ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One Shot / Short Fiction | HUNHAN

    ลำดับตอนที่ #7 : ( sf ) The Second Lover - chapter 7 {END} - [HUNHAN ft.KAI]

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 59





    Title : THE SECOND LOVER

     

    Chapter : 7 [End]

     

    Pairing : Sehun x Luhan ft.KAI


    Story by : Vanilla1127

     

    นับตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นก็ผ่านไปร่วมสองอาทิตย์แล้ว เซฮุนไม่มาที่กลุ่มอีกเลย จะมีก็แต่จงอินกับชานยอลที่ได้เจอร่างสูงบ้างในคลาสเรียนแต่ก็ไม่ได้พูดคุยกันมากมายเหมือนเคยเพราะเซฮุนมักจะเข้ามาเวลาที่อาจารย์เริ่มสอนแล้ว และมักจะเลี่ยงออกไปก่อน แม้กระทั่งเวลามีรายงานที่ปกติเคยทำด้วยกันเซฮุนก็จะเลี่ยงไปทำกับเพื่อนกลุ่มอื่น ทำราวกับเป็นคนแปลกหน้ากัน ส่วนลู่หานก็เหมือนกับกลายเป็นคนละคน จากที่เคยร่างเริงสดใสก็กลายคนเป็นเซื่องซึม เหม่อลอยแทบตลอดเวลา ใบหน้าน่ารักที่เคยผุดผ่องกลับเศร้าหมอง ขอบตาแดงช้ำเหมือนคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักในทุกๆวันจนแบคฮยอนกับชานยอลอดเป็นห่วงไม่ได้ และคนที่ทุกข์ใจที่สุดกับการที่ร่างบางเป็นแบบนี้ก็คงไม่พ้นคิมจงอินอยู่ดี

     

     

    “ฮยองครับ เย็นนี้เราจะไปกินอะไรกันดี”

     

    “...”

     

    “ฮยอง...”

     

    “...”

     

    “ลู่หานฮยองครับ”

     

    “อ่ะ อะไรเหรอจงอิน”

     

    เสียงทุ้มเรียกอยู่หลายครั้งก็ได้รับแต่ปฏิกริยานิ่งเฉย ร่างสูงละมือข้างหนึ่งที่คุมพวงมาลัยอยู่ไปจับมืออีกฝ่ายที่กำลังเหม่อลอยเพื่อให้รู้สึกตัว แก้วตาที่เคยสุกใสดูว่างเปล่ากว่าทุกที ถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามฝืนยิ้มบางๆแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้จงอินสบายใจขึ้นเลย แต่เขาก็พยายามพูดคุยและยิ้มให้เหมือนปกติเพื่อไม่ให้บรรยากาศชวนน่าใจหายไปมากกว่านี้

     

     

     

    “ผมถามว่าเย็นนี้เราจะไปกินอะไรกันดีครับ ฮยองอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

     

    “แล้วแต่จงอินเลย พี่ยังไงก็ได้”

     

    “อืม...งั้นเราไปกินเนื้อย่างกันไหม ตรงหน้าสถานีรถไฟใต้ดินมีร้านเพิ่งมาเปิดใหม่ไม่นาน ดีไหมครับ”

     

    “อ่า ร้านนั้น อร่อยดีนะ...พี่เคยไปกับเซฮุนมาครั้งนึง”

     

    ร่างบางยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับเสียงหม่นที่เอ่ยออกมาแผ่วเบา ดวงตากลมมองไปยังถนนข้างหน้า น้ำตาคล้ายจะรื้นขึ้นมาอีกครั้งแต่ลู่หานก็สะกดกลั้นมันลงไป เขาไม่รู้ตัวเลย คล้ายกับจิตใต้สำนึกมันสั่งให้พูดออกมาแบบนั้น ภาพความทรงจำที่วนเวียนอยู่ในความคิดมันทำให้เผลอพูดออกไปตามใจนึก ลู่หานไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายจิตใจของจงอินเลย

     

    มือแกร่งกำพวงมาลัยแน่น พยายามบังคับให้ตัวเองเป็นปกติมากที่สุด เขารู้ว่าลู่หานไม่ได้ตั้งใจจะพูดมันออกมา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพียงคำพูดที่ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นมันซ้ำเติมให้แผลเดิมที่ยังไม่หายดีเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง

     

    ทั้งที่ควรจะมีความสุขที่เป็นคนที่ถูกเลือก ได้อยู่ใกล้คอยปกป้องดูแลและได้ชื่อว่าเป็นคนรัก แต่จงอินกลับไม่มีความสุขอย่างที่ควรจะเป็นสักนิด เพราะถึงแม้เขาจะเป็นฝ่ายได้ลู่หานมาอยู่เคียงข้างกาย แต่ก็เพียงร่างกายเท่านั้น...

     

    จงอินรู้ดีว่าหัวใจของคนๆนี้อยู่ที่ใคร และเขาทำได้เพียงแค่รอ

     

    รอว่าเมื่อไหร่ลู่หานจะลบโอเซฮุนออกไปจากหัวใจ และมองเห็นความรักของเขาสักที

     

    .

    .

    .

     

    ร่างเล็กวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาภายในตัวหอสมุด มือบางวางหนังสือที่หอบมาเต็มอ้อมแขนลงบนโต๊ะ วันนี้มีนัดทำรายงานกันที่หอสมุด แต่เขาดันโดนอาจารย์ใช้ให้ไปถ่ายเอกสารก็เลยมาช้ากว่าเวลานัดจนได้

     

    “รอนานไหมจงอินอา ขอโทษนะที่มาช้า พอดีโดนอาจารย์ใช้น่ะ เฮ้...ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

     

    เสียงใสเอ่ยขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ เอ่ยเจื้อยแจ้วไปเรื่อยสักพักถึงได้สังเกตเห็นอาการหม่นหมองของคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ตาโตมองสำรวจอีกคนด้วยความเป็นห่วง นิ้วเรียวยื่นไปจิ้มหัวคิ้วของอีกฝ่ายหวังคลายปมที่ขมวดกันแน่นแต่ก็ไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ เลยได้แต่ถอนใจออกมาอย่างหนักอก ไม่ชอบเลย ไม่ชอบที่ต้องเห็นคนตรงหน้าเป็นแบบนี้เลย

     

    “ก็ไหนว่าดีกับลู่หานฮยองแล้วไง”

     

    “...”

     

    “จงอินอา ขอร้องล่ะ อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม”

     

    เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งเฉยมือขาวก็ยื่นไปกอบกุมฝ่ามือนั้นด้วยความห่วงใย จงอินเงยหน้ามองสบตาก่อนจะคลี่ยิ้มให้บางๆ ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่เป็นไร

     

    “มีอะไรไม่สบายใจเหรอ บอกฉันได้ไหม”

     

    “อ่า ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ”

     

    “ช่างมันได้ยังไง นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเห็นนายเป็นแบบนี้น่ะ”

     

    “ขอบใจนะคยองซู

     

    “แล้วจะบอกได้หรือยัง ว่าใครทำให้จงอินอาของฉันมานั่งทำหน้าเศร้าอยู่อย่างนี้ หืม?”

     

    “ก็เดิมๆน่ะ”

     

    ไม่จำเป็นจะต้องอ้อมค้อมหรือปิดบังอะไร เพราะนอกเหนือจากกลุ่มที่สนิทกัน ก็คงเป็นคยองซูเพื่อนร่วมชั้นปีคนนี้ที่จงอินสนิทใจพอที่จะบอกเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง เหตุผลก็คงเป็นเพราะอีกฝ่ายเองก็ให้ความเท่าเทียมกับจงอินเช่นเดียวกัน ร่างบางตาโตมักจะเปิดเผยกับเขาในทุกๆเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของหัวใจ คยองซูก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องปิดบัง

     

    ความเงียบเข้าครอบงำเมื่อร่างสูงตัดสินใจนั่งเงียบๆอยู่อย่างนั้น และคยองซูก็ไม่คาดคั้นให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ ได้แต่กุมมือใหญ่นั้นไว้เพื่อปลอบใจ จนถึงเวลาที่อีกคนตัดสินใจเอ่ยออกมา

     

    “ฉันเคยคิดว่า ถ้าไม่มีโอเซฮุน ฮยองก็จะรักฉัน”

     

    “แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะ”

     

    “ว่าถึงไม่มีเซฮุน ฮยองก็ไม่รักฉันอยู่ดี”

     

    ดวงตาคู่คมแดงก่ำ จงอินเงยหน้าขึ้นพยายามข่มความอ่อนแอเอาไว้ ทว่าเพียงคยองซูโอบกอดเขาเอาไว้อย่างอ่อนโยน น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือเล็กลูบแผ่นหลังกว้างอย่างปลอบประโลม เสียสละไหล่เล็กให้อีกคนได้ซับน้ำตา

     

    “ฉันทำให้ฮยองต้องร้องไห้ ฉันมันเห็นแก่ตัวที่ยื้อเขาไว้เพื่อตัวเอง”

     

    “อย่าโทษตัวเองเลยจงอิน นายทำดีที่สุดแล้ว”

     

    “ทรมานจังคยองซู ฉันเหนื่อยแล้ว เหนื่อยเต็มที”

     

    “ถ้าเหนื่อยก็พักเถอะนะ”

     

    อ้อมกอดอุ่นกระชับแน่นขึ้น ความเจ็บปวดและเสียใจที่ร่างสูงมี คยองซูก็อยากจะแบ่งเบามันมาถึงแม้จะเพียงน้อยนิดก็ยังดี 

     

    “อย่าเสียใจอีกเลยนะจงอิน”

     

    .

    .

    .

     

    “อ่ะนี่ น้ำส้มของลู่หาน นี่น้ำแอปเปิ้ลของจงอินแล้วก็น้ำองุ่นของฉันเอง”

     

    แบคฮยอนที่เดินเข้ามาสมทบยื่นน้ำผลไม้กระป๋องเย็นเฉียบที่เพิ่งซื้อมาจากโรงอาหารให้ลู่หานกับจงอินคนละกระป๋อง ร่างบางนั่งลงบนม้านั่งตัวยาว มือจับคอเสื้อกระพือให้ลมผ่านคลายร้อน

     

    “โรงอาหารคนเยอะชะมัด กว่าจะซื้อมาได้แทบเป็นลมตาย ชานยอลก็หายไปไหนก็ไม่รู้”

     

    “เห็นมันว่าไปทำธุระนี่ครับ มันไม่ได้บอกฮยองเหรอ”

     

    “หึ ไม่ได้บอกอ่ะ”

     

    แบคฮยอนขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย ถามไปว่าธุระเรื่องอะไรแต่จงอินก็ให้คำตอบได้เพียงการยักไหล่เป็นเชิงว่าไม่รู้เท่านั้น ร่างบางจิ๊ปากอย่างขัดใจ ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับเพื่อนตัวเล็กที่นั่งใจลอยไม่รู้สึกรู้สากับสรรพสิ่งรอบตัวสักนิด

     

    “เป็นอะไรไป พักนี้ไม่ยิ้มเลย”

     

    นิ้วเรียวจิ้มที่แก้มลู่หานเบาๆเรียกให้อีกคนหลุดจากภวังค์ คนตัวเล็กหันมายิ้มหวานให้เพื่อนตามคำขอ พลอยให้ทั้งแบคฮยอนกับจงอินยิ้มตาม สบายใจที่อย่างน้อยลู่หานก็ยังยิ้มออกมาได้ ถึงแม้จะดูฝืดเฝื่อนเต็มที

     

    และก่อนที่จะได้พูดคุยกันต่อทุกสายตาก็ต้องเบนไปโฟกัสที่ร่างสูงโปร่งที่มักมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่เสมอ แต่วันนี้แปลกตรงที่ชานยอลกลับทำหน้าเคร่งเครียดจนทุกคนต่างก็รู้สึกไม่สบายใจตามๆกันไป คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

     

    “ชานยอล มีเรื่องอะไรเหรอ หน้าเครียดมาเชียว”

     

    เงียบไปพักใหญ่ ชานยอลมองหน้าลู่หานอย่างชั่งใจว่าจะบอกหรือไม่บอกดี แต่สุดท้ายก็แพ้แรงสะกิดเร่งขอคำตอบจากคนรักตัวน้อย ร่างโปร่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยออกมา

     

    เซฮุนมันกำลังจะลาออก บอกว่าหมดเทอมนี้จะกลับไปเรียนที่เมืองนอก ผมห้ามแล้วก็ไม่ฟัง”

     

    สิ่งที่ชานยอลพูดทำให้ลู่หานนิ่งงันไปชั่วขณะ หัวใจดวงน้อยบีบรัดจนรู้สึกหน่วง น้ำตาใสคลอหน่วยใกล้จะเอ่อล้นออกมาภายในไม่กี่วินาทีนี้ จับใจความได้เพียงว่าเซฮุนกำลังจะไป ในหัวก็ขาวโพลนไปหมด มันตื้อตันจนเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร หรือทำยังไงต่อไปดี

     

    น้ำตาใสกลิ้งตัวผ่านแก้มเนียนอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างบางสะอื้นจนตัวโยนร้อนให้แบคฮยอนรีบลูบหัวลูบหลังปลอบโยน ส่วนจงอินก็เอื้อมมือไปกุมมือบางไว้แน่น ท้ายที่สุดก็ดึงเอาร่างบอบบางเข้ามากอดแน่นคล้ายจะซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    เขาตัดสินใจแล้ว

     

    ได้เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงเสียที จะไม่ยอมให้คนที่รักต้องเจ็บปวดเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเองอีกแล้ว หากไม่รักก็จะไม่รั้ง หากความรักของเขามันทำให้อีกฝ่ายต้องมีน้ำตา จงอินก็ยอมรับแล้วว่ามันคงถึงเวลาที่ต้องปล่อยให้ลู่หานได้อยู่กับเจ้าของหัวใจที่แท้จริงเสียที

     

    ถึงแม้เขาจะต้องเจ็บเจียนตาย แต่ถ้ามันทำให้คนที่รักมีความสุข จงอินก็ยอม

     

    “เซฮุนอยู่ไหน”

     

    “เอ่อ เมื่อกี้มันเดินแยกไปทางตึกเรียนอ่ะ ไปรอเรียนล่ะมั้ง”

     

    “เออ ขอบใจมาก”

     

    จงอินปาดน้ำตาออกจากแก้มใสอย่างเบามือ ส่งยิ้มอบอุ่นให้คนตรงหน้าอีกครั้ง กุมมือเล็กไว้อย่างแน่นหนาก่อนจะพาลู่หานวิ่งออกไปด้วยกัน

     

    “คยองซู ความรักของนายคืออะไร”

     

    “ความรักของฉันเหรอ? ก็คือการที่ได้เห็นคนที่ฉันรักมีความสุขไง และตอนนี้นายกำลังทำให้ฉันไม่มีความสุขนะ รู้แบบนี้แล้วก็ยิ้มหน่อยสิ จงอินอา”

     

    “เพราะความรักของนายเป็นแบบนี้สินะคยองซู ทั้งที่นายรักฉัน แล้วนายก็รู้ว่าฉันมีลู่หานฮยองอยู่ในใจ นายก็ไม่เคยแสดงออกว่าเสียใจเลย”

     

    คำพูดของร่างบางตาโตดังก้องอยู่ในใจ มันทำให้เขาคิดตัดสินใจได้มากขึ้น

     

    ถึงแม้เขาจะเป็นฝ่ายได้ครอบครองลู่หานไว้ แต่หากมันทำให้คนที่รักไม่มีความสุข เขาคงยิ่งเจ็บปวดที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้อีกคนต้องร้องไห้เสียใจ เจ็บปวดยิ่งกว่าการที่ต้องปล่อยมือจากคนรักเพื่อให้คนๆนั้นไปมีความสุขเสียอีก

     

    จงอินกุมมือร่างบางวิ่งไปรอบตึกเรียน จนกระทั่งขายาวลดระดับความเร็วลง เสียงหายใจหนักหน่วงของทั้งคู่ดังแข่งกันเพราะความเหนื่อยหอบ ลู่หานมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของจงอินอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางไปตามสายตา จุดที่จงอินมองอยู่

     

    ภาพร่างสูงคุ้นตาที่ยืนพิงกำแพงอยู่เบื้องหน้ามันทำให้หัวใจเต้นแรง กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ไม่ได้เห็นหน้ากัน อาจจะหนึ่งอาทิตย์ สองอาทิตย์ หรือมากกว่านั้น แต่สำหรับลู่หานแล้วมันนานเหมือนกับเป็นร้อยๆวันที่ต้องจมอยู่กับความทรมานเพราะรักและคิดถึงคนๆนี้เหลือเกิน

     

    เซฮุนที่ยืนฟังเพลงอยู่ก็เหมือนจะรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวถึงได้หันมามองตามทิศทางของเสียง ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เขาเผลอเหยียดตัวตรง สายตาที่ฉายแววเจ็บปวดออกมาเพียงครู่เดียวสุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย ขายาวหันหลังเดินออกไปแทบในทันที

     

    ทั้งที่สู้อุตส่าห์หลบหน้า ไม่อยากเห็น ไม่อยากรับรู้ และยอมตัดใจเพื่อที่จะถอยออกมา แล้วยังจะมาตอกย้ำเพื่ออะไร?

     

    “เดี๋ยว เซฮุน”

     

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังสาวเท้าเดินไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จงอินก็เลยเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาทั้งที่ยังกุมมือเล็กอยู่ เขาเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นจนสามารถเอื้อมมือไปรั้งอีกคนไว้ได้ เซฮุนสะบัดหน้าหันกลับมาอย่างจำยอม หัวคิ้วขมวดชนกันดูไม่พอใจ พยายามเบือนสายตาออกจากวงหน้าน่ารักที่มองเขาอยู่ตลอดเวลา

     

    ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง จงอินหายใจเข้าลึกๆอยู่หลายครั้ง พยายามบังคับมือตัวเองไม่ให้สั่น ช่างเป็นวินาทีที่แสนทรมานใจแต่ก็ต้องกัดฟันอดทนกับมันเอาไว้

     

    สุดท้าย จงอินก็ค่อยๆพามือของโอเซฮุนให้มาจับมือเล็กของลู่หานแทนที่เขาเคยกอบกุมเอาไว้

     

    “ดูแลให้ดีนะ”

     

    “จะ...จงอิน” ทั้งลู่หานและเซฮุนมองคนที่ยืนอยู่ตรงกลางด้วยสายตาไม่เข้าใจ ซึ่งจงอินก็เพียงยิ้มบางๆออกมาเท่านั้น

     

    “ผมไม่อยากทำให้ฮยองต้องเสียใจเพราะผมอีกแล้ว อย่ารู้สึกผิดเลยนะครับ”

     

    มือที่เคยกุมมือของลู่หานเอาไว้เปลี่ยนมาลูบศีรษะเล็กแทนด้วยความอ่อนโยนและอบอุ่นที่ไม่ต่างกัน

     

    “สัญญานะโอเซฮุน ว่านายจะไม่ทำให้ฮยองต้องร้องไห้”

     

    “ฉันสัญญา”

     

    ทั้งสองคนยิ้มน้อยๆให้กันอย่างรู้ความหมายกันดี เซฮุนกระชับฝ่ามือให้แน่นขึ้นเพื่อยืนยันให้จงอินแน่ใจว่าเขาจะไม่มีวันทำให้ลู่หานต้องเสียใจเลย

     

    “ถ้าวันไหนนายทำฮยองเสียใจ ฉันจะมาทวงฮยองคืน”

     

    “ไม่มีวันนั้นแน่นอน”

     

    ร่างบางโผกอดจงอินอีกครั้งทั้งน้ำตา สิ่งที่อีกฝ่ายทำให้เขามันมากมายเหลือเกิน มากจนไม่รู้ลู่หานจะตอบแทนให้จงอินยังไงดี ถึงจะคุ้มค่ากับสิ่งที่จงอินได้ทำ

     

    “ผมรักฮยองนะครับ”

     

    เสียงทุ้มกระซิบบอก มันคงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เขาจะมีโอกาสได้เอ่ย จงอินกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะผละออกมายิ้มให้ทั้งสองคนอีกครั้ง และก้าวเดินจากไปอย่างไม่ลังเล

     

    ที่เหลือก็ขอแค่ให้ฮยองมีความสุข ผมก็ดีใจแล้ว

     

    รักกันมากๆนะ

     

    จงอินยิ้มให้ตัวเองอีกครั้ง ถ้าหากจะบอกว่าไม่เสียใจก็คงจะเป็นการโกหก

     

    ใช่...เขาเสียใจ แต่ก็มีความสุขกว่าในทุกๆวันที่ผ่านมา เพราะได้เห็นรอยยิ้มสดใสอีกครั้ง

     

    ขอแค่จากนี้และตลอดไป ทั้งสองคนจะยังรักกันให้คุ้มกับวันนี้ ที่ผมเลือกจากไป

     

    โอเซฮุน ลู่หาน

     

    .

    .

    .

     

    “ยิ้มอะไรคยองซู”

     

    “อ่า ฉันดีใจที่เห็นนายยิ้มน่ะ”

     

    อีกไม่นานผมก็คงทำใจได้ และมีความสุขไม่ต่างกัน

     

     

    HAPPY ENDING




    จบแล้ว ลงไม่ทันวาเลนไทน์ แต่ไม่เป็นไรเนาะ (?)
    จริงๆแล้วเรื่องนี้ จงอินเป็นพระเอกน่ะ ฮ่า...นายหล่อมาก
    มีคยองซูน้อยเข้ามาด้วย ฮุนฮานก็ได้รักกันสมใจจ
    แต่งยากมากเบย ตอนจบ
    กลัวไม่ถูกใจรีดกัน แต่นี่คือพล็อตที่เราคิดไว้
    ชอบหรือไม่ชอบก็คอมเมนท์บอกกันได้นะคะ จบแล้ว ขอเมนท์หน่อยน้า : )

    เรื่องต่อไปน่าจะเป็นชานแบคลงจอบ้าง ฮี่ฮี่
    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ^ ^

     


    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×