ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {exo} 'Hold a Blind Marriage' - hunhan ft.chanbaek

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 56


    :-Daisy 











    Title : HOLD A BLIND MARRIAGE

    Author : sosweetcafe

    Chapter : 5

    Pairing : Sehun x Luhan ft. Chanyeol x Baekhyun

    Story : vanilla1127



     

                    รู้สึกตัวอีกครั้งก็ปลอบอีกคนจนหลับไปเสียแล้ว

     

                    ฝ่ามือแกร่งที่กำลังค่อยๆ ลูบเรือนผมนิ่มของคนที่กำลังหลับพริ้มชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางเกง เซฮุนล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ตาคมเบิกกว้างยามจ้องมองรูปของคนที่โทร.เข้ามาที่ปรากฏหราอยู่บนหน้าจอ

     

                    แบคฮยอน

     

                    ร่างสูงผุดลุกจากเตียงกว้างทันทีราวกับได้สติ เหลือบสายตามองร่างบอบบางด้วยสายตาว่างเปล่าและกลับเป็นเย็นชาอีกครั้ง

     

                    เซฮุนผละออกมารับสายคนรักที่ด้านนอกห้องนอน เสียงหวานที่ส่งมาออดอ้อนตามสาย น้ำเสียงที่แสดงออกว่าแสนรักเขาเพียงใดทำเอาจิตใจวูบไหวเหมือนอย่างทุกครั้งที่ได้ยิน เพียงแต่คราวนี้ต่างออกไปเพราะมีบางความรู้สึกที่แทรกซึมเข้ามา

     

                    มันคือความรู้สึกผิดที่เขาเผลอใจอ่อนให้กับเด็กนั่นอีกครั้ง ยิ่งนึกย้อนกลับไปถึงวันที่แบคฮยอนต้องร้องไห้เสียใจจนล้มป่วยไปร่วมอาทิตย์ เพราะรู้ข่าวว่าเขาต้องเข้าพิธีแต่งงานตามความต้องการของครอบครัวก็ยิ่งรู้สึกผิด ดวงตารีที่เคยฉายแววซุกซนมีแต่ความหมองเศร้า กว่าแบคฮยอนจะกลับมายิ้มได้และยอมเข้าใจอย่างทุกวันนี้ เซฮุนก็ต้องปลอบอยู่เป็นนาน

     

                    แบคฮยอนคงไม่นึกยินดีนัก ถ้าหากรู้ว่าเขาเผลอใจอ่อนทำดีกับต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องมีน้ำตา

     

                    เป็นอีกครั้งที่เซฮุนนึกโมโหตัวเองจนแทบบ้า เขาไม่รู้ตัวสักนิดตอนที่รั้งตัวเด็กนั่นมาไว้ในอ้อมกอด ไม่เข้าใจว่าทำไมใจมันถึงกระตุกเพียงแค่เห็นหยาดน้ำตาใสคลออยู่ในตาคู่สวย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกสงสารจับใจเพียงแค่เห็นไหล่เล็กสั่นไหวด้วยแรงสะอื้น ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นคนที่เกลียดแสนเกลียด แต่รู้ตัวอีกครั้งก็เผลอใจอ่อนเอื้อมมือไปกอดปลอบโยนเอาไว้เสียแล้ว

     

                    เซฮุนเกลียดตัวเองที่เผลอหวั่นไหวไปกับตากลมโตคู่นั้น แต่ต่อจากนี้ไป เขาสาบานว่ามันจะไม่มีอีกแล้ว

     

                    หากมีหนทางไหนที่จะทำให้ลู่หานไปจากเขาได้เร็วที่สุด เขาก็พร้อมจะทำ เพื่อที่แบคฮยอนจะได้ไม่ต้องเสียน้ำตาอีกต่อไป และเขาก็จะได้เป็นอิสระเสียที

     

    .

    .

    .

     

                    มันก็เป็นเหมือนฝันดี ที่เพียงข้ามคืนพอตื่นก็หายไป

     

                    ลู่หานจำได้ว่าตัวเองผล็อยหลับไปทั้งน้ำตาในอ้อมกอดแข็งแรงของใครบางคน ความอบอุ่นที่โอบล้อมเอาไว้ทำให้รู้สึกดีจนเหมือนล่องลอยอยู่ในฝัน ลู่หานไม่อยากตื่นจากความฝันนี้ หากแต่อุณหภูมิที่เย็นลงก็ปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนกลางดึก เหลือบมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงก็พบว่าเป็นเวลาเกือบจะตีสองแล้ว แต่พื้นที่ข้างกายกลับมีเพียงความว่างเปล่า ไร้เงาของแผ่นหลังกว้างที่คุ้นตาอย่างทุกที

     

                    ดวงตาฉ่ำหวานกวาดมองไปทั่วบริเวณห้องก็พบเพียงความสงัด ผ้าปูที่นอนในส่วนที่เป็นพื้นที่ของอีกคนยังคงเรียบตึง บ่งบอกให้รู้ว่าคืนนี้โอเซฮุนไม่ได้อยู่ที่นี่

     

                    ลู่หานเม้มปากแน่น ดวงตากลมไม่แสดงความรู้สึกใดๆ คงปฏิเสธไม่ได้ว่ายามที่ถูกโอบกอดไว้ด้วยมือคู่นั้น ในใจมันลิงโลดเหลือเกิน แต่บัดนี้มันกลับเต้นช้าลงจนน่าใจหาย ได้แต่บอกตัวเองให้ทำใจให้ชินกับความเจ็บปวดเสียที แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน

     

                    ร่างบางตัดสินใจลุกออกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำชำระร่างกายเนื่องจากรู้สึกเหนียวตัวก่อนจะกลับมาทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง หากแต่ก็ข่มตาให้หลับได้ยากเหลือเกิน ตากลมจ้องมองสลับกันระหว่างพื้นที่ว่างเปล่าข้างกายกับหน้าปัดนาฬิกาที่บัดนี้เข็มสั้นชี้อยู่ที่เลขสี่แล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววของคนเป็นสามี ลู่หานถอนใจยาว ความรู้สึกดีๆ ที่มีจางหายไปจนไม่เหลือแม้เพียงร่องรอย มือบางไล้มือไปบนหมอนหนุนใบโตที่วางอยู่ข้างกัน ในที่สุดเปลือกตาบางก็ปิดสนิท ยอมพ่ายแพ้กับความง่วงงุน

     

                    นั่นเป็นคืนแรกที่เซฮุนไม่กลับมา

     

    .

    .

    .

                   

                    “เมื่อคืนคุณไปไหนมา”

     

                “แล้วมันธุระกงการอะไรของนาย”

     

                “ผมก็แค่ถามดู”

     

                “ฉันไปค้างที่คอนโดแบคฮยอน อยากรู้อะไรอีกไหม”

     

                “..........”

     

                “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปแต่งตัวซะ วันนี้งานวันเกิดเพื่อนฉัน คุณแม่ท่านโทร.มาสั่งว่าให้ฉันพานายไปด้วย”

     

                    เซฮุนกลับมาถึงในตอนห้าโมงเย็นของอีกวัน ร่างสูงสวมเสื้อผ้าสะอาดตามาพร้อมกับกลิ่นกายหอมฟุ้งที่ปลิวมาแตะจมูกทำให้รู้ว่าคงจัดการตัวเองมาเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันไรก็ออกคำสั่งเผด็จการกับคนตัวเล็กอีกครั้ง และลู่หานก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเหมือนเดิมๆ

               

                    นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ลู่หานต้องมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่ตอนนี้ ใจดวงน้อยห่อเหี่ยว ลู่หานไม่อยากจะไปร่วมงานเลยสักนิด แต่ก็ไม่อยากขัดความประสงค์ของผู้มีพระคุณให้ท่านต้องเคืองขุ่นใจ อีกทั้งแรงกดดันจากสายตาคมดุนั่นก็สะกดให้เขาต้องยอมจำนนแต่โดยดี

                   

                    บรรยากาศภายในรถคันหรูเป็นไปอย่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังอย่างชัดเจน เพราะสองชีวิตที่อยู่ภายในห้องโดยสารเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดจา คนหนึ่งก็เอาแต่จ้องมองไปยังท้องถนน เท้าก็เหยียบคันเร่งจนแทบมิด ส่วนอีกคนก็เอาแต่จ้องมองสรรพสิ่งข้างนอกตัวรถ แม้ภายในใจจะนึกกลัวกับความเร็วที่ทะยานสูงขึ้นแต่ก็เลือกที่จะเม้มปากข่มอาการนั้นไว้ข้างใน

     

                    “นายรออยู่นี่แหละ”

     

                    คนเย็นชาออกคำสั่งหลังจากรถคันงามชะลอความเร็วหยุดลงที่ลานจอดรถของคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกไปอย่างรีบร้อน ไม่ถึงสิบนาทีก็กลับมาพร้อมกับร่างของใครอีกคนที่ลู่หานรู้จักเป็นอย่างดี ร่างสมส่วนเจ้าของดวงตาเรียวที่วันนี้ถูกกรีดด้วยอายไลน์เนอร์สีดำสนิท ผิวขาวที่ตัดกับเสื้อสีดำปาดคอกว้างทำให้แบคฮยอนดูมีเสน่ห์น่าค้นหายิ่งกว่าทุกครั้ง

     

                    “ผมขอนั่งข้างหน้ากับเซฮุนได้ไหมครับ”

     

                    ประตูด้านที่นั่งข้างคนขับถูกเปิดออกอย่างถือวิสาสะ ถึงแม้จะเป็นประโยคคำถามแต่ลู่หานก็รู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ร่างบางเหลียวมองคนเป็นสามีแต่ก็มีเพียงความเฉยชา เซฮุนไม่แม้เพียงแต่จะหันมามอง นั่นทำให้ลู่หานรู้ว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของตัวเอง

     

                    คนตัวเล็กยอมลุกออกมาและย้ายไปนั่งที่เบาะหลังของรถแต่โดยดี ลู่หานยกยิ้มตอบเพื่อรักษามารยาทยามที่แบคฮยอนบิดปากยิ้มให้เขาเสียกว้าง ถึงแม้จะสัมผัสได้ถึงความเย้ยหยันที่แอบแฝงมาก็ตาม

     

                    เสียงพูดคุยกันอย่างหวานซึ้งดังเข้ามากระทบโสตประสาทอยู่ตลอดระยะการเดินทาง ตากลมโตเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นสายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมากระทบกับกระจกใส จากที่เป็นเพียงหยาดละอองในที่สุดก็รวมตัวกันกลายเป็นหยดที่ไหลลู่ลงตามแนวกระจกรถ มันก็เหมือนกับน้ำตาที่กำลังรินไหลอยู่ขณะนี้

     

                    ยามที่รู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ขอบตาก็ได้แต่กลอกตาหลบซ่อนความอ่อนแอนั้นไว้ นิ้วเรียวสวยยกขึ้นปาดหยาดน้ำใสทิ้งไป ฟันซี่เล็กกัดเนื้อในริมฝีปากสะกดกลั้นเสียงสะอื้นที่อาจเล็ดรอด พยายามปิดกั้นการรับรู้จากบรรยากาศรอบกาย แต่ดูเหมือนว่าบยอนแบคฮยอนต้องการจะให้ลู่หานมีส่วนร่วมในบทสนทนาด้วยเสียเหลือเกิน ถึงได้พยายามโยนบทสนทนามาให้

     

                    “ขอโทษด้วยนะครับคุณลู่หาน”

     

                    “ครับ?”

     

                    “เรื่องเมื่อคืนน่ะ ผมขอให้เซฮุนไปค้างกับผมเองแหละ กะว่าจะให้เซฮุนกลับบ้านแต่เช้า แต่พอดีว่าเพลียไปหน่อยก็เลยสายจนได้ คุณคงไม่ว่ากันนะครับ”

     

                    คำพูดที่ส่อเป็นนัยน์นั้น ลู่หานไม่ตอบ เพียงแต่ส่ายหน้าและยกยิ้มให้ผ่านกระจกมองหลัง พยายามจะตัดบทสนทนาเพราะยิ่งพูดก็เหมือนว่าร่างกายจะเสียการควบคุมมากยิ่งขึ้น แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ละความพยายาม ซึ่งลู่หานก็ไม่รู้จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ไปได้อย่างไร ได้แต่พยักหน้าตอบไปตามเรื่องราว

     

                    ระยะทางจนถึงบ้านหลังใหญ่ของตระกูลคิม ถึงแม้จะกินเวลาเพียงสี่สิบนาที แต่ลู่หานรู้สึกราวกับว่าต้องใช้เวลาเป็นหลายสิบชั่วโมงกว่าที่สถานการณ์น่าอึดอัดนั้นมาได้

     

                    ทันทีที่ลงจากรถ แบคฮยอนก็ตรงเข้าคว้าแขนแกร่งมากอดไว้ทันที มือเล็กกรีดไปตามปกเสื้อของคนรักตรวจสอบดูความเรียบร้อยอีกครั้ง ริมฝีปากสีสดเผยยิ้มหวาน ตาเรียวเป็นประกายน่ามอง นิ้วขาวไล้ไปตามสันกรามที่เริ่มมีไรหนวดขึ้นบางๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ริมฝีปากแดงอย่างคนสุขภาพดีของร่างสูง

     

                    “เซฮุนของผมหล่อที่สุดเลย”

     

                    “แบคฮยอนของผมก็น่ารักที่สุดเหมือนกัน” เซฮุนวางฝ่ามือลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกจัดทรงมาอย่างดี ร่างสูงส่งยิ้มให้จนดวงตาคมเป็นขีดโค้งแบบที่ลู่หานไม่เคยได้รับ

     

                    ร่างบางได้แต่เบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลจากที่ตรงนี้แต่ก็ทำไม่ได้ มันทรมานที่ได้แต่ยืนทนถูกยัดเยียดความเจ็บปวดให้แบบนี้ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากทนรับมันเอาไว้ ลู่หานรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงส่วนเกิน...ที่ไม่มีใครต้องการ

     

    .

    .

    .

     

                    งานวันเกิดของคิมจงอินจัดเป็นปาร์ตี้เล็กๆ บริเวณริมสระว่ายน้ำขนาดกลาง ลูกโป่งใบเล็กหลากสีหลายใบประดับอยู่กลางสระ มีโต๊ะสำหรับวางของขวัญและโต๊ะอาหารที่ถูกจัดเป็นแบบบุฟเฟต์ เปิดเพลงคลอเบาๆ เพื่อสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น แขกที่เชิญมาก็มีแต่พวกเพื่อนสมัยเรียนทั้งนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ทั้งเซฮุนและแบคฮยอนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี ร่างสูงเดินยิ้มร่าเข้าไปชนกำปั้นทันทีที่เห็นร่างเจ้าของงาน ส่งของขวัญกล่องเล็กให้พอเป็นพิธี

     

                    ทั้งจงอินและเซฮุนเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย วีรกรรมสำคัญที่จำได้ขึ้นใจคือสมัยปีสี่พวกเขาเคยแข่งกันจีบหนุ่มน้อยหน้าหวานคณะนิเทศศาสตร์กันอยู่หลายเดือน ด้วยบุคลิกที่แตกต่างกันสุดขั้วระหว่างเซฮุนคุณชายแสนเย็นชา ผิดกับจงอินที่เป็นหนุ่มเพลย์บอยคารมคมคาย ในที่สุดเซฮุนก็เป็นฝ่ายได้หัวใจหนุ่มน้อยคนนั้นไปครอบครองซึ่งก็คือแบคฮยอนนั่นเอง

     

                    เซฮุนกับแบคฮยอนมีโอกาสอวยพรวันเกิดเพื่อนรักได้สักพัก ยังไม่ทันได้พูดคุยกันมากมายก็ถูกรายล้อมจากเพื่อนคนอื่นๆ บางคนที่ไม่มีโอกาสได้เจอกันมานานก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งสองคนถูกดึงตัวไปคุยกับคนนั้นทีคนนี้ทีตามประสาคู่รักคนดังของมหาวิทยาลัยที่ใครๆ ต่างก็ให้ความสนใจ

     

                    จงอินปล่อยให้เพื่อนฝูงได้ทักทายกันตามอัธยาศัย ตั้งใจจะปลีกตัวเดินไปหาเครื่องดื่มมาให้เพื่อนสนิท แต่ก็เหลือบสายตาไปเห็นร่างบอบบางที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้อีกฟากของสระว่ายน้ำเสียก่อน จงอินจำได้ว่าเด็กคนนั้นคือเจ้าสาวที่ได้เจอในวันแต่งงานของเพื่อนเขาไม่ผิดแน่ คนผิวเข้มหันไปมองเซฮุนกับแบคฮยอนที่ยังคงถูกล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ด้วยแววตาสงสัย ตัดสินใจเดินอ้อมไปยังอีกฟาก ร่างโปร่งทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ข้างกันนั้น แต่ดูเหมือนคนที่มัวจดจ่ออยู่กับจอสมาร์ทโฟนยังไม่รู้ตัว ถึงได้เอ่ยทักทายออกไปก่อน

     

                    “คุณลู่หาน?”

     

                    “อ่า คุณจงอิน สวัสดีครับ”

     

                    “ผมไม่รู้ว่าคุณก็มาด้วย ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะครับ”

     

                    “ผมแค่มาเป็นเพื่อนคุณเซฮุนน่ะครับ ก็เลยนั่งรออยู่แถวนี้น่าจะดีกว่า...อ้อ สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณจงอิน”

     

                    “ขอบคุณครับ”

     

                    ความเงียบโรยตัวเข้าครอบคลุมพื้นที่ ต่างฝ่ายต่างมองหน้าส่งยิ้มให้กันอย่างประหม่าด้วยความที่ยังไม่รู้จักมักคุ้นกันดี จงอินเกาท้ายทอยเก้อเขินเมื่อเผลอสบเข้ากับนัยน์ตากวางสุกใส เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆ ตัดสินใจเป็นผู้ทำลายความเงียบก่อน

     

                    “เอ่อ คุณลู่หานอยากจะไปทักทายคนอื่นหน่อยไหมครับ มีเพื่อนๆ ผมหลายคนเลยที่อยากรู้จักเจ้าสาวของไอ้เซฮุนกัน”

     

                    ดวงตากลมหม่นแสงลงในทันที รอยยิ้มหวานดูจืดจางลง ลู่หานมองเหม่อไปยังภาพตรงหน้าที่อยู่ไกลออกไป สองร่างที่เคียงข้างกันท่ามกลางกลุ่มคนมากมายดูเหมาะสม มือเล็กที่ยังเกาะเกี่ยวแขนแกร่งไม่ห่างกายทำให้ลู่หานรู้ว่าไม่ควรเดินเข้าไปแทรกกลาง แบคฮยอนคงเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะคนรักของเซฮุน แล้วเขาล่ะ?

     

                    มันคงจะน่าสมเพชไม่น้อย ถ้าหากจะเดินไปแนะนำตัวกับใครต่อใครว่าตัวเองเป็นภรรยาของโอเซฮุน ภรรยาที่แม้แต่หางตาเขาก็ยังไม่แล

     

                    “ผม...ไม่ดีกว่าครับ คุณเซฮุนเขาคงไม่อยาก...อ่า ช่างเถอะครับ เอาเป็นว่าผมขออยู่ตรงนี้ดีกว่า” ลู่หานตอบอึกอักอย่างลำบากใจ

     

                    “งั้นเดี๋ยวผมนั่งเป็นเพื่อนคุณแล้วกันนะครับ”

     

                    “แล้วคุณไม่ต้องไปเทคแคร์เพื่อนๆ เหรอครับ คุณเป็นเจ้าของวันเกิดนะ”

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ดูท่าพวกมันจะคุยกันสนุกจนลืมผมกันแล้วล่ะ”

     

                    จงอินได้แต่นึกอยากตบปากตัวเองที่พูดไม่ทันคิด ไอ้เรื่องคลุมถุงชนเขาเองก็รู้ดีเพราะเพื่อนเขาก็มาปรึกษาอยู่ตลอด

     

                    ยอมรับว่าในตอนแรกที่ได้ยินเซฮุนมาบ่นให้ฟังก็นึกไม่พอใจคนตัวเล็กนี่อยู่เหมือนกัน แอบคิดอคติไปในใจว่าอีกฝ่ายคงอยากจะเป็นสะใภ้ตระกูลโอจนตัวสั่น จนได้พบกับเจ้าของดวงหน้าหวานใสกับแววตาอ่อนโยนที่แฝงความเศร้าสร้อยเอาไว้ในงานแต่งวันนั้นทำเอากลับคำกลับความคิดในทันที แม้มีโอกาสได้พูดคุยกันเพียงสองสามประโยคแต่ก็สัมผัสได้ว่าลู่หานเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง การที่ต้องมาฝืนใจแต่งงานกับเพื่อนเขา ลู่หานเองก็คงลำบากใจไม่แพ้กัน

     

                    เป็นอย่างที่จงอินว่า คนอื่นๆ ต่างก็จับกลุ่มชนแก้วพูดคุยจนลืมเจ้าของวันเกิดไปเสียสนิทและไม่มีใครคิดจะถามหา มันทำให้เขามีเวลามากพอที่จะนั่งชวนคุย หามุขตลกมาเล่าให้ลู่หานอารมณ์ดี ดวงตาใสแจ๋วดูมีประกายความสุขมากขึ้นพอให้ใจชื้น ยิ่งยามปากอิ่มสีเชอร์รี่นั้นยกยิ้มกว้างยิ่งเพิ่มความน่ามองขึ้นอีกเป็นกอง จงอินเผลอชื่นชมในใจ แอบนึกอิจฉาเพื่อนอยู่นิดหน่อยที่ได้ใกล้ชิดกับคนน่ารักแบบลู่หาน ส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเอง มีหวังแบคฮยอนรู้แบบนี้ได้วิ่งมาฉีกอกเขาเป็นแน่ล่ะ

     

                    อาจเพราะเป็นเวลาที่ค่ำแล้วจึงทำให้อุณหภูมิต่ำลง มือน้อยลูบแขนตัวเองให้ความอบอุ่นเพราะสวมเพียงเสื้อเชิ้ตตัวบางเท่านั้น ซึ่งจงอินก็ใจดีพอที่จะสละเสื้อแจ็คเก็ตให้คนตัวเล็กกว่า ร่างบางยิ้มขอบคุณยามที่ชายหนุ่มผิวเข้มยื่นเสื้อมาคลุมให้เสียเสร็จสรรพ อยากจะปฏิเสธว่าไม่เป็นไรแต่ก็ดูจะไม่ทันเสียแล้ว

     

                    อีกทางฟากหนึ่งของสระว่ายน้ำ บยอนแบคฮยอนกำลังแลกเปลี่ยนข่าวสารวงในกับเพื่อนอย่างออกรส ข้างกันเป็นร่างสูงของคนรักที่ยืนโอบเอวเล็กไม่ห่างกาย แต่แบคฮยอนอาจไม่ทันสังเกตเห็นหน่วยตาคมที่ฉายแววแข็งกระด้างยามจับจ้องไปที่มุมหนึ่งของงาน ไวน์สีเข้มในแก้วทรงสูงถูกกระดกรวดเดียวจนหมด

     

                    ทุกอย่างถูกจับจ้องอยู่ในสายตาของโอเซฮุน

                   

                    

    To be contined.



    ไรต์คัมแบคคคคคค =D
    ขอโทษรีดที่ทำให้ต้องรอค่ะ หายไปสองอาทิตย์เลยอ่ะ ยังมีคนรออยู่ไหมน้อ (.__.)
    อาทิตย์ก่อนหน้านั้นไรท์มีสอบไฟนอลและเคลียร์งาน
    ส่วนหลังจากนั้นสารภาพว่าขี้เกียจอีกนิดหน่อยค่ะ
    แต่ตอนนี้ปิดเทอมแล้วว ^O^
    ขอโทษจริงๆ ค่ะ อย่าโกรธกันนะ
    แอบดีใจที่มีคนไปทวงฟิคด้วย ขอบคุณที่ชอบฟิคเรื่องนี้และรอกันนะคะ
    อ่านให้สนุกนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
    จะไม่หายไปนานแล้วนะ ;D



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×