คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ( sf ) The Second Lover - chapter 2 - [HUNHAN ft.KAI]
Title : THE SECOND LOVER
Chapter : 2
Pairing : Sehun x Luhan ft.KAI
Story by : Vanilla1127
นั่นคุณชายตระกูลโอใช่ไหม
“เอ่อ เป็น...เป็นอะไรไหมครับ”
ใบหน้าจิ้มลิ้มซีดลงทันตา ลู่หานกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก นั่งตัวเกร็งจนจงอินกับแบคฮยอนก็พลอยเกร็งไปด้วย คงมีแต่ชานยอลที่กลั้นหัวเราะจนตัวสั่นน้ำตาเล็ด ยิ่งร่างสูงสาวเท้าเข้ามาใกล้ลู่หานก็ยิ่งเกร็ง ร่างเล็กช้อนดวงตากลมโตมองขอความเห็นใจ ถ้ายิ้มเสียหน่อยก็คงจะดีเพราะหมอนั่นเล่นตีหน้าเรียบเฉยยิ่งทำให้เขาหวาดหวั่น
“ไม่เป็นไรครับ แค่เจ็บแล้วก็จุก”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้ลู่หานคลายความกังวลไปได้ ร่างบางเผลอทำปากยู่ก้มหน้าลงจนแทบจะชิดอก ดูท่าทางหวาดกลัวเสียเหลือเกิน ผิดกับอีกคนที่กระตุกยิ้มมุมปาก แววตาแสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่าถูกใจคนตรงหน้าเข้าให้แล้ว
“ยังไงผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“ช่างเถอะครับ”
ใบหน้ายามยิ้มทำให้ลู่หานรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง ร่างสูงส่งหนังสือคืนให้และลู่หานก็รับมันมาด้วยมือที่สั่นเทา ก้มหัวน้อยๆเป็นการขอบคุณ ซึ่งตีความได้สองอย่างคือหนึ่งขอบคุณที่ยังอุตส่าห์มีน้ำใจส่งหนังสือคืนให้และสองขอบคุณที่ไม่ถือโทษโกรธเขาจนกลับไปบอกที่บ้านให้ไล่เขาออกจากมหาวิทยาลัยไปเลย
แต่คุณชายโอคงไม่ใจร้ายกับลูกกวางตัวน้อยขนาดนั้นหรอกนะ
“ทุกคนนี่โอเซฮุน...เซฮุน นี่จงอิน รุ่นเดียวกับเรา ลู่หานฮยอง แล้วก็แบคฮยอนฮยอง แฟนฉันเอง”
เซฮุนเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าเล็กน้อย ชานยอลเรียกคนตัวเล็กนี่ว่า ‘ลู่หานฮยอง’ งั้นก็แสดงว่าอายุมากกว่าเขาสินะ เพราะเขาอายุเท่ากับปาร์คชานยอล ยิ่งได้มองดูใบหน้าหวานใกล้ๆเซฮุนก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อ วงหน้ากลม ดวงตากลมโตสดใสรับกับจมูกโด่งรั้น รวมไปถึงปากแดงเป็นกระจับ ไหนจะผิวขาวเนียนละเอียดนั่นอีก ถ้าเจ้าชานยอลไม่พูดเขาคงคิดว่าคนๆนี้คงจะเด็กกว่าเขาแน่นอน
ทุกคนผงกหัวและยิ้มน้อยๆให้เซฮุน มีแต่ลู่หานที่ยังคงเกร็งอยู่บ้าง ก็เล่นไปปาหนังสือใส่เขาเสียแรงขนาดนั้น คงจะเจ็บอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขาจะหายโกรธอย่างที่ปากพูดจริงหรือเปล่า
“แล้วตกลงวันนี้ใครต้องเลี้ยงข้าว ผมเหรอ”
ชานยอลชี้มาที่ตัวเองพาลทำหน้าเซ็ง หากไม่ติดว่าวันนี้ต้องไปรับเซฮุนก็คงไม่ต้องเป็นคนเลี้ยงข้าว ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงินจะเลี้ยงแต่เพราะรู้ซึ้งดีเลยว่ากลุ่มเขากินเก่งอย่างกับอะไรดี โดยเฉพาะรุ่นพี่หน้าหวานอย่างลู่หานกับแบคฮยอนแฟนเขา เห็นตัวเล็กๆบางๆแบบนี้กินแต่แข่งกินไม่เคยแพ้เขากับจงอินเลย
“ลู่หานต่างหากที่ต้องเลี้ยงข้าววันนี้ ชานยอลมีเหตุผลพอก็คือต้องไปรับเซฮุนมาที่นี่ แต่ถ้าลู่หานมีเหตุผลอะไรดีๆที่ไม่ใช่ตื่นสายก็บอกมาสิ”
“แบคฮยอนลำเอียง เข้าข้างแฟนตัวเองอ่ะ”
“ไม่ได้เข้าข้าง แต่พูดตามความจริง อย่ามางอนเลยเสี่ยวลู่ ไม่มีใครเขาอยากง้อเด็กดื้ออย่างนายหรอกนะ”
ร่างเล็กหันไปสบตาขอความช่วยเหลือจากจงอิน แบคฮยอนชักจะดุขึ้นทุกวันๆ เพราะมีจงอินคอยให้ท้ายตลอดถ้าไม่มีคนกำราบเสียบ้างลู่หานก็จะยิ่งเอาแต่ใจตัวเองไม่ฟังใครทั้งนั้น หนุ่มเจ้าของผิวสีแทนได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ใจจริงก็อยากช่วยแต่ก็ติดตรงที่แบคฮยอนฮยองสั่งห้ามไว้เลยทำได้แต่ยืนมอง
แล้วก็เหมือนสวรรค์มาโปรด ลู่หานนึกอยากขอบคุณหมอนั่นเหลือเกินที่มาช่วยยื้อเงินค่าขนมส่วนสุดท้ายของอาทิตย์นี้ไม่ให้ลอยหายไปเพียงเพราะอาหารมื้อเดียว
“เดี๋ยวผมเลี้ยงเองก็ได้นะ ถือเป็นการฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนก็แล้วกันนะครับ”
“เอาสิ พวกเราจะได้ทำความรู้จักกับเซฮุนนาไปด้วยไง เนอะ” ลู่หานเดินเข้าไปตบบ่าเซฮุนเหมือนสนิทสนมกันมานาน ร่างเล็กยิ้มให้จนตาหยีรู้สึกได้ว่าอย่างน้อยเซฮุนก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างตอนแรก ร่างสูงขยิบตาให้ทำเอาลู่หานหัวเราะคิก
”นายช่วยพี่เหรอ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ แล้วก็อีกอย่าง เราจะได้รู้จักกันมากขึ้นด้วยไง”
เซฮุนพูดพอให้ได้ยินกันแค่สองคน แล้วก็ยืนหัวเราะอยู่ด้วยกันท่ามกลางสายตาไม่ค่อยชอบใจนักของจงอิน อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้จงอินเป็นคนคอยออกรับแทนลู่หานตลอด พอมีคนมาคอยทำเหมือนกับที่เขาเคยทำอย่างตอนนี้ก็เลยไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก
“รอดตัวจนได้นะลู่หาน”
“แล้วจะไปกินที่ไหนกันดี คุณชายเซฮุนเลี้ยงทั้งทีเลือกร้านหรูๆไปเลย”
ชานยอลพูดพร้อมกับเดินมาโอบเอวแบคฮยอนไปด้วยให้คนอื่นอิจฉาเล่น คนในอ้อมกอดหันไปยิ้มหวานให้คนข้างๆ เป็นภาพที่เห็นจนชินตาสำหรับคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวลานคณะเศรษฐศาสตร์ บ่อยครั้งที่คู่รักคู่นี้จะสวีทอี๋อ๋อกันแบบไม่เกรงใจใครราวกับโลกใบนี้มีเราเพียงสองคน
ลู่หานส่ายหัวอย่างหน่ายๆ สองคนนั้นเริ่มสร้างโลกส่วนตัวกันอีกแล้ว และแน่นอนว่าเขากับจงอินก็ต้องเป็นส่วนเกินไปโดยปริยาย
“เราขอเสนออาหารญี่ปุ่นเป็นไง” ลู่หานเสนอความเห็นเป็นคนแรก
“แต่ผมอยากกินลาซานญ่าเนื้อบดกับซุปเห็ดอะไรงี้มากกว่า หรือใครว่าไง” คราวนี้เป็นทีของชานยอลออกความเห็น จงอินเพียงยักไหล่ไม่ขอออกความเห็น ส่วนแบคฮยอนก็คงจะคล้อยตามไปกับชานยอลซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“สรุปก็สองต่อหนึ่ง งั้นตกลงว่าเราจะไปกินอาหารอิตาเลียนกันใช่ไหม”
“แต่ฉันว่าเราไปกินอาหารญี่ปุ่นกันก็ดีนะ ผมไม่ได้กินนานแล้วด้วย นะครับ”
ประโยคแรกเซฮุนพูดกับชานยอลก่อนจะหันไปบอกกับแบคฮยอนอีกคน นั่นทำให้ลู่หานยิ้มกว้างอีกครั้งอย่างชอบใจ ขณะที่ชานยอลหลิ่วตามองอย่างสงสัยในสายตาของโอเซฮุนที่มองรุ่นพี่หน้าหวาน ทั้งยังคำพูดที่เหมือนจะเป็นการเอาใจลู่หานอยู่กลายๆ และทั้งหมดนั่นก็เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจของจงอินอีกตามเคย
“ถ้าวันหลังฮยองอยากกิน บอกผมได้นี่ครับ”
“ไม่เอาอ่ะ พี่รบกวนจงอินบ่อยจะตาย เกรงใจๆ”
“แฟนคนเดียวให้ผมดูแลเถอะ”
จงอินเน้นเสียงหนัก พยายามบอกถึงสถานะระหว่างตัวเองกับลู่หานให้ใครบางคนเข้าใจ คนที่จงอินมั่นใจว่าคงกำลังสนใจคนรักตัวเล็กของเขาอยู่เป็นแน่ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ลู่หานรู้สึกอึดอัด ร่างเล็กรู้สึกทำหน้าไม่ถูกเล็กน้อยก่อนจะฝืนยิ้มแห้งๆ
สายตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้ของชานยอลทำให้ลู่หานรู้สึกหงุดหงิด หากว่าแบคฮยอนไม่มาลากแฟนเด็กของตัวเองออกไปตอบคำถามนั่น ครั้งนี้ลู่หานคงได้ปาหนังสือใส่จังๆแบบไม่พลาดเป้าแน่ ร่างเล็กหยิบสมุดที่วางอยู่บนโต๊ะมาขีดๆเขียนๆเล่นลงไปโดยยังไม่ทันสังเกตเลยว่าเป็นของใคร แต่ลู่หานไม่สน ขอแค่ตอนนี้ได้ทำอะไรก็ได้ให้มันหลุดพ้นจากความรู้สึกอึดอัดนี่เสียที
.
.
.
เย็นนั้น กว่าอาหารมื้อใหญ่ที่มีเจ้ามือกระเป๋าหนักอย่างเซฮุนอาสาเป็นคนเลี้ยงจะสิ้นสุดลงก็ทำเอาแบคฮยอนกับจงอินเมาคอพับคออ่อนไม่รู้เรื่อง เดือดร้อนให้ชานยอลต้องเป็นคนขับรถส่งทั้งคู่กลับบ้าน ถึงจะดื่มไปบ้างเล็กน้อยแต่ชานยอลก็ยังพอมีสติที่จะขับรถกลับบ้านได้
เป็นที่รู้ดีกันในกลุ่มว่าแบคฮยอนเป็นคนคออ่อนกระดกไปเพียงสองสามแก้วก็สลบเหมือดแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังโปรดปรานการดื่มไม่แพ้ไปกว่าจงอินเสียเท่าไหร่ ฝ่ายหลังนี่ก็เช่นกันเห็นเป็นคนเงียบขรึมไม่ชอบการสังสรรค์แต่ถ้าได้จับแก้วเมื่อไหร่ก็จะหยุดไม่ได้คือดื่มจนกว่าจะเมากันไปข้างถึงได้เลิก ก็คงจะเหลือเพียงลู่หานเท่านั้นที่ไม่ได้แตะต้องมันเหมือนกับคนอื่นๆ เพราะมีจงอินคอยห้ามไม่ให้ร่างบางดื่มของมึนเมา บอกแค่ว่ามันไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ แต่ตัวเองดื่มได้ดื่มเอา
“แล้วจะกลับกันยังไงดีล่ะ” ลู่หานที่ยืนพิงมินิคูปเปอร์ของชาลยอลเป็นคนถาม ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายไปมาเบาๆ มองคนที่เมาไม่ได้สติอย่างเอือมระอา
“เดี๋ยวผมว่าจะพาแบคกี้ไปนอนบ้านผม ส่วนไอ้จงอินเดี๋ยวผมแวะไปส่งที่บ้านมันให้แล้วกันครับฮยอง ยังไงก็ทางผ่าน” ชานยอลตอบพร้อมกับประคองร่างเล็กในอ้อมกอดขึ้นรถ ส่วนเซฮุนที่หิ้วปีกจงอินอยู่ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“อ่า อย่างนั้นก็ได้ งั้นเดี๋ยวผมไปส่งฮยองที่บ้านแล้วกันนะครับ งั้นแยกกันตรงนี้เลยนะ” ร่างสูงหันไปบอกกับร่างเล็กที่ยืนมองตาแป๋วอยู่ ก่อนจะหันไปบอกลาชานยอลพร้อมกับพยุงจงอินไปไว้เบาะหลังของรถชานยอล
“ฮยองจะแวะไหนหรือเปล่าครับ”
“ไม่ดีกว่า พรุ่งนี้พี่มีเรียนเช้าเลย” ลู่หานบอกขณะที่เปิดประตูขึ้นรถ ร่างสูงเอียงคอหันมามองตุ๊กตาหน้ารถที่นั่งยิ้มให้เขา จนเซฮุนอดไม่ได้ต้องเอื้อมมือไปโยกหัวกลมๆนั้นด้วยความเอ็นดู
“อ๊ะ เซฮุนนา ทำเหมือนพี่เป็นเด็กๆไปได้”
“ก็ฮยองเหมือนเด็กจริงๆนี่ครับ น่ารักแล้วก็น่าเอ็นดู”
“เซฮุนบ้า”
ลู่หานต่อว่าที่เซฮุนทำอย่างกับเขาเป็นเด็กๆ แถมยังแก้มขึ้นสีอย่างไม่รู้ตัวทำเอาเซฮุนมองเพลิน อาการเกร็งที่เคยมีระหว่างกันนั้นหายไปแล้ว เพราะขณะมื้อเย็นที่แบคฮยอนกับจงอินดวลแก้วกันเขาก็มีโอกาสได้คุยกับเซฮุนหลายเรื่อง ยอมรับว่าถูกคอและถูกชะตามากอย่างบอกไม่ถูก ลู่หานว่าเขาเป็นเด็กน่ารักมากทีเดียว ทั้งที่พื้นฐานครอบครัวดีขนาดนั้น แต่ก็ไม่ใช่คนถือตัว แถมยังออกจะติดดินเสียด้วยซ้ำไป
ก่อนจะออกรถเซฮุนไม่ลืมเอี้ยวตัวมาคาดเซฟตี้เบลท์ให้ร่างเล็กพร้อมกับมอบรอยยิ้มเท่ให้ไปอีกหนึ่ง ลู่หานบอกขอบคุณเบาๆ ทำเป็นเสตามองไปข้างนอกรถไม่สนใจเด็กหนุ่มหน้าหล่อที่กำลังเพ่งสายตามองเส้นทางอย่างตั้งใจ ทั้งๆที่ความจริงรู้สึกหัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าคนข้างๆจะได้ยิน ใบหน้าร้อนผ่าวคล้ายเป็นไข้ ความรู้สึกที่คนหน้าหวานไม่เคยได้สัมผัสกำลังก่อตัวขึ้นทีละน้อย
ลู่หานจะรู้ตัวบ้างไหม
“ฮยองเป็นแฟนกับจงอินจริงน่ะเหรอครับ” เซฮุนถามทั้งๆที่สายตาก็ยังเพ่งไปที่ถนนเหมือนเดิม ร่างเล็กครางรับเบาๆอย่างเสียไม่ได้
“อื้อ ทำไมเหรอ”
“ก็ดูฮยองไม่ค่อยจะรักเขาเท่าไหร่เลย แต่ดูจงอินเขาจะรักฮยองมาก”
“ก็รัก แต่ว่ามันไม่เหมือนกันหรอก”
“หือ”
เซฮุนเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัย แต่พอเห็นคนตัวเล็กเงียบไปเขาก็เลือกที่จะไม่ถามเซ้าซี้ต่อ ใบหน้าหวานหันมองข้างทางราวกับว่าต้นไม้ใบหญ้านั้นมันมีอะไรน่าสนใจนักหนา ลู่หานถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ขมวดคิ้วแน่นเหมือนคนกำลังกลัดกลุ้มไม่สบายใจจนเซฮุนสงสัย
“ฮยองไม่สบายใจหรือเปล่าครับ ผมขอโทษนะที่ถาม”
“ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากเลยนะ”
ร่างบางหันไปยิ้มบางๆให้คนข้างกายสบายใจ แต่เซฮุนก็ดูออกว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ปกติเท่าไหร่ ถึงรู้อย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะเงียบ เขาคิดว่าบางทีลู่หานอาจจะอยากคิดอะไรคนเดียว
“เดี๋ยวเลี้ยวขวาตรงแยกข้างหน้า บ้านรั้วสีขาวนั่นล่ะ บ้านพี่เอง” เสียงหวานบอก คนขับรถจำเป็นผงกหัวรับทำหน้าที่ได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง รถเบนซ์สปอร์ตสีดำจอดเทียบหน้าบ้านของคนตัวเล็กอย่างปลอดภัย ลู่หานยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
“ขอบใจมากนะ นายรีบกลับบ้านเถอะเซฮุน ดึกมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ลุกไม่ไหว”
“งั้นผมไปนะครับ ฝันดีนะครับเสี่ยวลู่”
“อ่ะ...อื้อ ฝันดีนะเซฮุน ขับรถดีๆนะ”
รอยยิ้มเท่ระบายบนใบหน้าหล่อเหลา เซฮุนยิ้มขณะมองลู่หานวิ่งกลับเข้าบ้านด้วยความเร็ว ใบหน้าหวานแดงราวกับผลมะเขือเทศสุกปลั่งเมื่อครู่ยังติดตาเพียงเขาเอ่ยเรียก ‘เสี่ยวลู่’
นอกจากคนในครอบครัวกับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแล้ว ลู่หานก็แทบจะไม่เคยได้ยินใครเรียกเขาแบบนั้นเลย แม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างแบคฮยอน และรุ่นน้องที่สนิทกันอย่างชานยอลกับจงอินที่ตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็นแฟนก็ยังเรียกกันแต่ลู่หานจนชินไปเสียแล้ว
ร่างเล็กยืนพิงประตูบ้านทันทีที่เปิดเข้ามา มือเรียวจับที่หน้าอกข้างซ้าย หัวใจเต้นแรงราวกับว่ามีใครมารัวกลองอยู่ในอกจนลู่หานกลัวว่ามันจะหลุดออกมาเสียให้ได้ ใบหน้าร้อนผ่าวจนตัวเองยังตกใจ อาการเหมือนตอนที่อยู่ในรถของเซฮุนซ้ำยังเป็นมากกว่าเดิมเสียด้วย
“โอ๊ย หยุดเต้นเสียทีได้ไหมนะ” กำปั้นเล็กทุบเข้าที่อกตัวเองเบาๆ ลู่หานกัดปากตัวเองเพราะเกือบจะหลุดยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนที่ขับรถมาส่งเมื่อครู่
แล้วคืนนี้ลู่หานจะเก็บเอาพ่อหนุ่มคนนั้นเข้าไปในฝันด้วยไหมนะ
To be continue.
ตอนที่สองมาเสิร์ฟแล้วค่ะ พระเอกของเราออกมาเต็มตัวแล้วเนาะ
เหมือนกลิ่นมาม่าจะลอยมานิดๆแฮะ >.<
ชอบไม่ชอบยังไงก็ติชมกันได้นะคะรีดเดอร์ เรารอฟังความเห็นของรีดอยู่น้า
คอมเม้นท์ของรีดเดอร์เท่ากับกำลังใจของไรท์เตอร์นะคะ
เจอกันตอนต่อไปค่า
ความคิดเห็น