คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ❧ DAFFODIL : IV
“ผมไม่เข้าไปนะเสี่ยวลู่ ฝากสวัสดีคุณแม่ด้วย”
ลู่หานพยักหน้ารับ วันนี้ครอบครัวโอพากันบินลัดฟ้าจากอเมริกามาหาเซฮุนแบบปัจจุบันทันด่วน ซึ่งตอนนี้กำลังตั้งตารอพบลูกชายคนโตที่คอนโดแล้ว เซฮุนที่เพิ่งถึงโซลได้สามชั่วโมงเลยต้องเร่งรีบมากกว่าเคย ลู่หานนึกขำ รีบร้อนภาษาอะไรหนอถึงลากเขายัดใส่ Lamborghini Huracan หนึ่งในคอลเลคชั่นลูกรักราคาแพงระยับมาส่งถึงรั้วบ้านอย่างนี้
“บอกแล้วว่าไม่ต้องส่งก็ไม่เชื่อ”
“แค่นี้เอง”
ลู่หานทำปากคว่ำ
“แล้วก็ต้องรีบอีก อันตรายจะตาย”
“ขี้บ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ หืม”
“ตั้งแต่นายขับรถเร็วอย่างกับพายุยังไงล่ะ” บีบจมูกสารถีหน้าหล่ออย่างหมั่นเขี้ยว “ไม่ต้องเถียงแล้ว ป่านนี้พ่อกับแม่รอแย่ แล้วเจอกันนะ”
ท่อนแขนแข็งแรงตวัดล็อคคอพี่ชายร่วมวงเข้าหาตัวก่อนกดริมฝีปากหนักๆ เหนือหน้าผากมน เสียงทุ้มดังแผ่วจับใจความได้ว่าเย็นนี้จะมารับไปทานข้าว ลู่หานผงกศีรษะรับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนส่ายศีรษะระอาในนาทีต่อมา
เตือนแล้วเตือนอีกให้ขับรถช้าๆ แต่ซุปเปอร์คาร์ก็ยังพุ่งทะยานหายลับจากสายตาเขาอย่างรวดเร็ว
“ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย”
“จูบลาสักหน่อยก็ไม่มี”
เปรยตามใจคิดแล้วก็ต้องเม้มปากช้าๆ
ตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่สัมผัสคือสิ่งคุ้นเคยสำหรับเรา
ตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่คนเดินตามหลังถูกรั้งให้เคียงข้างกาย
เซฮุนเด็กกว่าลู่หานสองปี ลู่หานจำได้แม่นยำว่าอีกฝ่ายป็อปปูล่าร์ในโรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัดขนาดไหน รุ่นน้องร่วมชมรมที่ลู่หานได้แต่ชื่นชมความสามารถ อิจฉาในพรสวรรค์ทางดนตรีที่เหมือนติดตัวโอเซฮุนมาตั้งแต่เกิด เซฮุนคอยบอก คอยสอน ปูทางให้คนมาทีหลังเช่นเขาก้าวตามหลังอย่างปลอดภัย จากเคยประหม่าเมื่ออยู่ใกล้เซฮุนก็ทำให้กลายเป็นความเคยชิน...ด้วยวิธีลัดในแบบของเซฮุนเอง ทั้งหมดทั้งมวลทำให้ลู่หานเผลอให้ความสำคัญมากเกินไป
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หัวใจ...อยากให้ตัวเองสำคัญสำหรับคนๆ นั้นเพียงคนเดียว
แม้รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลยก็ตาม
*
โอเซฮุนเหยียบคันเร่งแข่งกับนาฬิกาและเสียงเพลงที่ดังจนน่าหนวกหู การจราจรติดขัดไม่ว่ามองทางใดก็มีแต่รถยนต์แน่นขนัด ขัดหูขัดตาจนต้องถอดแว่นกันแดดสีชาที่ใส่ติดตัวเป็นประจำโยนส่งๆ ข้างตัว พิงหลังลงกับเบาะระหว่างรอสัญญาณไฟ
( RRR - - RRR - - )
โทรศัพท์บ้านี่ก็ดังได้จังหวะทุกทีสิน่า
“ครับ”
( เซฮุนนาา~ )
มือใหญ่ดึงโทรศัพท์ออกจากหูให้ไกลสุดเท่าที่จะทำได้ ดวงตาคมปราดมองชื่อบนหน้าจอโดยอัตโนมัติ
ให้ตายเถอะ ไม่น่าคิดไปเองเลยว่าคงเป็นน้องชายตัวแสบโทรมาถามว่าอยู่ไหนแล้ว จะวางหูใส่ตอนนี้เซฮุนก็ไม่อยากให้ปลายสายสบประมาทว่าเขาขี้ขลาดกับแค่ผู้หญิงคนเดียว
“ว่ายังไง ฮเยจู”
นางแบบนิตยสารวัยรุ่นชื่อดังที่เก็บตกได้ในผับ และหลังจากนั้นเจ้าหล่อนก็กัดเขาไม่ปล่อยอีกเลย
( เราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ มาหาฉันบ้างสิ! )
เซฮุนขมวดคิ้ว...
“ช่วงนี้ฉันงานยุ่ง”
( แน่ใจเหรอ ฉันเห็นนายเมื่ออาทิตย์ก่อนที่เดิม ยุ่งยังไงถึงมีเวลาไปเที่ยว )
เสียงแหลมสะบัดห้วนอย่างแสนงอนโดยเซฮุนไม่ทันใส่ใจนัยประชดประชันนั้น ดวงตายังจดจ้องสัญญาณไฟจราจร เดือดร้อนให้หญิงสาวถามซ้ำอีกว่า
( เงียบแบบนี้ ไม่คิดจะรับผิดชอบกันหรือยังไง )
มือกีต้าร์รูปงามหัวเราะเหอะ ถึงวันนั้นจะกรึ่มๆ เขาก็จำได้ว่าใครเข้าหาใครก่อน คนอย่างเขาไม่ใช่พวกตามตื้อใคร แต่ในเมื่อกล้าเข้ามาหาเซฮุนก็ไม่คิดจะปฏิเสธน้ำใจหล่อนให้โง่ หรือให้พูดกันตามภาษาผู้ชายก็คือของฟรีใครจะไม่เอานั่นแหละ
“อะไรคือรับผิดชอบ จำได้ว่าคืนนั้นเธอไม่ได้พูดอย่างนี้นะ มันเป็นความพอใจของทั้งสองฝ่ายนี่”
( อย่ามาพูดจาเห็นแก่ตัวนะโอเซฮุน!! )
“อย่าให้ฉันต้องหยาบคาย ฮเยจู” เสียงทุ้มกดต่ำ “เธอรู้แก่ใจว่าก่อนหน้าฉัน...ยังมีอีกหลายคน”
ปากบอกไม่อยากหยาบคายหากเขาก็ย้อนกลับได้อย่างเจ็บแสบ นางแบบสาวกรีดร้องด้วยโทสะระลอกใหญ่ให้คนฟังกระตุกยิ้มมุมปากเย้ยหยัน
ช่วยไม่ได้ เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทอ่อนโยนกับมนุษย์คนใดเป็นพิเศษอยู่แล้ว
“ถ้าจะส่งเสียงหนวกหู ฉันว่าเธอ...”
( โอเซฮุน นายน่ะไม่ได้ชอบแค่ผู้หญิงอย่างเดียวสินะ )
“อะไรของเธอ”
( อย่านึกว่าฉันโง่ ผู้ชายคนนั้นใช่ไหม...ลู่หานอะไรนั่น )
“เกี่ยวอะไรกับลู่หาน”
รถคันหรูปาดตบเข้าข้างทางเมื่อแน่ใจว่าบทสนทนาไม่มีทางจบลงง่ายๆ และเนื้อหาของมันก็อาจทำให้รถรากับผู้คนบนท้องถนนไม่ปลอดภัยอีกแล้ว
( สนิทกันขนาดกอดรัดฟัดเหวี่ยงไม่แคร์สายตาคนอื่น ใครๆ ก็พูดกันว่านายกับเพื่อนร่วมวงของนายลึกซึ้งแค่ไหน แฟนคลับก็จับคู่ให้ วิปริตที่สุด!! ฉันจะ...! )
“หยุด!” เสียงทุ้มตวาดกร้าวเฉียบขาด “ถ้าเธอยังพูดถึงเสี่ยวลู่ในแง่บัดซบนั่นอีกคำเดียวฉันไม่เอาเธอไว้แน่ จำไว้นะฮเยจู ไม่ว่าเธอหรือใครคนไหนก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับเขา!”
.
.
‘ชาตินี้ใครได้แกเป็นแฟนคงโชคร้ายโคตรๆ เลยว่ะเซฮุน’
เซฮุนยังจำคำที่คริสเคยว่าไว้ระหว่างนั่งจิบเหล้าเคล้านารีด้วยกันเมื่อประมาณสามเดือนก่อนได้ เซฮุนไม่อยากยอมรับความคิดเห็นนั้นหากเขาก็แค่ยักไหล่ ไม่โต้เถียงให้มากความ ต่อความยาวสาวความยืดก็เท่านั้น
เซฮุนรู้ตัวดีว่าเขามั่นคงกับความรักเพียงครั้งเดียวมากมายเพียงไหน
เซฮุนไม่เคยให้ใครสำคัญมากไปกว่า ไม่เคยอ่อนโยนเอาใจใคร ไม่เคยทะนุถนอมใครแต่ทุกสิ่งทุกอย่างเขาจะมอบมันให้กับคนที่รักเพียงคนเดียว
แค่คนเพียงคนเดียว
*
“หายไปไหนนะ”
ริมฝีปากแดงขมุบขมิบถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลู่หานรื้อกระเป๋าเดินทางออกมาจัดของเก็บเข้าที่เสร็จเรียบร้อยก็ยังไม่มีวี่แววของโค้ทตัวโปรด จะว่าลืมไว้ที่โรงแรมก็ไม่น่าใช่ ของสำคัญแบบนั้นลู่หานไม่มีทางขี้หลงขี้ลืมเหมือนปาร์คชานยอลแน่
นอกจากว่าฝากไว้กับใคร...
“อ๊ะ อยู่ที่จงอิน!”
มือคีย์บอร์ดตัวเล็กถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนเช็คเอาท์ที่โรงแรมลู่หานฝากโค้ทให้จงอินถือแน่ๆ ทว่าเพื่อความแน่ใจร่างเล็กเลยคว้าโทรศัพท์มือถือกดโทรออกหาเพื่อนร่วมวง สัญญาณดังไม่กี่ครั้งเสียงทุ้มก็ตอบรับให้ยิ้มกว้าง
“จงอินนา โค้ทฉันอยู่กับนายใช่มั้ย”
( ใช่ โทษทีที่ลืมคืนให้นะเสี่ยวลู่ )
ลู่หานขมวดคิ้วฉับกับเสียงแปร่งหูที่ตอบกลับมา
“ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้น ไม่สบายเหรอ”
( แค่นิดหน่อย อย่าห่วงเลย )
คำห้ามปรามไร้ความหมายเมื่อลู่หานคว้ากุญแจรถออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว
คิมจงอินไม่ใช่คนร่างกายอ่อนแอแต่บทจะป่วยขึ้นมาก็หนักหนาเกินกว่าใครทุกครั้ง ลู่หานจำได้...คืนก่อนจงอินนั่งดีดกีต้าร์แต่งเพลงร่วมครึ่งค่อนคืนทั้งที่เพิ่งเสร็จจากคอนเสิร์ตแท้ๆ แล้วร่างกายอ่อนเพลียจะทนได้สักแค่ไหน
“ชานยอล อยู่ไหนน่ะ”
( อืม...บนเตียง นอนอยู่ )
เสียงสวบสาบตามด้วยเสียงครางแผ่วเบาบอกให้รู้ว่ามือเบสขี้เล่นคงนอนอยู่จริงๆ
ลู่หานเบ้ปาก “ปาร์คชานยอล คนขี้เกียจสันหลังยาว”
( มันเหนื่อยนี่! )
“กวนประสาทแล้วยังขี้เกียจ”
( อะไรเล่า อย่าให้เจอนะ พ่อจับปล้ำ )
“ลุกได้แล้ว! ไปเยี่ยมจงอินกัน!”
( เยี่ยมทำไม หมอนั่นเป็นอะไร )
“ไม่สบายน่ะสิ ไปไหม ฉันจะได้แวะรับ”
Porsche Cayman สีขาวจอดเด่นกลางทางแยก ตรงไปคือบ้านปาร์ค ถ้าเลี้ยวขวาปลายทางคือคอนโดจงอิน ลู่หานส่งเสียงเรียกชานยอลซ้ำอีกครั้งเมื่อปลายสายยังครางเครือไม่ตอบคำ
“อย่าเอาแต่นอนสิ”
( อืม...รู้แล้วๆ )
“แล้วเอาไง”
( ล่วงหน้าก่อนเลย ขออาบน้ำก่อนแล้วจะรีบตามไป )
ลู่หานรับคำสั้นๆ ก่อนกดตัดสาย คริสไม่ว่างเพราะถูกตามตัวให้รีบเข้าบริษัทตั้งแต่ก่อนเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมด้วยซ้ำ เขาหักพวงมาลัย เหยียบคันแร่งให้รถคู่ใจทะยานบนท้องถนนด้วยความเร็วไม่ต่างจากที่เพิ่งบ่นเซฮุนสักนิดเดียว
*
คิมจงอินเดินโงนเงนกุมขมับออกจากห้องน้ำหลังฝืนสังขารชำระล้างร่างกายคลายความเหนื่อยล้า เสื้อกล้ามสีขาวบางถูกเลือกมาสวมใส่ลวกๆ
ขืนยืนเปลือยท่อนบน ลู่หานเห็นเข้าไม่วายเขาเองนั่นแหละจะถูกด่าเอาได้ง่ายๆ
โดคยองซูเพิ่งส่งข้อความผ่านโปรแกรมแชทถามเรื่องคอนเสิร์ตเมื่อสองวันก่อน จงอินเลือกตอบกลับสั้นๆ แทนการโทรกลับดังเช่นทุกครั้ง ขืนให้คยองซูได้ยินเสียงเข้าจงอินมั่นใจนักว่านักศึกษาปีสุดท้ายคนขยันคงเลือกโดดเรียนมาดูแลเขาเหมือนพี่ชายร่วมวงนั่นแหละ
เพราะจงอินรับรู้และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันสวยงามจากโดคยองซูเสมอมา
“ทำอะไรน่ะ!”
“เฮ้ย!”
คนถูกถามถึงกับสะดุ้งเมื่อเสียงสุดแสนจะคุ้นเคยดังใกล้ไม่ทันให้ตั้งตัว ลู่หานวางกระเป๋าแบรนด์ดังลงบนโต๊ะทานข้าว ตรงเข้ามาปิดแก๊สพลางดันไหล่เขาเข้าห้องนอน
“ผมต้มโจ๊กอยู่นะเสี่ยวลู่”
“ไปนอน เดี๋ยวฉันทำให้...แล้วนี่ทำไมตัวเย็น อาบน้ำใช่ไหม ผมก็เปียก สระผมด้วยสิท่า” ลู่หานจับแขน ใบหน้า เรื่อยมายังปลายผมที่น้ำยังหยดลงถึงแผ่นหลัง “ทำไมชอบทำอะไรให้ต้องคอยดุ จงอินนี่นะ บางทีก็เป็นผู้ใหญ่จนฉันตามไม่ทัน บางทีก็ทำอะไรอย่างกับเด็กเล็กๆ เลย”
ผิดจากที่คาดสักนิดไหมล่ะ
ร่างสูงยิ้มบางพลางเดินตามแรงรุนหลังอย่างว่าง่าย จงอินทิ้งตัวเบนเตียงนุ่ม สักพักเจลลดไข้ก็ถูกวางแปะเหนือหน้าผากให้นักร้องหนุ่มหลับตานิ่ง
“ลำบากเสี่ยวลู่อีกแล้ว”
“อย่าบอกนะว่าเกรงใจ” ลู่หานเอ่ยพลางหัวเราะ “ฉันยังทำให้จงอินลำบากบ่อยไป”
ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะตบเท้าออกจากห้องนอนสีครีมอย่างคล่องแคล่ว จงอินวาดยิ้ม
เวลาป่วย ทรมาน...การมีใครสักคนคอยใส่ใจดูแลความรู้สึกมันเต็มตื้นแบบนี้เองสินะ
.
.
ลู่หานเช็ดตัวให้จงอินเสร็จรอบสาม ต้มโจ๊กหมูอุ่นๆ เสร็จหม้อใหญ่ปาร์คชานยอลถึงได้ฤกษ์โผล่ศีรษะมายิ้มเผล่ให้ หากชานยอลไม่ได้มาคนเดียว มือเบสรูปหล่อมีของติดมือเป็นหนุ่มน่ารักที่โผล่มาพร้อมใบหน้าบึ้งตึง
“เพื่อนพี่เรื่องมากอ่ะลู่หาน ผมโทรถามว่าจะมาด้วยกันไหมก็เดือดร้อนให้รับมาด้วย แถมยังต้องรอหมอนี่ลางานครึ่งวันด้วยนะ”
“ก็ฉันอยากมาเยี่ยมจงอินนี่”
พยอนแบคฮยอนท้าวเอวฉับ สีหน้าท่าทางเดาได้ง่ายดายว่าอีกไม่นานสงครามย่อมๆ คงอุบัติขึ้นตามเคย
“เงียบน่า”
“เสี่ยวลู่บอกใคร ฉันหรือไอ้โย่งนี่”
ปาร์คชานยอลยักไหล่ “นายอยู่แล้ว”
“ไม่มีทาง! เสี่ยวลู่น่ะ...”
“ทะเลาะกันเข้าไปเถอะ มีลูกคงหัวปีท้ายปี”
ลู่หานเน้นประโยคหลังใส่คนทั้งคู่จนเงียบกริบตามๆ กัน เขาคว้าเจลลดไข้แผ่นที่สองกลับเข้าห้องนอนคนป่วยอีกครั้ง ไม่เหลียวหลังมองระเบิดที่ตัวเองปล่อยไว้ลูกเบ้อเร่อ
“เสี่ยวลู่อ่ะ...” แบคฮยอนงึมงำ ตวัดตามองชานยอลอีกรอบ “ฉันจะล้างจาน นายไปดูจงอินสิ เรื่องแค่นี้ต้องให้บอก”
ชานยอลแสร้งทำท่าโน้มศีรษะรับคำบัญชา เขาเองก็เป็นห่วงคิมจงอินเช่นกัน เพราะสำหรับแดฟโฟดิลแล้วจงอินถือเป็นมนุษย์เหล็กไหล ร้อยวันพันปีแทบไม่เคยล้มหมอนนอนเสื่อให้เห็น
ชานยอลขยับก้าวเร็วขึ้น มือหนาหมุนลูกบิดเบามือ
ภาพตรงหน้าทำให้เขาชะงัก...
“อยากหายเร็วๆ ก็อย่าดื้อ”
ลู่หานกำลังเปลี่ยนเจลลดไข้ใหม่ให้จงอิน คนป่วยกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ดวงตาคมเจือแววหวานจับจ้องพี่ชายร่วมวงด้วยสายตาที่ชานยอลไม่เคยเห็นจงอินใช้มองใคร
“ให้ตาย...”
มองแบบนั้น นายคิดอะไรอยู่ในใจนะ...จงอิน
ชานยอลได้แต่ภาวนา
ไม่ว่าวันนี้หรือวันใดในอนาคตข้างหน้า ขออย่าให้เกิดความบาดหมางใดในแดฟโฟดิลเลย
*
“ค่อยยังชั่วหรือยัง”
“อืม...ดีขึ้นมากแล้ว นอนพักสักตื่นก็หาย”
คิมจงอินเป็นคนป่วยที่ผิดปกติกว่าคนอื่นมาก ชายหนุ่มทานข้าวได้เยอะกว่าปกติ พูดคุยได้ไม่ต่างจากเดิม จะมีก็แต่อาการปวดศีรษะที่ยังไม่บรรเทาลงเท่าไหร่
“แล้วพี่ชานยอลไปไหน เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงอยู่เลย”
ลู่หานยังไม่ทันตอบคำถามโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมาเสียก่อน ดวงตากลมโตมองชื่อคนโทรความตั้งใจจะตัดสายก็ถูกล้มเลิกในทันที
“ว่าไงเซฮุน”
( อยู่บ้านหรือเปล่า ผมกำลังจะออกไปรับ )
ลู่หานมองนาฬิกาฝาผนัง เข้มสั้นของมันกำลังชี้เลขห้าให้ต้องเม้มปากอย่างชั่งใจ จงอินยังไม่หายดีเท่าไหร่นัก ถ้าเขาออกไปกับเซฮุนจะกลายเป็นว่าทิ้งคนป่วยหรือเปล่า
“อยู่คอนโดจงอิน จงอินไม่สบายตั้งแต่เที่ยงแล้วน่ะ”
( ไม่สบายเหรอครับ )
“ใช่ เซฮุนจะมาไหม”
( อืม...แล้วแต่เสี่ยวลู่ )
ลู่หานขมวดคิ้วครุ่นคิดสักพัก ก่อนตัดสินใจว่า
“เดี๋ยวขอรอดูอาการสักครึ่งชั่วโมงนะ แล้วจะโทรหาเซฮุน”
( โอเค ถ้าเป็นหนักมากก็บอก จะได้พาไปหาหมอกัน )
“อื้อ”
ลู่หานกดตัดสาย สายตาสบประสานเข้ากับคิมจงอินที่มองมาก่อนแล้ว...
ปากแดงคลายยิ้มบาง จับแขนคนป่วยเพื่อวัดอุณหภูมิ แน่นอนว่าไอร้อนยังแผ่ออกมาไม่น้อยเลย
“เซฮุนโทรมาเหรอครับ”
“ใช่ ตอนแรกนัดจะไปทานข้าวกัน แต่ถ้าจงอินยังไม่ดีขึ้นฉันก็...”
“เสี่ยวลู่”
เสียงห้าวเรียกขัด หยุดได้ทั้งคำพูดลู่หานและฝ่าเท้าชานยอลที่กำลังจะก้าวเข้ามาพร้อมแก้วน้ำอุ่นในมือ
จงอินเลื่อนปลายนิ้วจับจองข้อมือบาง ระบายลมหายใจร้อนผ่าวช้าๆ
นัยน์ตาดำสนิทยังไม่คลาดจากใบหน้าสวยสักเศษเสี้ยว
ทั้งคู่ต่างจ้องตากันและกันโดยไร้คำพูดใด สายตาคนหนึ่งจริงจัง ขณะอีกคนงุนงง...เช่นเดียวกับปาร์คชานยอลที่ขมวดคิ้วแน่น
“ไม่ไปได้ไหม”
ถ้อยคำขอร้องแผ่วหวิว
“แค่วันนี้เท่านั้น...”
“จงอิน...”
“จับมือผม...ได้โปรด...อย่าไปไหน...”
อยู่กับผมเถอะนะ เสี่ยวลู่
To be continued.
คิมจงอินโหมดงอแงงงงงงงงง
เซฮุนมีคนที่รักเพียงคนเดียว แต่ใครล่ะ . _ . ชื่อผู้หญิงตอนที่แล้วกับตอนนี้คนละชื่อ ก็คือคนละคนนะคะ เค้ามีเยอะจริงๆ 555555555
ส่องแท็ก #ดฟด เห็นสองรูปนี้ บอกว่านึกถึงเซฮุนกับจงอิน เราชอบมากกกก เลยมาแบ่งปันให้ดู
ขอบคุณคนทวีตด้วยนะค้าาา <3
เจอกันตอนหน้าค่ะ เร็วๆ นี้ ^ - ^
ความคิดเห็น