ตอนที่ 6 : CYM 5 : One Thing
5
But I need that one thing
And you’ve got that one thing
แต่ฉันต้องการสิ่งๆเดียวเท่านั้น
และสิ่งนั้นก็คือเธอ..
-One Thing-
“ ..ทางผ่าน “
นี่มัน..โกหกชัดๆ-_-
“ จะบอกว่ามหาลัยฉันเป็นทางผ่านนายทุกวันเลยรึไง “
“ หรือเธออยากให้ฉันบอกว่ามารับล่ะ☺”
“ ทะ..ทางผ่านก็ทางผ่านสิ“
โอเค นี่มันอาจจะดูแปลกไปสักหน่อย..ไม่สิ อันที่จริงฉันว่ามันแปลกมากๆเลยล่ะ!
ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถของเจเรมี่ สปอร์ตคาร์คันเท่ห์ที่ขับไปรับไปส่งฉันตลอด1อาทิตย์ที่ผ่านมา..ใช่..ฟังไม่ผิดหรอก 1อาทิตย์ที่ผ่านมานั่นแหละ! โดยเขาให้เหตุผลว่ามันเป็นทางที่เขาจะต้องผ่านอยู่แล้วจะขับรถไปให้เปลืองน้ำมันทำไม แต่คือ มันไม่ดูแปลกไปหน่อยหรอ ที่เขาจะผ่านทางนี้ทุกวันทั้งขาไปขากลับน่ะ!?
หวังว่ามันคงจะเป็นทางผ่านจริงอย่างที่เขาว่าแล้วกัน เพราะถ้าเป็นอย่างอื่นมันคง..เอ่อ ไม่รู้เหมือนกันแฮะ-_-;
“ วันนี้วันศุกร์ เธอคงไม่รีบกลับไปพักผ่อนที่ห้องหรอกนะ “ เจเรมี่หันมาถามในขณะที่รถกำลังติดไฟแดง วันนี้เขาก็แต่งตัวดูดีตามสไตล์อีกเหมือนเคย สมกับที่เป็นลูกคนรวยล้นฟ้าจริงๆแฮะ แบรนด์เนมทั้งตัว ขนาดไอ้เสื้อยืดสีดำปักลายChrome hearts ธรรมดาๆที่ตัดกับผิวขาวโอโม่นั่นก็ราคาเป็นหมื่นนะคะทุกคน-0- นี่ถ้าไม่ใช่คนระดับเขาใส่ฉันคงคิดว่าเป็นของก๊อปเกรดMirrorแน่อ่ะ
“ ไม่ คือฉันหมายความว่าใช่ ฉันอยากรีบกลับไปพักผ่อนที่ห้อง “ รู้มั้ยว่ามันเหนื่อยจริงๆนะเรียนวิศวะเนี่ย ไปเรียนวันเดียวได้งานกลับมาอีกเป็นสิบ! ฉันจะตายอยู่แล้ว T^T
“ งั้น..ไอ้นี่ฉันคงต้องยกให้คนอื่นสินะ “ ฉันหันไปมอง ไอ้นี่ ที่เจเรมี่พูดถึง เดี๋ยวนะ..ไอ้บัตร2ใบนี้นี่มัน!!
“ THE MET 2nd SHOW IN BANGKOK @LOG.OUT
FRI 16th DOOR OPEN18.00hr SHOW TIME19.00 (VIP CARD) “
“ บัตรมันขายหมดไปแล้วนี่! “ และแน่นอนว่าฉันซื้อไม่ทัน: ( เปิดขายไม่ถึง10นาทีแต่บัตรกว่า5000ที่นั่งก็หมดในพริบตา ขนาดแอบใช้เส้นสายของพ่อแล้วแต่ก็ยังหาบัตรไม่ได้เลย แต่นี่! เจเรมี่ชูมันอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว แถมยังเป็นบัตรวีไอพีซะด้วย! เอ๊ะ แล้วฉันจะแปลกใจไปทำไมกัน ก็พวกเขาเป็นเพื่อนกันนี่
“ อันที่จริงพวกไอ้ดอมมันฝากมาให้เธอน่ะ แต่ถ้าเธออยากจะไปพักผ่อน ก็ได้นะ “
“ ฉันไป! ไปแน่นอน! “ THE MET ฝากบัตรวีไอพีมาให้เลยนะ! Oh my god ไม่อยากจะเชื่อว่า วงดนตรีระดับโลกแบบนั้นจะเป็นคนฝากบัตรคอนเสริต์มาให้ฉันเอง! กรี๊ด
“ เฮ้ เธอออกนอกหน้าไปแล้วนะ ทีเมื่อกี้ยังบอกว่าอยากจะพักผ่อน”
“ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว! นี่ๆ บัตรมันมีสองใบ งั้นฉัน..”
“ ฉันไปด้วยไง”
“ หะ..ห๊ะ? “
“ มันฝากมาให้เธอแค่ใบเดียวนี่ อีกใบน่ะของฉัน “
“ แต่..แต่ว่า..” ฉันถึงกับคิดอะไรไม่ออก คอนเสิร์ต THE MET กับ..กับเจเรมี่เนี่ยนะ!?
“ จะสละบัตรของเธอมาให้ฉันก็ได้นะ คงมีคนอื่นที่อยากไป..”
“ ไม่ๆ ฉ..ฉันไปอยู่แล้ว ! “
“ Well ” เจเรมี่เก็บบัตรคอนเสิรต์ไว้ตรงคอนโซลรถ ก่อนจะเหยียบคันเร่งทันทีที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว ฉันเห็นว่ามุมปากเขากำลังกระตุกขึ้นเล็กน้อย นี่มัน..โอ๊ย มันโอเคจริงๆใช่มั้ยเนี่ยที่จะไปคอนเสิร์ตกับเขาน่ะ! ให้ตายสิ ใครใช้ให้เขาเอาบัตรคอนเสิร์ตที่หายากแบบนี้มาล่อฉันกันเล่าL
@LOG.OUT 21.00 hr
ฉันกลับไปเปลี่ยนชุดกับเจเรมี่ที่คอนโดก่อนมาถึงที่นี่ตอน6โมงกว่า และตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในคอนเสิร์ตของวงดนตรีร็อคระดับโลก! นี่มันไม่ใช่แค่ไลฟ์แบบVIPที่บรรจุคนได้ไม่ถึง300 แต่ที่นี่คือstadiumที่บรรจุคนได้เป็นพันๆ! ทั้งแสง สี เสียงมันอลังการอย่างกับคอนเสิร์ตที่นิวยอร์กแน่ะ สุดยอดไปเลย!
“ Damn hot! “ เสียงสถบของเจเรมี่ดังขึ้นมาจากข้างๆ และไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาพูดคำนั้นน่ะ จริงอยู่ว่าอากาศค่อนข้างที่จะร้อนมาก แต่สาบานได้ว่าผู้ชายคนข้างๆฉันน่ะ Hot ยิ่งกว่า.. ฉันหมายถึงเจเรมี่นั่นแหละ จะมีใครอีกล่ะ
เขาสวมแค่เสื้อกล้ามสีขาวข้างในทับด้วยแจ๊คเก็ตสีดำที่ดูกี่ทีก็รู้สึกว่ามันดีไซน์มาเพื่อเขาจริงๆ ฉันเห็นผู้ชายที่แต่งตัวแบบนี้แต่ยังดูดีได้ไม่ถึงครึ่งของครึ่งของครึ่งของเจเรมี่เลย! มันอาจจะฟังดูเว่อร์ แต่นี่คือเรื่องจริงนะ ผู้ชายคนนี้ดูดีจริงๆ ขนาดคนที่มาดูคอนเสิร์ตแต่ไม่ได้เป็นแฟนคลับตัวยงแบบฉันยังมาขอเจเรมี่ถ่ายรูปเพราะคิดว่าเขาเป็นนักร้องนำเลย! ฉันกล้าพูดเลยว่าผู้หญิงคนไหนที่เดินผ่านเขาแล้วไม่หันกลับมามองต่ำกว่า3รอบน่ะผิดปกติแน่ๆ
“ So get out, get out, get out of my head
And fall into my arms instead
I don’t, I don’t, don’t know what it is
But I need that one thing
And you’ve got that one thing..~” ( One thing – One Direction )
“ นี่เธอร้องได้ทุกเพลงเลยรึไงน่ะ ขนาดไม่ใช่เพลงของวงพวกมัน “ เสียงของเจเรมี่ดังขึ้นเหนือหัวฉัน เขา..เขาไปอยู่ข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะO_O
“ แน่นอนอยู่แล้ว! เฮ้ แล้วนี่ไปอยู่ข้างหลังทำไม มายืนดูข้างๆกันสิ! “
“ สาบานได้ว่าเธอคงไม่อยากให้คนที่ยืนเบียดอยู่ข้างหลังเป็นผู้ชายตัวอ้วน หัวฟู ผิวคล้ำ สิวเขรอะแบบนั้นหรอกนะ “ เขาเอียงคอไปด้านข้างเล็กน้อยพอให้ฉันมองเห็นผู้ชายรูปร่างอย่างที่เขาว่า ซึ่ง..มันก็เป็นแบบที่เจเรมี่บอกจริงๆนั่นแหละ ดูอึ๋ยชะมัด~
“ ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ นายจะมองเห็นเวทีหรอ? “
“ เฮ้! พูดเสียงดังหน่อย ไม่ได้ยิน “ เขาชี้นิ้วไปที่หูก่อนจะโบกมือไปมา อย่าว่าแต่เขาเลย ฉันเองก็ไม่ได้ยินเหมือนกัน เสียงกรี๊ดดังเป็นปรอทแตกแบบนี้ เป็นเพราะดอมินิกกำลังถอดเสื้อกล้ามออกเผยให้เห็นซิกแพคสุดเซ็กซี่ของเขาน่ะสิ!
“ ฉันถามว่า นาย-เห็น-เว-ที-หรอ! “
“ ฮะๆ พูดอะไรตลกไปได้ เธอไม่ได้อยู่ในระดับสายตาฉันเลยด้วยซ้ำ สูงแค่นี้จะไปบังใครได้น่ะ “ เจเรมี่หัวเราะก่อนจะพูดอะไรที่ฉันไม่ค่อยได้ยินสักเท่าไหร่
“ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ไม่ได้ยินนนน “ ฉันชี้นิ้วไปที่หูตัวเองโบกมือไปมาแบบที่เขาทำ ก่อนจะหันกลับไปดูเวทีแวบหนึ่ง โอ๊ย ตอนที่ดอมินิกหยิบขวดน้ำขึ้นมาราดหัวนี่ฮอตเป็นบ้า!
“ ฉันบอกว่า..”
“ อ๊ะ..! “ ฉันถึงกับร้องเสียงหลงทันทีที่หันกลับไปแล้วพบว่าเจเรมี่กำลังก้มหน้าลงมาให้อยู่ในระดับเดียวกับฉันในขณะที่มือทั้งสองข้างของเขากำลังท้าวกับราวเหล็กที่กั้นระหว่างเวทีกับคนดู และระหว่างฉันกับแขนทั้งสองข้างของเขา..ตะ..ตั้งแต่เมื่อไหร่!?
“..สูงแค่นี้จะไปบังใครได้น่ะ “
นี่มัน..มัน..ไม่ใกล้เกินไปหน่อยหรอ?
“ อ..เอาแขนลงเหอะ แบบนี้มันอึดอัดนะ “
“ ฮะ? เธอพูดว่าไงนะ ไม่ได้ยิน☺“ ไม่ได้ยินแล้ว..แล้วจะยิ้มทำไมน่ะ!
“ เอาแขนลง! “
“ So get out, get out, get out of my head..~”
(เพราะงั้นช่วยออกมาจากหัวของฉันสักทีเถอะ)
“ ไม่ต้องมาร้องเพลงตอนนี้เลยนะ เอาแขนลงไปปปป “
“And fall into my arms instead..~”
(และมาซบลงที่แขนของฉันแทน)
“ ได้ยินมั้ยหา “
“I don't, I don't, don't know what it is ~“
(ฉันไม่รู้ ไม่รู้เลยว่านี่มันคืออะไร)
“ เจเรมี่! “
“But I need that one thing..~”
(แต่ฉันต้องการสิ่ง ๆ เดียวเท่านั้น..)
“ นี่.. “
“And you've got that one thing..”
(และ สิ่ง ๆนั้นก็คือเธอ..)
ตึกตัก..ตึกตัก♥
บ้า..นี่มันบ้าชะมัด เขาจ้องหน้าฉันตอนที่ร้องท่อนนั้นออกมาได้ยังไง!? ถึงมันจะเป็นแค่ท่อนเพลงธรรมดาก็เหอะ! นี่มันไม่แฟร์กับความรู้สึกของฉันในตอนนี้เลยสักนิด เขาทำแบบนี้ไม่ได้นะ : (
JEREMY’S PART
00.00 hr
“ ( ‘ ‘) “
“ (‘ ‘ ) “
“ (‘ ‘) “
“ (. .)”
“ นี่เธอจะเงียบจนถึงห้องเลยรึไง? “ ผมถามออกไปในที่สุดเมื่อทนกับความเงียบของเจสสิก้าไม่ได้อีกต่อไป ตั้งแต่ที่ออกมาจากคอนเสิร์ต ตอนที่นั่งอยู่ในรถ หรือตอนนี้ที่กำลังยืนรอลิฟต์ขึ้นไปชั้น15 ยัยเด็กนี่ก็เอาแต่ก้มหน้างุดๆ มองไปซ้ายทีขวาที หรือจะพูดง่ายๆก็คือบริเวณไหนก็ตามที่ไม่มีผมอยู่นั่นล่ะ-_-
“ ฮะ? เอ่อ เปล่านิ ไม่ได้เงียบสักหน่อย (. .) “ แล้วก็ก้มหน้ามองเท้าตัวเองอีกเหมือนเดิม อันที่จริงผมคิดว่าผมพอจะรู้สาเหตุที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ว่ะ บางทีอาจจะเป็นตอนที่อยู่ในคอนเสิร์ต..? ฮะๆ คงรู้นะว่าผมหมายถึงตอนไหน จริงๆแล้วตอนนั้นผมก็แค่อยากจะแกล้งอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง มันบังเอิญกับที่ดนตรีท่อนนั้นดังขึ้นมาพอดี ก็เลยปล่อยเลยตามเลย เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกขอบคุณที่มีวงTHE MET ขึ้นมาบนโลก เพราะถ้าไม่มีไอ้วงเวรๆนี่ผมคงไม่ได้เห็นเจสสิก้าทำท่าอายแบบนั้น บอกตรงๆว่ามัน..น่ารักจริงๆว่ะ
“ นี่ ลิฟต์มาแล้ว จะไม่ขึ้นใช่ปะ? “
“ ขึ้นๆๆ อย่าพึ่งปิดประตูนะเจเรมี่! “ เจสสิก้ารีบกระโดดขึ้นมาบนลิฟต์ทันทีที่ผมทำท่าจะกดปิดประตู เห็นท่าทางเปิ่นๆของยัยนี่แล้วตลกเป็นบ้า
“ ฉันเห็นนะ! เมื่อกี้นายกดปิดประตูใช่มั้ย นี่ถ้าฉันโดนประตูหนีบขึ้นมาจะทำยังไงหา!?”
“ แล้วนี่มันโดนที่ไหนล่ะ กลัวเป็นเด็กๆไปได้ “
“ คนกลัวประตูลิฟต์หนีบเขาจำกัดอายุด้วยรึไงล่ะ ชิ“ เออ ผมบอกไปยังวะ ว่ายัยเด็กนี่น่ะกวนประสาทใช่ย่อย ชอบยักคิ้วข้างเดียวแบบที่ดูแล้วโคตรจะกวนประสาทเลย นี่ถ้าเป็นผู้ชายไปยักคิ้วแบบนี้คงโดนต่อยคว่ำไปแล้วแหละ ผมว่าโชคดีของยัยนี่จริงๆที่เกิดมาเป็นผู้หญิงเนี่ย
“ เธอไม่หิวข้าวเลยรึไง ตอนเย็นก็ไม่ได้กิน “
“ พูดแบบนี้แสดงว่านายหิวล่ะสิ “
“ เออดิ ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยงนะ หิวข้าวววววว “
“ แล้วไงเล่า ฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายไม่ได้กินที่ไหนล่ะ “ เหอะ! อยากจะบอกว่าเธอน่ะเป็นต้นเหตุเต็มๆ นี่คุณคิดว่าจะมีใครไปหาไอ้บัตรคอนเสิร์ตบ้าบอคอแตกแบบนั้นได้ก่อนแสดงไม่ถึง10ชั่วโมงกันวะ! ผมเพิ่งไปสั่งทำมาสดๆร้อนเลยนะโว้ย แน่นอนว่าไอ้บัตรวีไอพี2ใบนั่นไม่ใช่ของจริง และ ถ้าไปเทียบกับคนอื่นแล้วจะรู้ทันทีเลยว่านี่มันปลอมแปลงชัดๆ คือจริงๆปกติไอ้ดอมจะให้บัตรฟรีผมมาเป็นสิบๆใบแต่ผมเคยสนใจที่ไหนกัน แจกคนอื่นไปหมดแล้วล่ะ-_- ใครจะไปคิดว่าครั้งนี้ผมจะต้องไปคอนเสิร์ตไอ้พวกบ้านั่นด้วย อ้อ! แล้วถ้าจะถามว่าผ่านการ์ดรักษาหน้าประตูเข้ามาได้ยังไง? เฮ้ ผมเป็นเพื่อนไอ้พวกเวรนั่นนะ แค่การ์ดเห็นหน้าผมก็คงจะคิดว่าไอ้บัตร(ปลอม)ที่อยู่ในมือคงเป็นบัตรโคตรวีไอพีที่ผมได้มา พูดจริงว่าผมดีไซน์ได้ดูดีกว่าของจริงเยอะ!
“ อะไรวะ คนอุตส่าห์เอาบัตรคอนเสิร์ตมาให้ ตอบแทนกันแบบนี้อ่ะนะ? “
“ นี่อย่ามาทวงบุญคุณกันนะ หิวก็สั่งพิซซ่ามากินสิ “
“ ขอโทษนะ แต่ช่วยดูนาฬิกาหน่อยเหอะ นี่มันเที่ยงคืน! ใครจะลุกมาส่งไม่ทราบครับ ?“
“ แล้วไม่งั้นจะให้ฉันทำยังไงเล่า “ โอ๊ะ ถามได้ดีนี่ จะให้ทำยังไงงั้นหรอ..?
“ ก็แล้วจะมีครัวไว้ในห้องทำไมถ้าไม่ใช้น่ะ☺”
อีก30นาทีต่อมา เจสสิก้าก็หอบของที่ใช้สำหรับทำสปาเก๊ตตี้แบบง่ายๆมาที่ห้องผม..เออ ฟังไม่ผิดหรอก อย่างที่พูดนั่นแหละ เธอกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนจะกลับมาอีกทีพร้อมอุปกรณ์ทำอาหารที่ห้องของผม
เฮ้ย อย่าพึ่งคิดว่านี่มันเป็นแผนชั่วอะไรนะ ใครใช้ให้ห้องเจสสิก้ามาแก๊สหมดตอนนี้กันล่ะ เธอเลยต้องหอบข้าวของมาใช้ครัวที่ห้องผมแทน นี่ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะเนี่ยJ
“ ทำไมฉันต้องมาเข้าครัวตอนเที่ยงคืนกว่าแบบนี้ด้วยนะ “ ผมได้ยินเสียงเจสสิก้าบ่นพึมพำมาจากห้องครัวในตอนที่ผมกำลังเดินออกมาจากห้องนอนหลังจากที่เปลี่ยนมาอยู่ในชุดสบายๆแล้ว ท่าทางเธอดูคล่องแคล่วดีว่ะ สงสัยว่าคงจะเข้าครัวบ่อยแฮะ อืม ผู้ชายที่ไหนก็ต้องชอบผู้หญิงที่ทำอาหารเก่งแหละนะ
“ อย่าบ่นไปหน่อยเลย นี่เธอเป็นคนแรกที่ได้มาใช้ครัวเลยนะ ไม่ดีใจหน่อยหรอ? “
“ โอ๊ย ดีใจสิ! ดีใจจริงๆ ได้มาใช้ครัวตอนเที่ยงคืนกว่าแบบนี้ ดีสุดๆไปเลยค่ะ^^ “ เธอหันมายิ้มให้ผมในแบบที่ใครดูก็รู้ว่านี่มันแอบแฝงชัดๆ เห็นปะ ผมบอกแล้วว่าเด็กนี่น่ะกวนประสาทแค่ไหน คอยดูเหอะ สักวันผมจะจัดการซะให้เข็ด
“ กวนจริงๆ ระวังตัวไว้เหอะ หึหึ“
“ อ๊ายย อย่ามาขยี้หัวฉันเล่นแบบนั้นนะ! “ เฮ้ย ยัยนี่แทบจะเอาตะหลิวฟาดหัวผมคืนแน่ะ! เด็กบ้าเอ๊ย แค่เล่นหัวนิดเดียว นี่ถ้าผมเล่นอะไรมากกว่านี้ต่อไปคงเป็นกระทะสินะ-_-
“ เออ ไม่เล่นละ ฉันไปนั่งดูหนังรออยู่ตรงโซฟาดีกว่า ทำเสร็จแล้วยกไปให้ด้วย เร็วๆนะ! “
“ ให้ตายสิ ฉันไม่ใช่คนใช้นายนะเจเรมี่! “ เสียงเจสสิก้าตะโกนไล่หลังมา ก่อนที่เธอจะเดินยกจานสปาเก๊ตตี้ตามมาทีหลัง นี่ถ้าทำได้เธอคงอยากจะเอาจานนี่ยีหัวผมสินะ ดูทำท่าเข้า ฮะๆ
“ แล้วไหนจานเธอ? ไปเอามากินด้วยกันดิ ทำเยอะขนาดนั้นใครจะไปกินหมดวะ “
“ ไม่เอา นี่มันดึกแล้ว ฉันอยากพักผ่อน “
“ นี่มันวันเสาร์นะ พรุ่งนี้ก็ได้พักผ่อนอยู่แล้วจะรีบนอนไปทำไม เร็วๆ ไปหยิบจานมา “
“ ผ..เผด็จการ! ทำไมฉันจะต้องทำตามที่นายสั่งด้วยนะ! “ พูดไปเหอะ ยังไงเธอก็ต้องทำตามที่ผมบอกอยู่ดีนั่นแหละ ผมพึ่งค้นพบว่าเจสสิก้าเป็นโรคที่ปฏิเสธใครไม่ค่อยเป็น แค่ตื้อๆเธอหน่อยก็ทำให้แล้ว ดูอย่างตอนนี้สิ คนที่พึ่งบ่นผมไปอยู่หยกๆ เมื่อกี้ ตอนนี้กลับมานั่งถือจานสปาเก๊ตตี้อยู่ข้างๆผมแล้ว มันน่าตลกมั้ยล่ะ ฮะๆ
“ นายชอบดูหนังประเภทนี้หรอ? “ เธอถามขณะที่กำลังเขี่ยเส้นสปาเก๊ตตี้ในจานเล่นแต่สายตาก็เอาแต่จดจ้องไปที่ทีวี เธอหมายถึงหนังเรื่อง One Day ที่ผมเพิ่งใส่แผ่นเข้าไปได้สักพัก มันเป็นหนังรักโรแมนติกน่ะ อันที่จริงผมก็ไม่ได้ชอบดูหนังแนวนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับดูไม่ได้ แผ่นนี้เป็นของไอ้มาร์คัสน่ะ เห็นเป็นมือกลองห่ามๆแบบนั้นแต่ขอโทษเหอะ มันนี่แหละชอบดูหนังโรแมนติกยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก ไม่ได้เข้ากันเลยสักนิด
“ ก็เฉยๆ ไม่ค่อยชอบแต่ก็ดูได้”
“ แล้วจะเปิดทำไมถ้าไม่ได้ชอบน่ะหา “
“ หรือจะให้เปิดหนังโป๊? “
“ ร..โรคจิต ไม่พูดด้วยแล้ว! “ แล้วหลังจากนั้นเธอก็ไม่พูดกับผมอีกเลยจริงๆ ไม่ได้โกรธอะไรหรอกนะ แต่คงจะเป็นเพราะติดหนังนี่ล่ะ ขนาดกินสปาเก๊ตตี้หมดจานแล้วยังไม่ยอมกลับห้องเลยคิดดู ผมเลยต้องเป็นคนเก็บจานทั้งหมดไปล้างแล้วปล่อยให้ยัยเด็กเจสสิก้านั่งดูหนังต่อไป เหอะ ทีเมื่อกี้ล่ะพูดว่าอยากพักผ่อน
“ นี่จะตีสามแล้วนะ จะไม่กลับไปนอน..เฮ้ย หลับไปแล้วหรอ!? “ ผมเดินกลับมาอีกทีก็เห็น เจสสิก้านอนหลับตาพริ้มอยู่ที่โซฟาในท่าที่ทิ้งขาลงพื้นทั้งสองข้าง หลับท่านี้เดี๋ยวก็เป็นตะคริวให้หรอกยัยโง่เอ๊ย
“ เจส? เฮ้ เจสสิก้า? “ ผมเขย่าตัวเธอเบาๆสองสามทีแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะลืมตาขึ้นมาเลย ท่าทางคงจะหลับสนิทเลยว่ะ แต่มาเผลอหลับในห้องผู้ชายเนี่ยนะ? ไม่ได้ระวังตัวเลยแฮะ
ผมช้อนตัวเธอขึ้นมาก่อนจะอุ้มไปที่ห้องนอน เฮ้ อย่าคิดว่าผมจะทำอะไรบ้าๆกับคนที่กำลังหลับอยู่เชียวนะ ผมไม่ได้เลวอะไรขนาดนั้น ยิ่งเป็นยัยเด็กนี่ยิ่งแล้วใหญ่..
ผมวางเจสสิก้าลงบนเตียงอย่างเบามือก่อนจะเลื่อนผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงคอ จะว่าไปตอนหลับยัยนี่ดูไร้เดียงสาชะมัด ไม่สิ อันที่จริงแล้วไม่ว่าเจสสิก้าจะทำหน้ายังไง สีหน้าท่าทางจะดูกวนประสาทแค่ไหน ผมก็มองว่ามันโคตรจะดูไร้เดียงสา แบบว่า ดูใสซื่อ แล้วก็..น่ารักดี
เออ ยอมรับตรงนี้เลยว่าผมชอบเจสสิก้าอยู่ไม่น้อย..
มันอาจจะเร็วที่ผมจะพูดแบบนี้ เพราะเราก็เพิ่งรู้จักกันไม่กี่อาทิตย์ แต่จะไปคิดอะไรให้ยุ่งยากทำไมวะ มันก็แค่ความชอบ อาจจะชอบมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ใช่ความรักจริงจังอะไรนี่ คือตอนนี้มันคงยังไม่ถึงขนาดนั้นอ่ะนะ แต่จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ
อย่างที่บอกว่าเธอดูแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น เธอคงรู้แหละว่าตัวเองเป็นคนสวยที่ดึงดูดสายตาจากคนอื่นได้เสมอ แต่เธอก็ไม่เคยทำอะไรที่ดูหยิ่ง หรือต้องคอยระวังการกระทำของตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา กลับกันคือเธอเป็นคนที่ดูธรรมชาติสุดๆ ไม่ว่าเธอจะคิดหรือทำอะไรออกมา ผมก็รู้สึกได้ว่านั่นมันคือตัวตนจริงๆของเธอ และผมคิดว่าที่ผมหลงเสน่ห์เธอก็คงจะเป็นเพราะแบบนี้นี่ล่ะ..
แต่ปัญหาในตอนนี้คือผมแค่รู้สึกว่าต้องคอยหาเรื่องอยู่ใกล้เธอมากหน่อย เพราะเธอไม่เคยจะเข้าหาผมก่อนเลยนี่สิ จริงๆผมว่าผมก็ชัดเจนแล้วนะว่าสนใจเธออยู่ไม่น้อย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ยอมรับเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ว่ะ อาจจะเป็นเพราะพึ่งเลิกกับแฟนเลยยังไม่พร้อมที่จะเริ่มอะไรกับใครใหม่ล่ะมั้ง แต่เอาเหอะ เรื่องนั้นไม่ได้สำคัญสักเท่าไหร่ เพราะผมก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้วนี่☺
END JEREMY'S PART.
__________________________________________________________________________
5.03.13
ใครเห็นหนุ่มคนนี้แล้วฟินเหมือนไรท์เตอร์มั่งง!?
05.04.13
UP UP UPPPPPPP!!
วันนี้มาอัพแบบอากาศร้อนๆ! จะ40องศาอยู่แล้ว
อัพไปเหงื่อตกไป T_T;
ยังไงก็ชอบคุณลีดเดอร์มากๆนะคะที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้
ช่วยกันเม้น เม้น เม้น เยอะ เยอะ เยอะ นะคะ!
THANKS YOU!
-JustJay-
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เท่ห์ฟุดๆ พระเอกช้านนนนน><
น่ารักมากค่ะ รอติดตามอยู่น้าาา
ไรท์เตอร์ไฟท์ติ้งงงงง!
ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยน้าาาาาาา เลิฟฟ<3
(เว้นตาอเล็กซ์ไว้เลยนะ -*- ไม่เอาด้วยสุดๆ)
อากาศร้อนหรือพวกเขาฮ็อตสุดๆ ก็ไม่รู้เนอะ
แต่ที่รู้คือเจเรมี่หล่อได้กินขาดสุดๆ สมกับเป็นพระเอกเลยทีเดียว
หนุ่มๆ The Met นี่ก็ฮ็อตสมกับเป็นวงดนตรีระดับโลกจริงๆ เทใจให้ดอมสุดๆ ไปเลย
แต่สิ่งที่กัดหมอนอิจฉายเจสสิก้าที่สุดเห็นจะเป็นเพื่อนๆ ของเธอนั่นแหละ
ฌอน มาร์ติน อัลวิน เบนจามิน กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!! (ต้องกรีดร้องดังๆ เลยทีเดียว)
มีเพื่อนแบบนี้คงอบอุ่นปลอดภัยดีพิลึก 555 <3
U ROCK ME!! GREEDZZZZZZ><
WRITER UP UP UP WAIT FOR NEXT EP. NAKA!
เจ๊ชอบผู้ชายใส่เสื้อแจ๊คเก๊ตที่สุด
แซ่บเฟ้อออออ>____<
รีบอัพๆๆๆๆๆ ติดตามค่าาาาาาาา