ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Shinee Fic]please tell me that u luv me(Jong x Tae)

    ลำดับตอนที่ #3 : plz tell me that u luv me>>>[3]

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 52


       เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบของคีย์ดังก้องไปทั่วตัวอาคารที่ตอนนี้เกือบจะเหมือนอาคารร้างเข้าไปทุกที เมื่อเหล่านักเรียนทั้งหลายเริ่มที่จะทะยอยกลับบ้านของตนกันหมด

        เสียงฝีเท้ามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำทีเป็นไม้และถูกทาด้วยสีขาว ดูจากภายนอกก็พอรู้ว่าระยะเวลาของประตูบานนี้คงนานใช่เล่น

       คีย์แม้จะเร่งตัวเองให้รีบย่างเท้าเข้าไปในห้องน้ำเพื่อที่จะจักการทำความสะอาดเสียให้เรียบร้อย แต่ขาเจ้ากรรมดันไม่ยอมขยับไปไหนเสียนี่

      บ้าเอ้ย มัวกลัวอะไรอยู่ล่ะคีย์ นายจะยิ่งกลับบ้านค่ำนะถ้าขืนชักช้าอย่างนี้

     
    คีย์บอกกับตัวเองพลางสูดลมหายใจเข้าปอดยาวๆหนึ่งครั้งแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำที่แม้จะเปิดไฟไว้ ก็เห็นเป็นเพียงแสงสลัวๆเท่านั้น

     แน่ล่ะเหตุผลที่ทำให้เขาไม่กล้าเข้าไปในห้องน้ำนี้ ก็เป็นเพราะความกลัวผีจนขึ้นสมองของเขานั่นเอง

      คีย์วางถังน้ำที่ถือมาด้วยบนพื้นแล้วดันมันไปอยู่ตรงตำแหน่งที่มีก๊อกน้ำอยู่แล้วเปิดน้ำ พลางขวานหาน้ำยาล้างห้องน้ำและไม้ขัดห้องน้ำที่อยู่ในห้องน้ำด้านในสุด

      ไอ้โรงเรียนบ้านี่ไม่รู้จักคำว่าช่างไฟหรือไงเนียะ ไฟอย่างนี้ใครมันจะไปมองเห็นได้ถนัด

      
    เสียงก่นด่าที่ดังได้แค่ในใจขณะที่เขาก้าวเดินไปเพื่อไปยังห้องน้ำห้องสุดท้ายที่เป็นที่เก็บอุปกรณ์ แล้วสายตาและฝีเท้าของเขาก็ต้องหยุดชะงักลงพลัน

       เอ้ะ...ห้องน้ำนี่....

      คีย์มองประตูห้องน้ำก่อนถึงห้องสุดท้ายที่ปิดอยู่อย่างสงสัย ตอนนี้ก็เริ่มเย็นมากแล้ว ใครกันที่จะมาเข้าห้องน้ำอยู่ที่นี่เวลานี้ คีย์ลองเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูไปมา ปรากฏว่าประตูถูกล็อกไว้จากด้านใน ถ้าจะเปิดได้ก็ต้องเปิดจากด้านในหรือไม่ก้ใช้กุญแจไข

     หรือห้องนี้จะเสีย

     เมื่อคิดได้ดังนั้นคีย์จึงเริ่มค่อยคลายความกังวลใจ ก่อนไปเปิดประตูห้องสุดท้ายแล้วหยิบน้ำยาล้างห้องน้ำกับไม้ขัดพื้นออกมา แล้วเริ่มลงมือขัดพื้นห้องน้ำอย่างขมักเขม้น

      "อืมม...เฮ้อ~"

      คีย์หยุดชะงักการทำงานของเขาโดยพลัน ขนแขนเริ่มตั้งชันอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาว่าเขาไม่ได้หูเพี้ยนหรือสติสตางค์ไม่ครบนะ เมื้อกี้นี้เขาได้ยินเสียงครางดังมาจากห้องที่ประตูปิดอยู่จริงๆ

      คีย์กลืนน้ำลายตัวเองด้วยความรู้สึกฝืดคอ แต่ก็พยายามท่องกับตัวเองในใจว่า คงจะหูแว่วไปเอง แล้วเริ่มขัดพื้นต่อ

     "อืมมม~"

      เสียงครางดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้คีย์สัมผัสได้ถึงอาการเย็นวาบบนแผ่นหลังของเขา เขาเฝ้าก่นด่าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจว่า ทำไมต้องไปทำให้อาจารย์โกรธวันนี้ แล้วเป็นไงล่ะ โดนให้มาขัดห้องน้ำ แถมเหมือนถูกแจ็กพ็อตอีก เจอของดีเข้าให้

     คีย์พยายามทำใจดีสู้เสือตั้งใจขัดพื้นต่อไป ในขณะที่เสียงครางนั้นก็ดังมาเป็นระยะๆให้เขาตกใจเล่นแต่คีย์แม้จะกลัวจนอยากจะวิ่งหนีซักแค่ไหน ก็เฝ้าปลอบใจตัวเองซ้ำๆว่าอย่างน้อยเขาก็แค่ได้ยินเสียงแค่นั้น ยังไม่เห็นเป็นตัวๆ

      "ท่องไว้คีย์ผีไม่มีจริงๆ"

     "อืมม....เออออ...."

      "มันเป็นแค่เสียงที่เราคิดไปเอง ทุกคนพอเกิดก็ต้องตาย พอตายก็จะหายไปจากโลกนี้"

     "อ่า...อืม..."

      คีย์แทบอยากจะร้องไห้ซะเดี๋ยวนั้นถ้าไม่ติดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขัดห้องน้ำเสร็จอย่างสมบูรณ์ เพราะตอนนี้เขาเริ่มขัดตัวโถห้องที่ 3 แล้ว แต่ว่าปัญหาใหญ่ก็คือ...

       ห้องที่ 3 เป็นห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องน้ำที่ปิดอยู่และมีเสียงครางออกมานั่นเอง

       คีย์บอกตัวเองว่าเมื่อขัดโถอันที่ 3 เสร็จเขาก็จะได้ย้ายก้นตัวเองออกจากที่นี่ แล้วเรื่องวันนี้เขาก็จะลืมๆไปซะว่าเกิดหรือเจออะไรมา

      "เอาว่ะ สู้ๆ"
     
      คีย์ลงมือขัดอย่างขมักเขม้นในขณะที่เสียงตรางยังคงดังคลอกับเสียงแปรงที่เขาขัด แต่อยู่เสียงนั้นก็เงียบไป

      คีย์เองแม้ออกจะกลัวๆแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะอะไรเสียงนั้นมันถึงได้เงียบไป แต่ก้ไม่สนใจพร้อมกับลงมือขัดโถต่อจนเสร็จสรรพ คีย์ยิ้มหน้าบานพลางก้มมองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองแล้วก็ต้องลอบยิ้ม เพราะเวลาเพิ่งผ่านไปแค่ 45 นาทีเท่านั้นเอง ขัดห้องน้ำรวมทั้งห้องใช้เวลาแค่นี้แล้วยังสะอาดขนาดนี้ มันน่าภูมิใจพิลึก

      คีย์ปิดฝาขวดน้ำยาล้างห้องน้ำแล้วค่อยๆลุกขึ้นพร้อมหยิบแปรงขัดห้องน้ำขึ้นมาด้วยท่าทางมีความสุข

      "ฮ่าๆ ในที่สุดก็เสร็จจนได้ ฉันนี่มันงี่เง่าจริงๆเลย กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ผีเผอที่ไหนไม่เห็นมีเลย พรุ่งนี้ฉันจะไปบอกแทมินว่าฉันเลิกกลัวผีแล้ว ผีไม่มีจริงหรอก ฮ่าๆ"

      กล่าวจบคีย์ก็หันตัวกลับเพื่อจะเดินออกจาหประตูห้องน้ำแล้วก็ต้องถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นเงาของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนเอามือเท้าประตูอยู่แล้วส่งยิ้มตาหยีมาให้เขา แล้วเอ่ยขำๆ

      "ใช่ ผีไม่มีจริงหรอก เพราะมีแค่นายกับฉันแค่นั้น"

      ตุ้บ!

      เสียงร่างบางหล่นยวบลงไปกองกับพื้น ขณะที่ชายหนุ่มที่เพิ่งส่งยิ้มตาหยีมาให้ต้องเบิ่งตากว้างแล้วจึงรีบย่อตัวลงไปเขย่าร่างที่เป็นลมล้มลงไม่ได้สติ

      "เฮ้ย นายเป็นอะไรน่ะ มาเป็นลมอะไรแถวนี้เนี่ย แล้วฉันจะแบกนายไปยังไง โธ่เว้ย"

      เสียงก่นด่าเป็นของชายหนุ่มที่ไม่รู้จะทำยังไงกับร่างที่ไม่ได้สตินี้ดี เขาพยายามเขย่าคีย์อยู่หลายครั้ง บางครั้งคีย์ก็เหมือนจะพูอะไรซักอย่าง จับใจความได้ประมาณว่า

      "อย่า  อย่าเข้ามานะ ไอ้ปีศาจเต้าหู้ อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ"

      แล้วเขาจะทำยังไงดีล่ะเนี่ยะ

      

      แทมินนั่งรอคีย์อยู่ในห้องจนตอนนี้เกือบจะ 2 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นมีทีท่าว่าคีย์จะมาซักที แทมินเลยตัดสินใจเดินไปยังบริเวณห้องน้ำที่คีย์ทำความสะอาดอยู่ปรากฏว่าไฟบรเวณนั้นก็ปิดหมดแล้ว  และแน่นอนคีย์ย่อมไม่สามรถอยู่ในความมืดได้ เรื่องนี้แทมินรู้ดี

     "เจ้าเพื่อนบ้าเอ้ย บอกให้รอแล้วตัวเองก็กลับก่อนซะงั้น เฮ้อ"

     แทมินถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วจึงออกเดินลงบันไดมายังลานหน้าอาคารเรียน

     แทมินเดินทอดน่องไปเรื่อยๆพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเขาเมื่อเวลาไม่นานก่อนหน้าที่เขาจะเดินลงมาจากอาคาร

     "ฉัน...ฉันชอบนายแทมิน"

      แทมินรู้สึกอึ้งๆกับประโยคที่มินโฮเอ่ย ยิ่งกว่าคำถามในตอนแรกที่เขาถามเสียอีก ร่างบางไม่ได้เอ่ยอะไร แต่สายตาแสดงความรู้สึกที่หลากหลายไว้มากมาย

      มินโฮมองหน้าแทมินพ้อมส่งยิ้มบางให้เขา ก่อนเอ่ย

      "เมื่อไหร่ที่นายไม่มีใคร และต้องการฉัน ฉันจะอยู่รอนายนะ ฉันจะไม่บังคับนายให้ต้องชอบฉัน แต่ขอให้นายรับรู้ความรู้สึกฉัน แค่นี้แหละที่ฉันต้องการ"

      เมื่อกล่าวจบมินโฮก็ปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระ แล้วจึงส่งยิ้มให้เขาน้อยๆก่อนเดินจากไป

      เมื่อนึกถึงเหตุการณ์น้มันก็ชวนให้แทมินรู้สึกผิดนิดๆ

      มินโฮชอบเขาขนาดนี้ แต่เขาก็ให้ในสิ่งที่มินโฮต้องการไม้ได้ เพราะในใจเขาตอนนี้ไม่มีที่ว่างเหลือพอให้ใครอีกแล้ว

      พอคิดไพล่ไปถึงอีกคน แทมินก็อดที่จะรู้สึกกังวลใจไม่ได้ วันนี้มีคนถึงสองคนมาพูดเป็นเชิงว่าจงฮยอนกำลังนอกใจเขาอยู่ และพูดเป็นทำนองว่านับวันจงฮยอนชักจะเริ่มหมดใจกับเขามากขึ้นทุกที

      แทมินทบทวนระยะเวลาช่วงนี้ที่เขาได้อยู่กับจงฮยอน แน่ล่ะ จงฮยอนพยายามจะรุกเขาหลายครั้ง และหลายครั้งที่เขาปฏิเสธ เพราะเขาชอบที่จะให้เรื่องแบบนี้เกิดในช่วงที่ความรูสึกของทั้งแทมินและจงฮยอนมั่นคง

      พอโดนปฏิเสธไปหลายรอบเข้า เดี๋ยวนี้จงฮยอนก็ไม่ค่อยได้ขอ หรือถ้าขอก็แค่จูบ หรือถ้าเกิดมีอะไรมากกว่านั้น พอเขาต้องการให้หยุด จงฮยอนก็จะทำอย่างว่าง่าย ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาสบายใจ

      แต่แทมินชักไม่แน่ใจว่า นี่จะเป็นเขาคนเดียวรึเปล่าที่สบายใจ 

      หมับ!

     สัมผัสอุ่นๆที่มาจากด้านหลังทำเอาแทมินสะด้งโหยง สัมผัสอุ่นนุ่มประทับอยู่บริเวณหลังใบหูของแทมินพร้อมน้ำเสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู

      "จะกลับบ้านเย็นทำไมไม่บอกพี่ล่ะ รู้มั้ยว่าพี่เป็นห่วง"

      แทมินค่อยๆหันกายไปหาเจ้าของเสียงพลางก้มหน้างุดอย่างรู้สึกผิด ก่อนเอ่ยเบาๆ

     "เอ่อ ผม...ผมขอโทษครับ พี่จงฮยอน คือผม..."

     ยังไม่ทันจบประโยคร่างเล็กก็โดนคนตัวใหญ่กว่าดึงเข้าไปกอดแน่น สัมผัสนุ่มประทับที่ข้างแก้มจนแทมินสัมผัสถึงใบหน้าของตัวเองที่เริ่มร้อนผ่าว และพอเดาๆได้ว่าใบหน้าของตนตอนนี้คงขึ้นสีไม่น้อย ร่างบางจึงเริ่มซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง

      "พี่ไปหาที่บ้านเห็นแทยอนว่านายยังไม่กลับซักที เลยถือโอกาสใช้พี่มาตามนายซะนี่ พี่นายเค้ากลัวนายโดนลักจะแย่"

      แทมินหน้ามุ่ยขึ้นทันทีพลางเอ่ยอย่างหัวเสียนิดๆ

      "พี่แทยอนนี่อยู่เรื่อยเลย ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กๆอยู่ได้ ผมโตแล้วนะ ใครที่ไหนจะมาลักไป"

      จงฮยอนรู้สึกขำๆกับท่าทางของแทมิน ร่างใหญ่รั้งร่างบางมากอดไว้แน่นพลางใช้มือขวาขยี้หัวเจ้าตัวเล็กอย่างเอ็นดู

      "โธ่ เนี่ยะนะที่บอกว่าโตแล้ว เด็กทั้งนั้นแหละที่พูดอย่างนี้ แล้วอีกอย่างพี่นายเค้าจะห่วงมันก็ไม่แปลกหรอก น่ารักๆอย่างนี้ใครที่ไหนเห็นก็อยากลักไปทั้งนั้นแหละ"

      "โอ้ย พี่จงฮยอนอย่าขยี้หัวผมสิ ผมยุ่งหมดแล้ว"

      แทมินว่าพลางพยายามปัดมือใหญ่ออก จงฮยอนมองร่างบางยิ้มๆก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าเล็ก แล้วจึงค่อยๆก้มลงไปมอบสัมผัสนุ่มอย่างแผ่วเบา แทมินเองก็รับสัมผัสนั้นอย่างนุ่มนวลเช่นกัน มือเล้กเริ่มเลือ่นไปคล้องบริเวณลำคอของคนตรงหน้าเพื่อเป็นหลักค้ำร่าง ความอุ่นที่แผ่จากริมฝีปากของคนทั้งสองแลกกันด้วยความรู้สึกเหมือนห่างกันไปนานแสนนาน ก่อนแทมินจะเป็นฝ่ายค่อยๆถอนริมฝีปากก่อน

     จงฮยอนมองใบหน้าเล็กที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงนิ้ว จงสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ร่างเล็กเมื่อมองดวงตาคมของคนตรงหน้าซักพักก็อดที่จะขวยเขินไม่ได้ ร่างเล็จึงเป็นฝ่ายหลบตาพร้อมกับเม้มริมฝีปาก 

     จงฮยอนมองท่าทีขัดเขินของแทมิน บวกกับสีหน้าที่เริ่มขึ้นสีเรื่อของเขาก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ จงฮยอนจึงมอบสัมผัสอุ่นอีกครั้งบนหน้าผากเล็ก แล้วจึงค่อยๆผละออกก่อนมือใหญ่จะค่อยๆเลื่อนมากุมมือเล็กอย่างทะนุถนอม แล้วจึงพาออกเดิน

      แทมินมองมือของตนที่โดนจงฮยอนกุมจนร้อนพลางปรากฏยิ้มน้อย แต่ในช่วงอารมณ์หนึ่งแทมินจึงหยุดชะงัก ซึ่งนั่นก็ทำให้จงฮยอนหยุดเดินด้วยพร้อมหันมาถามอย่างสงสัย

      "มีอะไรรึเปล่าแทมิน ลืมของเหรอ"

      แทมินก้มหน้ามองพื้นพลางเม้มริมฝีกปากอย่างครุ่นคิด แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมา

      "พี่ครับ พี่รู้ใช่มั้ยว่าผมรักพี่มากแค่ไหน"

      จงฮยอนมองแทมินอย่างรู้สึกงงๆ แต่เมื่อเห็นสายตาที่จริงจัง ชายหนุ่มก็ส่งยิ้มบางให้ก่อนเอ่ย

      "อืม รู้สิ"
     
      แล้วจงฮยอนก็กระชับมือที่กุมมือเล็กให้แน่นขึ้นก่อนทั้งสองจะค่อยๆเดินต่อไป 

      มีเพียงแทมินเท่านั้นที่ได้แต่มองหลังของจังฮยอนที่เดินอยู่ข้างหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายอารมณ์ ความรู้สึกและคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาทำให้เจ้าตัวรู้สึกแย่จนไม่ได้เอ่ยอะไรอีกระหว่างทางกลับบ้าน

      แล้วพี่ล่ะครับ รักผมมากแค่ไหน รักมากขึ้น หรือน้อยลงรึเปล่า...

    ---------------------------------------------------------------------------------------------

     เหมือนได้ขึ้นสวรรค์เมื่อแต่งบทนี้จบ ห่างหายไปนานพอสมควร ต้องขออภัย
    ช่วงนี้งานรัดตัว (ได้ข่าวว่าพอกพูนการบ้านไว้บานตะไท)
    คงมาอัพได้นานๆที วางโครงเรื่องเอง รู้สึกเองว่าตูเขียนเครียดไปรึเปล่า
    เพราะอยู่ๆก็รู้สึกสงสารตัวละครบางตัวขึ้นมาหงิดๆ
    แต่ก็รู้สึกมันดีพิลึก เห่อๆ
    ยังไงก็ติดตามต่อนะคะ จะพยายามมาอัพเรื่อยๆ และขอบคุณสำหรับเม้นทุกเม้นนะเคอะ ^ ^




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×