คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : +:...Remember Chapter 02...:+
จักรยานสีแดงถูกปั่นมาจนถึงแกลลอรี่ที่ปลายตะวันและพลภัทรอยู่ ชายหนุ่มนักศึกษาปี่สุดท้ายจากรั้วดอกทองกราวจอดมันลงช้าๆหน้าแกลลอรี่พร้อมกับข้าวของในมือและปิ่นโตอาหารกลางวันของคนสามคน เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้เป็นสีฟ้าสวย แต่อากาศก็ยังไม่วายหายหนาวไป ร่างสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สวมทับด้วยเสื้อกันหนาวสีน้ำตาลเข้มตัวเก่ง เดินเข้ามาข้างในแกลลอรี่ก็มุ่งไปนั่งโต๊ะด้านฝั่งตรงข้ามพี่สาว แต่ตอนนี้ที่ตรงนั้นกับว่างเปล่า จนทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ เต้นท์หันซ้ายแลขวาค่อยๆย่องไปดูรูปฝ่ายตรงข้ามภาพที่ปรากฏคือต่อสายเขาทำเอาชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา
“สุดยอดไม่มีใครเกิน อาร์ทสุดๆเลยพี่ปลาย!!!”
ก่อนที่จะละจากผืนผ้าที่สีสาดไปมา ไปจัดการอาหารในปิ่นโตที่แม่บ้านคนเก่าคนแก่อุตส่าห์เตรียมมาให้ลงใส่จานกระเบื้องใบสวย แต่แล้วความคิดพิเรณทร์ๆก็ผลุดขึ้นมาในหัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นมาทันที เอาน่าไหนๆก็ทำตัวให้เป็นพ่อสื่อเต็มตัวแล้วกัน นักศึกษาหนุ่มผิวปากไปจัดกับข้าวไปอย่างอารมณ์ดี
พลภัทรเดินถ่ายรูปเพลินๆบริเวณแกลลอรี่ของปลายตะวันจนลืมเวลา เขาเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งตอนี้แดดแรงพอสมควร บรรดาลูกค้าที่เข้ามาชมก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนปลายตะวันไม่มีเวลาปลีกตัวออกมาเลย ชายหนุ่มเลือกที่นั่งใต้ต้นสารภีที่แผ่ร่มเงาบังแดดเวลานี้ได้ ก่อนจะก้มมองนาฬิกาสีดำที่ข้อมืออีกสิบห้านาทีบ่ายสอง ท้องไส้ก็เริ่มร้องแล้ว เพราะตอนเช้าเท่าที่จำได้เขามีแค่ปาท่องโก๋สองตัวกับกาแฟหนึ่งแก้วในกระเพาะเท่านั้น สายตาของเขาเริ่มมองไปรอบเพื่อหาของมาบรรจุกระเพาะในยามนี้
“หาอ๊ะหยังอยู่เจ้า” เสียงสาวน้อยคนหนึ่งดังขึ้น ทำเอาพลภัทรสะดุ้ง เขาหันมองสาวเหนือในชุดผ้าซิ่นสีน้ำเงิน เสื้อแขนแขนกระบอกสีขาว ผมยาวปล่อยสลวย มาทำหน้าบ่องแบ๊วใส่เขา
“เออคือว่า...”
“ฮันแน่ กำลังมองหาของกินอยู่แม่นก่า” ดวงตาเล็กตี่ ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนจะยกปิ่นโตขึ้นโชว์ชายหนุ่มดู “กิ๋นข้าวกับน้องเมย ก่า” คนที่ถึงโดนชวนกินข้าวด้วยถึงกับงง เมื่อสาวเจ้านามว่าน้องเมย จัดการค่อยๆเอาอาหารในเถาปิ่นโตออกมาวางไว้ตรงหน้า หน้าตาน่ารักแบบสาวเกาหลีเงยหน้าเขาก่อน พร้อมกับใช้รอยยิ้มที่ใช้ละลายใจชายหนุ่มหลายต่อหลายคนส่งมาให้เขา
“จะดีหรอครับ”
“อ่ะอ้ายจะปฏิเสธ กับข้าวฝีมือน้องเมย หรอ” พูดไม่พอยังส่งสายตาเหมือนจะร้องไห้มาอีก พลภัทรถอนหายใจออกอย่างปลงๆ แต่แล้วก็มีมือหนาจากคนที่ยืนอยู่ข้างหลังน้องเมยคนงามตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ผลักหัวคนที่กำลังส่งสายตาที่น่าสงสารจนหัวคะมำไปด้านหน้า
“ตั้งเก๊ากิ๋นป้อชายอีกแล้ว แม่นก่าน้องเมย”
“อ้ายเต้นท์ ถือดียังไงมาผลักหัวน้องเมย” คนพูดเอามือลูบผมสลวยให้เข้าทรงเหมือนเดิม แล้วก็หันไปส่งสายหวานซึ้งกับผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าต่อ
“ไล่แล้วยังบ่ไปอีก”
“บ่อ้ายเต้นท์นั่นแหละ ฮีบๆไปช่วยปี้ปลายรับแขกข้างในเฮือนป่ะ” พูดจบเธอก็เชิ่ดหน้าใส่คนที่ออกไปไล่ จนคนที่ออกปากไล่ถึงกับอ้าปากค้าง
“ฮ่วย ยังละอ่อนอยู่แต๊ๆ ดูกำปากสินั่น สลิดดก(ตอแหล)แต๊”
“อ้ายเต้นท์ มาอู้จะใดว่าน้องเมยสลิดดก อยากกิ๋นลูกกุยของน้องแม่นก่า อู้จะอี้” พูดจบสาวน้อยเมืองเหนือก็ยกกำปั้นน้อยๆขึ้นหมายจะต่อหน้าคนที่ตอนนี้ทิ้งก้นลงนั่งข้างๆเธอเรียบร้อยแล้ว
“จะไปปากนัก เดี๋ยวก็เจอเกิบอ้าย ยัดปากสินั่น” พูดแล้วก็ทำจริงเจ้าเต้นท์จัดการถอดรองเท้าออกแล้วล็อคตัวสาวน้อยหมายจะเอาเกิบยัดปากแต่ดูเหมือนแม่สาวน้อยจะเร็วกว่ากระโดดลุกพรึ่บทันที
“นิสัยบ่ดี บ่เป็นสุภาพบุรุษ คอยดูนะน้องเมยจะฟ้องปี้ปลาย อ้ายเต้นท์หน้าปลาเอี่ยน(ปลาไหล)” พูดเสร็จก็รีบเดินจ้ำไปที่แกลลอรี่ทันที ทำเอาคนที่โดนหน้าปลาไหล “มาว่าจะใดอ้ายหน้าตาเหมือนปลาเอี่ยน ตั๋วนั่นแหละหน้าอีฮวก(ลูกอ๊อด)!!!” คนที่หน้าตาเหมือนปลาไหลหันหลังตะโกนด่าไล่หลังสาวน้อยไป ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะไม่ยอมแพ้หันหลังตะโกนกลับมา
“อ้ายนั่นแหละ หน้าเหมือนต๊กโต๋ (ตุ๊กแก)” แล้วก็หันหลังเดินฉับๆไปอีก ใบหน้าของเต้นท์แดงกล่ำด้วยความโกรธ ส่วนพลภัทรที่ไม่ค่อยเข้าใจคำเมืองที่หนุ่มสาวตะโกนไปมาเมื่อกี้ แต่ก็พอจะสรุปได้ว่าคำแต่ละคำมันคงเป็นสัตว์ที่น่าพิสมัยนัก ตากล้องถึงกลับยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา เต้นท์หันกลับมามองคนที่ยิ้มอยู่แล้วเอารองเท้าที่ถอดออกมาใส่เหมือนเดิม
“แม่ญิงอะหยัง ทำตั๋วเป็นม้าดีดกะโหลก กึ๊ดจะจับป้อชาย ตั้งแต่ละอ่อน”
“น้องเขายังเด็ก ปล่อยน้องเขาเหอะ” พลภัทรพูดหวังว่าคนตรงหน้าจะใจเย็นลงบ้าง ปากก็ยังไม่หยุดยิ้ม
“ปล่อยบ่ได้ อ้ายภัทร แม่หญิงแบบนี้ต้องสั่งสอน อยู่มหาลัย โอยบ่อยากอู้ถึง” ดูเหมือนอีกฝ่ายก็เหมือนจะไม่ยอม แต่ดูเหมือนกับข้าวตรงหน้าที่น้องเมยเอาออกมาตรงหน้าจะช่วยทำให้คนที่บ่นอยู่หุบปากลงได้ เพราะแต่ละอย่างพอที่จะเรียกน้ำลาย ของทั้งคู่ได้อีกทั้งกลิ่นหอมๆที่เชิญชวนให้ลิ้มลองนั่นอีก เต้นท์หยิบกับข้าวของตัวเองมาสมทบอีกยิ่งเรียกน้ำย่อยของทั้งสองคนได้อีก แต่ก็อดใจไว้เพราะต้องรอให้แม่สาวคนงามที่ทำหน้าที่เป็นคนเดินแนะนำภาพต่างๆแก่ลูกค้ารายใหญ่ออกมาก่อน ซึ่งการรอคอยก็ดูเหมือนจะยาวนานเหลือเกิน ภาพที่เรียกความดีใจให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ได้คือร่างคุ้นตาพาลูกค้ามาส่งขึ้นรถตู้ แล้วเดินตรงมาทางพวกเขา แต่ก็มีร่างของอีกสาวเกาะหนึบมาด้วย เจ้าเต้นท์ถึงกับกัดฟันกรอดส่วนคนที่เป็นผู้ใหญ่พ่อลมหายใจออกสุดระอา
“ยังไม่กินข้าวกินอีกหรอ” คำแรกที่ปลายตะวันทักทั้งสองคนเจ้าเต้นท์กอดอกเมินหน้าไปทางอื่นส่วนพลภัทรยิ้มก่อนจะพูดว่า “รอปลายมาก่อนน่ะ”
“พี่ภัทรจะรอปลายทำไม หิวก็กินกันก่อนเลย”
“ปี้ปลายเจ้า อย่าไปโทษคุณภัทรเลย โทษไอ้คนที่คกง๊กอยู่เต๊อะเจ้า บ่ยอมให้คุณภัทรกิ๋นข้าว” คนที่ถูกเอ่ยถึงหันกลับมามองส่งสายตาประมาณ ฝากไว้ก่อนเถอะ ว่าแล้วเจ้าเต้นท์ก็หยิบกระติ๊ปข้าวเหนียวปั้นๆแล้วยัดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ทำให้คนขี้ฟ้องยิ้มอย่างมีชัย พาปลายตะวันไปนั่งไปนั่งลงระหว่างกลางหนุ่มทั้งสองคน โดยที่ตัวเองนั่งอยู่ข้างพลภัทร แล้วปลายตะวันนั่งขวางคนที่จะมาเป็น กขค.
“พี่ภัทรพอกินกับข้าวเหนือได้รึเปล่าคะ” ปลายตะวันถามคนที่มาเที่ยวอย่างเป็นห่วงกลัวอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าจะไม่ถูกปาก “ปลายจะได้ไปถอดไข่เจียวมาเพิ่มอีก” พอได้ยินคำนั้นคนที่อารมณ์บูดถึงกับหูผึ่งทันทีก่อนจะลุกขึ้นปัดก้นไปมา เดินอ้อมไปดึงตัวสาวเหนือที่ขั้นระหว่างปลายตะวันกับพลภัทรให้ลุกขึ้นทันที
“เดี๋ยวเต้นท์อาสาไปทอดให้เอง ขอเอาน้องเมยไปเป็นลูกมือด้วยนะ”
“ไม่ต้องหรอกเต้นท์ พี่กินได้”พลภัทรบอกด้วยสีหน้าเกรงใจ แต่เจ้าเต้นท์กลับส่งรอยยิ้มกลับมา “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมทอดมาให้นะ พี่ปลายอยู่เป็นเพื่อนพี่ภัทรนะ ไปน้องเมย”
“อะหยัง ต้องเอาน้องน้องเมยไปตวย ไข่เจียวอย่างเดียวบ่จ้ายไง”
“แม่น แต่ไข่ในตู้เย็นมันหมด เลยต้องให้น้องเมยไปซื้อให้แหม”
“ไปซื้อเองก่า น้องเมยจะอยู่กับปี้ปลายกับคุณภัทร รถถีบก็มีแม่นก่า” ประโยคนั้นจบไม่รอช้าพ่อหนุ่มกามเทพก็ฉุดร่างสาวน้อยออกมาทันที เดินค่อยๆห่างออกไป จากต้นสารภี ทิ้งให้เหลือตากล้องหนุ่มเมืองกรุงกับจิตกรสาวชาวเหนือใต้ร่มสารภีนั้นความเงียบมาเยือนอีกครั้ง กลิ่นหอมของดอกลีลาวดี บริเวณนั้นลอยมา ช่วยสร้างบรรยากาศตอนนี้
“ปลายชอบดอกลีลาวดีหรอ!?” ฝ่ายชายเริ่มบทสนทนาก่อนหวังจะทำลายบรรยากาศที่แสนเงียบตอนนี้
“พี่ภัทรรู้ได้ไงว่าปลายชอบ”
“ก็ทั้งที่บ้าน ที่แกลลอรี่ ก็มีต้นไม้ต้นนี้ ทั้งนั้น” ชายหนุ่มพูดแล้วค่อยๆควักข้าวเหนียวขึ้นมาจิ้มไปที่แกงแคร์ไก่ในปิ่นโตที่วางแล้วยัดมันเข้าปาก หญิงสาวลอบยิ้มน้อยๆแอบดีใจที่คนตรงหน้ารู้จักสังเกต อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเธอชอบดอกไม้อะไร หัวใจข้างเหมือนกับว่ามองพองโตอีกครั้งก่อนจะตอบไปว่า “ค่ะ ปลายชอบกลิ่นของมัน หอมอ่อนๆช่วยผ่อนคลายได้ด้วย” พูดจบหน้าขาวๆก็แดงแป๊ดเป็นสีมะเขือเทศสดจน คนที่ถามสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้านั้น ก็ลอบยิ้มน้อยๆในความน่ารักของเธอที่ไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่ที่เธอพบเธอครั้งแรกตอนนั้นยังคนตรงหน้ายังใส่ชุดนักเรียน ม.ปลาย มันผมหางไม้หอบกระดานวาดรูปไปมา ใบหน้าอ่อนวัยดูมอมแมมแต่ก็ต้องห่างหายไปเมื่อเขาเริ่มคนรัก ตอนนั้นเขาจำได้ครั้งล่าสุดก่อนที่เขาจะไปเมืองนอกกับคนรัก รอยยิ้มที่แสนสดใสแต่ดวงตากลับเศร้าหมอง เขาไม่ปฏิเสธว่าหญิงสาวตรงหน้าช่างแสนดี และยังเหมือนคนรักเก่าของเขาเหลือเกิน
“ปลายชอบดอกไม้เหมือนแฟนพี่เลย” คำพูดนั้นเหมือนกับเข็มแหลมๆมาจิ้มลงที่หัวใจกำลังพองโตของเธอให้แฟบลงทันที
“หรอคะ” ปลายตะวันพูดขึ้นมา ก่อนจะพยายามเงยหน้าขึ้นมาสบตาของเขา ชายหนุ่มก็ยังคงยิ้มแล้วก็พยักหน้าให้เธออย่างช้าๆ “อืมน้ำพลอย ชอบมากเลยล่ะ” ชื่อของหญิงสาวที่เธอไม่อยากได้ยินจากปากเขาในที่สุดมันก็ออกมาจนได้ “แล้วตอนนี้พี่น้ำพลอยเป็นไงบ้าง”
“....” ไม่มีคำตอบจากปากของเขามีเพียงแค่รอยยิ้มเท่านั้น มือก็หยิบกับข้าวใส่ปาก โดยไม่รู้ว่าตอนนี้คนตรงหน้าของเขาเจ็บขนาดไหน สีหน้าของเขาช่างมีความสุขเหลือเกินยามพูดถึงหญิงชื่อ น้ำพลอย มิน่ารูปใบนั้นถึงอยู่ใต้หมอน มือเรียวที่ถือผักอยู่ค่อยๆกัดมันลงไปอย่างไม่รู้รสชาติของอาหาร ไม่ต่างอะไรจากเมื่อก่อนเธออิจฉาผู้หญิงคนนั้นเหลือเกินยามที่อยู่กับคนตรงหน้า ใบหน้าของทั้งคู่มีแต่รอยยิ้ม อีกทั้งเธอคนนั้นช่างอ่อนโยน และเป็นมิตร ไม่มีอะไรที่เธอสู้เธอคนนั้นได้เลย แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ เธอก็ยอมรับว่าทั้งคู่เหมาะกันราวกับกิ่งทองใบหยก เวลาช่วงเย็นๆปลายตะวันมักจะชอบไปอยู่ตึกดุริยศิลป์ เพื่อไปรอทินกรซ้อมแซ็คโซโฟน และอีกเหตุผลคือไปนั่งฟังเสียงเปียโนเพราะๆที่พลภัทรเป็นคนดีด มองเขาแค่ไกลๆก็สุขใจเกินพอแล้ว แต่น้ำใสๆก็เอ่อคลอขึ้นมาที่ดวงตาก่อนที่มันจะไหลออกมา
“ปลาย ร้องไห้ทำไม” เสียงทุ้มเบาๆพูดขึ้นมือหนาก็เอื้อมดึงใบหน้าที่เปื้อนน้ำตานั้นเงยหน้าขึ้น แล้วค่อยๆใช้นิ้วโป้งเกลี่ยหยดน้ำตาที่ไหลออกมาให้ออกไปจากใบหน้างาม
“เปล่าค่ะ ปลายแค่...”
“แค่อะไร” ดวงตาคู่ของเขาจ้องลงไปในดวงตาของเธอราวกับจะไปค้นอะไรที่เธอซ่อนไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ หญิงสาวเบือนหน้าหนีก่อนที่ความรู้สึกนั้นมันจะถูกค้นเจอ
“คิดถึงพี่ที” รู้ว่ามันโกหกแต่เธอก็เลือกที่จะโกหก พลภัทรยิ้มให้เธอก่อนปล่อยมือหนาออกจากแก้มใสมาลูบหัวเธออย่างที่ทำทุกครั้ง “เด็กน้อยเอ๊ย กินข้าวต่อเหอะ” ต่อให้เป็นเด็กเธอก็ยอมถ้าได้อยู่เคียงข้างเขาแบบนี้ ใบหน้างามพยักหน้าพร้อมกับยกมือปาดน้ำตาจากดวงตา รอยยิ้มที่สดใสเหมือนกับดวงตะวันของเธอกลับมาอีกครั้ง ทำให้คนที่อยู่ด้วยรู้สึกดีไปด้วย พลภัทรยื่นแตงกวาที่จิ้มน้ำพริกปลาให้เธอ หญิงสาวรับมาแล้วค่อยๆกัดแตงกวาชิ้นที่เขายื่นให้ ประมาณครึ่งชั่วโมงไข่เจียวร้อนๆสีเหลืองอร่ามฝีมือเจ้าเต้นท์และลูกมือก็ถูกวางไว้ตรงหน้าของคนสองคน
“อื้อหือน่ากินดีนี่ ฝีมือเราหรอเต้นท์” ช่างกล้องหนุ่มออกปากชมฝีมือทอดไข่ของหนุ่มน้อยที่ตอนนี้กอดอกยักคิ้ว ประมาณว่าอยู่แล้ว
“คุณภัทรคะ ไข่เจียวนี่บ่จ้ายฝีมือ อ้ายเต้นท์หรอก ฝีมือป้าอุ่นต่างหาก” และแล้วความจริงก็ปรากฏเมื่อลูกมือที่เจ้าเต้นท์เอาไปด้วยดันเปิดความจริง ใบหน้าของหนุ่มเหนือค่อยๆเหลียวกับมามองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ
“จะไปปากหนักแหม น้องเมยอยากตกคันไดอีกแม่นก่อ”
“อ่ะจริงสิปี้ปลาย ตอนที่ไปเฮือนกาแลตะกี้ ไผก็บ่ฮู้ผลักน้องเมยตกคันได” น้องเมยพูดไม่พอรีบวิ่งไปนั่งข้างๆปลายตะวันเกาะแขนเรียวนั้นแน่น
“โฮ๊ะ ปี้ปลายบ่ต้องไปฟังคำน้องเมย ตัวเองข้องขาตัวเอง ตกเองแต๊ๆยังมาโทษเฮาอีก”
“น้องเมยบ่ได้ว่าไผ อ้ายเต้นท์นั่นแหละ ฮ้อนตัว” เอาอีกแล้วคราวนี้ขุดหลุมฝั่งตัวเองแท้ๆ มุขสุดท้ายคือ มือหนาผลักหัวน้องเมยอีกครั้งก่อนจะลงทิ้งก้นไปนั่งข้างปลายตะวัน ส่วนคนขี้ฟ้องก็เลยนั่งระหว่างปลายตะวันกับพลภัทรซะเลยแล้วก็ไม่ยอมไปไหน มือของเธอก็วุ่นอยู่กับการป้อนอาการถึงปากพลภัทร
ทินกรตอนนี้นั่งกระดิกเท้ามองนาฬิกาอยู่บนเครื่องบิน แทบจะไม่เป็นสุขเหมือนกับใครจุดไฟเผาเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาทางปาก ตาก็ต้องหันซ้ายแลขวาราวกับกลัวใครจะลอบทำร้ายตัวเองจนในที่สุดเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นเมื่อเสียงของนางฟ้าบนเครื่องให้เตรียมลัดเข็มขัดเพราะเครื่องกำลังลงจอดที่สนามบินเมืองสามหมอก หลังจากที่ต้องทนนั่งเครื่องตั้งกรุงเทพลงที่เชียงใหม่แล้วต้องนั่งเครื่องมาลงที่แม่ฮ่องสอนต่อ นรกล่ะทีนี้เมื่อเครื่องค่อยๆล่อนลงแตะพื้นรันเวย์ ของที่พึ่งกินเมื่อกี้แทบจะทะลักออกมาทางปาก ชายหนุ่มถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาปิดปาก นี่หรืออาการของคนเมาเครื่อง พอเครื่องจอดสนิท มือหนาค่อยๆคว้าเบาะที่นั่งตรงหน้าพยุงตัวเองลุกขึ้นมา ผมที่จัดทรงไว้ตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมดเหมือนกับคนพึ่งตื่นนอน หน้าตาหล่อเหลาบ่งบอกว่าไม่ไหวแล้วตอนนี้อาหารที่กินไปบนเครื่องตอนนี้มันมาถึงคอกำลังหาทางออกแล้ว สภาพตอนนี้ คุณทินกรขอห้องน้ำด่วน ร่างสูงรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำบนเครื่องทันที ก่อนจะปล่อยสิ่งที่อัดอั้นออกมาอย่างเต็มที่นึกในใจตัวเอง คราวหลังไม่มีใครตาย จะไม่มาที่นี่อีกเด็ดขาด ทินกรจัดการแต่งตัวจัดผมที่ยุ่งเหยิงให้เรียบร้อย ก่อนจะออกมาเป็นหนุ่มหล่ออีกครั้ง ราวกับคนละคนกับเมื่อกี้
ปลายตะวันเดินตัวเปล่าเคียงข้างคนที่เข็นจักรยานไปเพราะคนที่เดินอยู่ข้างอาสาถือของให้ ร่างบางถอนหายใจหลายครั้งจนเจ้าของจักรยานสังเกตหันหน้ามามอง หล่อนก็ยังไม่หยุดถอนหายใจ
“เครียดอะไรนักหนาพี่ปลาย”
“บ่เป็นอะหยัง เฮ้อ”
“น่ะ บ่เป็นอะหยังแล้วทำไมตั๋วถอนหายใจ” จิตกรสาวหยุดฝีเท้าแล้วมองหน้าคนตั้งคำถามอย่างหน่ายๆ แล้วเดินต่อไปอย่างคนไร้วิญญาณ
“ปี้ปลาย ตั๋วเป็นอ๊ะหยัง”
“บ่ได้เป็น ตั๋วจะใคร่อยากฮู้เพื่อ”
“บ่ต้องบอกแล้ว เฮารู้แล้วว่าตั๋วเครียดเรื่องอะหยัง” เต้นท์เว้นช่วงคำพูด แล้วค่อยๆก้มลงมากระซิบคนที่ตัวเล็กกว่าเบาๆว่า “โดนคนข้างหลังขี้ลักหัวใจ๋ไป แม่นบ่” ประโยคนั้นแหละทำเอาปลายตะวัน ถึงกับยกมือหมายตบกระบาลเจ้าเด็กสู่รู้ แต่ช้าเมื่อเจ้าเต้นท์กระโดขึ้นรถถีบเร่งสปีดปั่นหนีไปเรียบร้อยแล้วพร้อมกับเสียงหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี และก็เอาอีกแล้ว เมื่อเจ้าเด็กบ้าทิ้งเธอไว้กับเขา หล่อนหยุดฝีเท้าหันเพื่อให้คนที่อยู่ข้างหลังตามมาทัน “พี่ภัทรคะ ปลายถือเองดีกว่า”
“พี่ถือไหวน่า”
“งั้นแบ่งกันถือ” พูดจบเธอก็ดึงของส่วนหนึ่งไปจากมือเขา แล้วก็ค่อยๆเดินเตะฝุ่นข้างๆเขา ใบหน้างามก็ลงมองพื้นดิน
“สวยจัง”
“คะ!?” คนที่ก้มมองพื้นอยู่ถึงกับเงยหน้ามองคนที่พูดคำพูดเมื่อกี้แต่ก็ต้องแห้วรับประทานเพราะสายตาของเขากลับจ้องมองที่ฟ้ากว้างยามนี้ เธอเองก็มองแต่ไม่ได้มองท้องฟ้าเธอมองใบหน้าคมคายที่แสนอ่อนโยน ทำเอากลับเธอเคลิบเคลิ้มจนเธอไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เดินเข้าไปใกล้เขาขนาดไหนแล้ว
“สวยใช่ไหมล่ะ” ตอนนั้นเองใบหน้าของเขาก็หันกลับมาทันที ทำเอาคนที่มองอยู่ตั้งตัวไม่ทัน ใบหน้างามแดงร้อนอีกครั้งแล้วรีบเดินนำไปทันทีไม่เหลียวกับมามองอีก นี่เธอเป็นอะไรไปเนี่ย ร่างบางเดินลิ่วๆจนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามีอะไรรึเปล่า
“เดี๋ยวปลายรอพี่ด้วย” พูดจบก็วิ่งเหยาะๆตามร่างของเธอไป และแล้วทั้งคู่ก็มาถึงบ้านแต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือร่างของทินกรทั่งอยู่ตรงโต๊ะบนเติ๋นกลางบ้านซึ่งตอนนี้หน้าไม่ค่อยสบอารมณ์กับภาพที่เห็นสักเท่าไร ยิ่งน้องสาวแท้ๆของตัวเองมองหน้ารุ่นพี่อย่างงงๆแต่เขากับแปลความหมายจากสายตานั่นเป็นอย่างอื่น นี่ถ้าเป็นในหนังสือการ์ตูนคงจะมีควันออกจากหูทั้งสองข้างของเขาแล้ว
“ยัยปลาย!!!”
Ryuzaki Talk :: ตอนสองมาแล้วรู้สึกคำเมืองออกเยอะ
ขวัญใจผมมาแล้ว น้องเมย 555+ เจ้าเต้นท์อดรับประทาน
เพราะคนเขียนจอง ตอนนี้มึนๆหน่อยนะครับ ไว้จะมารีไรท์ให้ทีหลัง
รู้สึกเจ้าเต้นท์นี่ตัวดึงเรทติ้ง เด่นเกินหน้าเกินตาแล้วนะมึงอ่ะ ((ช่วยไม่ได้คนมันน่ารักนี่ ^^))
ไปก่อนนะครับ ทุกคนรักษาสุขภาพด้วย..
ป.ล. ตอนที่แล้วขอบคุณน้องอายมากนะครับที่ช่วยดูให้ว่าผิดตรงไหน ^^
ไม่งั้นโดนป้าฆ่าแน่ข้อไม่ตรวจทานก่อนลง ส่วนเรื่องที่พี่แวบไปอ่าน
ก็ใช้ได้เลยครับฝากบอกคนเขียนว่าสู้ๆ ด้วยนะน้องอาย
ป.ล.2 ขอบคุณป้าด้วยที่ช่วยเตือนและเป็นที่ปรึกษาที่ดีมาโดยตลอดครับ
ป.ล.3 ขอบคุณโบนัสมากที่ติดตามผลงานแล้วก็ยังช่วยแนะนำในการทำโปส
และอีกหลายๆอย่างๆด้วย
ป.ล.4 ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้ผมมากเลยนะครับ ถึงแม้จะมีคนอ่านแค่ 4 คน
ผมก็ยังยืนยันจะแต่งเรื่องนี้ต่อไป หรือแม้แต่คนเดียวก็จะแต่ง เพราะมันเป็นความสุขของผม
ฝากคำคมไว้ก่อนจาก
ความทุกข์มันมักจะอยู่กับเรานานกว่าความสุขเสมอ
ความคิดเห็น