คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : +:..Intro Remember Pai&Patt..:+
“ปี้ปลาย!!โทรศัพท์เจ้า!!” เสียงเล็กๆตะโกนเป็นคำเมืองเข้ามาแกลลอรี่ภาพเขียน ทำเอาหญิงสาวเจ้าของชื่อที่กำลังบรรจงพู่กันลงผืนผ้าถึงกับสะดุ้งต้องเอียงหน้ามาดูเหตุการณ์เด็กสาวในชุดนักเรียนม.ปลายโรงเรียนรัฐบาลวิ่งหน้าตั้งขึ้นมามือข้างหนึ่งชูโทรศัพท์มือเครื่องสีดำของเธอ อีกข้างหนึ่งลงไปกุมเข่ายืนหอบอยู่ หญิงสาวจ้องมองโทรศัพท์เครื่องนั้นอย่างก่อนจะเดินเอาโทรศัพท์จากมือเด็กสาวคนนั้นไป
“ฮัลโหล”
//ปลายหรอ พี่เองนะ// เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากโทรศัพท์เครื่องนั้น ทำให้รอยยิ้มบางๆโผล่ขึ้นมาบนใบหน้าของหญิงสาวนามว่า ปลายตะวัน เธอเดินถือโทรศัพท์กลับมานั่งที่เก้าอี้หน้าผืนผ้าใบที่มีรูปภาพของดวงตะวันกำลังแตะผืนน้ำ ที่ยังละเลงสีไม่เสร็จ
“อ้าวพี่ที เองหรอ มีเรื่องอะไรถึงโทรมาหาปลาย” น้ำเสียงหวานๆพูดพร้อมกับหยิบพู่ที่เปื้อนสีขึ้นมาแล้วค่อยๆแต้มมันลงที่ภาพนั้นต่อ
//อืมพี่จะฝากเราดูแลเพื่อนพี่หน่อย มันจะขึ้นไปทำโปรเจคที่แม่ฮ่องสอน//
“โปรเจคอ๊ะหยังเจ้า อ้ายที น้องปลายจะได้เตรียมตัวเป็นไกด์พาไปแอ่วได้ถูกที่ ” ปลายตะวันพูดคำเมืองใส่คนในโทรศัพท์ หมายจะแกล้งคนเป็นพี่เล่น แต่มีรึที่คนเป็นพี่ชายจะไล่น้องสาวไม่ทัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยถนัดเรื่องคำเมือง แต่ก็พอที่จะจำได้บ้างแหละ
//อย่ามาอู้กำเมืองใส่อ้าย เดี๋ยวเต๊อะ//
“ฟังบ่ฮู้เรื่องแม่นก่า อ้ายที”
//ปลาย!!!// คนเป็นพี่เสียงเข้มใส่น้องสาว ทำให้คนที่กำลังแกล้งเขาอยู่หัวเราะคิก จนต้องหยุดแกล้งกลับมาพูดภาษากลางต่อ
“ก็ได้ ว่าแต่ใครหรอพี่ที จะมาวันไหน” รอยยิ้มที่มีอยู่เดิมยิ่งกว้างขึ้นอีก พู่ดันในมือก็ป้ายสีผ้าใบไป
//อ่อ พี่ภัทรน่ะ// ทันทีเมื่อชื่อคนอันแสนคุ้นเคยดังเข้าสู่โสตประสาท พู่กันที่ละเลงสีอยู่ก็ถึงกับหยุดกึกไปโดยอัตโนมัติ ภาพในหัวความทรงจำในอดีตเหมือนไร้ย้อนกลับมาอย่างหยุดไม่ได้ ผู้ชายคนแรกที่สอนให้เธอรู้จักกับคำว่ารัก //ปลาย ปลาย ฟังพี่อยู่รึเปล่า//
“คะ!?” ปลายตะวัน ตื่นขึ้นจากภวังค์เพราะเสียงของพี่ชายที่เรียกเธอจากปลายสาย
//เป็นอะไรรึเปล่า// น้ำเสียงของคนเป็นพี่เริ่มห่วงน้องสาวคนเดียวของเขาน้อยๆ เมื่ออยู่ดีๆเธอก็เงียบไป
“เปล่าค่ะ แล้วพี่ภัทรเค้าจะมาวะไหน ปลายจะได้ไปรับ”
//วันรืนนี้แล้ว สะดวกรึเปล่าปลาย พี่หาคนอื่นแทนก็ได้นะ// เร็วเหลือเกิน เธอยังไม่ทันได้เตรียมหัวใจเลยที่จะพบคนคนนั้นอีกครั้ง ก็คงได้แต่ทำใจเท่านั้น เพราะปากดันพาจนรับปากพี่ชายไปแล้ว จิตกรสาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงสูงหน้าขาตั้งผ้าใบ ภาพที่ลงสีตรงหน้าก็ยังคงค้างอยู่เท่าเดิมไม่ได้ลงต่อ ร่างบางถอนหายใจเบาๆครั้งที่ร้อยแปดลอบมองโทรศัพท์เครื่องสีดำที่วางไปนานแล้วเพราะพี่ชายขอตัวไปดูงานเพลงที่ทำค้างไว้ต่อ ใจก็อยากจะโทรยกเลิกจะขาด แต่อีกใจก็อยากจะพบหน้าคนที่รอคอยเหลือเกิน จะเอายังไงกับชีวิตดีปลายตะวัน มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบใบหน้าด้วยอาการไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิต สุดท้าย เธอตัดสินใจได้ เอาก็เอา ยังไงวันนี้ขอเตรียมใจก่อนแล้วกัน ทำไมมันต้องเต้นแรงทุกทียามที่นึกถึงใบหน้าของคนคนนั้น เธอรีบของทันทีจัดการกับเจ้าสีที่วางอยู่ข้างกายจัดการมันโยนใส่กระเป๋าสี่เหลี่ยมใบเล็กๆ แล้วถือมันออกมาพร้อมผ้าใบผืนที่ละเลงสีค้างอยู่ที่บ้านทั้งที่ใจก็รู้ว่าเอาไปทำยังไงมันก็ไม่คืบหน้า แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยลดความฟุ้งซ่านของเธอได้บ้างแหละ แต่พอมือเรียวกำลังจะปิดประตูแกลลอรี่ก็พบกับชายหนุ่มผิวขาวที่ขี่จักรยานมาพอดี ใส่เสื้อผ้าแบบสบายๆ นั่งอยู่บนจักรยานพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่มีรอยบุ๋มสองข้างแก้มมาให้เธอ
“ปี้ปลายจะปิ๊กบ้านฮื้อยัง” คำเมืองที่หลุดออกมากจากชายหนุ่มคนนั้น
“ อ้าว!!เต้นท์ปิ๊กจากมหาลัยเมื่อใด” ปลายตะวันเรียกขานชายคนนั้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นหน้าเขา
“โฮ๊ะปี้ปลาย บ่ฮู้เลยก่าว่าเต้นท์ปิ๊กบ้านมาเมื่อวานนี้เอง”
“ฮันแน่ เฮานึกว่าตั๋วไปมักแม่ญิงเจียงใหม่ จนฮืมปิ๊กบ้านปิ๊กช่อง” ปลายตะวันอดแซวหนุ่มน้อยลูกช้างไม่ได้ ทำเอาหนุ่มน้อยอดหน้าแดงไม่ได้ เพราะลูกพี่ลูกน้องแซวอย่างนี้
“อู้ไปเฮื่อย ปี้ปลาย ปิ๊กบ้านเองเต๊อะว่าจะจะมาฮับสักหน่อย”
“โอ๊ะ งอนแหม เฮาล้อเล่น สึ่งตึ่ง(ซื่อบื้อ)แต๊”
“มาอู้ว่าเฮา สึ่งตึ่งจะอี้ ตั๋วแหละ ดำคิลึ(อ้วนดำ) ”
“นี่แหนะไอ้เต้นท์ มาอู้จะใดว่าเฮาดำคิลึ” ประโยคนั้นทำให้ฝ่ามือที่เปื้อนสีข้างที่ว่างอยู่ตบไปยังศีรษะของผู้น้อยอย่างเต็มแรง แล้วค่อยไปทิ้งตัวลงนั่งยังเบาะหลังจักรยานสีแดง “ปิ๊กบ้านโลด จะรีบไปผ่อละคร ตอนอวสาน งานปี้ก็ยังบ่เสร็จ” คำสั่งเด็ดขาดดังมาทันทีที่เธอนั่งเข้าที่เข้าทางแล้วทำชายหนุ่มนักศึกษาพยักหน้ารับ ครับๆ ก่อนจะเอาแรงถีบรถถีบกลับบ้าน..ให้แม่ญิงที่ซ้อนท้ายรีบกลับไปดูละครช่องสีรุ้งที่เจ้าหล่อนติดนักติดหนา ถ้าไม่รีบถีบรถถีบตอนนี้ทีหวังเขานั่นแหละจะโดนแม่ญิงที่ซ่อนท้ายอยู่ถีบเอง
และแล้ววันที่ไม่อยากให้มาถึงมันก็มาปลายตะวันในชุดเสื้อแขนยาวปิดคอสีขาวสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์สีซีดทรงตรงมายนกอดตัวเองอยู่ที่สนามบินแม่ฮ่องสอน สนามบินที่ติดชื่อขึ้นลงยากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก ดวงตาหวานมองหาเป้าหมายที่พี่ชายสั่งนักสั่งหนา
“ไหนบอกว่ามาไฟท์นี้ไงว่ะ โอยยหนาว” แน่ล่ะจะมีใครอยากตื่นจากที่นอนอุ่นๆในฤดูหนาวแบบนี้บ้าง ปลายตะวันเริ่มบ่นตามประสาของคนรอบ้าง คอก็อยู่ไม่สุขชะเง้อหาคนคนนั้นอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดเธอก็เห็นร่างสูงที่คุ้นตาเดินลากกระเป๋าออกมาท่ามกลางผู้โดยสารขาออก ริมฝีปากที่บ่นอยู่เงียบลงทันที อากาศที่ตอนนี้ว่าหนาวแล้ว แต่ใจของเธอมันยิ่งหนาวกว่ายามที่เขากำลังเดินตรงมาทางเธอ ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งเมื่อเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนจะเอามือใหญ่ๆอุ่นๆมาโปะลงที่ผมสีน้ำตาลนุ่มนั้นพร้อมกับคำพูดที่บอกว่า
“ไงปลาย เป็นสาวขึ้นเยอะเลยนะ”
Ryuzaki talk :: เอ้าผู้ใดแปลคำเมืองบ่ออกเดี๋ยวอ้ายริวแปลให้แหม
555+ แม่ญิงทั้งหลาย เรื่องแรกลงแล้วเด้อ เป็นความรักทางเหนือ
ท่ามดินแดนแห่งสายหมอก เอ้าเม้นให้แหม อย่าลืมเต๊อะ
ความคิดเห็น