คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3
Title : HOLD A BLIND MARRIAGE
Author : sosweetcafe
Chapter : 3
Pairing : Sehun x Luhan ft. Chanyeol x Baekhyun
Story : vanilla1127
ความรู้สึกปวดหนึบในอกมันคืออะไร?
กว่าสิบนาทีที่ยืนอยู่ตรงที่เดิม ก้มมองมือคู่นั้นที่เผลอกระทำรุนแรงกับผิวเนื้ออ่อน ภาพใบหน้าหวานใสยามมีน้ำตาฉายชัดขึ้นมาในห้วงความคิดให้ภายในใจรู้สึกเจ็บหน่วงมากกว่าเดิม เซฮุนสูดหายใจเข้าลึก หลับตาแน่น มือขาวจัดเสยผมอย่างหงุดหงิดเพราะไม่รู้จะกำจัดความรู้สึกที่น่ารำคาญนี้ออกไปอย่างไร ยิ่งหลับตาก็เหมือนว่าภาพของคนตัวเล็กจะยิ่งเด่นชัดในมโนสำนึก มันทำให้เขาหัวเสีย
หงุดหงิดที่เห็นอีกคนมีน้ำตาเพราะคำพูดและการกระทำที่ร้ายกาจของเขา
ทำไมต้องเสียใจ ทำไมต้องแคร์ ทำไมต้องทำเหมือนว่าเขามีอิทธิพลกับความรู้สึกของคนตัวเล็กนั่น
มันทำให้เขายิ่งเกลียดลู่หาน ที่ทำให้คนที่แสนจะเย็นชาไม่เคยมีความรู้สึกอย่างเขา...รู้สึกผิด
.
.
.
คุณและคุณนายโอกลับมาถึงบ้านในช่วงเย็นซึ่งเป็นเวลาตั้งโต๊ะอาหารพอดิบพอดี สองสามีภรรยาแวะผลัดเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสบายๆ พร้อมกับล้างหน้าล้างตาหลังจากเหนื่อยล้าจากงานมาทั้งวัน ก่อนจะลงมาร่วมรับประทานอาหารเย็น เห็นลูกชายตัวดีนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารคนเดียวโดยที่ไร้เงาลูกสะใภ้นั่งเคียงข้างก็อดที่จะถามถึงไม่ได้ เพราะหล่อนค่อนข้างเข้มงวดกับการรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ซึ่งถือเป็นเวลาครอบครัว
“เซฮุน น้องล่ะลูก วันนี้มีของโปรดน้องหลายอย่างเลยนะ”
เซฮุนเลือกที่จะไม่ตอบ ทำหูทวนลม หยิบช้อนส้อมขึ้นมาเตรียมรับประทานอาหาร จนคนเป็นแม่ต้องเอื้อมมือมาตีแปะเข้าให้
“เซฮุน” เสียงแหลมกดลงต่ำคล้ายจะดุอยู่ในดี เจ้าลูกชายตัวดีถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเซงๆ
“เด็กดีของคุณแม่เขาอยู่บนห้องตั้งแต่เที่ยงแล้วครับ”
“ตายจริง นี่มันจะหกโมงแล้วนะ เซฮุนไปดูน้องทีสิลูก ไม่สบายหรือเปล่า”
“เดี๋ยวเขาหิว เขาก็ลงมาเองล่ะครับ”
“ตาเซฮุน”
คราวนี้เป็นเสียงประมุขของบ้านซึ่งเจ้าลูกชายเกรงใจยิ่งกว่าใคร มือขาววางช้อนส้อมไว้ที่ข้างจานดังเดิม แอบพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะยอมลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เดินลากเท้าขึ้นไปบนห้องหอของตัวเอง
เซฮุนผลักบานประตูไม้เนื้อดีโดยไม่ต้องเสียเวลาเคาะ แสงสีนวลจากโคมไฟบนหัวเตียงสว่างพอที่จะทำให้มองเห็นบรรยากาศภายในห้องโดยไม่ต้องเปิดสวิตช์ไฟดวงใหญ่กลางห้อง ขายาวสืบเท้าเข้าไปใกล้เตียงหลังใหญ่ที่มีร่างเล็กนอนขดตัวอยู่เพราะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ เดาเอาว่าคงเผลอหลับไปโดยที่ไม่ได้ห่มผ้า ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงข้างเตียง ชะโงกหน้าลงไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มของอีกฝ่ายพร้อมกับเบะปาก ดวงตากลมโตปิดสนิท ปลายจมูกรั้นแดงก่ำ แพขนตาหนายังคงชื้นเกาะกันเป็นกระจุก ได้ยินเสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอปนริ้วสะอื้น
ร้องไห้จนหลับไปเลยสินะ
“นายเสียใจขนาดนั้นเลยเหรอ ลู่หาน”
ก้านนิ้วยาวเผลอเกลี่ยแก้มใสอย่างลืมตัว เซฮุนนั่งคุกเข่าลงข้างเตียง สายตาที่เคยเย็นชาเผลอทอดอ่อนลงยามมองหน้าลูกกวางน้อยที่หลับใหล
รู้ตัวอีกที นิ้วที่เคยสัมผัสแก้มเนียนนั้นก็กลายเป็นปลายจมูกโด่งเสียแล้ว
กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่มาพร้อมไอร้อนจากคราบน้ำตาติดอยู่ที่แก้มใส เซฮุนก็แค่รู้สึกอยากจะปลอบประโลมให้ลู่หานคลายสะอื้นแม้ในยามหลับฝัน ฝังจมูกลงแผ่วเบาก่อนจะตามด้วยการประทับจูบลงที่พวงแก้มนั้นเนิ่นนาน โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำอย่างลืมตัวของตนนั้นสร้างความปั่นป่วนให้อีกคนแค่ไหน
ใจดวงน้อยเต้นแรงจนลู่หานได้ยินเสียงจังหวะการเต้นของมันอย่างชัดเจน ร่างน้อยรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่สัมผัสแรกที่ข้างแก้มแล้ว เพียงแต่ยังไม่อยากลืมตาตื่นมาเผชิญหน้ากับคนใจร้ายบางคน แต่แล้วลมหายใจร้อนที่ขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะตามมาด้วยสัมผัสจากปลายจมูกโด่งก็ทำเอาเกือบลืมหายใจ
หรือมันจะเป็นเพียงแค่ฝันดี มันจะเป็นไปได้หรือ คงเร็วไปร้อยชาติล่ะมั้ง
เปลือกตาบางขยับเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้น ฝันดีจนไม่อยากตื่นเลย หากแต่เมื่อตื่นเต็มตาแล้วพบใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังชะงักค้างอยู่ห่างเพียงคืบ ก็ทำเอาใจดวงน้อยกระเด้งรัวจนจับจังหวะไม่ได้อีกครั้ง
“คุณเซฮุน?”
เสียงหวานเอ่ยเรียกคล้ายละเมอ เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงก่ำ แถมยังตีหน้าเคร่งขรึมเสียจนน่ากลัว ร่างสูงลุกขึ้นยืนยืดตัวเต็มความสูง กระแอมสองสามที ก็พูดด้วยเสียงดุตามเคย
“เอ้อ คุณแม่ให้ตามไปทานข้าว ท่านสั่งของโปรดไว้ให้นายน่ะ”
พูดจบก็รีบพลิกตัวสาวเท้ากลับลงไปที่ชั้นล่างโดยไม่รอฟังเสียงใดๆ เซฮุนกระแทกประตูนกระทบกรอบของมันเสียงดังปัง จนคนที่ยังนั่งอยู่บนเตียงต้องสะดุ้ง มึนงงกับอาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของอีกคน นัยน์ตากลมโตหม่นแสงลงอีกครั้ง เมื่อคิดไปว่ามันคงเป็นเพียงความฝัน แต่หารู้ไม่ว่าหลังประตูบานนั้น คนเจ้าอารมณ์เขายืนทึ้งหัวตัวเองจนเหมือนคนเป็นบ้าไปเสียแล้ว
“เป็นบ้าอะไรวะ ไอ้เซฮุน! เผลอไปหอมเด็กนั่นได้ยังไง!”
.
.
.
ทันทีที่ตั้งสติได้ ร่างบางก็รีบกระโดดออกจากกองผ้าห่ม ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นก่อนจะรีบลงไปยังชั้นล่างในส่วนของห้องอาหาร เห็นคุณลุงคุณป้ารวมทั้งสามีนั่งรออยู่ก่อนแล้วก็ได้แต่เดินตัวลีบเข้าไปหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างกันกับเซฮุน
“ขอโทษที่สายครับ พอดีผมเผลอหลับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ว่าแต่หน้าหนูซีดๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” คุณนายโอถามด้วยน้ำเสียงเจือความเป็นห่วง ใบหน้าสวยสง่าแลดูเป็นกังวลจนลู่หานต้องรีบปฏิเสธ
“เปล่าครับคุณป้า ผมสบายดี”
“ป้าอะไรกัน เรียกแม่สิจ๊ะ หนูเป็นลูกสะใภ้แม่แล้วนะ”
“ครับ คุณแม่” เสียงหวานเอ่ยอย่างประหม่า ด้วยความเคยชินที่เรียกท่านว่าป้ามาตั้งแต่เล็ก อีกทั้งยังขัดเขินกับสถานะของตัวเองที่เปลี่ยนไป ลู่หานก้มหน้างุด ปรางแก้มซับสีแดงจางๆ ยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาผู้ใหญ่ทั้งสองคน
คุณนายโอยิ้มเต็มแก้ม แสนจะปลื้มอกปลื้มใจที่ได้ยินอย่างนั้น ส่วนเซฮุนพอเห็นว่าแม่ตัวเองพะเน้าพะนอออกอาการว่าเอ็นดูลูกสะใภ้คนโปรดเสียเหลือเกินก็ได้แต่เบ้ปาก แอบคิดในใจว่าไม่รู้ว่าเขาหรือลู่หานกันแน่ที่เป็นลูก
“ลู่หานทานเยอะๆ นะลูก ของโปรดหนูเยอะแยะเลย”
“ขอบคุณครับคุณพ่อ”
ถึงทีประมุขของบ้านเอาใจลูกสะใภ้บ้าง คุณโอตักกับข้าวไปใส่ไว้ในจานของลู่หานอย่างละนิดอย่างละหน่อยจนเกือบล้นจาน ซึ่งร่างบางก็ไม่ปฏิเสธให้ท่านเสียน้ำใจ ยิ้มรับอย่างน่ารักเหมือนอย่างทุกครั้งด้วยความเคยชิน
“ไม่ต้องขอบคุณพ่อหรอก ขอบคุณตาเซฮุนดีกว่า อาหารพวกนี้พี่เขาเป็นคนไปบอกให้แม่บ้านทำเองเลยนะ”
เสียงทุ้มเอ่ยกลั้วหัวเราะก่อนจะลงมือรับประทานอาหาร คุณนายโอก็ยิ้มเป็นปลื้มเสียเหลือเกินที่เห็นลูกชายตัวดีเอาใจใส่ลูกสะใภ้บ้าง ที่ได้รู้นี่ก็เพราะแม่บ้านที่เข้ามาตั้งโต๊ะแอบมารายงานให้ฟังระหว่างที่เซฮุนขึ้นไปตามลู่หานลงมาทานข้าว
“คุณพ่อครับ...”
เซฮุนกดเสียงต่ำ ยิ่งเห็นคนเป็นพ่อหัวเราะชอบใจหน้าก็ยิ่งร้อนจนลามไปถึงหู มือขาวตักข้าวเข้าปากไม่พูดไม่จากับใคร มีบ้างที่แอบปรายตามองตุ๊กตาตัวขาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ลู่หานเองก็หน้าแดงไม่แพ้กัน คนตัวเล็กนั่งทานข้าวเงียบๆ แอบเม้มปากเพราะเกือบหลุดยิ้มออกมา ใจดวงน้อยที่เคยเหี่ยวแฟบกลับมาพองโตและเต้นแรงอีกครั้ง
ดีใจที่อย่างน้อยก็ยังสนใจกัน
“อ้อใช่ ตั้งแต่กลับมาหนูยังไม่ได้ไปไหนเลยใช่ไหมลู่หาน เซฮุนเราอยู่ว่างๆ ก็พาน้องไปเปิดหูเปิดตาบ้างสิ”
คุณแม่เปรยขึ้นในระหว่างที่กำลังตักอาหาร ไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่ชะงักไปของลูกชาย ร่างสูงรวบช้อนส้อมเข้าหากัน ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเป็นสัญญาณว่าอิ่มแล้ว ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบออกมา
“ช่วงนี้ผมไม่ค่อยว่างน่ะครับ”
“ไม่ว่าง มัวทำอะไรล่ะเรา กำหนดการที่คุณพ่อจะให้เราเข้าไปฝึกงานที่บริษัทก็อีกตั้งสองอาทิตย์ไม่ใช่หรือคะลูก ใช่ไหมคะคุณ” หันไปถามกับสามีที่นั่งหัวโต๊ะก็ได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบ
“โถ่ คุณแม่ครับ ผมก็ไปเจอเพื่อนบ้างสิครับ นี่วันมะรืนจงอินมันก็นัดผมไปปาร์ตี้วันเกิดมันที่บ้าน”
“งั้นแสดงว่าพรุ่งนี้ลูกว่าง”
“พรุ่งนี้ผมมีนัดแล้วครับ”
“นัดกับใครคะ แม่รู้จักหรือเปล่า”
ร่างสูงยืดหลังตรงทันทีที่ตาเรียวสวยตวัดมองมา เสียงหวานเจือแววกระด้างเล็กน้อยแต่ก็ยังคงยิ้มอยู่ในที ซึ่งเซฮุนรู้ดีว่ารอยยิ้มเช่นนี้มันไม่ปกติ คุณนายโอรวบช้อนส้อมเปลี่ยนมาเป็นกระสานมือไว้ที่คางแทน สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของลูกชายแทน ลู่หานเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเอ่ยขัด
“เอ่อ คุณแม่ครับ ไม่เป็นไรหรอกนะครับ”
“ไม่เป็นไรไม่ได้จ้ะ ว่าไงคะลูก มีนัดกับใครคะ หืม?”
“ผมนัดทานข้าวกับแบคฮยอนครับ”
ไม่ใช่ว่าเธออยากจะเจ้ากี้เจ้าการซักไซ้เอาความอะไรกับลูกชายนัก จะไปเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนหรือใครที่ไหน ตั้งแต่เด็กจนโตหล่อนไม่เคยว่า ครอบครัวเธอให้อิสระกับลูกชายคนเดียวเสมอ แต่อยากจะขอให้เว้นไว้สักคนเถอะ แล้วก็เป็นคนเดียวกับที่ลูกชายตัวดีตอบมาเสียด้วย
หากถามว่าเหตุผลอะไรที่เธอไม่ชอบเด็กคนนั้น?
เหตุผลหนึ่งก็คือโอเซฮุนเป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่เธอเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี จะแปลกอะไรหากเธอและสามีอยากจะเห็นลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝากับคนที่เหมาะสม และลู่หานก็เป็นคนที่เธอหมายตาเอาไว้มาตั้งแต่แรก ทั้งเป็นเด็กน่ารักและจิตใจดี ตั้งแต่เลี้ยงดูมาก็ไม่เคยสร้างเรื่องให้ต้องปวดหัว มีแต่ทำให้ชื่นอกชื่นใจทั้งนั้น
ส่วนแบคฮยอนนั่น เธอก็เคยมีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตามาบ้าง จิ้มลิ้มน่าเอ็นดูอยู่พอตัว หากแต่ท่าทางการวางมาดแบบคุณหนูเอาแต่ใจที่ชอบทำไม่ถูกใจเธอเสียเท่าไหร่ ที่สำคัญคือทำให้ลูกชายของเธอกลับบ้านไม่ค่อยเป็นเวลา บางทีก็ไปนอนค้างอ้างแรมที่อื่น แล้วจะให้คนหวงลูกชายอย่างเธอถูกใจได้อย่างไรกัน
“เซฮุน ลูกแต่งงานแล้วนะ คงไม่ต้องให้แม่บอกนะคะว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ”
“แต่คุณแม่ครับ...” ร่างสูงออดอ้อนเสียงอ่อน แต่ยังคงไม่สามารถเอาชนะใจมารดาได้ จะหันไปขอความช่วยเหลือจากพ่อแต่ก็รู้ว่าท่านคงไม่เข้าข้าง
“ไม่มีแต่จ้ะ ถ้าพรุ่งนี้เราปล่อยให้น้องอยู่บ้านคนเดียวล่ะ น่าดู!”
.
.
.
บรรยากาศอึมครึมราวกับมีเมฆฝนมาปกคลุมกลับมาครอบครองห้องนอนอีกครั้ง หลังจากเสร็จจากมื้ออาหารลู่หานก็อยู่คุยเล่นกับพ่อแม่สามีอีกพักใหญ่ๆ จนเวลาล่วงเลยเกือบจะสี่ทุ่มถึงได้ขอตัวขึ้นมาอาบน้ำ ทันทีที่ก้าวเข้าห้องมาก็สัมผัสได้ถึงสายตาคมดุของคนที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟาตรงปลายเตียง ร่างบางสูดหายใจลึก เตรียมรับมือกับอารมณ์ร้ายของอีกฝ่าย แล้วก็เป็นอย่างที่ขึ้น เสียงทุ้มโพล่งขึ้นทันทีเพียงสืบเท้าเข้าไปใกล้
“พรุ่งนี้ฉันไม่ว่างพานายไปเที่ยวหรอกนะ แบคฮยอนเขาจะโกรธ”
“ก็ไม่ต้องไปสิครับ”
“พูดโง่ๆ น่ะลู่หาน คิดว่าคนอื่นในบ้านเขาจะไม่รู้เลยหรือไง”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง” ถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ขาเรียวก้าวผ่านหน้าสามี เดินไปทิ้งตัวลงที่อีกฝั่งของโซฟา
“เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะนาย นายต้องรับผิดชอบสิ” คิ้วสวยขมวดฉับ แอบบ่นอุบในใจเมื่ออีกฝ่ายพูดราวกับว่าเขาเป็นคนขอร้องให้คุณแม่สั่งให้พาเขาไปเที่ยวอย่างนั้น
“งั้นผมจะลองโทร.หาชานยอล เผื่อถ้าเขาว่าง...”
“มันอีกแล้วเหรอ!?”
ยังไม่ทันจบความดี เซฮุนก็หันมาตวาดจนคนตัวขาวสะดุ้ง นัยน์ตาดุฉายชัดว่าไม่พอใจเป็นอย่างมากจนคนถูกจ้องต้องกัดปากเบือนหน้าหนี ไม่เคยสักครั้งที่จะกล้าต่อกรกับผู้ชายคนนี้ได้ เสียงหวานลดระดับลงจนเกือบจะกลายเป็นกระซิบ
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่เอา”
พอเห็นคนตัวเล็กเบือนหน้าหนี เสียงสั่นนิดหน่อย ภาพเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันก็วาบเข้ามาในหัว เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างประหม่า ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องกลัวคนตรงหน้าจะมีน้ำตาอีก แขนยาวดูเก้งก้างไปถนัดตาไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดี เกือบเผลอเอื้อมไปคว้ากายเล็กมากอดไว้ แต่เซฮุนก็บีบมันเข้าหากันไว้จนแน่น พยายามข่มเสียงให้อ่อนลง
“โอเค แล้วแต่นายก็แล้วกัน แต่จะทำอะไรก็อย่าลืมเสียล่ะ ว่านายเป็นเมียฉัน”
คนตัวสูงพูดทิ้งไว้แค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่าเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งลู่หานนั่งอยู่ตรงนั้นกับความเหนื่อยใจ เหนื่อยที่ต้องคอยตามใจคนเอาใจยาก เหนื่อยที่ต้องยอมทนฟังวาจาร้ายกาจ เหนื่อยที่ต้องทนกับสายตาเย็นชา
แต่ถึงเหนื่อยแค่ไหน ลู่หานก็ยังยอม
.
.
.
โชคดีที่วันนี้ปาร์คชานยอลว่าง ทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนตัวเล็กเมื่อคืนเขาก็รีบเช็คตารางงานอย่างไม่รีรอ ก่อนจะไชโยโห่ร้องด้วยความยินดีที่วันนี้คิวงานว่างทั้งวัน นึกแปลกใจไม่น้อยที่สามีจอมโหดยอมปล่อยลู่หานให้ออกมาจากกรงทองได้ แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรออกไปให้เสียบรรยากาศ ร่างสูงมาถึงบ้านตระกูลโอตอนสิบโมงครึ่ง ได้เวลานัดพอดิบพอดีไม่มีขาดไม่มีเกิน เห็นคนน่ารักออกมายืนรออยู่ตรงเทอเรสก็รีบวิ่งลงไปเปิดประตูรถให้ แอบเห็นแผ่นหลังกว้างของใครบางคนแยกไปทางโรงจอดรถแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ ทักทายปราศรัยกันสองสามคำก็คุยถึงแพลนเที่ยวในวันนี้ ตัดสินใจว่าจะแวะเดินห้างฯ ดูหนังด้วยกันสักเรื่องแล้วจะไปทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารขึ้นชื่อตามคำแนะนำของคนตัวสูง
“ร้านนี้ฮันนี่โทสต์อร่อยมากเลยนะ เสี่ยวลู่ต้องชอบมากแน่ๆ ฉันรับรอง”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่สิ แต่ก่อนจะทานของหวาน ต้องทานของคาวก่อนนะ สเต็กปลาหิมะย่างของที่นี่ก็อร่อยมากเลย ไม่เชื่อเดี๋ยวลองชิม”
ร่างสูงนั่งเท้าคางพูดจ้อในระหว่างที่รออาหาร แสนจะดีใจที่ได้พาเพื่อนรักมาทานที่ร้านโปรดของตัวเอง หลายปีที่ได้แต่โฆษณาให้ฟังผ่านสายโทรศัพท์ จนหลายครั้งที่ร่างบางนึกอยากจะจองตั๋วเครื่องบินกลับมาชิมสักครั้งว่าจะสมราคาคุยของชานยอลหรือเปล่า
“อ่าฮะ ถ้าไม่อร่อยนายเลี้ยงนะ”
เสียงหวานเอ่ยกลั้วหัวเราะ นั่งฟังเจ้าเพื่อนไฮเปอร์คุยโน่นนี่ให้ฟังไปอย่างเพลินๆ หลายเรื่องที่ตลกจนเขาเกือบเผลอหัวเราะออกมาเสียงดัง ถ้าหากห้ามตัวเองไว้ไม่ทันคงมีได้ขายหน้ากันไปบ้าง ยิ่งเรื่องที่ชานยอลเล่าว่าตัวเองเคยลื่นล้มกลางเวทีคอนเสิร์ต ทำเอาร่างบางหัวเราะเสียจนท้องคัดท้องแข็ง หากไม่ได้อีกคนช่วยลูบหลังลูบไหล่ให้มีหวังได้หัวเราะจนขาดใจตาย สองคนสนุกสนานอยู่ในโลกส่วนตัวจนลืมสังเกตสิ่งรอบข้าง จนกระทั่งเสียงของผู้มาใหม่ที่แทรกเข้ามา
“คุยอะไรกันท่าทางน่าสนุกจัง ขอเรานั่งด้วยได้ไหมครับ?”
เพียงวินาทีแรกที่สายตาประสานกัน ร่างสูงได้แต่ยิ้มค้าง
‘น่ารัก’
คือคำเดียวที่ดังก้องอยู่ใจหัวใจของปาร์คชานยอล
To be continue.
ใครมาเอ่ย? ชยอลยิ้มค้างไปเลยอ่ะ
พระนางหวานกันบ้าง เดี๋ยวพี่ลู่หมดกำลังใจ หนีโอเซไปซะก่อน
อ่านให้สนุกนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ ^^
ความคิดเห็น