คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : +:...Remember Chapter 04...:+
รถ บขส. แดงแล่นช้าๆเข้าจอดเทียบท่ารถ ในเมืองปาย ร่างบางที่นอนเอียงตัวซบอยู่กับอีกคนต้องตื่นขึ้นเพราะแสงแดดในยามบ่ายมันแยงลูกตาเหลือเกินบวกกับการเคลื่อนไหวของรถมันหยุดลง มือเรียวยกมือขยี้ตาพยายามปรับสายตาให้รับแสงแดด หญิงสาวศีรษะที่เอนลงซบใครอีกคนที่หลับอยู่ ทันทีที่เธอยกมันออกก็ทำให้ศีรษะของคนตัวสูงนั้นเอนตกลงมาซบที่ไหล่เล็กของเธอแทน จนเจ้าของไหล่บางนั้นสะดุ้งโหยงเด้งตัวลุกจากที่ทันที ทำเอาคนที่กำลังโงนเงนอยู่ค่อยๆปรือตามามองเธอ
“ถึงแล้วเหรอ”
“ถึงแล้วค่ะ พี่ภัทร”
พลภัทรสำรวจบรรยากาศรอบกายด้วยอาการงัวเงีย ร่างสูงบิดขี้เกียจพร้อมยันตัวเองลุกขึ้น แต่ฉับพลันอาการหน้ามืดเพราะความดันเลือดในร่างกายต่ำลงอย่างฉับพลัน ทำเอาร่างสูงเซถลาจะล้มลงไป แต่ยังโชคดีที่หญิงสาวคว้าร่างของเขาไว้ทันที
“พี่ภัทร!!” ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาพยายามเรียกสติตัวเองให้กลับมา และปรับสมดุลของร่างกายให้เป็นเหมือนเดิม “พี่ภัทร โอเครึเปล่า” น้ำเสียงหวานบ่งบอกถึงความห่วงใยจากหญิงสาวที่พยุงร่างของไว้อยู่
พลภัทรยิ้มบางๆพร้อมกับพยักหน้าให้กับปลายตะวัน มือหนายกขึ้นนวดหว่างคิ้วของตัวเองยิ่งทำให้เธอเป็นห่วง ถึงแม้ว่าเจ้าตัวเขาจะพยักหน้าว่าไม่เป็นไร แต่เธอก็ยังอดห่วงไม่ได้
“ไปเถอะ เดี๋ยวไม่ได้เที่ยว”
“แต่พี่ภัทร ดูหน้าซีดๆปลายว่าอย่าเพิ่งไปไหนเลยลงไปนั่งพักก่อนดีมั๊ย?” พลภัทรมองหญิงสาวที่ยืนพยุงเขาอยู่ ก่อนจะพยักหน้ารับน้อยๆสุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้ ถ้าไม่ยอมมีหวังปลายตะวันได้ส่งเขากลับแน่ สุดท้ายคงต้องเหลือแค่คำว่า อด อย่างเดียว
ร่างสาวค่อยๆพยุงร่างสูงลงจากรถ แต่ไปๆมาๆกลายเป็นว่าพลภัทรต้องพยุงร่างเธอเอง เพราะสัมภาระที่เจ้าตัวอาสาว่าจะขนเอง สุดท้ายตัวเองก็ต้องไปนั่งหอบแฮ่ก ใบหน้างามที่มีเลือดฝาดตอนนี้ซีดผืดยิ่งกว่าเขา จนชายหนุ่มต้องรีบหาพัด หายาดม มาให้หญิงสาวคนเก่ง
“เป็นไงล่ะแม่คนเก่ง”
“ไม่ต้องมาแขวะ คนอุตส่าห์เป็นห่วง เลยอาสาถือของให้” คนที่แซวหันไปแว๊ดใส่จนชายหนุ่มทำหน้าเหวอนี่สรุปว่าเป็นความผิดรึเปล่า
“จ้ะๆๆ เอาน้ำมั๊ยเดี๋ยวพี่ไปซื้อให้” หญิงสาวโบกมือไปมามืออีกข้างเอายาดมยัดจมูก สูดกลิ่นมันเข้าไปแรงๆ อาการเมารถเวลาขึ้นเขาทำ ปลายตะวันงานเข้า เหมือนกับทินกรที่ขึ้นเครื่องมาที่นี่
“นี่เรา อยู่ที่นี่ตั้งนาน ยังไม่ชินอีกรึไง”
“พี่ภัทร ปลายอยู่แม่ฮ่องสอน ไม่ได้อยู่ปายอีกอย่าง นานๆทีปลายจะขึ้นมา” พลภัทรเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นน้อยๆ กับข้อแก้ตัวข้างๆคูๆ ของเธอ มันก็เหมือนกันตรงนี้แหละนะพี่น้องตระกูลนี้ “ไหวเปล่าเนี่ย”
“ไหวสิพี่ภัทร”
“แน่ใจ”
“.....” ไม่มีคำพูดอะไรออกมา นอกจากสายตาที่หันขวับมาแทนคำตอบ ใบหน้างามที่ดูซีดเซียวตอนนี้กลับขึ้นมามีสีเลือดอีกครั้ง เพราะอาการเลือดขึ้นหน้า แต่ก็ต้องร้อง ‘โอ๊ย’ ขึ้นทันทีเมื่อโดนมือใหญ่ของชายหนุ่มยกขึ้นบีบจมูกด้วยความหมั่นไส้ แต่แล้วตากล้องหนุ่มต้องรีบชักมือกลับทันทีเมื่อเห็นว่ามือเล็กของหญิงสาวเริ่มจะเอาคืนเขา ร่างสูงลุกขึ้นหยิบสัมภาระก่อนจะออกตัววิ่งหนีไปที่ทันทีเมื่อโดน ร่างบางที่เริ่มมีอาการควันออกหูวิ่งไล่ตามมา
สุดท้ายเขาเองก็ต้องยอมแพ้ เพราะไม่มีความชำนาญทางเท่ากับคนที่วิ่งไล่เขา และแล้วทั้งคู่ก็มาหยุดลงที่หน้าล็อบบี้รีสอร์ท เพื่อนสนิทของทินกร ที่เธอพอจะใช้เซ่น ในความเป็นน้องสาวเพื่อนสนิท ปลายตะวันให้พลภัทรไปหาที่นั่งรอก่อน เพราะเธอขอไปจัดการเรื่องที่พักก่อน
“พี่ศิลา!!ช่วยหน่อยไม่ได้ไง เพ้นเฮาท์พี่ก็ได้” น้ำเสียงหวานอ้อนแกมบังคับพูดหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงเคาร์เตอร์ตรงล็อบบี้
“ไอ้บ้า!!ไม่มีหรอก เพ้นฮงเพนเฮาท์อะไร ฉันไม่มี” เจ้าของรีสอร์ทหนุ่มพูดไปมือวุ่นอยู่กับแฟ้มงาน
“ไม่มีจริงอ่ะ แล้วถ้ายัยแพมมาเที่ยวพี่จะมีรึเปล่า” คำพูดนั้นเล่นเอาคนที่เป็นเจ้าของหัวเราะหึหึ ในลำคอ เมื่อปลายตะวันพูดถึงหญิงสาวอีกคน
“ต่อให้ยัยแพมมาเที่ยวฉันก็ไม่มี เอ้านี่ เซ่นได้ห้องเดียวคุณน้องปลายครับเชิญ” ปลายตะวันรับกุญแจจากศิลามาใบหน้างามถึงกับสลด นี่ขนาดคำนวณไว้ รู้ทั้งรู้แต่ก็...
“ก็ได้ ค่าห้องหักเอาในบัญชีพี่ทีนะ”
“แล้วทำไมต้องไปหักในบัญชีไอ้ทีอ่ะ บัตรเครดิตก็ได้ที่นี่รับหมด”
“ไม่ตลก เดี๋ยวปลายโอนให้ให้ทีหลังก็ได้!!” พูดจบร่างบางก็เดินหันหลังจากไปทันที ศิลาหัวเราะพร้อมกับส่ายหน้าไปมา มือหนาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูตัวเองทันที “ครับเรียบร้อย ครับ ไม่ต้องห่วงครับ ผมจัดการให้แล้ว ไม่เป็นไรครับ ยินดีครับ” ประโยคที่พูดกับโทรศัพท์มือถือจบ ก่อนจะไปต้อนรับลูกค้ารายใหม่
“มาแล้วเหรอ แพม ผมเตรียมห้องไว้ให้แล้ว”
ประตูห้องนอนของบ้านพักถูกเปิดออก ภายในห้องถูกตกแต่งไว้ดูอบอุ่นดูสบายตา ไม่มีอะไรจะแย่ที่สุดในชีวิตของปลายตะวันแล้ว ทั้งชีวิตเธอไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้ชายคนไหนเลยนอกจากเจ้าเต้นท์ พ่อ แล้วก็ทินกร พลภัทรนี่จะเรียกได้ว่าคนแรกเลยล่ะมั้งสำหรับคนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
“อ้าว!!ได้เตียงคู่เหรอ” ร่างสูงพูดขึ้นด้วยความแปลกใจทันที เมื่อเห็นเตียงนอนสีขาวเตียงเดียว
“คือว่า เหลือแค่ที่นี่เดียวอ่ะค่ะ” จิตกรสาวพูดขึ้นใบหน้างามก้มงุดๆไม่เหมือนเมื่อตอนที่อยู่สถานีขนส่ง
“.....” ร่างสูงนิ่งเงียบ ทำเอาคนที่เอาแต่ก้มหน้าเริ่มใจไม่ดี เขาต้องไม่พอใจแน่ แต่ทำไงได้ จะให้ไปที่อื่นมันก็สายไปเสียแล้ว หญิงสาวเงยหน้าพยายามจะแก้ตัวแต่แล้วเธอแอบสังเกตใบหน้าขาวๆเข้มๆของคนตัวสูงมีสีแดงเรื่อขึ้นมา ดวงตาแสนอบอุ่นที่เธอมักจะเป็นฝ่ายเบือนหนีก่อนเสมอ ตอนนี้มันพยายามเหมือนจะหลบสายตาของเธอ
“พี่ภัทร เดี๋ยวปลายนอนโซฟาก็ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก”
“หือ...ไม่ต้องหรอก..ปลายนอนเตียงเถอะ พี่นอนโซฟาเอง” ปลายตะวันทำท่าจะเถียงอีกแต่ก็ต้องหุบปากลงทันทีเมื่อโดนคนตัวสูงหันมาทำหน้าดุใส่ บรรยากาศที่พาเอาปลายตะวันเริ่มรู้สึกกลัวใจตัวเองเธอเลยขอตัวไปนั่งที่ระเบียงโดยอ้างกับพลภัทรว่าอยากออกไปดูวิวข้างนอก แต่ความจริงแล้วเธอต้องการออกไปสงบจิตสงบใจของเธอเอง ร่างบางทิ้งตัวลงเก้าอี้หวายตัวยาวพร้อมกับถอนหายใจออกอย่างแรงๆเพื่อบรรเทาอาการตึงเครียดของเธอดวงตาคู่สวยเหม่อมองบรรยากาศยามนี้มันเหมาะที่ออกไปเที่ยวรอบๆรีสอร์ทมากกว่าที่เธอจะมานั่งกลุ้มกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ แต่จะให้เธอทำยังไงได้ในเมื่อความรู้สึกที่เหมือนกับว่า ทำไมคนบนฟ้าต้องส่งเขากลับมาพร้อมกับความรู้สึกนั้นที่เธอฝังมันไปพร้อมกับความทรงจำดีๆและความเจ็บปวดที่เป็นได้แค่ คนแอบรัก ว่าแล้วจิตกรสาวก็ส่ายหัวไล่ความคิดนั้นออกไป มือเรียวหยิบสมุดเล่มเล็กพร้อมกับดินสอหนึ่งแท่งขึ้นมา แล้วค่อยๆร่างเส้นลงไปบนกระดาษสมุดนั่น แต่เธอก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่ออยู่ๆแสงสว่างขึ้นวาบหนึ่งอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
“........”
“ยิ้มหน่อยสิสาวน้อย หน้าบึ้งแบบนี้แก่เร็วนะ” ใบหน้าที่อยู่หลังกล้องถ่ายรูปราคาเหยียบแสนนั่นพูดขึ้นก่อนจะลงมือกดชัตเตอร์อีกครั้ง
“พี่ภัทรเล่นอะไรเนี่ย!!” มือเล็กรีบหยิบสมุดที่เธอร่างภาพไว้ยกขึ้นปิดใบหน้าตัวเองทันที
“ยกขึ้นปิดทำไมเล่า..เอาออกเลย..”
“ไม่..อ๊าย!!!พี่ภัทร เอาของปลายคืนมานะ” คำปฏิเสธก่อนจะเปลี่ยนเสียงแว๊ดของหญิงสาวที่โดนช่างภาพแย่งสมุดเล่มที่เธอใช้เป็นเกาะกัมบังปิดหน้าตาของเธอไป พร้อมกับเปิดมันดู รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนหน้าของเขาเมื่อเขานั่งดูภาพดินสอในสมุดเล่มนั้น “สวยดีนี่..สมแล้วที่..” ยังชมไม่จบเจ้าของสมุดเล่มนั้นก็มาแย่งมันกลับไป
“พอ..ให้ดูแค่นี้ ไว้เสร็จแล้วจะให้ดูต่อ”
“เมื่อไรล่ะ”
“เมื่อไรก็เมื่อนั้น..”
“ก็ได้..พี่จะรอดูภาพที่ปลายวาดนะ” คำพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ทำเอาเจ้าของสมุดเล่มนั้นกำสมุดไว้แน่น
“จะรอดูทำไม พี่ภัทรก็เคยภาพที่แกลลอรี่แล้วไม่ใช่รึไง ภาพพวกนั้นปลายก็วาดเอง”
ร่างสูงส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนั้น “มันไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนกันยังไง”
“ก็..ไม่รู้สิ..เอาเป็นว่ามันไม่เหมือน ก็แล้วกัน” คำพูดที่เว้นช่วงไปเมื่อดวงตาคู่สวยมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา “ไว้พี่ได้ดู..พี่จะบอกเองว่ามันไม่เหมือนกันยังไง” มือใหญ่วางลงบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้าพร้อมกับขยี้ไปมาจนฟูฟ่อง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง ทิ้งความสงสัยให้หญิงสาว ดวงตาแสนอ่อนโยนคู่นั้นดวงตาที่เหมือนกับดวงอาทิตย์ยามเช้าในหน้าหนาวของเขา ปลายตะวันมองแผ่นหลังของเจ้าของดวงตาคู่นั้นที่อยู่หลังประตูกระจก พี่ภัทรรู้ตัวรึเปล่า ว่าพี่ภัทรเหมือนไม่ใช่คนที่ปลายเคยรู้จัก ดวงตาของพี่แม้จะอบอุ่นเพียงใดแต่ปลายกลับเห็นแต่ความว่างเปล่า เห็นแต่ความเหงา หญิงสาวค่อยๆหลุบตาต่ำลงมองสมุดในมือที่ชายนุ่มบอกว่าจะรอดู นัยน์ตาของเธอค่อยๆร้อนผ่าวขึ้นมาน้ำใสๆเอ่อคลอเต็มดวงตาคู่นั้น
“พี่ภัทรคงไม่ได้ดูหรอก เพราะปลายไม่ต้องการให้มันเสร็จ”
ทางด้านพลภัทรที่เข้ามาในห้องแล้วมือหนายกขึ้นลูบหน้าตัวเองด้วยอาการเครียดบวกกับความเหนื่อยทำไมเขาจะไม่รู้สิ่งที่ปลายตะวันความรู้สึกซ่อนอยู่ แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่างหาก คนอย่างน้องสาวนายทินกรรุ่นน้องของเขาที่มหาวิทยาลัยอ่านง่ายจะตายไป ต่อเธอซ่อนมันไว้ลึกขนาดไหนสมบูรณ์แบบเพียงใดเขาก็อ่านออก ต่างจากคนพี่ลิบลับ เพราะทินกรเป็นคนที่เก็บความรู้สึกนั้นไว้สมบูรณ์แบบเกินไป เกินไปจนเรียกได้ว่าปิดตายหัวใจตัวเอง ร่างสูงเหลือบมองร่างบางที่อยู่ตรงระเบียง ให้เขาทายตอนนี้เธอก็คงนั่งขีดๆเขียนดินสอลงในสมุดเล่มที่เขาเพิ่งขโมยดูและจะรอดูจนกว่ามันจะเสร็จตามที่เจ้าตัวบอก รอยยิ้มอ่อนๆที่มันแปลกไปมากกว่าทุกครั้งผลุดขึ้นบนใบหน้าคมสัน ว่าแล้วชายหนุ่มก็มองนาฬิกาข้อมือตัวเองก่อนจะหันกลับไปมองที่ระเบียง
“วาดเสร็จเร็วๆนะ...ปลาย”
วันแรกของการเดินทางมาถึงที่นี่จบลงไปอย่างไม่มีอะไรมาก หากจะมีคงเป็นเรือนไทยที่เสียงโวยวายของพี่ชายตัวแสบจนเจ้าเต้นท์ต้องหา i-pod ขึ้นมาพร้อมกับเปิดเสียงให้มันดังขนาดดังกลบเสียงโวยวายของทินกรได้มาฟัง กว่าจะหยุดก็ต้องโดนผู้อาวุโสที่สุดในบ้านบิดใบหูจนแดงกล่ำ แล้วตามด้วยไม้เรียวที่ใช้สำหรับฟาดเจ้าเต้นท์มาไล่ฟาดคนตัวโตแทน กว่าทุกอย่างจะเข้าสู่ความสงบเจ้าเต้นท์ต้องรีบหายาลม ยาดม มาประเคนให้แกที่ลงไปนั่งอยู่กับหมอนอิง
“เหนื่อยก่อยาย”
“โฮ๊ะไวอย่างกับลิงกับค่างบ้าที..ยายไล่บ่ทัน”
“แหม..หมดไฟแล้วจะอี้แบบนี้ ผู้เฒ่าอยู่ส่วนของผู้เฒ่าเหอะยายเชื่อเต้นท์”
“บ่ได้..คอยดูนะ..ยายจะเอาผู้บ่าวรูปงามผู้นั้นมาเป็นหลานเขย ยาย” พูดจบแววตามุ่งมั่นของยายคำเอื้องก็ลุกพราว จนหนุ่มน้อยถึงกลับถอนหายใจความดื้อด้านของตระกูลนี้คงมาจากต้นตระกูลเป็นต้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่..ถ้ายายสนับสนุน ผมก็จะขัดขวาง”
“บ่ะนี่!!”ว่าแล้วไม้เรียวขนาดยาวก็ลงเข้าไปเต็มๆจนเจ้าตัวสะดุ้งทันที “อยากเห็นน้องตัวเองขึ้นคานเหงาตาย..จะอี้..”
“ให้มันขึ้นคานยังดีกว่าเห็นมันเจ็บ..อีก” ประโยคนั้นทำเอาคนที่นั่งอยู่บริเวณนั้นถึงอึ้งเหมือนกับทุกอย่างหยุดอยู่กับที่ “ผมไม่อยากให้ปลายมันต้องมาทนเจ็บ มาทนเป็นแบบผม”
“.....”
“ผมคิดว่าพ่อก็คงคิดแบบเดียวกับผม ไม่งั้นท่านไม่รีบตามผมมาหรอก” เท่านั้นแหละประโยคนั้นจบลงยายคำเอื้องถึงกลับอยากจะเป็นลมต่อทันทีเจ้าเต้นท์ไม่ต้องบอกรีบคว้ายาดมแถวนั้นมาสูดเข้าไปเต็มปอด ปากก็พึมพำคำว่า ตาย..ตาย..ตายอย่างเดียว โอยชีวิตยายคำเอื้องจะหาไม่ก็เมื่อลูกเขยเดินทางมาถึงนี่แหละ ว่าแต่ทำไมเรื่องนี้มันถึงไปถึงหูลูกเขยแกเร็วจัง สายตาของยายแกก็ค่อยๆเหลือบไปมองเจ้าหลานชายคนโตที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องเจ้าเต้นท์คงไม่ใช่ แล้วทำไมข่าวมันไปเร็วจริง
อรุณรุ่งวันใหม่มาเยือนเมื่อเสียงอันไม่พึงประสงค์นั่นคือนาฬิกาปลุกดังขึ้นมือเรียวพยายามควานหา เจ้าตัวรบกวนการนอนของเธอเพื่อพยายามปิดมันลง ก่อนจะลุกขึ้นมาด้วยสีหน้างัวเงียเต็มที “หนาววุ้ย!!” คำพูดนั้นทำให้คนงัวเงียเหลือบไปมองคนที่นอนเงียบสงบอยู่บนโซฟา ร่างแกร่งที่ภายใต้ผ้าห่มบางๆเพียงผืนเดียวต่างจากเธอที่นอนอยู่บนฟูกอุ่นๆพร้อมกับผ้าห่มหนาๆ ร่างบางค่อยขยับตัวเองอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ให้คนที่นอนอยู่ตื่น ปลายตะวันค่อยๆย่องมาที่โซฟาที่เขานอนอยู่ เสียงลมหายใจเข้าออกเบาๆอย่างสม่ำเสมอของเขา ไหนจะดวงหน้าในยามหลับอีก แต่แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นบนโต๊ะกาแฟสมุดหนังเล่มเล็กถูกวางอยู่ ใบหน้างามปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นทันที ก่อนที่มือเรียวจะคว้าสมุดเล่มนั้นไป
“หายกันนะพี่ภัทร ปลายขอแอบอ่านไดอารี่พี่ภัทรหน่อยละกัน” รู้ว่ามันเป็นการเสียมารยาทแต่ความอยากรู้อยากเห็นมันมากกว่า ทันทีที่เธอคว้าสมุดเล่มนั้นได้ก่อนจัดการเปิดหน้าที่มีปากกาคั่นไว้ ตอนนั้นเองรูปโพลาลอยด์ก็ล่วงลงสู่พื้นห้องจนหญิงสาวต้องรีบก้มลงไปเก็บแล้วไปใส่ไว้ลองปกหน้าสุดท้าย ก่อนจะลงมือเริ่มอ่านไดอารี่แต่ยังไม่ทันอ่าน ร่างบางก็รีบปิดสมุดเล่มนั้นแล้วจัดการเอามันไปไว้ยังที่เดิมที่มันเคยอยู่เพราะเจ้าของไดอารี่ขยับตัวทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นมา พลภัทรลืมตาขึ้นมาภาพแรกที่เขาเห็นคือร่างคุ้นตาในชุดนอนนั่งอยู่บนเตียงสีขาว
“ตื่นนานแล้วเหรอเรา”
“อืม..เพิ่งตื่นเมื่อกี้..”พูดความจริงเธอไม่โป้ปลดอะไรเลย คนที่นอนอยู่บนโซฟายิ้มน้อยๆด้วยอาการที่ไม่ต่างจากเธอที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเมื่อกี้นี้ “เดี๋ยวปลายขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” จะสรรหาคำพูดเลี่ยงบทสนทนาต่อไปไม่มีอะไรดีเท่ากับคำพูดนี้แล้ว พลภัทรพยักหน้าน้อยๆร่างบางก็รีบเอาของส่วนตัวของตัวเองหายเข้าไปในห้องน้ำทันที ไม่นานเธอก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ พลภัทรตอนนี้ที่ตื่นเต็มตาลุกขึ้นมาทุบต้นคอบ่งบอกถึงอาการเมื่อยล้า จากการนอนโซฟาแคบๆ
“พี่ภัทร”
“หืม...” เสียงที่ตอบกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่เงยขึ้นมามองเธอ “มีอะไรหรือ”
“วันนี้ไปหาที่พักใหม่มั๊ย เผื่อเขาจะมีห้องเหลือ” หญิงสาวเสนอความคิดแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาน้อยๆ ปฏิเสธความคิดหวังดีของเธอพร้อมกับพูดว่า “ไม่อ่ะเสียเวลา”
“เสียเวลาอะไรไม่เลย...”
“ไม่ๆๆๆๆพี่ชอบนอนแบบนี้ อีกอย่างพี่ไม่อยากให้วันเที่ยวของพี่หมดไปอีกวันกับเรื่องหาที่พักใหม่ อีกอย่างพี่นอนโซฟาจนชินแล้วล่ะ”
“งั้นคืนนี้ปลายนอนโซฟา พี่ภัทรนอนเตียงเปลี่ยนกัน โอเค”
“ไม่อีกอ่ะ...ปลายนอนไปเหอะพี่บอกว่าพี่ชินแล้ว”
“ถ้างั้นก็หาที่พักใหม่”
“ปลาย!!!!”
“ไม่หาที่พัก พี่ภัทรก็ต้องยอมแลกที่นอนกับปลาย” ร่างสูงถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ยอมก็ยอม ทันทีที่เขาพยักหน้าเธอถึงกับยิ้มออกทันที ก่อนจะไล่ให้เขาไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อประตูห้องน้ำเปิดออกมาพร้อมกับชายในชุดเสื้อยืดสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวมีฮู๊ดสีดำ เข้ากับกางเกงยีนส์ การแต่งตัวแบบนี้มันทำให้เขาดูอายุลดลงจากอายุจริงไปได้หลายปีทีเดียว
“แหม แต่งตัวซะวัยรุ่นเชียวนะ ไม่ดูอายุตัวเองเลยนะลุง” ร่างบางอดไม่ได้ที่จะแซวเขา ทำเอาคนที่โดนแซวถลึงตาใส่เธอทันทีที่แซวเรื่องอายุ
“พูดมากน่าเราน่ะ ไปรึยัง”
“แล้วรอใครล่ะ” คำพูดที่แสนหาเรื่องบวกกับรอยยิ้มหวานๆนั่น จะกี่ปีมันก็ไม่เคยเปลี่ยนไป ทำให้เขาคิดถึงเธอคนนั้น ใบหน้าคมเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับคว้ากล้องถ่ายรูปคู่กายมาคล้องคอ ร่างบางเด้งตัวลุกจากเตียงนอนไปรออยู่ที่ประตู “พร้อมรึยัง”
“แล้วเราล่ะพร้อมรึยัง”
“อะไร ปลายพร้อมตั้งนานแล้ว”
“จริงรึเปล่ายาดม ยาลมเตรียมไปรึยัง เดี๋ยวเกิดเป็นลมเหมือนเมื่อวานขึ้นมาพี่ทิ้งไว้จริงๆด้วย” คำพูดนั้นทำเอาคนที่ฟังยั๊วะทันที ผมสีน้ำตาลเข้มปลิวตามแรงสะบัดเชิ่ดของร่างบาง แต่ก็ยังไม่วายที่ใบหน้างามนั้นจะหันกลับมาหาเขาอีก “เอาไว้ให้คนแก่วัย 30 น่ะสิ”
หวังจะให้คนฟังเจ็บแต่มันกลับตรงข้าม คนอายุ 30 ยิ้มแป้นเดินผ่านร่างของเธอไปมือหนาก็มิวายต้องมายีผมสีน้ำตาลเล่นก่อนออกไป “ถึงแก่ประสบการณ์ก็เต็มเปี่ยมนะ” เสียงกระซิบเบาที่เขาลงทุนก้มลงมากระซิบข้างๆใบหูของเธอตอนที่ยีผม เล่นเอาคนฟังหน้าแดงร้อนทันที แม่เจ้า!!!พระพุทธ!!!พระธรรม!!!พระสงฆ์!!! รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผลุดขึ้นมาบนใบหน้าไหนจะคำพูด เธอไม่อยากจะเชื่อคนอย่างพลภัทรจะมีด้านมืดกับเขา
“....พี่ภัทร!!!!...หมายความว่าไง!!!!” รู้ความหมายแต่ก็แกล้งโวยวายไปงั้น อาการนี้แหละที่ทำเอาคนที่โดนโวยถึงกลับปล่อยเสียงหัวเราะออกมาทันที หัวใจเมื่อวานของเธอที่มันเต็มไปด้วยความเศร้าตอนนี้มันหายไปหมดเพราะคนที่วิ่งนำหน้าเธอไป แม้จะไม่ได้ครอบครองรอยยิ้มของเขา ขอแค่เพียงแค่นี้ให้เธอได้สัมผัสรอยยิ้ม กับ ดวงตาที่ไม่ว่างเปล่าของเขาเหมือนเมื่อวาน หากฟ้าหรือชะตาเล่นตลกกับเธอ เธอก็ยินดีเล่นกับชะตานั่นต่อไป...
ryuzaki talk :: หายหัวไปหลายเดือน ใช้คำนี้เลย มาอัพแล้ว
เอ้าตอนนี้ลูกใครออกโรงดูกันเอาเองนะ หึหึ ขวัญใจผมเอง
โอย..ฤดูการสอบเริ่มมาถึงแล้ว รวมถึงเรื่องมหาลัยด้วย
..ผมเข้าใจแต่ก็อย่าลืมนิยายเรื่องนี้นะครับ..
ป.ล. ช่วงนี้ติดการ์ตูนอยู่ ไม่มีไรทำก็นั่งดูมันทั้งวัน
+ กับติด fiction naruto ของบอร์ดต่างประเทศยู่ด้วย
(มึงอ่านกับเขารู้เรื่องด้วย) - - เอออ่านออกโว้ยยยย
ไม่สนล่ะ แปะรูป คู่โปรดเลย หึหึ สงสัยล่ะสิอยู่สังกัดไหน
itachi sakura sorrow couple 555+
โทษทีผมไม่นิยม Yoai อ่านไม่ลงจริงๆ (หึหึ)
(แมร่งดูมันหน้าด้านขนาดไหน เขาไม่ได้อยากรู้เลย)
ไอ้ที่มันโพสเกี่ยวกับนิยายมึงเปล่า (ไม่) ของแถมๆ
รูปเดียวแมร่งก็บ่งบอกความหื่นได้ดี 555+ แต่ฟิคที่อ่านมันเศร้าฟ่ะ
เอาไปอีก อารมณ์ดี หื่นๆๆๆๆๆๆๆๆ ข้างล่างคนละเรื่องนะ
ความคิดเห็น