผมตอนนี้ก็ได้ แต่ให้ผมได้รักพี่และอยู่กับพี่ไปอย่างนี้นะครับ"
คำสารภาพรักที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ในสถานการณ์แบบนี้ แต่มันทำให้เขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
แต่ว่า...วันหนึ่งคนที่ทิ้งเขาไปก็กลับมา
"จงฮยอน ฟังฉันหน่อยนะ"
ชอนอารั้งแขนจงฮยอนไว้อย่างนั้น ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้เดินไปไหน แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนเขากำลังเดินห่างออกไปทุกที
"เธอจะเอายังไงกับฉันกันแน่ ชอนอา"
จงฮยอนถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ สายตาที่เย็นชามองหญิงสาวร่างบางจนเธอรู้สึกว่าเขาเหมือนไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จักร
"ฉันยังยืนยันคำเดิม..."
จงฮยอนถอนหายใจอย่างหน่ายๆ
"...เรากลับมาคบกันอีกได้มั้ย"
ชอนอาพูดพร้อมมองลึกเข้าไปในดวงตาของอดีตคนรัก ไม่สิ ตอนนี้เธอก็ยังรักเขาอยู่แต่เธอไม่รู้ว่าเขายังรักเธอเหมือนเดิมหรือเปล่า
"ฉันก็เคยบอกเธอตอนที่เธอกลับมาแล้วนี่ว่าเราจะไม่กลับมาคบกัน ฉันมีคนรักใหม่แล้ว เธอยังไม่เข้าใจอะไรอีก....."
"งั้นตอบฉันหน่อยว่าเธอไม่มีเยื่อใยให้ฉันเลยใช่ไหมตอนนี้"
จงฮยอนนิ่งมองใบหน้าสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา และเขาก็หลุบตาลงต่ำเพราะไม่กล้าสบตากับเธอตรงๆ ร่างเล็กจึงเลือกที่จะใช้อีกมือมากุมมือของเขาไว้ก่อนเอาไปแนบแก้มซ้ายของเธอ
"เธอลืมฉันหมดทั้งใจแล้วจริงๆเหรอ จงฮยอน"
จงฮยอนนิ่งอยุ่อย่างนั้น ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้คำตอบ แต่เป็นเพราะจริงๆแล้วเขาก็ยังไม่เคยลืมเธอซักวินาที
................................................................................................................
แทมินมองนาฬิกาในโทรศัพท์บอกเวลาสามทั่มเข้าไปแล้ว เขาโทรไปบอกพี่ของเขาก่อนหน้านั้นว่าเขาจะกลับดึกเพราะจะอยู่เที่ยวกับคีย์ต่อซึ่งความจริงมันคือเรื่องโกหกทั้งเพ เพราะเขาเพิ่งวิ่งหนีจากจงฮยอนมา และตอนนี้ก็กำลังเดินอยู่บนถนนคนเดียว
แต่เขาก็ไม่อยากกลับบ้านอยู่ดี เพราะรู้ว่าตอนนี้เขารู้ว่าถ้าเขากลับบ้านก็มีแต่จะต้องกลับไปนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวจนหลับไปแน่ๆ
ฟึบ!
เสียงเหมือนอะไรบางอย่างถูกกางขึ้น และอยู่ๆไหลของเขาก็หนักขึ้นเหมือนมีผ้ามาคลุมอยู่ พอหันไปมองหัวไหล่ก็พบว่ามันคือเสื้อคลุมโรงเรียน และพอหันไปมองข้างๆแทมินก็ถึงกับเผลอเรียกชื่อคนที่เป็นเจ้าของเสื้อที่มายืนข้างเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"มินโฮ"
คนตัวสูงไม่พูดอะไรแต่ยิ้มให้เขาน้อยๆ วินาทีนั้นไม่รู้อะไรดลใจเขา อยู่ๆแทมินจึงตวาดขึ้นมา
"นายมาที่นี่ทำไม ไม่ใช่ว่าฉันบอกนายไปแล้วเหรอว่าไม่ว่ายังไงความรู้สึกฉันก็ไม่เปลี่ยน ฉันรักพี่จงฮยอน นายได้ยินมั้ยมินโฮ"
มินโฮมองหน้าแทมินอึ้งๆ ตอนแรกเขาดูไม่เข้าใจในสิ่งที่แทมินกำลังทำ แต่พอเห็นสายตาที่หวั่นไหวของร่างเล็กนั้น มันก็ทำให้เขาเข้าใจอะไรบางอย่าง
แทมินเมื่อเห็นมินโฮไม่มีทีท่าว่าจะเดินจากไป จึงรีบเดินออกมาจากจุดนั้นซะเอง เขาไม่ได้โมโหมินโฮขนาดนั้นหรอกเขารู้ แต่เขาเพียงแค่หงุดหงิดที่คนที่ควรจะตามเขามาดันไม่มา
พอเท้ากำลังจะก้าวเดินออกไปร่างเล็กก็ถูกกระตุกอย่างแรงจากมือใหญ่ ชั่วพริบตาเขาก็กำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของมินโฮ
"ปล่อยฉันนะ มินโฮ นายก็รู้ความรู้สึกของฉันไปแล้วนี่ แล้วทำไม ทำไม ฮึก...ฮึก..."
แทมินไมาสามารถพูดอะไรได้อีกต่อไป น้ำตาที่คิดว่าหยุดไปแล้วกลับมาไหลอีกครั้ง ยิ่งเมื่อมือใหญ่ของคนตรงหน้าค่อยๆลูบหัวเขาเบาๆ เขายิ่งรู้สึกตัวเองอ่อนแอขึ้นทุกที
"ทำไม ฮึก...ทำไมคนที่ตามฉันมาต้องเป็นนาย ทำไมไม่ใช่..."
แม้แค่คิดจะเอ่ยชื่อยังเจ็บปวดขนาดนี้ เขาจะทนได้อย่างไรถ้าต้องเห็นหน้าพี่จงฮยอนในอีกวันนึง
"เหมือนฉันจะเคยบอกนายไปแล้วนี่..."
มินโฮเอ่ยขึ้นหลังจากเป็นฝ่ายเงียบมานาน แทมินแม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง แต่เขาก็ได้ยินเสียงมินโฮชัดเจน
"เมื่อไหร่ที่นายเจ็บ ฉันจะเป็นคนแรก และคนสุดท้ายที่อยู่กับนายในวันที่นายเจ็บที่สุด..."
มินโฮจับไหล่ร่างบางอย่างแผ่วเบาก่อนค่อยๆดันออกจากอกเพื่อที่จะมองหน้าคนที่กำลังร้องไห้ให้ชัด ไม่สิ เขาอยากให้คนตรงหน้ามองตาเขาและรับฟังถึงประโยคต่อมาที่เขากำลังจะพูดต่างหาก
"และคราวนี้ฉันจะไม่มีวันปล่อยนายไปให้คนอื่นๆอีกแน่"
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
"คีย์ แม่บอกกี่ครั้งแล้วห๊ะ ว่าอย่ามัวดูทีวีพร้อมกับรีดผ้าไปด้วยน่ะ"
เสียงแม่ของคีย์ที่กำลังก่นด่า พร้อมใบหน้าหงุดหงิดหลังจากมองเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวสวยที่ตอนนี้มีรูโหว่ เป็นรอยไหม้ขนาดใหญ่อยู่กลางหลังเสื้อ
"ผมขอโทษจริงๆครับแม่ ให้อภัยผมเถอะ ยังไงซะผมก็ลูกแม่นะ"
ป็อก!
เสียงของขวดน้ำพลาสติกที่กระทบจากหัว ทำเอาคีย์ต้องเอามือกุมหัวตัวเองป้อยๆ พลางหันไปมองคนที่ทำด้วยสายตาเหมือนลูกแมวที่กำลังจะร้องไห้
"พ่อ ตีผมทำไมเนี่ยะะ"
คนเป็นพ่อแค่นยิ้มก่อนตีหัวลูกชายตัวดีอีกรอบ
"ทำไมฉันจะตีแกไม่ได้ ห๊ะ ในเมื่อแกเป็นคนทำให้เสื้อชั้นเป็นรูโหว่ขนาดนี้ ฮึ่ยยย มันน่าจริงๆ"
พ่อคีย์สบถอย่างขัดใจ ก่อนไปหยิบเสื้อสีขาวที่ไหม้มาดูอย่างนึกเสียดาย
"นี่ก็เหลืออยู่ตัวเดียวแล้วด้วย พรุ่งนี้ก็ต้องใส่ไปพบลูกค้า ไป ไปเลย แกรีบออกไปซื้อเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่ร้านจะปิด เอาไซส์นี้ สีนี้ ไปให้ไวเลย"
พูดจบก็โยนเสื้อตัวนั้นใส่หน้าคีย์ที่บึนปากอย่างขัดใจ พลางค่อยๆกระเถิบไปเกาะขาผู้เป็นพ่อ พลางทำทาออดอ้อน
"ดถ่ พ่อเอาตัวอื่นไปใส่ก่อนก็ได้นี่นา พ่อก็มีเสื้อเชิ้ตตั้งหลายตัวนี่ ผมไม่อยากออกไปข้างนอกตอนนี้นี่หน่า อากาศมันหนาวมากเลยนะพ่อ"
คนเป็นพ่อใช้ขวดน้ำเคาะหัวลูกชายคนเดียวของตน ก่อนที่คนเป็นแม่จะทำอย่างเดียวกันแล้วจึงชี้แจงแทนผู้เป็นสามีที่ตอนนี้คงเครียดจนไมเกรนจะขึ้นแย่แล้ว
"ตัวอื่นมันไม่ใช่สีขาว พรุ่งนี้งานทางการต้องใส่เชิ้ตขาวกับสูทร ลุกไม่ต้องพูดมาก รีบออกไปซื้อเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นทั้งพ่อและแม่จะเอาขวดน้ำนี่ตีให้หัวโนไปเจ็ดคืนเลยคอยดู"
คีย์หน้างอง้ำอย่างขัดใจ แต่เมื่อเจอสายตาพิฆาตของผุ้เป้นพ่อก็เริ่มรู้ว่าตัวเองเลี่ยงไม่ได้เลยต้องจำใจเดินไปหยิบเงินและเสื้อกันหนาวก่อนออกไปจากบ้าน
-----------------------------------------------------------------------------------------
"ห๊าาา ปิดอีกแล้วเหรอ"
นี่เป็นร้านเสื้อร้านที่สามแล้วที่เค้าเดินมาซื้อ และร้านนี้ก็ปิดไปแล้วเช่นกัน แหงล่ะ นี่ก็เกือบจะสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ร้านไหนจะเปิดบ้างล่ะเนี่ยะ คีย์คิดพลางมองเสื้อในมืออย่างหงุดหงิด นึกโมโหตัวเองที่มัวแต่นั่งมองทีวีเพลินจนเผลอทำเสื้อพ่อไหม้ เค้ารู้จักร้านเสื้อแถวนี้ก็แค่สามร้านนี้เท่านั้นที่ใกล้บริเวณบ้านเขา แล้วสามร้านนี้ก็ดันปิดพร้อมๆกันอีก โหย จะบ้าตาย
ตึก ตึก ตึก
"หือ?"
คีย์หันไปมองด้านหลังของเขา เมื่อได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้แต่ปรากฎว่าเขาก็ไม่เจอกับอะไร
"น่ะ...นั่นใครน่ะ?"
คีย์ตะโกนถามออกไปตรงทางมือด้านหน้า แต่ก็ไม่มีใครตอบอกมาก ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนขนที่แขนมันเริ่มตั้งขึ้น พร้อมมือที่เย็นเฉียบ
"ฮึ่ยย โนด่าก็โนด่าวะ ดีกว่าต้องโดนผีหลอก"
พูดออกมาดังนั้นคีย์ก็รีบหันหลังกับไปในทางเดิมและเตรียมก้าวเท้าออกไปทันที แต่ทว่าอยู่ๆก็มีมือคู่หนึ่งมาปิดตาเขาไว้ ไม่ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
คีย์กรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง เขาพยายามสลัดมือของเจ้าผี (ที่เขาคิดว่าใช่) ออกไปด้วนการดิ้นสุดแรงเกิด แต่มันก็ไม่ออกไปซักที เขารู้สึกถึงมือที่ปัดไปโดนอะไรบางอย่างนุ่มๆเหมือนผิดคน แต่ตอนนี้สติสตางค์เขาแทบไม่ประติดประต่อ เมื่อสำนึกว่าเหมือนกำลังของเขาจะสู้เจ้าผีนี่ไม่ได้
ทำไงดี ทำไงดี
คำถามซ้ำๆย้ำไปย้ำมาในหัวก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ แต่ก็ยังชั่งใว่ามันจะได้ผลหรือไม่
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
คิดได้ดังนั้น คีย์ก็กระทุ้งศอกไปด้านหลังอย่างแรง ซึ่งมันก็โดนเข้าอย่างจังกับท้องของเจ้า "ผี" ตัวแสบ
"โอ๊ยย!"
เสียงร้องดังอย่างเจ็บปวดในขณะเดียวกันกับที่ตาของคีย์ก็เป็นอิสระจากมือของ "ผี" ตัวนั้น แม้จะดีใจที่สามารถหลุดพ้อนมาได้ แต่คีย์ก็รู้สึกตะหงิดๆกับเสียงของผีที่ได้ยินเมื่อกี้ว่ามันคุ้นๆแบบแปลกๆ เลยตัดสินใจหันไปดูหน้าเจ้า "ผี" นั่นก่อน
และทันทีที่หันไป คียืก็ถึงกับต้องร้องสบถออกมาอย่างไม่น่าฟังที่สุด คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันอย่างพยายามใช้ความคิดหาคำมาด่าคนตรงหน้าที่ลงไปนอนตัวงอเหมือนกุ้งอยู่บนพื้น
เขาตระหนักแล้วว่า "ผี" ที่เค้าคิดไม่ไม่ได้มีส่วนของความเป็นผีอยู่เลยซักนิด ถ้าสังเกตเห้นจากรอยเลือกที่่มุมปาก แต่ในใจก็นึกอย่างทำให้คนตรงหน้าเป็นผีซะให้รู้แล้วรู้รอด
"ไง มือนายนี่หนักเหมือนกันนะเนี่ยะ"
นาย "ผี" นั่นยังคงปากดีไม่เลิกในสายตาคีย์ ทั้งๆที่ตอนนี้สภาพย่ำแย่ที่สุด คีย์พ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจก่อนเดินไปแสยะยิ้มให้คนที่นอนอยู่บนพื้นแล้วเอ่ย
"ดูเหมือนนายอยากจะเป็นผีซะจริงๆเลยนะ ฉันสงเคราะห์ให้เป็นไง"
ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวก็เตะอัดเข้าที่ท้องของคนที่นอนอยู่บนพื้นเข้าเต็มแรง ให้สมกับความแค้นที่สั่งสมมา
--------------------------------------------------------------------------------------------
ขอโทษทีนะคะ ที่กลับมาแต่งให้ช้า งานมันรุมเร้าจริงๆ แต่ก็กลับมาแต่งตอนนี้ให้จบแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ติดตาม และติชมนะคะ
สัญญาว่าจะพยายามมาแต่งให้บ่อยขึ้น ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ^ ^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น