คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4
Title : HOLD A BLIND MARRIAGE
Author : sosweetcafe
Chapter : 4
Pairing : Sehun x Luhan ft. Chanyeol x Baekhyun
Story : vanilla1127
โลกกลมเกินไปหรือเปล่า
คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในใจลู่หานทันทีที่เห็นหน้าผู้มาเยือน
“เอ่อ เชิญนั่งสิครับ”
ร่างบางกะพริบตาตั้งสติอยู่สักพักกว่าจะผงกหัวตอบรับได้ เสียงเจื้อยแจ้วที่ดังอยู่เมื่อครู่เงียบลงไปสนิท พูดไม่ออกราวกับหาลิ้นตัวเองไม่เจอ ส่วนชานยอลก็เอาแต่ตกตะลึงมองใบหน้าหวานๆ ของผู้มาใหม่ตาไม่กะพริบ จนแบคฮยอนกระแอมออกมาพร้อมอมยิ้มน้อยๆ คนตัวสูงถึงได้รู้สึกตัว ชานยอลฉีกยิ้มรับกว้าง ผิดกับอีกคนที่กระแทกตัวนั่งลงพร้อมแสดงสีหน้าบึ้งตึงไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย...โอเซฮุนนั่นเอง
“เอ่อ ชานยอลนี่คุณบยอนแบคฮยอน เขา...เอ่อ...เขาเป็น...”
ลู่หานตัดสินใจทำหน้าที่เป็นคนแนะนำคนแปลกหน้าให้รู้จักกันหลังจากความเงียบเข้าครอบครองบรรยากาศโต๊ะอาหาร ส่วนคนกลางอีกคนก็เอาแต่นั่งเงียบ คิ้วหนาขมวดปมแน่นในขณะที่ไล่สายตาไปตามเมนูอาหาร ทิ้งภาระให้กับคนตัวเล็กที่หน้าสลดลงทุกที เสียงหวานตะกุกตะกักยามต้องบอกสถานะของแบคฮยอนให้เพื่อนรักรู้ ลู่หานไม่รู้จะบอกชานยอลยังไง ไม่รู้ว่าต้องพูดยังไงเพื่อจะบอกว่าคนๆ นั้นเป็นอะไรกับสามีตัวเอง ลู่หานอึกอักอยู่นานจนร้อนถึงเจ้าของชื่อต้องโพล่งออกมาเพราะความรำคาญใจ
“คนรักของเซฮุนครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณปาร์คชานยอล ไม่ต้องแนะนำผมก็พอจะรู้จักคุณมาบ้างนะ”
“เอ่อ...ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณแบคฮยอน”
ร่างสูงยื่นมือไปสัมผัสมือสวยพอเป็นพิธี เหลือบมองเพื่อนรักที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันความเป็นห่วงก็ตีขึ้นมาในอกทันที ใบหน้าหวานดูนิ่งสนิทไปทันตา แววตาซุกซนก่อนหน้าก็เลือนหายไป อยากจะฉุดออกไปถามเสียเดียวนี้ก็คงจะไม่เหมาะก็เลยได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจแทน
“อืม...ผมตัดสินใจไม่ถูกเลย เซฮุนเลือกให้หน่อยสิครับ”
“จะดีเหรอ ผมกลัวเลือกไม่ถูกปากคุณน่ะ”
“ไม่หรอก คุณเลือกอะไรให้ผมก็อร่อยทั้งนั้นล่ะครับ รู้ใจตลอดนี่นา”
แบคฮยอนเอื้อมมือไปบิดแก้มขาวแผ่วเบาซึ่งสามารถเรียกรอยยิ้มของคนรักได้ในทันที ยิ้มแรกบนโต๊ะอาหารของเซฮุน ลู่หานได้แต่เบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า ในใจอยากจะเดินหนีไปให้พ้นแต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่อยากแสดงความรู้สึกให้ใครรู้ ยังดีที่มีความอบอุ่นจากแววตาของชานยอลคอยปลอบใจ ไม่อย่างนั้นน้ำตาอาจจะไหลลงมาแล้วจริงๆ ก็เป็นได้
ลู่หานไม่อยากให้ใครรู้ โดยเฉพาะเจ้าตัว ความรู้สึกรักโอเซฮุนอยู่เต็มหัวใจน่ะ ขอเขาเก็บไว้กับตัวเองคนเดียวก็พอ
เซฮุนหันไปสั่งอาหารทั้งของตัวเองและคนรักกับบริกรที่ยืนรอรับรายการอยู่ด้านข้าง ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟก็คุยเล่นหยอกล้อกันตามประสา ส่วนลู่หานก็ได้แต่พยายามส่งยิ้มเนือยๆ ให้กับเพื่อนรัก รู้สึกผิดที่ไม่ว่าชานยอลจะพยายามสรรหาเรื่องตลกร้อยแปดมาเล่าให้เขาร่าเริงแต่กลับหัวเราะไม่ออกเหมือนตอนก่อนหน้านี้เลย อย่าว่าแต่หัวเราะ เพียงแค่ยิ้ม ชานยอลยังดูออกว่าลู่หานน่ะยิ้มแค่ปาก แต่แววตากลับเศร้าสร้อยเหลือเกิน แม้เจ้าตัวจะพยายามทำตัวให้เป็นปกติเท่าไหร่ก็ตาม
“เสี่ยวลู่ ปากเลอะซอสแหนะ”
“หืม? ตรงไหนเหรอ” มือขาวหยิบผ้าเช็ดปากบนตักขึ้นมา เช็ดไปตามจุดต่างๆ ตามที่ชานยอลบุ้ยใบ้แต่ก็ไม่ถูกสักที ร่างสูงส่ายหน้าระอาใจเพื่อนตัวเล็ก เอื้อมนิ้วหัวแม่มือไปปาดคราบซอสที่ขอบปากกระจับเล็กเบาๆ เสียเอง เสร็จแล้วก็ดูดคราบซอสที่เลอะติดนิ้วอยู่ ส่วนลู่หานก็ยิ้มหวานขอบคุณราวกับที่ทำอยู่นั้นมันเป็นเรื่องปกติ
ใช่ มันอาจปกติสำหรับคนสองคน ชานยอลทำแบบนี้กับลู่หานมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้ว ก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดแปลกอะไรตรงไหน แต่สำหรับอีกสองคนที่ร่วมโต๊ะอาหารมื้อนี้ด้วยอาจจะยังไม่คุ้นชิน แบคฮยอนมองภาพตรงหน้าตาปริบๆ ก่อนจะอมยิ้มเล็กน้อยแลดูพึงพอใจ เมมโมรี่การ์ดในสมองจัดการบันทึกภาพพร้อมประมวลผลเรียบร้อย ส่วนเซฮุนเพียงแค่ปรายตามองแล้วก็ทำหน้านิ่งตามเคย ยากที่ใครจะคาดเดาได้ว่าเจ้าตัวรู้สึกอย่างไร
“อ่า เดี๋ยวผมขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะครับ เสี่ยวลู่ เดี๋ยวฉันมานะ”
ร่างเล็กพยักหน้ารับ พยายามละเลียดไอศกรีมต่อไปโดยไม่สนใจอีกสองชีวิตที่ร่วมโต๊ะอยู่ ใจจริงชานยอลก็ไม่อยากทิ้งลู่หานไว้ที่โต๊ะคนเดียว แต่ก็ดันอยากเข้าห้องน้ำเสียได้ ขายาวรีบเดินไปให้เร็วเพื่อที่จะได้กลับมาอยู่เป็นเพื่อนลู่หานต่อ ไม่อยากทิ้งไปนานๆ
บรรยากาศน่าอึดอัดโรยตัวสู่โต๊ะอาหารอีกครั้ง แต่อาจจะมีลู่หานเพียงคนเดียวก็เป็นได้ที่รู้สึกเช่นนั้น ในเมื่ออีกสองคนยังคงรักษาระดับความหวานได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนใช้ส้อมจิ้มผลไม้ที่ปอกเป็นชิ้นพอดีคำจัดแต่งอยู่ในจานสวยหรูไปจ่อที่ปากเซฮุน ซึ่งคนตัวสูงก็รับไว้อย่างไม่เกี่ยงงอน ใช้เวลาอยู่ในโลกส่วนตัวที่ลู่หานรู้สึกว่าเขาคือคนนอกและไม่มีวันเข้าถึง
“เซฮุนครับ ผมไปห้องน้ำแป๊บนึงนะ”
แบคฮยอนบอกขณะยกน้ำเปล่าขึ้นจิบ ร่างสูงยิ้มรับ แต่ทันทีที่ร่างบางพ้นจากกรอบสายตาใบหน้าหล่อเหลาก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที คิ้วเรียวกดเข้าหากันเล็กน้อยพร้อมกับปรายตามองอย่างเย็นชาอย่างที่เคยทำ ลู่หานเบือนหน้าหนี ทำท่าจะลุกขึ้นบ้างเพราะไม่พร้อมเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ แต่ก็ติดมือแกร่งที่รั้งเอาไว้ เซฮุนกระชากข้อมือเล็กอย่างไม่ปรานีแม้ลู่หานจะร้องเจ็บ เป็นผลให้คนตัวเล็กแทบจะล้มพับลงไปนั่งที่ตักกว้าง ลู่หานถอนใจเฮือก ถามเสียงอ่อน
“อะไรของคุณอีกล่ะ”
“ทำอะไรลงไป ไม่รู้ตัวหรือไง!?”
“ผมทำอะไร”
“ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ นายคิดว่าที่นี่จะไม่มีคนรู้จักเราเลยหรือไง เล่นถึงเนื้อถึงตัวกับผู้ชายคนอื่นทั้งที่ผัวตัวเองก็นั่งหัวโด่อยู่แท้ๆ!” ร่างสูงขบกรามแน่น กระชากข้อมือบางเข้ามาอีกเมื่อลู่หานทำท่าจะขืนตัวออก ไม่สนใจรอยแดงเป็นปื้นบนผิวขาวสักนิด
“คุณอย่ามาหยาบคายกับผมนะ!”
“แค่นี้ทนฟังไม่ได้หรือไง ทีเวลาทำล่ะไม่รู้จักอายนะลู่หาน!”
ตากลมวาววับจ้องเซฮุนตอบอย่างไม่ลดละ ฟันซี่เล็กกัดริมฝีปากด้านในจนเจ็บเพื่อปิดกั้นความรู้สึกที่กำลังจะปะทุ ลู่หานไม่เข้าใจว่าตัวเองทำให้เซฮุนไม่พอใจอะไรนักหนา ถึงได้ตั้งป้อมหาเรื่องกันทุกวันสามเวลาหลังอาหารแบบนี้ เพราะสิ่งที่เขากับเพื่อนทำก็แสดงออกถึงความบริสุทธิ์ใจ ลับหลังเป็นยังไง ต่อหน้าก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีอะไรปิดบังซ่อนเร้นในความสัมพันธ์ แต่พอตัวเองควงคนรักมานั่งร่วมโต๊ะ เอาอกเอาใจกันต่อหน้าต่อตากลับไม่พูดถึงสักคำ และลู่หานก็ไม่คิดจะพูดอีกแล้วด้วย เพราะพูดไปก็มีแต่จะเข้าตัว ถูกต่อว่าให้ใจต้องเจ็บเสียเปล่าๆ
“คุณจะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ พูดไปเดี๋ยวก็หาว่าผมแก้ตัว”
“กลับบ้านกับฉันเดี๋ยวนี้!”
“ไม่! ผมไม่กลับ!” ลู่หานเริ่มขึ้นเสียง หันหน้าหนีไปอีกทางเพราะไม่อยากถูกสายตาคมดุนั่นข่มขู่อีก
“นายอย่ามาเมินฉันนะลู่หาน ฉันบอกให้กลับก็กลับ!”
“ผมไม่กลับ! ผมมากับชานยอล ผมก็จะกลับกับชานยอล!” ร่างเล็กสะบัดมือจนหลุดจากการกอบกุม แต่ก็ไม่พ้นถูกกระชากกลับไปอีก
“เดี๋ยวนี้กล้าดื้อกับฉันเหรอ หืม?” ใบหน้าคมคายอยู่ใกล้เพียงคืบ มือแกร่งเชยปลายคางคล้ายจะบังคับให้จ้องตากันอยู่ในที แล้วก็เป็นลู่หานที่ยอมศิโรราบให้กับดวงตาเรียวคู่นั้นอยู่เสมอ
“แล้วคนรักของคุณล่ะ คุณจะทิ้งเขาไว้ที่นี่หรือไง”
“ฉันจัดการได้”
“งั้นผมขอบอกชานยอล...”
“ทำไม อาลัยอาวรณ์มันนักหรือไง ถ้านายยังลีลาท่ามากอยู่ฉันจะอุ้มแล้วนะ”
เซฮุนปราดเข้ามาทำท่าจะอุ้มคนตัวเล็กขึ้นพาดบ่า ซึ่งลู่หานรู้ดีว่าคนเอาแต่ใจบอกว่าจะทำก็คือทำจริงๆ ไม่ใช่แค่แกล้งขู่ มือน้อยยกขึ้นดันอกกว้างให้ถอยห่าง นัยน์ตากวางสั่นระริกดูวิตก หันมองรอบกายเห็นสายตาหลายคู่เริ่มหันมามองก็จนใจจะขัดขืน เพราะไม่อยากให้ตกเป็นเป้าสายตาและถูกซุบซิบไปมากกว่านี้
“ไม่ต้อง ผมเดินเองได้”
ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่คีมเหล็กที่ล็อกข้อมืออยู่ก็ยังไม่ยอมคลาย คนตัวสูงควักธนบัตรในกระเป๋าสตางค์ออกมาวางแปะไว้บนโต๊ะ เสร็จแล้วก็ออกแรงดึงจนเกือบจะกลายเป็นกระชากโดยไม่สนใจว่าคนข้างหลังจะเจ็บ จะเดินทันตามหรือไม่ ลู่หานเองก็ปล่อยให้อีกคนกระทำตามใจชอบเพราะรู้ว่าต่อต้านไปก็เหนื่อยเปล่า
.
.
.
อีกทางด้านหนึ่ง ชานยอลกำลังยืนอยู่ที่อ่างล้างมือ มองสำรวจใบหน้าอย่างที่เคยทำทุกครั้ง กำลังจะเดินออกจากห้องน้ำแล้วถ้าหากร่างบางสะดุดตาไม่เข้ามายืนล้างมืออยู่ข้างกันเสียก่อน ชานยอลส่งยิ้มกว้างให้ตามนิสัย ถึงแม้จะตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง ซึ่งแบคฮยอนก็ยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร
“คุณกับคุณลู่หานรู้จักกันมานานแล้วเหรอครับ” ถามโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย มือขาวยกขึ้นจัดทรงผมเล็กน้อย
“ครับ เราสนิทกันตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ”
“น่ารักจังเลยนะครับ”
“ครับ?”
“คุณลู่หานน่ะ”
“อ่า ใช่ครับ เสี่ยวลู่เขาน่ารัก ทั้งหน้าตาแล้วก็นิสัย ใครอยู่ใกล้ก็หลงรักกันทั้งนั้นล่ะครับ” ชานยอลยิ้มปลาบปลื้มเมื่อได้เอ่ยถึงเพื่อนตัวเล็ก แบคฮยอนยกยิ้มมุมปากพึงพอใจเมื่อดูว่าทุกอย่างจะเข้าทาง
“รวมทั้งคุณด้วยหรือเปล่าครับ เห็นกระหนุงกระหนิงน่ารักเชียว ผมยังอิจฉาเลย”
“ไม่ใช่นะครับ ผมกับเสี่ยวลู่ เราเป็นแค่เพื่อนกัน” ร่างสูงปฏิเสธเสียงตื่น สองมือยกโบกเป็นพัลวัน แต่อีกคนคงจะไม่เชื่อถึงได้ยิ้มหวานสืบเท้าเข้ามาใกล้ มือเล็กยกขึ้นเกลี่ยปกเสื้อของอีกคนเบาๆ
“อย่าปฏิเสธเลย ผมเห็นสายตาคุณผมก็รู้แล้วล่ะ”
“ผม...ผมว่าคุณคงเข้าใจผิด”
นิ้วชี้เลื่อนแตะริมฝีปากแดงของคนตัวสูง ทำเอาปาร์คชานยอลคนเก่งชะงักค้างไปชั่วขณะ แบคฮยอนยิ้มหวานจนตาเรียวแทบจะปิดสนิท ใบหน้าที่ใกล้กันเพียงคืบทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง ใจเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะกระเด้งออกมา ขายาวก้าวถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่างแต่คนตัวเล็กก็ยังตามมาไม่ห่าง
“ผมว่าเราน่าจะร่วมมือกัน...”
“ครับ?”
“ก็แยกสองคนนั่นออกจากกันยังไงล่ะครับ คุณเองก็ได้อยู่กับคุณลู่หาน ส่วนผมก็จะได้อยู่กับแฟนผม แฟร์ดีออก”
เหมือนถูกของแข็งฟาดเข้าที่หัวอย่างจัง ร่างสูงยิ้มค้าง มึนตึงไปชั่วขณะ ได้แต่มองร่างบางที่ถอยห่างออกไปอย่างอึ้งๆ ความประทับใจแรกพบลดฮวบลงจนติดลบถึงขีดแดง ใบหน้าหวานซึ้งตรึงใจแท้จริงก็เป็นเพียงเปลือกนอกที่ห่อหุ้มความร้ายกาจที่ซ่อนอยู่เอาไว้ เกือบพลาดไปติดบ่วงแล้วไหมล่ะ ปาร์คชานยอล
“ไหนๆ เขาสองคนก็ไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก ถ้าเราจะช่วยให้เขาหย่ากันเร็วขึ้น มันก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอครับ จะได้ไม่ต้องมาทนฝืนใจมองหน้ากันทุกวัน หรือคุณว่าไง?”
แบคฮยอนกอดอกพิงขอบอ่าง เชิดหน้าขึ้นด้วยมาดคุณหนูหัวสูงตามแบบนิสัยส่วนตัว ยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้ให้ชานยอลอีกเป็นเท่าตัว ขีดจำกัดในการอดทนของร่างสูงลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ปกติเขาเป็นคนใจเย็นจนเกือบจะเป็นน้ำแข็ง ซึ่งแบคฮยอนเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถทำให้คนอย่างเขาปรอทแตกได้ แสดงว่าอีกฝ่ายก็พกดีกรีความร้ายกาจไว้ไม่เบา
ขายาวสืบเท้าเข้าไปใกล้จากที่ในตอนแรกเป็นคนถอยห่าง แบคฮยอนยิ้มหวานเมื่อเห็นอีกคนยกยิ้มมาให้ วาดฝันไว้ในใจว่าแผนการคงลุล่วงไปได้ดี
“ผมก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็หาเรื่องพรากผัวพรากเมียนี่เอง เสียดาย หน้าตาก็น่ารักพอไปวัดไปวาได้อยู่หรอก แต่จิตใจคุณนี่มัน!”
ชา...ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ แบคฮยอนอ้าปากพะงาบๆ ด้วยความตกตะลึง พูดไม่ออกเพราะกำลังตกใจด้วยไม่คิดว่าจะมีใครกล้าด่าตอกใส่หน้าแบบนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ลืมตาดูโลกที่มีคนกล้าพูดแรงๆ ใส่หน้าคุณหนูบยอนแบบนี้ ความโกรธแล่นปรี๊ดขึ้นสู่สมองทันที
“ไอ้บ้า นี่แกด่าฉันเหรอ!”
“อยู่กันสองคนตรงนี้ ถ้าไม่ด่าคุณจะให้ผมไปด่าแมวที่ไหนล่ะ”
“ไอ้บ้า! ไอ้ทุเรศ! ไอ้หูกาง! ไอ้....”
“หุบปากสักที! หนวกหูน่ารำคาญ! แล้วก็จำไว้ด้วยนะ ว่าอย่ายุ่งกับเพื่อนผม ไม่งั้นล่ะก็ คุณกับผมเห็นดีกันแน่”
ร่างสูงชี้หน้าคาดโทษไว้เสร็จสรรพ ก่อนจะเดินเฉียดไหล่เล็กออกไป ไม่ยี่หระต่อเสียงตะโกนด่าโวยวายของอีกคนที่สาปส่งมาจากทางด้านหลังเลยสักนิด แบคฮยอนได้แต่กระทืบเท้าปึงปังอย่างไม่พอใจ ความโกรธมันพุ่งปรี๊ดจนปวดหัว ยิ่งอีกคนไม่สะทกสะท้าน แถมหางตายังไม่แลเหมือนกับมองข้ามหัวกันแบบเป็นสิ่งที่คุณหนูบยอนให้อภัยไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“ไอ้หูกางขาโก่ง ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
.
.
.
“ผมขอโทษนะแบคฮยอน พอดีว่าคุณแม่โทร.ตามกลับบ้านด่วนน่ะ...ไม่งอนผมนะคนดี...อ่าฮะ คุณกลับเองได้นะ...ถึงบ้านแล้วโทร.หาผมด้วยนะครับ บายครับผม”
ลู่หานเบะปาก ขมุบขมิบเลียนแบบเซฮุนด้วยความหมั่นไส้ เสียงอ่อนหวานต่างกับเวลาคุยกับเขาลิบลับราวฟ้ากับเหว แอบน้อยใจอยู่ลึกๆ ไม่ได้ แต่ก็รู้ตัวดีว่าอยู่ในสถานะที่ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร
ทันทีที่รถจอดเทียบเทอเรสหน้าบ้าน ร่างสูงก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัย เปิดประตูแล้ววิ่งอ้อมรถยนต์คันหรูไปกระชากตุ๊กตาตัวขาวลงมา ไม่ลืมโยนกุญแจรถให้เด็กในบ้านจัดการเก็บรถเข้าโรงจอด เซฮุนฉุดกระชากลากถูร่างบอบบางจนมาถึงบนชั้นสองของบ้าน แขนแกร่งล็อกเอวบางไว้หมับเพราะอีกฝ่ายเอาแต่ดิ้นรนขัดขืนไม่ยอมหยุดจนน่ารำคาญ ก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างผลักประตู
‘ตุ้บ!’
ทันทีที่เข้ามาถึงห้องนอนก็เหวี่ยงคนตัวเล็กลงเตียงทันที ใบหน้าหวานเหยเกไปเพราะความจุกถึงแม้จะมีฟูกหนารองรับ นัยน์ตากวางมองค้อนขวับไม่พอใจที่ถูกกระทำรุนแรง ทั้งที่ยอมโอนอ่อนให้ทุกอย่าง พยายามหาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญกับพิษอารมณ์ร้ายของอีกคน แต่ก็รู้สึกว่าจะไม่เป็นผลสักที
“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ อยากให้กลับผมก็กลับแล้ว คุณยังจะไม่พอใจอะไรอีก”
“จำไว้เลยนะลู่หาน ฉันขอสั่งห้ามไม่ให้นายไปไหนมาไหนกับมันอีก” เซฮุนชี้หน้าคาดโทษ สั่งเสียงดุ
“ถ้าผมจะไปแล้วคุณจะทำไม ชานยอลเป็นเพื่อนรักของผม ผมจะไปไหนมาไหนกับใครมันก็เป็นสิทธิ์ของผม”
“ทำอะไรนึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่ฉันบ้างนะลู่หาน คนอื่นเขาจะมองว่ายังไง”
“คุณมันก็ดีแต่อ้างคนอื่น แล้วทีคุณล่ะ ที่คุณพาเขามานั่งร่วมโต๊ะกับเรา ที่คุณเอาอกเอาใจเขาต่อหน้าผม คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าคนอื่นเขาจะมองยังไง ฮึก...”
เป็นอีกครั้งที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มือน้อยยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ ใจที่เคยแข็งกระด้างกับอ่อนลงทันทีกับภาพที่เห็น ร่างสูงทรุดตัวลงกับที่นอนคว้าร่างบอบบางมากอดเอาไว้ ไหล่เล็กที่ไหวเพราะแรงสะอื้นช่างดูเปราะบางเหลือเกิน เซฮุนดึงมือเล็กที่พยายามปาดน้ำตาออกจนขอบตาสวยแดงช้ำไปหมด ก้านนิ้วเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนและละมุนที่สุดราวกับต้องการจะทะนุถนอม
“คนเก่งอย่าร้องไห้สิ โตแล้วยังร้องเป็นเด็กๆ ไปได้ ไม่เอานะ ฉันขอโทษนะ ขอโทษ อย่าร้องเลยนะคนดี”
ร่างสูงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น โยกตัวไปมาเบาๆ เหมือนกล่อมเด็ก เพราะยิ่งปลอบก็เหมือนว่าแรงสะอื้นจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น รับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นที่แผ่เป็นวงกว้างอยู่ตรงอก
เซฮุนคงจะปฏิเสธตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ว่าตัวเองแพ้น้ำตาของคนตรงหน้าเสียแล้ว
To be continue.
ช่วงนี้อยู่ในช่วงสอบไฟนอล เคลียร์การบ้าน เลยมาช้านิด แต่ก็มานะ
ตอนนี้อาจจะยังหาแก่นสารไม่ได้ ยังเรื่อยๆ มาเรียงๆ ให้อภัยเราด้วย อิอิ
น้องฮุนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ผีเข้าผีออก บางทีมันไม่ได้อยู่ในพล็อตค่ะ มือมันไปเอง
รู้ตัวอีกทีก็ อ้าว...ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ (= =)a อย่าได้ถือสาค่ะ
อ่านให้สนุกนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ^^
ความคิดเห็น