คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : After Moonlight, before Sunshine...ก่อนฟ้าจะสาง>>>ฉัน
สมัยก่อนเมื่อมีคนถามฉันว่า เชื่อไหมว่าความรักสามารถทำให้ทุกอย่างบนโลกเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีได้ ฉันก็คงมองความรักที่เขาเหล่านั้นถามเป็นเรื่องราวความรักของคนหนุ่มสาวที่รักกัน แล้วก็ตกลงปลงใจร่วมหอลงโลงกัน หรือบางคู่ก็ข้ามสเต็ปไปร่วมหอกันเลย ฉันเองก็ได้แต่ตอบไปตามนั้นว่า “ก็น่าจะเป็นไปได้” ไม่ใช่ว่าฉันเชื่อแบบนั้นหรอกนะ แต่ไม่อยากไปอธิบายให้มากความว่าทำไมถึงไม่เชื่อแบบนั้น คนส่วนใหญ่ชอบตอนจบที่สวยหรู จนบางครั้งก็มองข้ามความเป็นจริงที่อาจเกิดได้มากกว่าตอนจบแสนสุขที่พวกเขาฝันไว้มากมาย
แอ๊ด~
เสียงเปิดประตูเข้ามาให้ห้องทำให้ฉันต้องหยุดคิดเรื่องเรื่อยเปื่อยแล้วหันไปมองที่ประตูแทน
“ยายเปรม”
ฉันเรียกชื่อของคนที่เข้าห้องฉันมาด้วยความตกใจ ไม่ใช่ตกใจในการมาของน้องสาวคนสุดท้อง เพราะยายคนนี้ตั้งแต่เดินและเปิดประตูเองได้ก็ชอบเข้ามาโดยไม่บอกให้รู้เนื้อรู้ตัวอยู่ประจำ ฉันไม่ได้ถือสาอะไรเพราะเปรมเป็นเพียงเด็กน้อยที่ต้องการที่พึ่งในใจมากที่สุดเท่านั้นในเวลานี้
“พี่โปรด เปรมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว พี่มาพาเปรมไปจากที่นี่ทีสิ เปรมไม่ไหวแล้วนะ”
ประโยคที่ปนมาพร้อมกับเสียงสะอื้นของเปรมทำให้ฉันถึงกับมือสั่นพอเห็นน้องสาวที่ฉันรักเป็นแบบนี้ เมื่อไหร่กันที่เปรมต้องร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบนี้ เธอเคยเป็นเด็กผู้หญิงที่สดใสและพร้อมจะเติบโตเป็นอนาคตที่ดีของครอบครัว แต่ตอนนี้ในใจเธอมีแต่ความบอบช้ำ
แอ๊ด~
เด็กสาวอีกคนก้าวเข้ามาอย่างระมัดระวัง ราวกับเธอกลัวว่าการเข้ามาของเธอจะทำให้เด็กน้อยที่กำลังร้องไห้อยู่ตกใจกลัวแล้วหายไป แต่ฉันรู้อยู่เต็มอกว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเด็กสาวผมซอยสั้นที่กำลังเดินเข้ามาในห้องฉันคนนี้ เป็นคนเดียวในนาทีนี้ที่ทำให้เปรมรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้
เปรมปาดน้ำตาที่ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลออกแล้วกลืนน้ำลายเพื่อพยายามปรับน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติ ทั้งๆที่เธอทำได้ไม่เหมือนซักนิด
“พี่ปรางค์จะเข้ามาหาพี่โปรดหรือคะ งั้นเปรมไปออกไปก่อนนะคะ เปรมมาคุยกับพี่โปรดได้ซักพักแล้ว พี่ปรางค์อยู่ห้องนี้ได้ตามสบายเลยนะคะ”
เปรมพูดด้วยน้ำเสียงรัวเร็วราวกับพยายามจะหลบหน้าปรางค์ไปให้เร็วที่สุด พลางรีบลุกขึ้นออกไปทางประตู แต่พอกำลังจะก้าวผ่านปรางค์ก็ต้องหยุดชะงักลง เพราะปรางค์รั้งแขนเธอไว้พร้อมดึงเด็กหญิงตัวเล็กเข้าอ้อมอกเธอ ซึ่งนั่นก็ทำให้การอดกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลของเปรมจบลง เด็กหญิงร่างเล็กซบหน้าลงกับอกพี่สาวของเธอพลางร้องไห้โฮเสียงดัง
“มาร้องไห้ในห้องพี่โปรดแบบนี้ เดี๋ยวพี่โปรดมาเห็นก็เศร้าแย่สิ ห๊ะ ยายตัวยุ่ง”
ปรางค์พูดพลางใช้ฝ่ามือแผ่วเบาประคองหน้าน้องสาวให้เงยขึ้นมามองตนพร้อมกับปาดน้ำตา
“พูดเป็นเล่นน่าพี่ปรางค์ พี่โปรดไม่มาอยู่ที่นี่หรอก นู่น พี่โปรดเค้าไปอยู่บนสวรรค์นู่นแล้ว”
แม้น้ำเสียงจะยังคงปนเสียงสะอื้น แต่การพูดกลับยังคงพยายามเถียงตามความคิดของตนอยู่จ้อยๆ นี่แหละคือข้อดีของยายเปรม ปากยังเถียงคำให้ตกฟากได้เสมอแม้จะเจอเรื่องร้ายหรือดีมามากแค่ไหนก็ตาม
“ฮ่าๆ จริงด้วยสิเนาะ พี่ก็ลืมไปเลย”
และนี่ก็เป็นข้อดีหนึ่งของน้องสาวฉันอีกคน ต่อให้บางครั้งเธออาจไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนอื่นเค้าพูดกัน แต่เธอก็พร้อมจะเป็นฝ่ายโอนอ่อนก่อนเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่อง และหากอีกฝ่ายเป็นยายเปรมด้วยแล้วเธอก็จะหัวเราะและเห็นด้วยกับน้องคนเล็กคนนี้เสมอ
“มันก็จริงอย่างที่เปรมพูดนั่นแหละ คนอย่างพี่โปรดคงไปอยู่บนสวรรค์แล้วล่ะ แต่ว่าเปรมไม่เคยได้ยินหรือ ที่ว่าคนบนสวรรค์น่ะสามารถมองเห็นคนบนโลกได้นะ”
เด็กน้อยปาดน้ำตาเม็ดสุดท้ายออกจากใบหน้าด้วยแขนเสื้อนอนลายทางสีชมพู แล้วก้มหน้างุดพลางบ่นงึมงำ
“พี่ปรางค์บอกเปรมมาเป็นพันครั้งได้แล้วมั้ง เปรมรู้อยู่แล้วน่า”
ปรางค์ยิ้มขำกับท่าทางดื้อแพ่งของแม่น้องสาวตัวดี ก่อนนั่งยองๆให้หน้าเธออยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับใบหน้าของน้องสาวแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ทำเอาใจของฉันสั่นไปหมด
“งั้นเปรมอยากให้พี่โปรดเศร้าที่เห็นเปรมร้องไห้งั้นหรือ”
คำถามเดียวที่เล่นเอาคนถูกถามนิ่งเงียบแล้วทำได้เพียงส่ายหน้าเบาๆ ปรางค์ยิ้มอย่างใจดีก่อนค่อยๆใช้มือลูบหัวน้องสาวอย่างอ่อนโยนแล้วจึงเอ่ย
“พี่โปรดชอบให้พวกเรายิ้มให้เสมอจำได้ไหม ถ้าเราคนไหนร้องไห้พี่โปรดจะมาหาแล้วดึงเรามากอดทั้งๆที่เราก็โมโหมากจนทุบพี่โปรดบ้างล่ะ ด่าพี่โปรดบ้างล่ะ แต่สุดท้ายเราก็จะหัวเราะไปกับสิ่งที่พี่โปรดทำ เพราะรู้ว่าพี่โปรดน่ะพยายามจะปลอบเราไงล่ะ แม้ว่าพี่จะมองว่าบางครั้งพี่โปรดน่ะ ช่างคิดหาวิธีการปลอบน้องที่งี่เง่าสิ้นดี”
ฉันยิ้มบางๆกับคำพูดของน้องสาวคนรอง พลางนึกถึงตอนที่ปรางค์ทะเลาะกับแม่เรื่องการกลับบ้านดึก แล้วก็โมโหร้องไห้วิ่งเข้าห้องไป ฉันที่เป็นฝ่ายเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็ได้แต่บอกให้พ่อกับแม่ใจเย็น พอแอบไปหาปรางค์ที่ห้องเจ้าตัวก็กระฟัดกระเฟียดไล่ฉันบ้างล่ะ แต่ฉันรู้ว่าปรางค์คงทั้งเศร้าและน้อยใจพ่อกับแม่มากก็แค่นั้น และฉันก็ทนไม่ได้ที่เห็นน้องต้องมาร้องไห้อย่างนี้โดยเฉพาะคนที่ทำเหมือนกับว่าตัวเองแข็งแกร่งมากอย่างยายปรางค์ ฉันเลยรีบฉุดยายปรางค์ออกมาจากบ้านคว้ากุญแจรถยนต์แล้วขับพากันมาเที่ยวทะเลซะอย่างนั้น ยายปรางค์ก่นด่าว่าฉันบ้าไปตลอดทาง แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอก ฉันเกลียดมากตอนที่ยายนี่ทำเก่งเถียงพ่อแม่ฉอดๆ แล้วตัวเองก็กลับไปนั่งร้องไห้ในห้อง เสียใจในเรื่องที่ทำและน้อยใจที่พ่อแม่คอยเอาแต่ด่าเธอ
แม้ตลอดทางยายน้องบ้าจะนั่งหน้าง้ำไปตลอด แต่อย่างน้อยก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมาอีกซักแหมะเดียว ฉันก็ถือว่าฉันประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว ยิ่งดีมากขึ้นไปอีกที่พอถึงทะเลยายน้องบ้าก็ลงไปตะโกนระบายความอัดอั้นทั้งหมดออกมา ดีที่คนแถวนั้นไปตื่นมาด่าเรียงหัวกันทั้งพี่ทั้งน้อง พอได้ตะโกนด่าสิ่งที่อยากด่าแล้วยายปรางค์ก็หันหน้ามาส่งยิ้มแป้นให้ฉัน
“ยายพี่บ้า ปลอบแบบนี้พิลึกคนที่สุดแล้วรู้รึเปล่า”
ฉันเองก็ได้แต่ยักไหล่ตอบกลับไปก่อนเดินไปจูงมือยายปรางค์แล้วพากลับบ้านกัน ซึ่งพอถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบตี 4 เข้าไปแล้ว ไม่ต้องสงสัยฉันโดนสวดยาวกว่าที่ยายปรางค์โดนก่อนหน้านี้เยอะ แต่พ่อกับแม่ก็ปล่อยฉันไปพร้อมคาดโทษไว้ว่าถ้าพรุ่งนี้ทั้งน้องและฉันเกิดตื่นไปโรงเรียนไม่ไหวล่ะน่าดู
แต่เชื่อไหม คราวนี้ยายปรางค์ไม่อาละวาดเหมือนครั้งแรก แต่กลับหันหน้ามาหัวเราะคิกคักกับฉันจนแม่กับพ่ออ่อนใจเลยได้แต่ไล่ให้ไปนอนเท่านั้น พอจะเข้าห้องยายปรางค์ก็ดึงแขนฉันไว้ก่อนแล้วเอ่ยถาม
“รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าทำอย่างนี้แล้วจะโดนด่า แล้วโปรดจะทำไปทำไมล่ะ”
ฉันยิ้มแล้วยกมือขึ้นบีบจมูกน้องสาวตัวดีจนเจ้าตัวร้องโอยเสียงดังพลางใช้มือซ้ายตีไหล่ฉันใหญ่อย่างหงุดหงิด
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ไม่อยากให้น้องต้องเหงาแล้วน้อยใจที่โดนด่าคนเดียวก็เท่านั้นแหละ”
ยายปรางค์ขมวดคิ้วพลางพูดเบาๆแต่ฉันก็พอจะได้ยินว่าเธอบอกว่าฉันบ้า แต่ฉันก็ได้แต่ยิ้มส่งให้ยายน้องตัวดีเฉยๆ ซึ่งมันก็พร้อมกับที่ยายปรางค์ส่งยิ้มให้ฉันเช่นกัน ฉันไม่รู้นะว่าฉันเข้าใจไปเองรึเปล่า แต่ฉันว่าปรางค์เข้าใจในการกระทำที่ดูไม่เหมือนปกติของฉันนะว่าฉันทำไปทำไม
ฉันก็แค่ อยากให้ปรางค์รู้ว่า ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนฉันก็จะอยู่ข้างเขาเสมอ
“พี่เกลียดวิธีการแผลงๆในการปลอบน้องของพี่โปรดมากเลยรู้ไหม แต่ก็นะ มันก็ได้ผลจริงๆแหละเพราะสุดท้ายพี่ก็จะหยุดร้องไห้แล้วก็ต้องหัวเราะแล้วก็ยิ้มไปกับพี่โปรดทุกครั้งเลย เปรมก็เป็นใช่ไหม”
เปรมยิ้มน้อยๆด้วยใบหน้าสดใสขึ้น ฉันสงสัยว่าเปรมคงจะนึกถึงเหตุการณ์แผลงๆที่ฉันปลอบแกอยู่ถึงได้ยิ้มขำขันซะขนาดนี้
“พี่ไม่รู้ว่าพี่เข้าใจความคิดพี่โปรดทุกเรื่องหรอกนะ แต่พี่ก็คิดว่าไอ้การปลอบพิลึกๆนั่นของพี่โปรด พี่โปรดคงต้องการแค่จะบอกให้เรายิ้มสู้กับมันเข้าไว้ และ...”
ปรางค์เงียบไปพลางยิ้มขึ้นมาบางๆพลางเหลือบมองภาพถ่ายของฉันที่ยืนยิ้มแฉ่งท่ามกลางน้องทั้งสองของฉันแล้วเอ่ยต่อ
“พี่โปรดคงอยากให้รู้ว่า พี่จะคอยอยู่ข้างเราทำให้พวกเราหายเศร้า ใช่มั้ย”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากภาพใบนั้น แต่พี่น้องทั้งสองก็เข้าใจในความจริงข้อนั้นดี ปรางค์จึงจูงมือเปรมแล้วพาออกไปจากห้อง โดยไม่รู้เลยว่ามีฉันที่เฝ้ามองดูทั้งสองแล้วพยักหน้าคนเดียวพร้อมน้ำตาที่รินไหล และความต้องการที่จะกลับไปอยู่เคียงข้างพี่น้องทั้งสองของฉันอีกครั้ง
ความคิดเห็น