ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DAFFODIL ❧ | HUNHAN

    ลำดับตอนที่ #5 : ❧ DAFFODIL : IV

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 57







    ผมไม่เข้าไปนะเสี่ยวลู่ ฝากสวัสดีคุณแม่ด้วย

     

    ลู่หานพยักหน้ารับ วันนี้ครอบครัวโอพากันบินลัดฟ้าจากอเมริกามาหาเซฮุนแบบปัจจุบันทันด่วน ซึ่งตอนนี้กำลังตั้งตารอพบลูกชายคนโตที่คอนโดแล้ว เซฮุนที่เพิ่งถึงโซลได้สามชั่วโมงเลยต้องเร่งรีบมากกว่าเคย ลู่หานนึกขำ รีบร้อนภาษาอะไรหนอถึงลากเขายัดใส่ Lamborghini Huracan หนึ่งในคอลเลคชั่นลูกรักราคาแพงระยับมาส่งถึงรั้วบ้านอย่างนี้

     

    บอกแล้วว่าไม่ต้องส่งก็ไม่เชื่อ”

     

    “แค่นี้เอง”

     

    ลู่หานทำปากคว่ำ

     

    “แล้วก็ต้องรีบอีก อันตรายจะตาย”

     

    ขี้บ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ หืม

     

    ตั้งแต่นายขับรถเร็วอย่างกับพายุยังไงล่ะ” บีบจมูกสารถีหน้าหล่ออย่างหมั่นเขี้ยว “ไม่ต้องเถียงแล้ว ป่านนี้พ่อกับแม่รอแย่ แล้วเจอกันนะ

     

    ท่อนแขนแข็งแรงตวัดล็อคคอพี่ชายร่วมวงเข้าหาตัวก่อนกดริมฝีปากหนักๆ เหนือหน้าผากมน เสียงทุ้มดังแผ่วจับใจความได้ว่าเย็นนี้จะมารับไปทานข้าว ลู่หานผงกศีรษะรับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนส่ายศีรษะระอาในนาทีต่อมา

     

    เตือนแล้วเตือนอีกให้ขับรถช้าๆ แต่ซุปเปอร์คาร์ก็ยังพุ่งทะยานหายลับจากสายตาเขาอย่างรวดเร็ว

     

    “ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย”

     

    “จูบลาสักหน่อยก็ไม่มี”

     

    เปรยตามใจคิดแล้วก็ต้องเม้มปากช้าๆ

     

    ตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่สัมผัสคือสิ่งคุ้นเคยสำหรับเรา

     

    ตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่คนเดินตามหลังถูกรั้งให้เคียงข้างกาย

     

    เซฮุนเด็กกว่าลู่หานสองปี ลู่หานจำได้แม่นยำว่าอีกฝ่ายป็อปปูล่าร์ในโรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัดขนาดไหน รุ่นน้องร่วมชมรมที่ลู่หานได้แต่ชื่นชมความสามารถ อิจฉาในพรสวรรค์ทางดนตรีที่เหมือนติดตัวโอเซฮุนมาตั้งแต่เกิด เซฮุนคอยบอก คอยสอน ปูทางให้คนมาทีหลังเช่นเขาก้าวตามหลังอย่างปลอดภัย จากเคยประหม่าเมื่ออยู่ใกล้เซฮุนก็ทำให้กลายเป็นความเคยชิน...ด้วยวิธีลัดในแบบของเซฮุนเอง ทั้งหมดทั้งมวลทำให้ลู่หานเผลอให้ความสำคัญมากเกินไป

     

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หัวใจ...อยากให้ตัวเองสำคัญสำหรับคนๆ นั้นเพียงคนเดียว

     

    แม้รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลยก็ตาม

     

     

     

    *

     

     

     

    โอเซฮุนเหยียบคันเร่งแข่งกับนาฬิกาและเสียงเพลงที่ดังจนน่าหนวกหู การจราจรติดขัดไม่ว่ามองทางใดก็มีแต่รถยนต์แน่นขนัด ขัดหูขัดตาจนต้องถอดแว่นกันแดดสีชาที่ใส่ติดตัวเป็นประจำโยนส่งๆ ข้างตัว พิงหลังลงกับเบาะระหว่างรอสัญญาณไฟ

     

     

     

    ( RRR - -  RRR - - )

     

     

     

    โทรศัพท์บ้านี่ก็ดังได้จังหวะทุกทีสิน่า

     

    ครับ

     

    ( เซฮุนนาา~ )

     

    มือใหญ่ดึงโทรศัพท์ออกจากหูให้ไกลสุดเท่าที่จะทำได้ ดวงตาคมปราดมองชื่อบนหน้าจอโดยอัตโนมัติ

     

    ให้ตายเถอะ ไม่น่าคิดไปเองเลยว่าคงเป็นน้องชายตัวแสบโทรมาถามว่าอยู่ไหนแล้ว จะวางหูใส่ตอนนี้เซฮุนก็ไม่อยากให้ปลายสายสบประมาทว่าเขาขี้ขลาดกับแค่ผู้หญิงคนเดียว

     

    ว่ายังไง ฮเยจู

     

    นางแบบนิตยสารวัยรุ่นชื่อดังที่เก็บตกได้ในผับ และหลังจากนั้นเจ้าหล่อนก็กัดเขาไม่ปล่อยอีกเลย

     

    ( เราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ มาหาฉันบ้างสิ! )

     

    เซฮุนขมวดคิ้ว...

     

    ช่วงนี้ฉันงานยุ่ง

     

    ( แน่ใจเหรอ ฉันเห็นนายเมื่ออาทิตย์ก่อนที่เดิม ยุ่งยังไงถึงมีเวลาไปเที่ยว )

     

    เสียงแหลมสะบัดห้วนอย่างแสนงอนโดยเซฮุนไม่ทันใส่ใจนัยประชดประชันนั้น ดวงตายังจดจ้องสัญญาณไฟจราจร เดือดร้อนให้หญิงสาวถามซ้ำอีกว่า

     

    ( เงียบแบบนี้ ไม่คิดจะรับผิดชอบกันหรือยังไง )

     

    มือกีต้าร์รูปงามหัวเราะเหอะ ถึงวันนั้นจะกรึ่มๆ เขาก็จำได้ว่าใครเข้าหาใครก่อน คนอย่างเขาไม่ใช่พวกตามตื้อใคร แต่ในเมื่อกล้าเข้ามาหาเซฮุนก็ไม่คิดจะปฏิเสธน้ำใจหล่อนให้โง่ หรือให้พูดกันตามภาษาผู้ชายก็คือของฟรีใครจะไม่เอานั่นแหละ

     

    อะไรคือรับผิดชอบ จำได้ว่าคืนนั้นเธอไม่ได้พูดอย่างนี้นะ มันเป็นความพอใจของทั้งสองฝ่ายนี่”

     

    ( อย่ามาพูดจาเห็นแก่ตัวนะโอเซฮุน!! )

     

    “อย่าให้ฉันต้องหยาบคาย ฮเยจู” เสียงทุ้มกดต่ำ “เธอรู้แก่ใจว่าก่อนหน้าฉัน...ยังมีอีกหลายคน

     

    ปากบอกไม่อยากหยาบคายหากเขาก็ย้อนกลับได้อย่างเจ็บแสบ นางแบบสาวกรีดร้องด้วยโทสะระลอกใหญ่ให้คนฟังกระตุกยิ้มมุมปากเย้ยหยัน

     

    ช่วยไม่ได้ เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทอ่อนโยนกับมนุษย์คนใดเป็นพิเศษอยู่แล้ว

     

    “ถ้าจะส่งเสียงหนวกหู ฉันว่าเธอ...”

     

    ( โอเซฮุน นายน่ะไม่ได้ชอบแค่ผู้หญิงอย่างเดียวสินะ )

     

    อะไรของเธอ

     

    ( อย่านึกว่าฉันโง่ ผู้ชายคนนั้นใช่ไหม...ลู่หานอะไรนั่น )

     

    เกี่ยวอะไรกับลู่หาน

     

    รถคันหรูปาดตบเข้าข้างทางเมื่อแน่ใจว่าบทสนทนาไม่มีทางจบลงง่ายๆ และเนื้อหาของมันก็อาจทำให้รถรากับผู้คนบนท้องถนนไม่ปลอดภัยอีกแล้ว

     

    ( สนิทกันขนาดกอดรัดฟัดเหวี่ยงไม่แคร์สายตาคนอื่น ใครๆ ก็พูดกันว่านายกับเพื่อนร่วมวงของนายลึกซึ้งแค่ไหน แฟนคลับก็จับคู่ให้ วิปริตที่สุด!! ฉันจะ...! )

     

    หยุด!เสียงทุ้มตวาดกร้าวเฉียบขาด ถ้าเธอยังพูดถึงเสี่ยวลู่ในแง่บัดซบนั่นอีกคำเดียวฉันไม่เอาเธอไว้แน่ จำไว้นะฮเยจู ไม่ว่าเธอหรือใครคนไหนก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับเขา!

     

     

    .

    .

     

     

    ชาตินี้ใครได้แกเป็นแฟนคงโชคร้ายโคตรๆ เลยว่ะเซฮุน

     

    เซฮุนยังจำคำที่คริสเคยว่าไว้ระหว่างนั่งจิบเหล้าเคล้านารีด้วยกันเมื่อประมาณสามเดือนก่อนได้ เซฮุนไม่อยากยอมรับความคิดเห็นนั้นหากเขาก็แค่ยักไหล่ ไม่โต้เถียงให้มากความ ต่อความยาวสาวความยืดก็เท่านั้น

     

    เซฮุนรู้ตัวดีว่าเขามั่นคงกับความรักเพียงครั้งเดียวมากมายเพียงไหน

     

    เซฮุนไม่เคยให้ใครสำคัญมากไปกว่า ไม่เคยอ่อนโยนเอาใจใคร ไม่เคยทะนุถนอมใครแต่ทุกสิ่งทุกอย่างเขาจะมอบมันให้กับคนที่รักเพียงคนเดียว

     

     

    แค่คนเพียงคนเดียว

     

     

     

    *

     

     

     

    หายไปไหนนะ

     

    ริมฝีปากแดงขมุบขมิบถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลู่หานรื้อกระเป๋าเดินทางออกมาจัดของเก็บเข้าที่เสร็จเรียบร้อยก็ยังไม่มีวี่แววของโค้ทตัวโปรด จะว่าลืมไว้ที่โรงแรมก็ไม่น่าใช่ ของสำคัญแบบนั้นลู่หานไม่มีทางขี้หลงขี้ลืมเหมือนปาร์คชานยอลแน่

     

    นอกจากว่าฝากไว้กับใคร...

     

    อ๊ะ อยู่ที่จงอิน!

     

    มือคีย์บอร์ดตัวเล็กถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนเช็คเอาท์ที่โรงแรมลู่หานฝากโค้ทให้จงอินถือแน่ๆ ทว่าเพื่อความแน่ใจร่างเล็กเลยคว้าโทรศัพท์มือถือกดโทรออกหาเพื่อนร่วมวง สัญญาณดังไม่กี่ครั้งเสียงทุ้มก็ตอบรับให้ยิ้มกว้าง

     

    จงอินนา โค้ทฉันอยู่กับนายใช่มั้ย

     

    ( ใช่ โทษทีที่ลืมคืนให้นะเสี่ยวลู่ )

     

    ลู่หานขมวดคิ้วฉับกับเสียงแปร่งหูที่ตอบกลับมา

     

    ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้น ไม่สบายเหรอ

     

    ( แค่นิดหน่อย อย่าห่วงเลย )

     

    คำห้ามปรามไร้ความหมายเมื่อลู่หานคว้ากุญแจรถออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว

     

    คิมจงอินไม่ใช่คนร่างกายอ่อนแอแต่บทจะป่วยขึ้นมาก็หนักหนาเกินกว่าใครทุกครั้ง ลู่หานจำได้...คืนก่อนจงอินนั่งดีดกีต้าร์แต่งเพลงร่วมครึ่งค่อนคืนทั้งที่เพิ่งเสร็จจากคอนเสิร์ตแท้ๆ แล้วร่างกายอ่อนเพลียจะทนได้สักแค่ไหน

     

    ชานยอล อยู่ไหนน่ะ

     

    ( อืม...บนเตียง นอนอยู่ )

     

    เสียงสวบสาบตามด้วยเสียงครางแผ่วเบาบอกให้รู้ว่ามือเบสขี้เล่นคงนอนอยู่จริงๆ

     

    ลู่หานเบ้ปาก “ปาร์คชานยอล คนขี้เกียจสันหลังยาว”

     

    ( มันเหนื่อยนี่! )

     

    “กวนประสาทแล้วยังขี้เกียจ”

     

    ( อะไรเล่า อย่าให้เจอนะ พ่อจับปล้ำ )

     

    ลุกได้แล้ว! ไปเยี่ยมจงอินกัน!”

     

    ( เยี่ยมทำไม หมอนั่นเป็นอะไร )

     

    ไม่สบายน่ะสิ ไปไหม ฉันจะได้แวะรับ

     

    Porsche Cayman สีขาวจอดเด่นกลางทางแยก ตรงไปคือบ้านปาร์ค ถ้าเลี้ยวขวาปลายทางคือคอนโดจงอิน ลู่หานส่งเสียงเรียกชานยอลซ้ำอีกครั้งเมื่อปลายสายยังครางเครือไม่ตอบคำ

     

    “อย่าเอาแต่นอนสิ”

     

    ( อืม...รู้แล้วๆ )

     

    “แล้วเอาไง”

     

    ( ล่วงหน้าก่อนเลย ขออาบน้ำก่อนแล้วจะรีบตามไป )

     

    ลู่หานรับคำสั้นๆ ก่อนกดตัดสาย คริสไม่ว่างเพราะถูกตามตัวให้รีบเข้าบริษัทตั้งแต่ก่อนเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมด้วยซ้ำ เขาหักพวงมาลัย เหยียบคันแร่งให้รถคู่ใจทะยานบนท้องถนนด้วยความเร็วไม่ต่างจากที่เพิ่งบ่นเซฮุนสักนิดเดียว

     

     

     

    *

     

     

     

    คิมจงอินเดินโงนเงนกุมขมับออกจากห้องน้ำหลังฝืนสังขารชำระล้างร่างกายคลายความเหนื่อยล้า เสื้อกล้ามสีขาวบางถูกเลือกมาสวมใส่ลวกๆ

     

    ขืนยืนเปลือยท่อนบน ลู่หานเห็นเข้าไม่วายเขาเองนั่นแหละจะถูกด่าเอาได้ง่ายๆ

     

    โดคยองซูเพิ่งส่งข้อความผ่านโปรแกรมแชทถามเรื่องคอนเสิร์ตเมื่อสองวันก่อน จงอินเลือกตอบกลับสั้นๆ แทนการโทรกลับดังเช่นทุกครั้ง ขืนให้คยองซูได้ยินเสียงเข้าจงอินมั่นใจนักว่านักศึกษาปีสุดท้ายคนขยันคงเลือกโดดเรียนมาดูแลเขาเหมือนพี่ชายร่วมวงนั่นแหละ

     

    เพราะจงอินรับรู้และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันสวยงามจากโดคยองซูเสมอมา

     

    ทำอะไรน่ะ!”

     

    “เฮ้ย!

     

    คนถูกถามถึงกับสะดุ้งเมื่อเสียงสุดแสนจะคุ้นเคยดังใกล้ไม่ทันให้ตั้งตัว ลู่หานวางกระเป๋าแบรนด์ดังลงบนโต๊ะทานข้าว ตรงเข้ามาปิดแก๊สพลางดันไหล่เขาเข้าห้องนอน

     

    ผมต้มโจ๊กอยู่นะเสี่ยวลู่

     

    ไปนอน เดี๋ยวฉันทำให้...แล้วนี่ทำไมตัวเย็น อาบน้ำใช่ไหม ผมก็เปียก สระผมด้วยสิท่าลู่หานจับแขน ใบหน้า เรื่อยมายังปลายผมที่น้ำยังหยดลงถึงแผ่นหลัง ทำไมชอบทำอะไรให้ต้องคอยดุ จงอินนี่นะ บางทีก็เป็นผู้ใหญ่จนฉันตามไม่ทัน บางทีก็ทำอะไรอย่างกับเด็กเล็กๆ เลย

     

    ผิดจากที่คาดสักนิดไหมล่ะ

     

    ร่างสูงยิ้มบางพลางเดินตามแรงรุนหลังอย่างว่าง่าย จงอินทิ้งตัวเบนเตียงนุ่ม สักพักเจลลดไข้ก็ถูกวางแปะเหนือหน้าผากให้นักร้องหนุ่มหลับตานิ่ง

     

    ลำบากเสี่ยวลู่อีกแล้ว

     

    อย่าบอกนะว่าเกรงใจลู่หานเอ่ยพลางหัวเราะ ฉันยังทำให้จงอินลำบากบ่อยไป

     

    ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะตบเท้าออกจากห้องนอนสีครีมอย่างคล่องแคล่ว จงอินวาดยิ้ม

     

     เวลาป่วย ทรมาน...การมีใครสักคนคอยใส่ใจดูแลความรู้สึกมันเต็มตื้นแบบนี้เองสินะ

     

     

    .

    .

     

     

    ลู่หานเช็ดตัวให้จงอินเสร็จรอบสาม ต้มโจ๊กหมูอุ่นๆ เสร็จหม้อใหญ่ปาร์คชานยอลถึงได้ฤกษ์โผล่ศีรษะมายิ้มเผล่ให้ หากชานยอลไม่ได้มาคนเดียว มือเบสรูปหล่อมีของติดมือเป็นหนุ่มน่ารักที่โผล่มาพร้อมใบหน้าบึ้งตึง

     

    เพื่อนพี่เรื่องมากอ่ะลู่หาน ผมโทรถามว่าจะมาด้วยกันไหมก็เดือดร้อนให้รับมาด้วย แถมยังต้องรอหมอนี่ลางานครึ่งวันด้วยนะ

     

    ก็ฉันอยากมาเยี่ยมจงอินนี่

     

    พยอนแบคฮยอนท้าวเอวฉับ สีหน้าท่าทางเดาได้ง่ายดายว่าอีกไม่นานสงครามย่อมๆ คงอุบัติขึ้นตามเคย

     

    “เงียบน่า”

     

    “เสี่ยวลู่บอกใคร ฉันหรือไอ้โย่งนี่”

     

    ปาร์คชานยอลยักไหล่ “นายอยู่แล้ว”

     

    “ไม่มีทาง! เสี่ยวลู่น่ะ...”

     

    ทะเลาะกันเข้าไปเถอะ มีลูกคงหัวปีท้ายปี

     

    ลู่หานเน้นประโยคหลังใส่คนทั้งคู่จนเงียบกริบตามๆ กัน เขาคว้าเจลลดไข้แผ่นที่สองกลับเข้าห้องนอนคนป่วยอีกครั้ง ไม่เหลียวหลังมองระเบิดที่ตัวเองปล่อยไว้ลูกเบ้อเร่อ

     

    เสี่ยวลู่อ่ะ...” แบคฮยอนงึมงำ ตวัดตามองชานยอลอีกรอบ “ฉันจะล้างจาน นายไปดูจงอินสิ เรื่องแค่นี้ต้องให้บอก

     

    ชานยอลแสร้งทำท่าโน้มศีรษะรับคำบัญชา เขาเองก็เป็นห่วงคิมจงอินเช่นกัน เพราะสำหรับแดฟโฟดิลแล้วจงอินถือเป็นมนุษย์เหล็กไหล ร้อยวันพันปีแทบไม่เคยล้มหมอนนอนเสื่อให้เห็น

     

    ชานยอลขยับก้าวเร็วขึ้น มือหนาหมุนลูกบิดเบามือ

     

     

    ภาพตรงหน้าทำให้เขาชะงัก...

     

     

    “อยากหายเร็วๆ ก็อย่าดื้อ”

     

    ลู่หานกำลังเปลี่ยนเจลลดไข้ใหม่ให้จงอิน คนป่วยกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ดวงตาคมเจือแววหวานจับจ้องพี่ชายร่วมวงด้วยสายตาที่ชานยอลไม่เคยเห็นจงอินใช้มองใคร

     

    ให้ตาย...

     

    มองแบบนั้น นายคิดอะไรอยู่ในใจนะ...จงอิน

     

    ชานยอลได้แต่ภาวนา

     

    ไม่ว่าวันนี้หรือวันใดในอนาคตข้างหน้า ขออย่าให้เกิดความบาดหมางใดในแดฟโฟดิลเลย

     

     

     

    *

     

     

     

    ค่อยยังชั่วหรือยัง

     

    อืม...ดีขึ้นมากแล้ว นอนพักสักตื่นก็หาย

     

    คิมจงอินเป็นคนป่วยที่ผิดปกติกว่าคนอื่นมาก ชายหนุ่มทานข้าวได้เยอะกว่าปกติ พูดคุยได้ไม่ต่างจากเดิม จะมีก็แต่อาการปวดศีรษะที่ยังไม่บรรเทาลงเท่าไหร่

     

    แล้วพี่ชานยอลไปไหน เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงอยู่เลย

     

    ลู่หานยังไม่ทันตอบคำถามโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมาเสียก่อน ดวงตากลมโตมองชื่อคนโทรความตั้งใจจะตัดสายก็ถูกล้มเลิกในทันที

     

    ว่าไงเซฮุน

     

    ( อยู่บ้านหรือเปล่า ผมกำลังจะออกไปรับ )

     

    ลู่หานมองนาฬิกาฝาผนัง เข้มสั้นของมันกำลังชี้เลขห้าให้ต้องเม้มปากอย่างชั่งใจ จงอินยังไม่หายดีเท่าไหร่นัก ถ้าเขาออกไปกับเซฮุนจะกลายเป็นว่าทิ้งคนป่วยหรือเปล่า

     

    อยู่คอนโดจงอิน จงอินไม่สบายตั้งแต่เที่ยงแล้วน่ะ

     

    ( ไม่สบายเหรอครับ )

     

    “ใช่ เซฮุนจะมาไหม”

     

    ( อืม...แล้วแต่เสี่ยวลู่ )

     

    ลู่หานขมวดคิ้วครุ่นคิดสักพัก ก่อนตัดสินใจว่า

     

    เดี๋ยวขอรอดูอาการสักครึ่งชั่วโมงนะ แล้วจะโทรหาเซฮุน

     

    ( โอเค ถ้าเป็นหนักมากก็บอก จะได้พาไปหาหมอกัน )

     

    อื้อ

     

    ลู่หานกดตัดสาย สายตาสบประสานเข้ากับคิมจงอินที่มองมาก่อนแล้ว...

     

    ปากแดงคลายยิ้มบาง จับแขนคนป่วยเพื่อวัดอุณหภูมิ แน่นอนว่าไอร้อนยังแผ่ออกมาไม่น้อยเลย

     

    เซฮุนโทรมาเหรอครับ

     

    ใช่ ตอนแรกนัดจะไปทานข้าวกัน แต่ถ้าจงอินยังไม่ดีขึ้นฉันก็...

     

    เสี่ยวลู่

     

    เสียงห้าวเรียกขัด หยุดได้ทั้งคำพูดลู่หานและฝ่าเท้าชานยอลที่กำลังจะก้าวเข้ามาพร้อมแก้วน้ำอุ่นในมือ

     

    จงอินเลื่อนปลายนิ้วจับจองข้อมือบาง ระบายลมหายใจร้อนผ่าวช้าๆ

     

    นัยน์ตาดำสนิทยังไม่คลาดจากใบหน้าสวยสักเศษเสี้ยว

     

    ทั้งคู่ต่างจ้องตากันและกันโดยไร้คำพูดใด สายตาคนหนึ่งจริงจัง ขณะอีกคนงุนงง...เช่นเดียวกับปาร์คชานยอลที่ขมวดคิ้วแน่น

     

    ไม่ไปได้ไหม

     

    ถ้อยคำขอร้องแผ่วหวิว

     

    แค่วันนี้เท่านั้น...”

     

    “จงอิน...”

     

     

    “จับมือผม...ได้โปรด...อย่าไปไหน...

     

     

    อยู่กับผมเถอะนะ เสี่ยวลู่

     



     

     

    To be continued.

     

     

    คิมจงอินโหมดงอแงงงงงงงงง

    เซฮุนมีคนที่รักเพียงคนเดียว แต่ใครล่ะ . _ . ชื่อผู้หญิงตอนที่แล้วกับตอนนี้คนละชื่อ ก็คือคนละคนนะคะ เค้ามีเยอะจริงๆ 555555555

    ส่องแท็ก #ดฟด เห็นสองรูปนี้ บอกว่านึกถึงเซฮุนกับจงอิน เราชอบมากกกก เลยมาแบ่งปันให้ดู







     


     

    ขอบคุณคนทวีตด้วยนะค้าาา <3

    เจอกันตอนหน้าค่ะ เร็วๆ นี้ ^ - ^


     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×