คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : +::..Remember Chapter 01..::+
“ไงปลายเป็นสาวขึ้นเยอะเลยนะ” ปลายตะวันเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมืออุ่นๆก่อนส่งรอยยิ้มให้
“พี่ภัทร ก็เหมือนกันแปปเดียวอายุเข้าเลขสามแล้วนะ” น้ำเสียงแบบหยอกเย้าของปลายตะวัน ทำให้พลภัทร อดยิ้มไม่ได้ ไม่ว่าจะนานเท่าไรผู้หญิงตรงหน้าเขาก็ยังสดใสเหมือนเดิม เหมือนดวงตะวัน “ว่าแต่อะไรหอบมาถึงที่นี่ล่ะ ปลายเห็นปกติพี่ชอบทำโปรเจคอยู่เมืองนอกตลอด”
“ก็พี่คนไทย ก็อยากเที่ยวเมืองมั่งน่ะสิ เมืองนอกเบื่อแล้ว” พลภัทรตอบพร้อมกับขยับสายกระเป๋าสะพายที่ใส่อุปกรณ์ถ่ายรูปไว้อยู่ให้เข้าที่จนหญิงสาวที่มารับมองท่าทางหอบข้าวหอบของเหมือนตั้งใจจะย้ายมาลงรักปักฐานที่นี่เหมือนเธอ จนเธออดสงสัยไม่ได้
“อะไร พี่จะย้ายมาอยู่ที่หรอ”
“บ้า!!ไว้เสร็จงานก่อนจะย้ายมาอยู่เป็นเพื่อน” คำตอบนั้นทำเอาคนถามหน้าแดงร้อน แล้วยิ่งคนตรงหน้าส่งรอยยิ้มมาให้ ปลายตะวันทำได้เพียงแค่ยกนิ้วชี้ขึ้นเกาข้างแก้ม ตาก็เสมองไปทางอื่น
“งั้นไปที่รถกันเถอะคะ พี่ภัทรเดินทางมาคงเหนื่อย” วิธีการพูดตัดบทของเธอทำให้รอดจากการซักไซ้ของคนตรงหน้ามาได้ ร่างบางรีบเดินตรงไปยังรถเก๋งสีครีมที่จอดอยู่ สภาพที่ทำเอาผู้มาเยือนอดขำไม่ได้เมื่อเห็น เก๋งสีครีมยี่ห้อฮอนด้า ที่สภาพที่เขาอยากจะถามว่า มันยังวิ่งได้อยู่รึ และคำตอบที่เขาจะได้กลับมาจากเจ้าของรถคงไม่พ้น ให้มันมีดีเซล หรือ เบนซิล มันก็สามารถวิ่งได้แล้วกัน ก็เลยทำเป็นไม่อยากรู้ไปดีกว่า พลภัทรจัดการกับสัมภาระไว้ที่ท้ายรถก่อนจะมานั่งอยู่ข้างๆคนขับที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปไหนแล้วบอกว่าจะไปที่รถ ตอนนี้หายจ้อย สักพักนึงเสียงประตูรถข้างกายก็ถูกเปิดออก พร้อมกับกลิ่นกาแฟหอมๆลอยเข้ามา ชายหนุ่มหันไปกลิ่นกาแฟนั่นก็พบถ้วยกาแฟที่มือน้อยๆยื่นมาให้พร้อมกับถุงปาท่องโก๋ร้อนสีเหลืองน่ากิน
“พี่ภัทรกินสิ ร่างกายจะได้อุ่น แม่ฮ่องสอนมันหนาวไปถึงกระดูกนะพี่” สิ้นคำแนะนำจากคนที่อยู่มานานเขาก็รับปาท่องโก๋ถุงนั้นพร้อมกับแก้วกาแฟมาแล้วค่อยๆสัมผัสกับความหอมของมันที่ค่อยๆลงคอ ส่วนปลายตะวันตอนนี้กำลังนั่งยัดขนมวงเข้าปาก ก่อนจะลิ้นแงะน้ำตาลที่ราดขนมวงที่ติดหนึบอยู่ที่ฟันออกก่อนบิดกุญแจรถแล้วขับออกจากบริเวณนั้นไป
ไม่นานรถญี่ปุ่นสภาพที่ประทังชีวิตของมันโดยใช้เบนซินก็แล่นเข้าสู่บ้านทรงไทยทางเหนือหลังหนึ่งที่ห่างออกจากตัวเมืองมานิดหน่อย บ้านไม้ท่ามกลางสายหมอก ตั้งอยู่ท่ามกลางสนามหญ้าสีเขียวสดและดอกไม้เมืองหนาว ร่างบางลงจากรถมาแล้วมองคนที่พึ่งออกมาจากรถ ใบหน้าคม ที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนและเป็นมิตรกับทุกคนมองทอดไปยังขอบฟ้าที่ตอนนี้กำลังมีแสงสีทองส่งผ่านสายหมอกมา ใบหน้าของพลภัทรยามนี้มันช่างดูน่าหลงใหลเหลือเกิน
“พี่ปลาย!!!กลับมาแล้วหรอ!!!!” เสียงของญาติผู้น้องของเธอตะโกนลงมาจากเรือนไทยบริเวณชานเรือนทันทีที่เห็นเธอ ร่างสูงของชายหนุ่มค่อยๆวิ่งลงมาจากบ้านไม้หลังนั้น ก่อนจะสะดุดกึกร่างของชายหนุ่มอีกคนที่มากับญาติผู้พี่ เต้นท์ค่อยๆยกมือทั้งสองข้างทำความเคารพคนที่มาเยือนอย่างนอบโน้ม พลภัทรรับไหว้เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างสุภาพเช่นกัน ทำเอาคนกลางย่างปลายตะวันถึงกับยิ้มอย่างขันๆ นี่ก็คงนานแล้วสินะที่พวกเขาไม่ได้เจอกัน
“เอ้าไหว้เสร็จกันรึยัง เต้นท์แกจำพี่ภัทรไม่รึไง” หญิงสาวคนเดียวเท้าเอวบางๆมองนักศึกษาหนุ่มที่ตอนนี้ยิ่งทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกไปอีก ย้อนไปถึงอดีตวันที่เป็นกระโดดไปมา อยู่ใต้ต้นมะม่วง ภาพวันที่ตัวเองร้องไห้ในอดีตเพราะลงจากต้นมะม่วงไม่ได้จนพี่ชายคนหนึ่งต้องปีนพาไปเอาลงมา หนุ่มน้อยก็ถึงกับร้องอ๋อทันที
“นึกได้ยัง”
“โห!!นึกว่าใคร พี่ภัทรฮีโร่ของผมนี่เอง”
“ฮีโร่ที่ไปเอาแกลงมาจากต้นมะม่วงอ่ะสิ” ปลายตะวันอดแซวเจ้าเด็กคนนี้ที่นึกถึงวันก่อนๆ
“ว่าแต่เฮา ตั๋วนั่นแหละ เฮายังจำได้ ตั๋วนั่งร้องไห้เลือดกบปาก ฟันน้ำนมไปติดอยู่ลูกมะม่วงก่า”
คนที่โดนรำลึกอดีตถึงกลับหน้าแดงร้อนขึ้นทันทีก่อนจะโยนกระเป๋าสะพายของเธอใส่เจ้าเด็กนั่นเต็มๆ ก็สมควรจะโดนอยู่จำตอนไหนไม่จำไปจำตอนอุบาทว์ๆ เสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากอีกฝากของรถทำเอาคนที่รำลึกความหลังจากที่หน้าแดงด้วยความเขินอายตอนนี้มันกลับพุ่งด้วยโกรธ จนเธอทนไม่ต้องรีบก้าวเท้าฉับๆเดินขึ้นบ้านไปทันที พลภัทรมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่กำลังวิ่งเข้าบ้านไป ก่อนจะมองไปทางคนที่พึ่งรำรึกอดีตได้
“ไงเรา โตเป็นหนุ่มแล้ว เรียนที่ไหนล่ะ”
“อ่อ ลูกช้างอ่ะพี่ ปีสี่แล้ว”
“งั้นก็ใกล้จะจบแล้วน่ะสิ” เขาพูดกับหนุ่มที่กำลังจะจบ ป.ตรีจาก รั้วมหาลัยเชียงใหม่ อย่างไม่เชื่อหูตัวเองที่เขาไม่ได้พบก็เด็กคนนี้นานขนาดนั้นเลยหรือ
“ครับ ตอนนี้กำลังจะเริ่มฝึกงาน” เต้นท์พูดขึ้นมือก็ยกกระเป๋าใบโตออกจารถกระป๋องสีครีม มองคนตรงหน้าอย่างยิ้มๆ “ขึ้นบ้านเถอะครับ พี่คงเหนือ เดี๋ยวผมจะให้เด็กไปเตรียมสำรับตอนเช้ามาให้นะครับ”
“ไม่ต้องหรอก พี่กินมาแล้ว”
“อ่ะข้าวเช้าพลาดไม่เป็นไรแต่ถ้าข้าวเย็นพี่พลาด พี่จะเสียใจ” เต้นท์ยักคิ้วให้กับคนอายุมากกว่าก่อนจะเดินนำขึ้นบ้านเรือนไทยหลังนั้น
เสียงเอี๊ยดอ๊าดของแผ่นไม้กระดานที่มีความหนาวเย็นของอากาศในยามนี้ส่งผ่านฝาเท้าของคนที่กำลังเดินอยู่ไปตอนนี้พลภัทรเดินตามเจ้าบ้านที่ถือกระเป๋านำหน้าเขาอยู่ เขาก้าวผ่านบริเวณชานเรือน ที่มีร้านน้ำบริเวณตรงนั้นมีกระบวยตักน้ำแขวนอยู่ประมาณ สามสี่อัน โดยที่มีมีหิ้งที่สูงประมาณ หนึ่งเมตร มีหม้อดินใส่ใส่น้ำวางอยู่ตรงนั้น ระหว่างที่เดินก็มีภาพวาดฝีมือของเจ้าของเรือนแขวนอยู่ถึงแม้ว่าจะมามากนักแต่มันก็สามารถทำให้เขามองดูเพลินๆได้ จนในที่สุดการทัวร์เล็กๆของเรือนไม้หลังใหญ่ก็จบลงเมื่อเขามายืนหยุดตรงหน้าห้องนอนที่ถูกเตรียมไว้ให้แล้ว ยามที่ก้าวพ้นธรณีของประตูกลิ่นหอมของดอกลีลาวดีที่ลอนอยู่ในอ่างน้ำเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนโบราณขนาดที่พอจะนอนได้สองคน
“พี่ก็พักผ่อนไปนะ วันนี้ดูพี่ปลายจะเพลียคงยังไม่เริ่มโปรแกรมหรอก” เต้นท์พูดกับวางกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาลงบนเตียงก่อนจะหันไปแนะนำส่วนต่างๆภายในห้องกับเขา พลภัทรพยักหน้ารับเมื่อเสียงประตูปิดลง ชายหนุ่มก็กลับมาอยู่กับความเงียบอีกครั้งมือหนาเริ่มจัดการกับเสื้อผ้าในกกระเป๋าใบใหญ่นั้น ใส่ไม้แขวนที่มีอยู่ตู้เสื้อผ้าให้แล้ว มือหนาหยิบกรอบรูปไม้ที่มีรูปหญิงสาวกับเขาถ่ายเคียงข้างกัน
“พี่ภัทรเก็บของเสร็จรึยัง” เสียงหวานๆนั่นทำให้เขาละสายตาจากรูปที่ถืออยู่มามองเจ้าบ้านที่ยืนมองเขาอยู่หน้าธรณีประตู ดวงตากลมโตของเธอตอนนี้มาที่มือของเขาที่ถือกรอบรูปอยู่ ชายหนุ่มจัดการเอากรอบรูปนั้นยัดใต้หมอนทันที ทำเอาปลายตะวันมองตามมือหนานั้น ด้วยแววตาที่เศร้าลงเล็กน้อย
“มีอะไรหรอปลาย” พลภัทรพูดมองใบหน้างามก่อนจะส่งรอยยิ้มกลบเกลื่อนให้กับเธอ
“เออ..คือว่า..พี่ภัทร ถูกใจห้องรึเปล่า” คำถามที่เหมือนไม่ต้องการคำตอบพูดออกมา ในใจก็อยากจะถามมากกว่าว่าสิ่งที่เธอเมื่อกี้คืออะไร
“อืมขอบใจมากนะ”
“งั้นต้องการอะไรเพิ่มบอกเจ้าเต้นท์มันนะคะ เดี๋ยวปลายไปทำงานก่อน”
“เดี๋ยวปลาย!!!”
“ค่ะ!?”
“พี่ไปแกลลอรี่ด้วยได้รึเปล่า” คำพูดนั้นเหมือนกับวัตถุอะไรแข็งๆมาจุกที่หลอดลม เธอมองร่างสูงตรงหน้า ก็พบกับรอยยิ้มเหมือนเคยหวังจะได้คำตอบว่าตกลงจากเธอ ร่างบางสูดลมหายใจเข้าน้อยๆก่อนจะตัดสินใจพูดออกไปว่า “พี่ภัทรจะไปทำไมหรือคะ ที่นู่นไม่มีอะไรน่าดูหรอก มีแต่ภาพวาด ปลายคิดว่าพี่ภัทรคงไม่ชอบเท่าไร”
“ใครบอกล่ะ” พลภัทรพร้อมกับชูกล้องถ่ายรูปขึ้นมา ที่จัดการเซตไว้เรียบร้อยแล้ว ปลายตะวันยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นกล้องถ่ายรูปนั้น
“อะไรกันพี่ภัทร จะถ่ายภาพวาดปลายไปประจาญใครอีกล่ะ”
“ไม่ได้ไปประจาญสักหน่อย เขาเรียกกว่าโชว์ผลงานให้โลกรู้” ชายหนุ่มตอบกลับแบบข้างๆคูๆโดนฟาดป้าบที่ต้นแขนที่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆไปครั้งนึง จนพลภัทรสะดุ้ง
“ตีพี่ทำไม”
“ก็พี่ภัทรชอบเถียงปลายตลอด ยอมมั่งไม่ได้ไง” แล้วก็ข้อหาปิดบังด้วยว่าซ่อนอะไรไว้ใต้หมอนด้วย
“โอเคๆ ว่าแต่พี่ไปแกลลอรี่ด้วยได้รึเปล่า”
“ไม่วันนี้พี่ภัทรเดินทางมาเหนื่อยๆ พักก่อนดีก่อนอย่างพึ่งเที่ยวเลย ทำใจร้อนไปวัยรุ่นไปได้”
“ยังไม่แก่สักหน่อยเด็กน้อย” ร่างสูงเดินตรงไปพร้อมกับใช้มือข้างที่ว่างอยู่ยีผมสีน้ำตาลของเธอเล่นอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินถือกล้องคู่ใจออกไป ทิ้งให้เหลือแค่เจ้าของบ้านสาวที่ยืนมองใต้หมอนสีขาว ใบหน้างามเหลียวกลับไปมองหาเจ้าของห้องชั่วคราวก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปนั่งที่เตียง มือเรียวค่อยๆเอื้อมไปหยิบ กรอบรูปใต้หมอนนั้นขึ้นมา ดวงตากลมโตที่สดใสค่อยๆมีแววเศร้าผลุดขึ้นมาเมื่อเห็นรูปหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนยิ้มหวานอยู่ข้างกายพลภัทร มือข้างที่ชอบใช้ยีผมเธอเล่นตอนนี้เขาใช้มือข้างนั้นโอบไหล่เธอคนนั้นไว้บางๆพร้อมกับเอียงหน้าเข้ามา ใบหน้าของเขาและเธอดูมีความสุขมาก รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายนั้นช่างดูสดใสต่างจากตอนนี้เหลือเกิน
“พี่ปลาย!!!” เสียงหนึ่งขึ้นมาทำให้เธอเกิดปฏิกิริยาเดียวกับพลภัทรยามที่เธอเข้ามาครั้งนั้น ดวงตากลมพยายามกลั้นน้ำในตาไว้ไม่ให้มันไหลออกมา
“พี่ปลายเป็นอะไร” เจ้าหนุ่มเหนือที่เปลี่ยนมาพูดคำกลางแทนเดินเข้ามานั่งข้างกายเธอ
“เปล่าพี่ไม่เป็นอะไร ทำไมหรอ”
“อืมพี่ภัทรรอไปแกลลอรี่กับพี่นานแล้ว” ปลายตะวันพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป เตรียมของให้พร้อมที่จะออกไปทำงาน ทันทีที่เธอโผล่มาที่หัวบันได ภาพของชายคนนั้นที่กำลังยกกล้องถ่ายรูปวิวทิวทัศน์รอบบ้าน เธอเดินลงไปหาชายหนุ่มที่ถ่ายรูปอยู่อย่างสนุกสนาน
“พี่ภัทรคะ พี่จะไปจริงๆหรอ”
“เรานี่ยังไง มีอะไรซ่อนไว้รึเปล่าถึงไม่อยากให้พี่รู้” มีสิมีหลายอย่างด้วย
“เบื่อแล้วก็อย่ามาว่ากันด้วย” ปลายตะวันว่าก่อน จะเดินนำตัวลิ่วๆ โดยมีพลภัทรเดินตาม ส่วนเจ้าเต้นท์ก็ยืนกอดอกมองทั้งสองคน ไหนๆก็ไหนๆแล้วพี่สาวเขาก็อายุอานาไม่ใช่น้อยๆ จะเป็นไรไปถ้าเขาจะยกพี่สาวเขาโดยไม่ผ่านพิจารณาจากเบื้องบนก่อน ว่าแล้วมือหนาก็กดโทรศัพท์โทรหาเบื้องบนทันที “ฮัลโหล ป้าชื่นหรอ ขอสายคุณทินกร หน่อยครับ”
หนุ่มสาวเดินเคียงกันมากันมาจนถึงแกลลอรี่เล็กๆที่ไม่ไกลจากเรือนไทยกาแล ที่เขาและเธออาศัยอยู่ บ้านไม้หลังเล็กๆบนหลังคาบ้านไม้หลังนั้นมีปล่องของเตาผิงอิฐอยู่ รั้วไม้ระแนงตั้งเรียงกันไม้เลื้อยที่มีดอกไม้เมืองหนาวสีสวยพันอยู่รอบๆ ช่วยสร้างสีสันให้กับบ้านไม้หลังนี้ พลภัทรแอบถูกใจบ้างหลังนี้ไม่น้อย ก่อนจะออกปากถามคนที่กำลังควานหากุญแจ
“ใครตกแต่งที่ไหนหรอปลาย”
“ปลาย เจ้าเต้นท์ แล้วก็พี่ที คะ”
“ไอ้ทีเนี่ยนะ!!!” เขาเน้นชื่อคนสุดท้ายอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ปลายตะวันหันกลับมาหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะพูดว่า “ช่วยตกแต่งเรื่องทุนทรัพย์น่ะ” พลภัทรถึงบางอ้อทันที เขาพยักหน้าขาก็ก้าวตามรอยเธอเข้าบ้านหลังนั้นไปทันที่เขาก้าวเข้ากลิ่นหอมอ่อนๆแบบผ่อนคลายก็ลอยมา พร้อมกับบรรยากาศที่อบอุ่นคล้ายกับร้านน้ำชามากกว่าที่จะเป็นแกลลอรี่ภาพเขียนแต่ก็อย่างว่า ภาพเขียนรูปวิวต่างๆที่แขวนตามผนังไม้สีน้ำตาล เขายืนอยู่สักพักเสียงดีดตัวของเปลวไฟก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบและความหนาว คนที่จุดเตาผิงลุกขึ้นยืนเต็มตัวปัดมือไปมา แล้วเดินไปข้างหลังแกลลอรี่ทันที ทำเอาที่มาเยือนสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าตัวไปจะรีบไปไหนหรือว่า ทันทีที่สมองสั่งการ เท้าก็รีบก้าวตามเธอไปทันที แต่ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวไป คนที่วิ่งไปข้างหลังก็โผล่มาทันทีเล่นเอาฝ่ายหญิงสาวตกใจจนเสียสมดุลขาที่ก้าวไปข้างหลังเหมือนไม่มีแรงยันน้ำหนักตัวเธอเอาไว้เพราะใบหน้าของเขาที่เข้ามาใกล้ที่เรียกว่าสัมผัสลมหายใจซึ่งกันละกันได้ และที่สำคัญตอนนี้มือข้างหนึ่งของเขาตอนนี้คว้าเอวบางๆของเธอมาแนบกาย เพื่อให้หญิงสาวไม่ต้องล้มไปก้นจ้ำเบ้าที่พื้น ดวงตาคู่สวยกรอกตาไปมา ในขณะที่ดวงตาอีกคู่กลับจ้องเธออย่างไม่วางสายตา จนเธอต้องเรียกชื่อเขา
“พี่ภัทรคะ”
ทันทีที่ชื่อของเขาดังขึ้นเรียกสติชายหนุ่ม มือหนาก็ค่อยปล่อยร่างของเธอให้เป็นอิสระก่อนจะยกขึ้นมาเกาท้ายทอยแก้เก้อ ก่อนจะพูดออกไปว่า “ไม่เป็นไรใช่รึเปล่า”
“ค่ะ”
“พี่ถามว่าไม้มันเป็นรอยรึเปล่า”
“ห๊ะ!?” ปลายตะวันจากที่ก้มหน้าอยู่ถึงเงยหน้าขึ้นมามองพลภัทรทันที แล้วถามย้ำอีกครั้งหนึ่ง “พี่ภัทรพูดว่าไรนะคะ”
“พี่ถามว่าพื้นไม้ มันจะเป็นรอยรึเปล่า เดี๋ยวบ้านมันจะเสียราคาหมด”
“พี่ภัทร!!!!” เสียงแหลมพูดขึ้นด้วยโทสะทันที แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้ไม่น้อยจากท่าทีของเธอตอนนี้ “หาทางกลับบ้านเองแล้วกัน” ปลายตะวันเดินกระทืบเท้าอย่างใส่อารมณ์ความไปที่พื้นไม้นั้น แล้วไปนั่งยังที่ประจำของเธอ เก้าอี้ทรงสูงหน้าผืนผ้าใบสีขาวสะอาด เธอเหลียวกับไปมองคนอายุมากกว่าตอนนี้กำลังเดินชมงานภาพของเธอ มือเรียวคว้ากระป๋องสีเหลืองขึ้นมาก่อนจะยกมันสาดไปตามผืนผ้าใบนั้น แล้วก็ตามด้วยสีแดง สีเขียว หลากหลายสีลงไปบ่งบอกถึงความอาร์ทที่แฝงไปด้วยความขี้เกียจที่ไร้จินตนาการของเธอตอนนี้ได้เป็นอย่างดี จะให้มาวาดอะไรตอนนี้เมินซะเถอะเพราะตอนนี้คุณหนูปลายหมดอารมณ์ศิลป์แล้วและกำลังจะกลายเป็นอาร์ทตัวแม่ในอีกไม่ช้า เพราะใครบางคน ซึ่งตอนนี้ตัวต้นเหตุก็ยังคงอารมณ์ดีเดินถ่ายรูปในแกลลอลี่ต่อไป โดยไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะมาเยือน
//ว่าไงนะ ไอ้เต้นท์!!!!// เต้นท์แทบจะเอาโทรศัพท์มือถือออกจากหูไม่ทัน เมื่อเสียงจากเบื้องบนตะโกนใส่รูหูของเขาเต็มๆ
“แหม พี่ทีใจคอพี่จะให้พี่ปลายโหนคานเล่นยันแก่เท่าเลยรึไง”
//เออ//
“แก่แล้ว เลิกทำตัวหวงน้องสักทีเหอะ พี่ เชื่อผม เรื่องทางนี้ให้ผมจัดการเองนะ พี่ก็ไปทำงานของพี่นะ ส่วนเรื่องพี่ปลายกับพี่ภัทร ผมจัดการเอง ไม่ต้องเป็นห่วงโอเค แค่นี้นะ!!!” ไม่รอให้ปลายสายตวาดเขากลับมา หนุ่มน้อยยิ้มกริ่ม ก่อนจะรีบไปที่ห้องครัวเตรียมทำหน้าที่ประจำของตัวเองนั่นเอาปิ่นโต อาหารไปส่งญาติผู้พี่
ฝ่ายทินกรถึงกับร้อนรนทันที ชายหนุ่มเริ่มเกิดอาการหงุดหงิดทันที่ตื่นนอน ก่อนจะเด้งตัวขึ้นเอากระเป๋าเดินทางแล้วจับเสื้อผ้ายัดลงไป มือหนากดโทรศัพท์มือถือจองตั๋วไปแม่ฮ่องสอนหาไฟท์ที่เร็วที่สุด ปล่อยให้ช้ากว่าน้ำตาลหวานๆจะถูกมดกินหมดไปหมดซะก่อน นี่เขาทำอะไรลงไปเนี่ย อุตส่าห์หวงมาได้ถึง 26 ปี จะหวงให้ขึ้นคานไปจะเป็นไรไป ถึงยังไงเขาก็ไม่ยอมให้น้องสาวต้องพบความเจ็บปวดจากคำว่ารักเป็นครั้งที่สองแน่...ใครจะว่าเขาเห็นแก่ตัวหรือยังไงก็ช่าง ถ้าเจ้าเต้นท์เป็นกามเทพเขานี่แหละจะเป็นมารผจญเอง
Ryuzaki Talk :: พึ่งกลับมาจากบางแสนหมาดๆ เหนื่อยสุด ก็นะไปนั่งริมหาด
มาตอนกลางคืนเจอช็อตเด็ดเข้า ยังขนลุกไม่หายเรื่องผู้ชายตบผู้หญิง
ตบธรรมดาเราไม่ว่า แต่นี่ เหนี่ยวไกลปืนแล้วตบหน้าหน้า ตามด้วยขวดเบียร์ฟาดหัว
ขนลุกไม่หาย จะถามหรอว่าผมอยู่ไหนตอบเลยว่ามุดลงทะเลไปแล้ว
เป็นท่านจะอยู่รึเปล่าล่ะ ปืนนะครับไม่ใช่มีด แหะๆไม่มีอะไรแล้ว
ลาเลยนะครับ ช่วงนี้อยู่ในภาวะสุขภาพไม่เอื้อ เพราะตื่นสี่โมงเย็นทุกวัน - -
ไม่มีไรมาฝากคนอ่านนอกจากความรักนะครับ
เอื้อเฟื้อมุขโดย พี่โน้ต อุดม
ความคิดเห็น