คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ลำดับตอนที่ 9
ปฐมบท
“เอมระวัง!”
“ยัยเอม!!”
ปัง!!!!!!!!!!!!!!
เฮือกกกกกกก!
“เอม! ยัยเอมฟื้นแล้วหรอ?!” เสียงหวานที่คุ้นหูดังขึ้นทันทีที่เปลือกตาบางของคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ค่อยๆเปิดขึ้นมา ผนังเพดานสีขาวสะอาดตากลิ่นยาที่ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศและหลอดไฟที่ติดอยู่บนเพดานสว่างจ้าทำให้หญิงสาวเจ้าของชื่อ เอมิกา วิทยาณุสรณ์ศิลป์ ตัดสินใจปิดเปลือกตาที่ทนรับแสงสว่างนั้นไม่ไหวลงอีกครั้ง
“ยัยเอมอย่าเพิ่งหลับนะ!” หญิงสาวตัวเล็กที่สวมใส่แว่น เรือนผมยาวสลวยที่ถูกถักให้เป็นเปียสวยงามดูเป็นเอกลักษณ์เอ่ยบอกเพื่อนของตนเองด้วยความคิดที่ว่าอีกฝ่ายจะหลับตาลงเตรียมเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
“ลัลวานเรียกหมอมาให้หน่อย”
“อื้ม รอแปปนะ” หญิงสาวอีกคนตอบรับ ก่อนที่เธอจะผละตัวออกมาจากเตียงนอนของเอม เดินตรงไปกดสัญญาณเพื่อเรียกให้คุณหมอซึ่งคอยดูแลเพื่อนสนิทของเธอตลอดระยะเวลาที่ประสบอุบัติเหตุนั้นเข้ามาตรวจดูอาการ
“เอ่อ… เอมกินน้ำมั้ย?” มัณฑินีถามพลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วเปล่าที่วางคว่ำอยู่และเหยือกน้ำของทางโรงพยาบาลขึ้นมา คนถูกถามพยักหน้าตอบเบาๆโดยไม่ได้หันไปมอง ก่อนที่มัณฑินีจะค่อยๆรินน้ำเปล่าจากเหยือกใส่ลงไปในแก้วพอประมาณพร้อมกับหลอด เพื่อให้เพื่อนสนิทของเธอได้กินอย่างสะดวก
ครืดดด …
ก่อนที่ไม่นานนักบานประตูห้องนั้นจะถูกเลื่อนเปิดออกมาโดยนางพยาบาลตามด้วยร่างของคุณหมอร่างสูงภูมิฐานดีในเสื้อกราวด์สีขาวสะอาดตา เขาเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มคนไข้ที่ถืออยู่ในมือแทบจะตลอดเวลา
“เป็นไงครับ ฟื้นแล้วหรอ?” เขาเอ่ยทักพลางส่งยิ้มบางไปให้ ซึ่งเอมก็ได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ
“งั้นเดี๋ยวหมอขอตรวจอาการก่อนนะครับ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เริ่มสั่งให้นางพยาบาลหยิบเอาอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับตรวจร่างกายขึ้นมาพร้อมกับซักถามอาการต่างๆอยู่สักพัก พร้อมกับนางพยาบาลคนนั้นที่กำลังเปลี่ยนถุงน้ำเกลืออันใหม่ให้ไปแทน โดยได้รับความช่วยเหลือจากลัลทริมาและมัณฑินีอยู่เนื่องๆ
“อ่า อุณหภูมิปกติดี” เขาเอ่ยบอกก่อนจะยื่นปรอดวัดอุณหภูมิให้นางพยาบาล ก้มหน้าก้มตาลงไปเขียนบันทึกอาการสักพัก แล้วเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่อยู่ในท่ากึ่งนอนกึ่งนั่งพิงอยู่กับหัวเตียง
“จำเรื่องที่เกิดขึ้นไปได้ไหมครับ อย่างเช่นเรื่องที่ว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงประมาณนี้จำได้มั้ย?”
“ได้” เสียงแหบพร่าตอบกลับ คุณหมอยิ้มรับก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“ไม่ปวดตรงไหนนะครับ ปวดตา ปวดหัว ปวดท้อง?”
“ไม่ค่ะ…”
“ไม่มีนะ? โอเค…” ขานรับแล้วก้มหน้าก้มตาลงมือจดบันทึกยุกยิกอยู่คนเดียวพร้อมสรุปอาการออกมาให้ได้ยินกันทุกคน “อาการคนไข้ในตอนนี้ปกติดีนะครับ ไม่มีอะไรหน้าเป็นห่วง แต่ว่าหมอยังไม่อนุญาตให้เอาผ้าพันแผลที่ปิดอยู่ตรงซีกหน้าข้างซ้ายออกนะ เมื่อวานคุณพยาบาลที่เข้ามาเปลี่ยนให้เขาบอกว่าแผลยังไม่แห้งดี และเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปในดวงตามากกว่านี้ ส่วนเรื่องจะออกจากโรงพยาบาลวันไหนนั้นหมอคิดว่าหน้าจะประมาณอาทิตย์หน้าก็คงจะออกได้แล้ว แผลทุกอย่างรวมถึงอาการบาดเจ็บอื่นๆหน้าจะทุเลาลงบ้าง ก็วางใจได้เลยครับไม่เป็นอะไรมากแล้ว” เขาเอ่ยพลางฉีกยิ้มบางๆให้กับเพื่อนสนิททั้งสองคนที่ยืนลุ้นอยู่อย่างแสดงความยินดีให้
“ตอนนี้ก็เดี๋ยวจัดตัวยามาให้เนอะ ตอนกินข้าวเดี๋ยวจะสั่งให้พยาบาลเอามาให้เลย”
“ขอบคุณมากนะคะ” ลัลทริมาและมัณฑินีต่างก็ตอบพร้อมกัน คุณหมอพยักหน้ารับก่อนจะหันไปกำชับกับเอมมิกาให้ดูแลตัวเองอย่างดีเพียงไม่นานก็ขอตัวออกไปตรวจคนไข้รายอื่นต่อพร้อมพยาบาลผู้หญิงคนนั้น
ก่อนที่เพื่อนสนิททั้งสองคนจะรีบตรงปรี่เข้ามายืนล้อมเตียงทั้งสองข้าง
“ยัยเอมแกโอเคนะ?” มัณฑินีถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบ ซึ่งคำตอบที่ได้รับคือการพยักหน้ารับและรอยยิ้มของเพื่อนสาวที่ดูอ่อนล้าต่างจากปกติ
“ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ แกก็หมดสติไปเกือบอาทิตย์เลยฉันกับลัลเป็นห่วงแทบแย่!”
“ฮะๆ” เอมิกาที่ได้ยินก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ ซึ่งหลังจากนั้นมัณฑินีก็ได้สารยายความอัดอั้นตลอดระยะเวลาตั้งแต่ที่เอมเกิดอุบัติเหตุ ว่าเป็นห่วงอย่างนั้นอย่างนี้ กลัวนู่นกลัวนี่ไปหมดจนลัลก็ยังแอบหัวเราะออกมา
“ตอนนี้แกฟื้นแล้วฉันโล่งอกแล้ว เฮ้อออ”
“เหนื่อยมั้ยถามจริง?” เอมสวนกลับ ซึ่งสาวแว่นก็ตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยว่าเหนื่อยขนาดไหน ในตอนนี้คนที่สร้างสีสันให้กับกลุ่มก็เห็นจะมีแต่มัณฑินีเพียงคนเดียวจากเดิมก็คือเอมิกาที่นอนอยู่บนเตียง
“เอม นี เดี๋ยวฉันขอตัวก่อนนะพอดีต้องไปรับของจากน้ารสน่ะ แปปเดียวเดี๋ยวมา” ลัลเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน
“อ่ะ เออนี่ให้ฉันไปด้วยสิ หิวอยู่ว่าจะไปหาของกิน” มัณฑินีรั้งเอาไว้ แต่ลัลทริมากลับทำสีหน้าลำบากใจส่งไปแทน
“แล้วเอมล่ะ?”
“ไม่เป็นไรลัล ฉันอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องห่วง” เจ้าตัวเป็นฝ่ายตอบกลับเองพร้อมรอยยิ้มกว้างที่เริ่มดูสดใสขึ้น
“เห็นมั้ยล่ะยัยนี่นะอึดถึกจะตายไม่เป็นไรหรอก นี่แวะเซเว่นเดี๋ยวซื้อช็อคโกแลตมาฝากไปล่ะ” พูดออกมารัวเร็วพลางดันหลังของลัลทริมาให้ออกไปจากห้องก่อนที่จะโดนคนป่วยนั้นปาข้าวของใส่ซะก่อน ซึ่งแน่นอนว่าเอมก็คิดเอาไว้แล้วเตรียมจะหยิบเอาหมอนใบใหญ่นั้นขว้างเอาแต่ก็ไม่ทันเมื่อร่างของเพื่อนทั้งสองคนหายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่เริ่มห่างไกลออกไปเช่นกัน
ตอนนี้ภายในห้องมีแต่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังขึ้นและเสียงผ่อนลมหายใจของสาวห้าวอย่างเธอที่ตอนนี้ได้แต่นอนอยู่บนเตียงอย่างกับคนพิการที่วันๆไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง
จะว่าไปก็ยังมึนหัวไม่หายและแอบตกใจอยู่เหมือนกันที่ลัลบอกไว้ว่าตัวเธอนั้นไม่ได้สติอยู่เกือบอาทิตย์ จากอุบัติเหตุในวันนั้นที่โดนรถกระบะคันหนึ่งพุ่งเข้าใส่โดยที่เธอแทบจะไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ราวกลับว่ารถคันนั้นจู่ๆก็โผล่เข้ามาทั้งที่ในตอนแรกนั้นถนนว่างเปล่าไม่มีแม้แต่รถคันอื่นขับผ่าน
มือเรียวข้างหนึ่งที่ไม่ได้ใส่เฝือกเอาไว้ยกขึ้นไปแตะผ้าพันแผลที่พันอยู่บนศีรษะเลยลงมาจนถึงใบหน้าซีกซ้ายแต่ดูเหมือนจะแตะแรงไปหน่อย เลยอดไม่ได้ที่จะสูดปากออกมาด้วยความเจ็บระบม
“ซี้ดดดดดดด…” เอมิกาครวญครางก่อนจะตัดสินใจเก็บมือของตนเองเอาไว้ที่เดิมอย่างช่วยไม่ได้ พลางสายตาของเธอก็สอดส่องมองไปรอบห้องอย่างคนไม่มีอะไรทำคิดในใจไปเรื่อยเปื่อย แต่แล้วสิ่งที่ทำให้หญิงสาวมุ่งความสนใจไปหานั่นก็คือม่านสีขาวที่ถูกเลื่อนปิดบานหน้าต่างใส ราวกับว่ามีคนใช้มือกวาดเอาม่านตรงนั้นไปกองกันยังอีกฝั่งหนึ่งทั้งๆที่ไม่มีแม้แต่เงาของใครนอกจากเธอที่นอนอยู่บนเตียงคนเดียว
เอมิกาส่ายหัวก่อนจะคิดปลอบใจตัวเองว่าคงเป็นจากอาการที่ศีรษะของตนเองถูกกระทบกระเทือนจนเกิดภาพหลอนภาพซ้อนทับการจินตนาการไปต่างๆนาๆ
แต่เธอก็ไม่ได้ไว้วางใจซะทีเดียว
เพราะในตอนนี้ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่เธอก็รู้สึกได้
ว่าไม่ได้มีแค่เธอที่อยู่ภายในห้องนี้แน่ๆ!!!!!!!!!!!
ความคิดเห็น