ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Same Guy [SiHan]

    ลำดับตอนที่ #3 : The Same Guy 3

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 54


                    ดวงอาทิตย์ดวงโตใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้ว แสงสีส้มเข้มสัญญาณแห่งการสิ้นสุดของวันสาดส่องไปทั่วบริเวณ แต่เด็กนักเรียนหลายคนแทนที่จะมุ่งตรงกลับบ้านหรือกลับหอ กลับมุ่งตรงไปที่สนามกีฬาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของโรงเรียน เสียงเฮเสียงเชียร์ของเหล่าผู้คนที่มาห้อมล้อมอยู่รอบสนามทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าดังลั่น จนไม่ต้องบอกก็พอรู้ว่าการแข่งขันอันแสนเข้มข้นได้เริ่มขึ้นแล้ว

     

                    ซีวอนยืนทอดสายตาจากหน้าต่างชั้นสองของตึกเก่าเจ้าของเรื่องเล่าลึกลับต่างๆอยู่เงียบๆ สายตาคมไล่ตามร่างโปร่งของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นพี่ที่กำลังโลดแล่นไปพร้อมกับลูกกลมๆสีส้มอยู่กลางสนาม ริมฝีปากหยักเผยยิ้มน้อยๆก่อนมือใหญ่จะหยิบพู่กันอุปกรณ์คู่กายมาปาดสีลงบนผืนผ้าใบพร้อมรอยยิ้มที่ยังไม่จางหาย

     

                    เหมือนทุกอย่างรอบกายเงียบสนิทเมื่อเด็กหนุ่มเพ่งสมาธิทั้งหมดไปยังงานตรงหน้า แม้สายลมแรกของฤดูหนาวจะทำเอากองรูปภาพที่วางพิงกับผนังห้องบางรูปล้มลงแต่นั่นก็ไม่ทำให้เด็กหนุ่มใส่ใจอะไรนัก

     

    ลมเย็นพัดผ่านเข้ามาอีกรอบทำเอาภาพสีน้ำมันรูปวิวริมทะเลเลื่อนหล่นลงไปนอนอยู่บนพื้นตามรูปอื่นๆ เผยให้เห็นภาพที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง นั่นก็คือภาพใบหน้าสวยสดของหญิงสาวผมตรงยาว สีดำสนิทของเส้นผมนั้นตัดกับผิวขาวซีดที่ไม่รู้เป็นเพราะกาลเวลาทำให้ภาพกลายเป็นเช่นนั้นหรือเพราะนั่นคือภาพที่วาดเสมือนจริงกันแน่ ใบหน้าสวยแต่ดูเศร้าหมองอยู่ในทีนิ่งสงบ ความเย็นเยียบเคลื่อนตัวผ่านมาอีกครั้ง ดวงตาสวยของหญิงสาวในรูปเหมือนดูวูบไหว และเพียงไม่นานรอยคราบที่เหมือนใครเอาน้ำมาหยดลงบนภาพก็ค่อยๆปรากฏขึ้น ไล่จากดวงตาคู่สวยทั้งสองลงผ่านแก้มนวลและหายไปเมื่อถึงคางมนประหนึ่งหญิงสาวนั้นกำลังร่ำไห้อยู่เพียงลำพัง.....


    .


    .


    .


    “เฮ้ย!! อีทึก แกอยู่ไหนฟะ! นี่ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้วนะเว้ย” ฮันคยองกรอกเสียงไปตามสายทันทีที่คนที่เขาโทรหารับสาย

     

    //รอก่อนๆๆ ประชุมอยู่//

     

    “ให้ว่องๆ ทุกคนรอมึงอยู่คนเดียวเนี่ย!!

     

    //เออ เสร็จแล้วจะรีบไป แค่นี้ก่อนนะ รุ่นพี่แจจุงจะแดกหัวกูแล้ว!! ตรืดๆๆ//

     

    เมื่ออีกฝ่ายตัดสายฮันคยองก็หันมาไหวไหล่ส่ายหัวแทนคำตอบให้กับเพื่อนๆที่นั่งจับกลุ่มคุยกันที่โต๊ะม้าหินอ่อน เรียกสีหน้าผิดหวังของแต่ละคนได้ไม่ยาก

     

    “โหยยยย นี่ฉันหนาวจะแย่อยู่แล้วนะ ไว้เรามากันวันอื่นเถอะ วันนี้มันดึกแล้ว การบ้านฉันยังไม่ได้ทำเลย” ทงเฮครวญทำตาปริบๆพลางกอดตัวเองพร้อมเอามือลูบแขนเป็นท่าประกอบให้ทุกคนได้รู้

     

                    “ดึกอะไรกันวะนี่แค่สองทุ่มเอง ไม่ต้องมาอ้างเลย แล้วฉันก็ไม่เคยเห็นแกกลับไปทำการบ้านซักวัน มีแต่ไปนั่งลอกตอนเช้าทุกทีนี่หว่า” ฮันคยองเอ่ยออกมาทำเอาคนโดนรู้ทันถึงกลับทำหน้าหงอย

     

    ร่างโปร่งเอาโทรศัพท์มือถือจับยัดลงในกระเป๋ากางเกงพร้อมเดินกลับมารวมกลุ่มกับทุกคน และนั่งลงข้างๆหนุ่มรุ่นน้องที่เพิ่งเขยิบเพิ่มที่ว่างให้

     

    “แต่ฉันว่ามันก็น่ากลับเหมือนกันนะ มันรู้สึกหนาวๆขึ้นเรื่อยๆแล้วยังไงก็ไม่รู้” เป็นซองมินบ้างที่เริ่มประท้วง

     

    “ไหนๆก็มากันแล้ว รออีกหน่อยจะเป็นไรไป” ฮยอกแจตบบ่าเพื่อนแปะๆ จริงๆเขาก็อยากกลับจะแย่แล้วเหมือนกัน แต่ก็คิดว่ายังไงสุดท้ายถ้าไม่มาวันนี้วันหลังก็ต้องโดนลากมาอยู่ดี เขาไม่อยากจะออกมาเผชิญกับอากาศหนาวในยามค่ำคืนของแถวนี้บ่อยนักหรอกนะ

     

    “เออ นี่ซีวอน นายรีบกลับเปล่าเนี่ย” เมื่อชักจูงเพื่อนไม่สำเร็จทงเฮก็เริ่มหาตัวช่วยใหม่

     

    “ไม่ครับ ผมอยู่ได้เรื่อยๆ” แต่คนเป็นรุ่นน้องก็พาซื่อตอบไปตามจริงทุกอย่างไม่ได้เห็นสายตาวิงวอนขอความช่วยเหลือเลยซักนิด

     

                    “ง่ะ แล้วการบ้านนายเสร็จแล้วเหรอ ตอนปีหนึ่งฉันว่าจารย์สั่งการบ้านเยอะออก” แม้จะไม่เห็นแววสำเร็จแต่ทงเฮก็ยังไม่ละทิ้งความพยายาม

     

                    “อ่อ ผมทำเสร็จไปตั้งแต่เย็นแล้วน่ะครับ” ซีวอนยิ้มตอบ แต่คนที่ได้รับรอยยิ้มนี่แทบจะร้องไห้โฮอย่างจนปัญญา

     

                    “แน่ล่ะ ยังไงนายก็ยังกลับไม่ได้ รับปากไว้แล้วห้ามคืนคำ!!” และฮันคยองก็ต้องรีบดักคอก่อนรุ่นน้องที่นั่งข้างๆเขานี่จะรู้ทันและหลงกลผู้เป็นเพื่อน มือเรียวคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ทันที ประมาณว่ายังไงก็ไม่ให้หนีไปไหนได้แน่ๆ เพราะถ้าอีกฝ่ายกลับไปก่อนแล้วเขายังดึงดันที่จะอยู่ต่อมีหวังได้ขึ้นไปบนตึกนั่นคนเดียวเป็นแน่แท้ ถ้าเป็นตอนกลางวันยังพอไหวนะ แต่นี่มันมืดซะขนาดนี้ ให้ตายสิมองยังไงบรรยากาศมันก็ไม่น่าจะเหยียบย่างเข้าไปเลยแม้แต่น้อย

     

                    ส่วนรุ่นน้องร่างสูงนั้นก็ได้เพียงยิ้มรับ แต่มันก็เหมือนเป็นคำตอบว่าจะไม่ไปไหนหรอกถ้ายังต้องการเขาอยู่จริงๆ

     

                    ลมหนาวระลอกใหญ่พัดผ่านมาอีกครั้งทำเอาทุกคนต่างกอดตัวเองบรรเทาหนาว แต่ดูเหมือนฮันคยองโชคดีที่สุดล่ะมั้งเมื่อมีคนให้นั่งเบียด ร่างโปร่งกระเถิบตัวเสียชิดคนข้างๆอย่างลืมตัวแขนเรียวโอบกระชับต้นแขนของคนเป็นรุ่นน้องแน่น ดวงตาคมของซีวอนโตขึ้นเล็กน้อยอย่างตกใจเพราะคาดไม่ถึงกับการกระทำดังกล่าว แต่เขาก็ต้องแปลกใจยิ่งกว่าเมื่อรู้สึกได้ถึงอาการสั่นเทาของคนที่กำลังเบียดชิดเขาอยู่

     

                    “พี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เอ่ยถามออกไปอย่างเป็นห่วง

     

                    ฮันคยองได้เพียงส่ายหน้ารัวๆแทนคำตอบ เพราะตอนนี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไร เพียงแค่อยู่ๆเขาก็รู้สึกเย็นวาบที่ไล่ไปตามแนวกระดูกสันหลังยันถึงต้นคอ ทำเอาขนทุกเส้นแทบจะตั้งชันขึ้นมาพร้อมกันจนร่างของตนนั้นสั่นขึ้นมาเองอย่างห้ามไม่ได้

     

     

                    อึดอัด!!

     

     

    เหมือนความรู้สึกนี้มันกลับมาเล่นงานฮันคยองอีกครั้ง ครั้งแรกนั้นเมื่อเขาได้เหยียบย่างเข้าไปยังห้องศิลปะ1ครั้งนั้นถึงมันจะเป็นแค่ความรู้สึกจางๆแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจอะไรบางอย่างที่เหมือนจะเร่งให้เขาออกไปจากที่นั่นเร็วๆ และครั้งที่สองนั่นก็คือคืนที่เขาได้เจอกับสิ่งที่เหนือความคาดหมายไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเองเพราะทุกความรู้สึกยังคงแจ่มชัดไม่ว่าจะคิดถึงเมื่อไหร่เขาก็รู้สึกหวาดผวาไม่ได้ทุกที

     

    “มาแล้วๆๆ โทษทีๆ เรื่องงานโรงเรียนน่ะมันยังตกลงกันไม่ได้ซักทีเนี่ย” อีทึกที่อยู่ๆก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาทำเอาฮันคยองหลุดจากภวังค์ ความรู้สึกกดดันรอบด้านเหมือนหายไปในทันทีทันใด

     

    “ช้าชะมัด” ฮยอกแจว่าพลางส่งสายตาตำหนิ

     

    “จริงๆไม่ต้องมาเลยยังจะดีกว่า” ส่วนทงเฮก็บ่นงุบงิบอยู่คนเดียว เพราะเมื่อกี้อุตส่าห์แอบหวังว่าถ้าอีทึกไม่มาจริงๆแผนคราวนี้คงต้องได้ล้มไปก่อนแน่ๆ

     

    “เออ แล้วว่าไงเรื่องงานโรงเรียน ฉันอยากรู้แล้วเหมือนกันว่าคราวนี้เค้าจะเลือกคิงกับควีนยังไง บอกว่าจะเปลี่ยนไม่ใช่เหรอ” ซองมินถามขึ้นเมื่ออีทึกนั่งแปะลงข้างๆตน

     

    “อ่อ เหมือนคราวนี้เค้าบอกว่าจะให้ทุกคนในโรงเรียนเลือกคนที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสมกับตำแหน่งนะ เลือกเอาเอง ใครก็ได้ แล้วเค้าจะมารวมคะแนนเพื่อหาลำดับที่1-5ทั้งของคิงและของควีน แล้วก็เอามาโหวตกันอีกที”

     

    “อื้อหือ งี้แกไม่ตายเหรอฟะตอนรวมคะแนน” ฮยอกแจทำตาโตเมื่อคิดถึงงานที่คณะกรรมการการจัดงานต้องทำ ถึงเขาจะไม่ได้มีตำแหน่งอะไรแต่ดูเหมือนมันมีแววว่าต้องโดนหางเลขไปช่วยจัดการกันทั้งแก๊งค์อีกแล้วแน่ๆ

     

    “ก็นั่นแหละ ฉันก็ว่า แต่หลายคนเค้าว่าอยากได้คนที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเหมาะสมจริงๆไง เพราะคราวก่อนๆก็เอาแต่คนที่สมัครเข้ามาเองตลอด ไม่รู้ถ้าเปลี่ยนเป็นงี้จะได้เรื่องมั้ยเหมือนกัน” คนเป็นประธานชั้นปีแอบทำหน้าเครียดเมื่อคิดถึงการประชุมอันแสนอึดอัดที่ทำเวลามาราธอนตั้งแต่เลิกเรียนยันถึงเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ยังมีหลายหัวข้อที่ยังตกลงกันไม่ได้อยู่ดี

     

                     “บางทีอาจจะดีก็ได้มั้ง ได้เลือกคนที่ตัวเองคิดว่าเหมาะ ถึงเลือกแล้วไม่ได้ก็เท่ากับว่าคนอื่นส่วนใหญ่ไม่ได้คิดว่าคนนั้นเหมาะอะไรงี้” ซองมินพยักหน้าหงึกๆแสดงความเห็นด้วย

     

                    “อืมมม...ฉันว่าฉันเลือกตัวเองเป็นคิงดีกว่า นี่แหละเหมาะสุดๆ ทุกคนอย่าลืมเลือกนะ ฮ่าๆๆๆ” เมื่อฮันคยองจัดการกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่น่าหวาดหวั่นนั่นไปได้ ฮันคยองคนเดิมก็กลับมาอีกครั้ง!

     

                    “เอ่อ.... แล้วคิงกับควีนนี่มันคืออะไรเหรอครับ?” เด็กใหม่ผู้ไม่รู้อะไร(ซักเรื่อง)เอ่ยถามขึ้นมา

     

                    “หืมมม นี่นายยังไม่รู้อีกเหรอไง” ฮันคยองหันไปทำตาโตถามคนข้างๆ และเมื่อได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าอีกครั้ง ดวงตากลมก็กลอกไปมาอย่างหน่ายๆ

     

                    “เอาน่า น้องมันเพิ่งเข้ามาเอง ไม่รู้ก็ไม่แปลก ทำยังกะแกมาแล้วรู้เรื่องกะเค้าน่ะ ฉันจำได้นะว่าปีที่แล้วแกยังถามฉันอยู่เลยว่าเค้าขึ้นไปทำอะไรกันบนเวที!!” อึทึกพูดซะจนฮันคยองที่กำลังจะอ้าปากล้อเลียนรุ่นน้องที่ไม่รู้อะไรต่อถึงกับหุบปากแทบไม่ทัน

     

                    “อะโธ่.... ก็นะ คนเราก็มีไม่รู้บ้างอะไรบ้าง” พูดเสียงอ่อยหันหน้าหนีหลบตาทุกคน ทำเอาเหล่าผู้เป็นเพื่อนที่รู้แกวอยู่แล้วส่ายหน้าอย่างระอา แต่คนเป็นรุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างๆพอเห็นแบบนี้ก็อดอมยิ้มออกมาเล็กๆไม่ได้

     

                    “นี่ซีวอน ไม่ต้องไปสนมันหรอก มาเดี๋ยวฉันเล่าเองก็ได้” ฮยอกแจตบไหล่ซีวอนให้หันไปหาตน “นายก็รู้ใช่มั้ยว่าอีกไม่นานก็จะถึงวันงานโรงเรียนแล้ว และคิงกับควีนนี่คือคนที่เค้าคัดเลือกมาจากนักเรียนทั้งหมดอ่ะแหละ ส่วนใหญ่ก็จะให้ทุกคนโหวตน่ะ แต่กติกาเป็นแบบไหนก็แล้วแต่ปี และคิงกับควีนนี่แหละคือไคลแมกซ์ของงานเชียวนะ ใครๆก็ต่างสนใจเพราะคนที่ได้เป็นแต่ละคนนะ หูยยยย อย่าให้พูด อย่างปีที่แล้วนะรุ่นพี่อินฮยองที่ได้เป็นควีนนะสวยน่ารักอย่างกับตุ๊กตาแน่ะ” พูดจบฮยอกแจก็ดูเหมือนจะเคลิ้มไปกับความทรงจำของตนเอง

     

                    “แต่ฉันว่ามีหลายคนสนใจตำแหน่งเพราะมงกุฎนั่นด้วยแน่ๆ ยิ่งสาวๆนะดูจะอิจฉาคนที่ได้เป็นควีนกันทุกปี” ซองมินพูดขึ้นมาบ้างโดยไม่สนคนที่เพ้อไปคนเดียวนั่นแล้ว

     

                    “หืมมม มงกุฎอะไรเหรอครับ” ซีวอนเอ่ยออกมาอย่างงงๆ

     

                    “ก็มงกุฎของคิงกับควีนไง เค้าว่ากันว่าถ้าใครได้สวมแล้วอธิษฐานนะจะสมหวังในทุกๆเรื่องเลยแหละ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงหรือเปล่า แต่ส่วนใหญ่คนที่ได้เป็นคิงกับควีนเค้าก็บอกว่าจริงแหละนะ” ร่างอวบไขข้อสงสัยให้แต่ดูเหมือนรุ่นน้องจะยังไม่หมดคำถาม

     

                    “อย่างงี้ก็แค่เอามาใส่ก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอครับ ทำไมต้องเป็นคิงกับควีนด้วยล่ะ”

     

                    “ถ้างั้นได้ก็ดีดิ แต่พอดีว่าตอนนี้มงกุฎทั้งสองนั่นอยู่ในตู้เซฟธนาคารนู่น ของจริงน่ะของจริง เค้าคงไม่ให้ใครไปใส่เล่นได้ง่ายๆหรอกน่า”

     

                    “เออ เรื่องนี้ก็น่าพิสูจน์นะว่ามงกุฎนั่นจะทำให้สมปรารถนาได้จริงหรือเปล่า เพราะงั้นพวกนายอย่าลืมเลือกฉันเป็นคิงล่ะ เดี๋ยวฉันจะไปช่วยพิสูจน์เรื่องนี้ให้เอง!!” อยู่ๆฮันคยองที่เหมือนนั่งตั้งใจฟังอยู่นานก็โพล่งขึ้นมาทำเอาอีทึกที่นั่งอยู่ใกล้สุดเอามือฟาดป๊าบลงบนหัวกลมๆนั่นหนึ่งที

     

                    “ไม่ต้องเอาพวกฉันเข้าไปยุ่งเลย! แฟนคลับมีเยอะไม่ใช่เหรอไง หรือเรทติ้งตกแล้ววะถึงมาหาตัวช่วยเพิ่มเนี่ย ฮ่าๆๆ”

     

                    “เฮ๊อะ! เออ!! ไม่ต้องก็ได้เว้ย! ถึงพวกแกไม่เลือกฉัน ยังไงก็มีคนเลือกฉันอยู่ดีอ่ะแหละ” พูดออกมาอย่างมั่นใจ จนทำให้เพื่อนๆหน่ายกันเป็นแถบๆอีกครั้ง ถึงทุกคนจะรู้อยู่หรอกนะว่ามันก็จริงดังว่า เพราะคนตรงหน้านี่ก็เป็นนักกีฬาไอดอลของโรงเรียนที่มีสาวๆตามกรี๊ดกันเป็นพรวนคนนึงเลยแหละ แต่ให้ตายเถอะเจองี้มันก็โคตรน่าหมั่นไส้เลยเหอะ อยากรู้จริงๆถ้าพวกสาวๆแฟนคลับมาเห็นจะว่ายังไง  -*-

     

                    “เอ่อ....นี่พวกนาย จะคุยกันตรงนี้อยู่อีกนานมั้ย ถ้างั้นฉันกลับก่อนนะง่วงแล้ว ฮ้าวววว” ทงเฮที่นั่งนิ่งอยู่นานเอ่ยออกมาอย่างเนียน พลางทำเป็นปิดปากหาวประหนึ่งว่าง่วงสุดๆประกอบพร้อมคว้าแขนฮยอกแจให้ลุกตามไปเป็นเพื่อน

     

                    “เฮ้ยๆ กลับมานี่เลย ไม่ต้องเนียนๆ” แต่ดูเหมือนทั้งอีทึกและซองมินจะคว้าเอาทั้งคู่ไว้ได้ทัน

     

                    “โธ่ ก็เห็นคุยกันอยู่ได้ นี่มันก็ดึกจะแย่ ฉันง่วงนะ” ทงเฮโอดครวญทั้งๆที่จริงๆแล้วตนเองนั้นนอนดึกว่านี้เยอะ!

     

                    “เอ้า งั้นถ้านายอยากกลับเร็วๆไปเลย คู่นายคู่แรก อย่าลืมถ่ายรูปมาด้วยล่ะ!” ไม่พูดพร่ำทำเพลงฮันคยองจัดการให้เสร็จสรรพ โดยการพาทั้งคู่ไปยืนหน้าบันไดทางขึ้นตึกเรียนที่แสนวังเวงแห่งนี้

     

                    “ว๊ากกกก ไม่เอา!! ไหนว่าจะโอน้อยออกไงว่าคู่ไหนจะได้ไปก่อน!!” และก็แน่ล่ะทงเฮรีบท้วงทันที ส่วนฮยอกแจน่ะเหรอยังคงตกใจค้างจากการโดนติดร่างแหอยู่

     

                    “อะไรกันฟะ ก็นายอยากกลับเร็วๆไม่ใช่เหรอ อุตส่าห์จัดให้ก็ไม่เอาอีก จะเอาไงกันแน่เนี่ย”

     

                    “เออๆๆ ถ้าจะรีบก็มา ฉันก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่หรอกนะ” ซองมินรีบตัดปัญหา ลากเหล่าคุณเพื่อนให้รีบเข้าเรื่องซักที

     

                    “มาๆ ส่งตัวแทนมาเลย” ส่วนคุณประธานก็ถือโอกาสใช้อำนาจของตนเองในกลุ่มเพื่อนบ้าง

                    “นายไปนะ ฉันว่าฉันดวงไม่ค่อยดีเท่าอ่ะ” ทงเฮหันไปบอกกะฮยอกแจที่ยืนอยู่ข้างๆ

     

                    “ทำยังกะฉันดีไปกว่าแกนะ ถ้าโดนคู่แรกอย่ามาโวยนะเว้ย” คนถูกโบ้ยปกป้องตัวเองทันควัน

     

                    “โวย!!” ยืนยันหนักแน่นว่าถ้าอีกฝ่ายทำให้เขาต้องไปคนแรกเอ็งตายแน่!!

     

                    “วะ!! งั้นออกเองเลยไป!” ดันให้ทงเฮไปยืนเผชิญหน้ากับอีทึกทันที แบบไม่คิดอะไรแล้ว ถ้าพูดออกมางี้ก็ไปเองเลยเถอะ!!

     

                    ส่วนคู่สุดท้ายที่ยืนมองตากันปริบๆกันอยู่นานอย่างคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงดี จนในที่สุดฮันคยองก็ใช้ศอกกระทุ้งร่างสูงจึ๊กๆเหมือนเป็นการบอกว่าให้อีกฝ่ายออกไปเถอะ และซีวอนก็ต้องยินยอมเดินออกไปโดยดี

     

                    “ใครออกไปคู่แรกนะ! อ่ะพร้อมนะ” อีทึกถามขึ้น ทุกคนพยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง พร้อมทำหน้าเครียดจ้องมองมือทั้งสามที่ยื่นออกมารวมกันอยู่ด้านหน้า

     

    และวินาทีแห่งการลุ้นระทึกก็เริ่มขึ้น!!

     

                    “โอ....น้อย....”

     

                    ทงเฮหลับตาปี๋ ฮยอกแจกำมือแน่น ซองมินหันหน้าหนีไม่ยอมมอง อีทึกทำปากขมุบขมิบเหมือนท่องอะไรบางอย่าง ฮันคยองกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนกัดริมฝีปากตัวเอง และซีวอนก็.....ทำตัวตามปกติเหมือนคนที่เค้าโอน้อยออกกันนั่นแหละนะ

     

                    “ออก!!

     

                    เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างหยุดค้าง แม้จะหายใจก็ยังไม่มีใครกล้า ทุกสายตาจดจ้องไปยังมือทั้งสาม!!!

     

                    “อ๊ากกกกกกกกกกก ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย” เสียงร้องโหยหวนของทงเฮดังขึ้นทันทีที่เห็นมือตนเองหงายอยู่แตกต่างกับอีกสองคนที่พากันคว่ำมือลง ทำเอาฮยอกแจแทบทรุดลงไปด้วย ส่วนที่เหลือก็เป่าปากกันอย่างโล่งใจ

     

                    “นายสองคนไปคู่แรกนะ มาๆหาคู่ต่อไปดีกว่า” อีทึกว่าพลางตั้งท่าจะเป่ายิ้งฉุบกับซีวอนต่อทันที

     

    ก็นะตอนนี้สี่คนที่เหลือมันลอยตัวไม่ต้องไปเผชิญกับสิ่งที่คาดเดาไม่ได้เป็นคนแรกแล้วนี่ ไงๆมันก็เหมือนเป็นโอกาสได้ส่งหน่วยกล้าตายไปลองก่อน ถ้าไม่เจออะไรพวกเขาก็เข้าไปอย่างสบายใจขึ้นมานิดหน่อย แต่ถ้าเจออะไรขึ้นมาจริงๆ ก็เผ่นสิ อย่าหวังว่าจะให้เข้าไปด้วยเชียว

     

                    “อา...สรุปอีทึกกับฉันไปเป็นคู่ที่สองสินะ แล้วสุดท้ายก็ฮันคยองซีวอน” ซองมินสรุปเมื่อการตัดสินเสร็จสิ้น

     

                    “นายนี่ดูโชคดีชะมัดเลยแฮะ ชนะตลอด” ฮันคยองหันไปคุยกับรุ่นน้องที่ทำให้พวกเขาได้เข้าไปเป็นคู่สุดท้าย “แต่คู่สุดท้ายนี่มันดีจริงๆหรือเปล่านะ” พลางคิดถึงชาตะกรรมของคนเองที่จะได้เผชิญ เพราะยังไงๆถึงจะเป็นคู่สุดท้ายแต่ก็ต้องเข้าไปอยู่ดี

     

                    “ผมว่าเข้าไปเป็นคู่แรกหรือคู่สุดท้ายมันก็คงไม่มีอะไรหรอกล่ะมั้งครับ ก็เท่าที่ผมอยู่ที่นั่นผมก็ไม่เห็นว่าเคยเจออะไรเลย” ร่างสูงแสดงความคิดเห็น

     

                    “จริงนะ” เหมือนเป็นการเรียกกำลังใจจากคนที่มีประสบการณ์จริง ฮันคยองเริ่มจะยิ้มออก

     

                    “จริงสิครับ” ยืนยันอย่างหนักแน่นพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาคนที่แอบหวั่นใจอยู่ลึกๆใจชื้นขึ้นเป็นกอง

     

     

                    “เฮ้ๆๆ เมื่อไหร่พวกนายจะเข้าไปซักทีเนี่ย อยากกลับเร็วๆไม่ใช่หรือไง” อีทึกเร่งผู้เปิดประเดิมทั้งสองที่ยืนเก้ๆกังๆเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมาว่าใครจะเดินนำอยู่หน้าทางขึ้นตึก

     

                    “ฮยอกแจนายเดินนำไปเลย!!” ทงเฮออกคำสั่งพร้อมต่อหลังเกาะเอวอีกฝ่ายแน่น

     

                    “เฮ้ย!! ได้ไง! เดินไปพร้อมกันดิ!!” ฮยอกแจดึงคนที่เกาะอยู่ด้านหลังให้มายืนอยู่ข้างกันและลากหายกันเข้าไปในความมืด ทิ้งให้คนที่เหลือทอดสายตามองอย่างลุ้นระทึก

     

                    “สองคนนั่นมันจะเจออะไรหรือเปล่าวะ” อีทึกเปรยขึ้นมาพร้อมจ้องไปยังอาคารหลังเก่าเหมือนจะหาคำตอบนี้ด้วยตนเอง

     

                    “เดี๋ยวเข้าไปก็รู้เองแหละน่า แต่ตอนนี้ฉันว่าอากาศมันเย็นๆขึ้นยังไงพิกลนะ” ซองมินว่าก่อนจะกอดตนเองคลายหนาว

     

                    “มันคงเริ่มเข้าหน้าหนาวแล้วล่ะมั้งครับ”  ซีวอนพูดพลางเงยหน้ามองรอบด้าน

     

    เงาของยอดไม้ในยามมืดไหวไปตามแรงลมที่พัดมาเป็นระยะๆ  แสงจันทร์จากเสี้ยวของดวงจันทร์ที่วันนี้ถูกท้องฟ้าสีดำสนิทกลืนกินไปเสียเยอะพยายามส่องแสงเท่าที่สามารถทำได้ แต่มันก็ยังดูมืดมิดกว่าทุกๆวันอยู่ดี ลมหนาวพัดเข้ามาอีกระลอก คราวนี้ถึงกับทำให้ทุกคนพากันกระชับเสื้อกันหนาวของตนอย่างพร้อมเพรียง

                   

                    “ฉันคิดผิดแน่ๆที่ออกมาเล่นอะไรอย่างงี้กับพวกนาย!” อีทึกเริ่มบ่นเมื่อคิดไว้ว่าจริงๆแล้วเวลานี้ตนเองควรจะนอนอยู่บนที่นอนอุ่นๆในห้องมากกว่ามานั่งหนาวอยู่ท่ามกลางความมืดแบบนี้

     

                    “โธ่ นายก็เห็นดีเห็นงามเองไม่ใช่เหรอไง แต่ถ้าจะโทษนู่นเลยคนนู้น” ซองมินพยักเพยิดไปทางร่างโปร่งที่นั่งจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่อยู่ข้างๆหนุ่มรุ่นน้อง

     

                    “เฮ้ย! ไม่เกี่ยวเลย ฉัน.....”

     

    ยังไม่ทันที่ฮันคยองจะได้เถียงจบก็เหมือนมีลมเย็นยะเยือกปะทะเข้าเต็มๆตัว ขนอ่อนบริเวณต้นคอเหมือนพร้อมใจกันลุกชัน และความรู้สึกเสียววาบก็แล่นผ่านลงไปตามสันหลังพาเอาทั้งตัวเริ่มสั่นน้อยๆ

     

    และแล้วก็มีสิ่งให้ดวงตากลมเบิกกว้าง ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อเริ่มรู้สึกถึงสัมผัสเย็นเฉียบบริเวณใบหูด้านขวา เสียงกระซิบแผ่วดังขึ้นความเย็นยะเยือกนั่น

     

     

     

    ....อย่า.......

     

     

     

    .....อย่า.......ขะ........

     

     

     

    .......อย่า......เข้า.......ไป........

     

     

     

    ........อย่า...เข้า...ไป.......

     

     

     

    ........อย่า...เข้า...ไป....ใน..นั้น.....

     

     

     

     

    เสียงเย็นเยียบนั่นดังแผ่ววนไปวนมาอยู่เพียงประโยคเดิม มันดังซ้ำๆเหมือนพยายามพร่ำบอกสิ่งนี้กับฮันคยองอย่างไม่มีหยุด

     

    “เฮ้!! ฮัน!! ฮันคยอง!! นายเป็นอะไรวะ อยู่ๆก็เงียบไป” อีทึกเขย่าตัวผู้เป็นเพื่อนที่อยู่ๆก็นิ่งไปอย่างไม่รู้สาเหตุ จนคนที่เหมือนตกอยู่ในภวังค์สะดุ้ง

     

    “อ๊ะ...เอ่อ....อะไร?” ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ฮันคยองหันไปทำหน้าเหวอถามผู้เป็นเพื่อนทั้งๆที่ใจนั้นเต้นแรงอย่างบ้าระห่ำกับสิ่งที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ที่ได้เกิดขึ้นกับตนเองอีกครั้ง

     

    “เป็นอะไรของนายเนี่ย อยู่ๆก็นิ่งไป ไหวมั้ยเนี่ย ดูหน้าซีดๆนะ” ซองมินทำหน้าสงสัยถาม

     

    “ปะ...เปล่า...ไหวสิ ฉันไหว” ฮันคยองเอ่ยยืนยัน พยายามทำน้ำเสียงตนให้หนักแน่นกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง

     

    “ให้แน่ๆ ไม่ใช่อยู่ๆก็กลัวจนไม่กล้าเข้าแล้วก็บอกมาเถอะ” อีทึกยกยิ้มเยาะ

     

    “เฮ้ย!! ไม่...ไม่ใช่เว้ย ฉันไม่กลัวหรอกน่า” และมีเหรอคนรักษาฟอร์มอย่างฮันคยองจะยอมรับ ทั้งๆที่ตนเองอยากกลับใจจะขาด แต่ปากมันก็ดันพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามออกไปเสียอย่างงั้น

     

    “ให้มันจริงเถอะ”

     

    “เออ...น่า...ฉันไม่มีทางกลัวเหรอ....” ยืนยันออกมาแม้เสียงมันจะแผ่วๆไปเสียหน่อยก็เถอะ

     

    และนั่นก็ทำให้ผู้เป็นเพื่อนทั้งสองหมดความสนใจกับคนฟอร์มเยอะหันไปจับจ้องผ่านความมืดไปยังตึกตรงหน้าและมองนาฬิกาเพื่อรอเวลาที่ผู้ท้าประลองคู่แรกจะออกมาแทน

     

    เมื่อเพื่อนหันกลับไปสนใจสิ่งอื่น ดวงตาเรียวก็หลุบต่ำ คิ้วขมวดมุ่น ร่างโปร่งพยายามคิดทบทวนถึงชั่วเวลาที่ผ่านมาครู่ สิ่งที่เขาไม่เข้าใจมันเกิดขึ้นอีกแล้ว ยิ่งคิดยิ่งหาสาเหตุไม่ได้ ยิ่งคิดยิ่งกลัว แต่ก็ไม่อยากที่จะบอกใคร เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ยังไงดี

     

    ซีวอนเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ดวงตาคมจดจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลก่อนจะไล่สายตาต่ำลงไปมองมือเรียวที่ขยุ้มกำชายเสื้อเขาไว้แน่น และนั่นก็พอบ่งบอกได้ดีว่าอีกฝ่ายต้องมีอะไรที่ปิดบังไว้นอกจากความกลัวในการก้าวเข้าไปสัมผัสในตึกแห่งนี้เป็นแน่นอน......



                    .

    .

     

    .

     

     

     TBC!!!!


    ======================================================

    จบ!! หมดสต๊อก!! เจอกันเมื่อชาติต้องการนะครับ! กร๊ากกกกกกกกก
    เหมือนเรื่องยังเดินไปไม่ถึงไหน แต่เอาเถอะๆ ผมจะพยายามมาต่อมันต่อไปแล้วกันเนอะ ถ้ายังมีคนอ่าน...............มั้ง 55555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×