ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {exo} 'Hold a Blind Marriage' - hunhan ft.chanbaek

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 56


    :-Daisy 







     
    Title : HOLD A BLIND MARRIAGE

    Author : sosweetcafe

    Chapter : 2

    Pairing : Sehun x Luhan ft. Chanyeol x Baekhyun

    Story : vanilla1127

     




     

                    เสียงถอนหายใจผะแผ่วดังออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่เจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจ มือขาวใช้ช้อนคนข้าวต้มกุ้งที่ทำเองกับมือจนมันเย็นชืด ทานไปได้เพียงสองสามคำ รู้สึกว่ามันขมคอจนกลืนไม่ลง ตากลมโตจ้องไปทางบันไดวนที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางบ้านหลังโตแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง สุดท้ายก็สั่งให้สาวใช้ยกไปเก็บทั้งในส่วนของตัวเองและของอีกคน ทั้งที่ข้าวต้มในชามยังไม่พร่องลงไปสักนิด
     

                  ร่างบางลุกจากโต๊ะอาหารอย่างอ้อยอิ่ง กะพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาเพราะภาพที่วนเวียนอยู่ในหัว ตัดสินใจจะเดินออกไปสูดอากาศที่ศาลาในสวนของบ้าน หากแต่ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูดี เสียงออดอ้อนเคล้าคลอมากับเสียงหัวเราะนุ่มลึกก็เรียกให้ต้องกลับไปมองอย่างช่วยไม่ได้ มือของแบคฮยอนที่เกี่ยวแขนแกร่งไว้อย่างถือสิทธิ์ หัวทุยซบบนบ่ากว้างออเซาะ ลู่หานเผลอสูดลมหายใจเข้าลึก ระงับความปวดแปลบในอกยามที่สองคนใกล้เข้ามา
     

                    “เสียดายจัง วันนี้ผมมีนัดกับคุณแม่ คงอยู่ทานข้าวกับเซฮุนไม่ได้”
     

                    “แค่แวะมาหาก็ดีใจแล้วล่ะ”
     

                    “ยังไง ถ้าผมกลับถึงบ้านแล้วจะโทรหานะ”
     

                    “ครับผม ขับรถดีๆ นะครับแบคฮยอน ผมเป็นห่วง”
     

                    เซฮุนเอียงแก้มทั้งสองข้างให้คนรักจูบอย่างรู้งาน แบคฮยอนอ้อยอิ่งอยู่พักใหญ่กว่าจะตัดใจยอมกลับไป ไม่ลืมทิ้งสายตาอย่างผู้เหนือกว่าให้กับร่างบางที่ยืนนิ่งราวกับถูกสาป สองคนพรอดรักกันราวกับลู่หานเป็นอากาศธาตุที่ไม่อยู่ในสายตาทั้งที่ห่างกันไม่ถึงสามเมตร
     

                    แว่วเสียงรถยนต์เคลื่อนตัวออกไปแล้ว ลู่หานถึงได้สติว่าเขาเองก็ควรจะไปจากตรงนี้เสียที แต่ก็ติดกำแพงสูงที่มาขวางหน้าเอาไว้ ตากลมช้อนมองใบหน้าอีกคนเรียบนิ่ง เก็บซ่อนความรู้สึกไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร
     

                    “ครับ?”
     

                    “อาหารเช้าล่ะ”
     

                    “อ้อ ผมนึกว่าคุณจะออกไปทานกับคุณแบคฮยอนเสียอีก”
     

                    “อย่ายอกย้อนฉัน ลู่หาน”
     

                    ใบหน้าคมคายเลื่อนเข้าใกล้ ซึ่งลู่หานก็เบี่ยงหน้าหลบ หันไปทางอื่นเพราะไม่อยากจะสบตา

                    “ผมทำข้าวต้มไว้ เดี๋ยวจะให้คนไปอุ่นให้ ขอตัวนะครับ”
     

                    “ไปนั่งกับฉันที่โต๊ะอาหาร”
     

                    ไม่ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ เซฮุนไม่รอฟังให้เสียเวลา ขายาวเปลี่ยนทิศทางเดินไปทางห้องรับประทานอาหาร ลู่หานจึงหันไปสั่งสาวใช้แล้วจำยอมเดินตามมาเพราะไม่อยากโดนคนเอาแต่ใจเขาว่าเข้าให้อีก

                    “จะยืนอยู่อีกนานไหม นั่งสิ”
     

                    เอ่ยสั่งเสียงดุยังไม่พอยังใช้สายตาบังคับอีกทางหนึ่ง คนตัวเล็กถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเพราะสุดจะคาดเดาอารมณ์คนตรงหน้าได้ ก็ท่าทีที่แสดงต่อต้านกันเสียขนาดนี้ ลู่หานก็อยากจะไปให้พ้นสายตา ไม่อยากให้ต้องมารำคาญใจเพราะเขาอีก เดี๋ยวจะพาลกลืนข้าวไม่ลงเสียเปล่าๆ แต่พอครั้นจะไปก็มารั้งให้อยู่ และราวกับร่างสูงจะอ่านใจได้ ถึงได้บอกให้คลายความสงสัย
     

                    “อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้พิศวาสอะไรนายหรอกนะ แค่ไม่ชอบกินข้าวคนเดียว”
     

                    “ผมกลัวคุณเห็นหน้าผมแล้วจะพาลทานข้าวไม่อร่อยมากกว่า”
     

                    “รู้ตัวก็ดี แต่เอาเถอะ วันนี้แบคฮยอนเขาไม่ว่าง ฉันจะเว้นไว้สักวัน”
     

                    ลู่หานหมดคำจะสนทนาในทันที ยิ่งต่อความยาวก็เหมือนยิ่งทำร้ายหัวใจตัวเองให้เจ็บเสียเปล่าๆ ก่อนที่บรรยากาศจะยิ่งแย่ไปกว่าเดิมก็เป็นจังหวะที่สาวใช้เดินยกชามข้าวต้มเข้ามาพอดี
     

                    มือขาวคนข้าวต้มไล่ไอร้อนก่อนจะตักมันเข้าปาก ดูเหมือนว่ารสชาติของมันคงจะทำให้พอใจอยู่ไม่น้อย
     

                    “ทำเองเหรอ”
     

                    “ครับ ไม่ถูกปากคุณเหรอ”
     

                    “ก็อร่อยดี คงเป็นหนึ่งในข้อดีไม่กี่ข้อของนายสินะ”
     

                    ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจกับคำชมที่ได้รับนี้ดี จะชมกันทั้งที พูดให้มันดีๆ ไม่ได้หรือไงกันนะ ลู่หานได้แต่ค่อนขอดอยู่ในใจ บอกกับตัวเองว่าจากนี้ไปคงต้องพยายามปรับตัวและทำใจให้ชินกับความปากร้ายของพี่ชายคนนี้เสียที ตราบใดที่ยังต้องเจอหน้ากันทุกวันแบบนี้  ก็คงต้องได้ยินถ้อยคำร้ายกาจเช่นนี้ไปทุกวัน

                    ร่างบางทำท่าจะลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายกน้ำเปล่าขึ้นดื่มหลังจากทานอิ่มแล้ว อยากจะออกไปเดินเล่นในสวนเต็มที หากได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์เสียบ้างคงทำให้สมองโล่ง แต่เพียงแค่ลุกจากเก้ายังไม่ทันจะทรงตัวดี เท้าเล็กก็ลอยขึ้นเหนือพื้นเพราะถูกอุ้มขึ้นจนต้องร้องเหวอออกมาเพราะตั้งตัวไม่ทัน
     

                    “เสี่ยวลู่!
     

                    เสียงทุ้มที่ดังอยู่ข้างหูลู่หานจำได้ขึ้นใจ ตากลมโตขึ้นด้วยความตื่นเต้น           พลิกตัวกลับไปกอดตอบอย่างไม่ต้องคิด สองแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่งแน่น จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไรในเมื่อเพื่อนสุดที่รัก รักที่สุดที่ไม่ได้เจอกันเกือบห้าปีมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว
     

                    “ชานยอลอา!

                    “เสี่ยวลู่จริงๆ ด้วย ไหนดูหน่อยสิ น่ารักขึ้นเป็นกองเลยนะ เสี่ยวลู่ของฉัน
     

                    ชานยอลจับคนตัวเล็กหมุนไปหมุนมาจนน่าเวียนหัว สุดท้ายก็ดึงเข้ามากอดอีกจนแทบจะจมอก ทอดเสียงลงอ่อนชนิดที่ว่าหากสาวคนไหนมาได้ยินคงเคลิบเคลิ้มไปไม่น้อย ไหนจะสายตาเป็นประกายที่ดูอ่อนโยนเป็นพิเศษคู่นั้นอีก ลู่หานเองก็กอดตอบแน่น กลิ้งเกลือกใบหน้าไปมาบนอกกว้างถ่ายทอดความคิดถึง ถึงแม้จะได้คุยโทรศัพท์ เล่นเฟซไทม์กันบ้างตามสะดวก แต่การได้คุยผ่านแค่กระบอกเสียงกับเห็นภาพเคลื่อนไหวผ่านจอโทรศัพท์มันเทียบไม่ได้เลยกับการได้สัมผัส ได้เห็นสีหน้าแววตาเช่นตอนนี้
     

                    แกร๊ก!’
     

                    ชานยอลและลู่หานกอดกันกลมอยู่อย่างนั้นจนต่างคนคงจะลืมไปว่าไม่ได้ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่นั่งอยู่ตรงนั้น กระทั่งเสียงวางแก้วน้ำกระทบกับโต๊ะกระจกที่ไม่เบา แถมด้วยเสียงเข้มที่ตำหนิติเตียนออกมา ทั้งสองถึงได้ผละออกจากกัน

                    “เจ้าของบ้านนั่งหัวโด่อยู่นี่ ไม่คิดจะทักทายสักหน่อยหรือปาร์คชานยอล เด็กๆ นิสัยยังไง โตขึ้นมาไม่เปลี่ยนเลยนะ ไม่มีมารยาทเหมือนเดิม”

                    “นี่คุณ!

                    คนตัวเล็กขมวดคิ้วแน่น เผลอขึ้นเสียงแล้วคงได้ต่อว่าสวนกลับไป หากชานยอลไม่จับแขนเล็กห้ามไว้เสียก่อน
     

                    “สวัสดีครับ พี่...เอ่อ คุณเซฮุน ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”

                    ร่างสูงยิ้มโชว์ฟันครบสามสิบสองซี่ หูตาแพรวพราว ท่าทางไม่ได้รู้สึกรู้สากับคำบริภาษจนเซฮุนนึกหมั่นไส้ เขาล่ะเกลียดนัก ไอ้ท่าทางร่าเริงจนเกินเหตุของหมอนั่น ปาร์คชานยอล อดีตเพื่อนบ้านพ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทคนดีของลู่หาน สมัยเด็กๆ เดินเข้าออกบ้านเขาบ่อยจนชินตา แรกๆ เขากับมันก็พอจะคุยกันได้บ้าง แต่โตมาหน่อยก็พอจะดูออกว่ามันไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่ แถมยังชอบทำหน้าตากวนประสาทใส่ แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง ใครสนล่ะ ในเมื่อเขาเองก็ไม่ค่อยจะถูกชะตากับมันเหมือนกัน
     

                    มันเป็นความจริงที่เซฮุนไม่ได้อคติคิดไปเอง ชานยอลไม่ชอบขี้หน้าอดีตพี่ชายที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะมาเป็นสามีของเพื่อนรักเขาเสียเท่าไหร่นัก ไอ้ท่าทางชอบวางอำนาจ ขี้เก๊ก หยิ่งยโส และที่ยิ่งไปกว่านั้น ชานยอลไม่ชอบสายตาที่ชอบมองเหมือนข่มขู่เสี่ยวลู่ของเขาอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น ไหนจะยังชอบออกคำสั่ง ทำเหมือนคนตัวเล็กเป็นลูกไก่ในกำมืออีกล่ะ
     

                    “เสี่ยวลู่ เราออกไปข้างนอกกันนะ วันนี้ฉันว่างถึงช่วงบ่าย มีเรื่องอยากคุยกับเสี่ยวลู่เยอะแยะเลย”
     

                    “อ่า ได้สิ งั้นรอเราแต่งตัวแป๊บนึงได้ไหม”
     

                    ลู่หานยิ้มกว้าง ตื่นเต้นดีใจที่จะได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนสนิทหลังจากไม่เจอหน้ากันหลายปี ตั้งแต่กลับมาก็มัวแต่วุ่นวายกับการเตรียมงานแต่งจนไม่มีเวลาว่างออกไปไหนนอกจากเว็ดดิ้งสตูดิโอและแจกการ์ด อีกทั้งกว่าที่ชานยอลจะมีเวลามาพบเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตอนนี้เพื่อนสูงเป็นถึงมือกีต้าร์สุดหล่อของวงดนตรีหน้าใหม่ไฟแรง ตารางงานแน่นจนไม่มีโอกาสได้เจอกันสักที
     

                    แต่มีหรือที่คนชอบวางอำนาจจะยอม

                    “ฉันไม่อนุญาต”
     

                    “เอ๊ะ นี่คุณ!
     

                    อีกครั้งที่ชานยอลต้องปรามคนตัวเล็ก ตากลมตวัดมองด้วยความไม่พอใจอย่างที่ไม่เคยทำ ซึ่งเซฮุนต้องการให้เป็นอย่างนั้น เขาคิดว่านานทีจะได้เห็นลูกแมวเชื่องๆ ขู่ฟ่อเสียบ้างมันก็น่ารักดีเหมือนกัน

                    “เสี่ยวลู่โตแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้คุณอนุญาตเขาก็ไปกับผมได้”

                    “แต่ลู่หานเป็นเมียฉัน คงไม่ค่อยดีมั้ง ใครเขาจะว่าเอาได้ ว่าลูกสะใภ้ตระกูลโอออกไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนอื่นทั้งที่เพิ่งจะแต่งงานไม่ทันข้ามวัน”
     

                    “โอเค ถ้าอย่างนั้นผมขออยู่คุยกับเสี่ยวลู่ที่นี่ คุณคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ”
     

                    ไม่ใช่ว่าเกรงกลัวยอมเชื่อฟังคำสั่งอย่างง่ายดาย แต่เพราะเหตุผลที่ฟังขึ้น ชานยอลก็ยอมที่จะไม่ต่อปากต่อคำ แต่ถ้าหากเป็นความงี่เง่าส่วนบุคคลล่ะก็เขาพร้อมจะฉุดลู่หานหนีออกจากบ้านทุกเมื่อ ก็เวลาได้เห็นโอเซฮุนหัวเสียเพราะไม่ได้ดั่งใจน่ะ มันสนุกจะตายไป

                   

    .

    .

    .

                    เป็นครั้งแรกที่ลู่หานนึกขอบคุณแบคฮยอนที่โทร.มาหาเซฮุน จึงทำให้เขาได้มานั่งอยู่กับชานยอลแบบนี้
     

                    หลังจากชานยอลขออนุญาตพอเป็นพิธีก็ใช่ว่าโอเซฮุนจะยอมเสียเมื่อไหร่ ร่างสูงให้เหตุผลว่าอยากจะใช้เวลาเป็นส่วนตัวกับภรรยาในการไล่ปาร์คชานยอลกลับไป มันคงน่าดีใจหากเป็นจริงอย่างที่เซฮุนพูด แต่ลู่หานก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยสักนิด จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเจอหน้ากันทีไรเซฮุนก็คอยแต่จะทำหน้าเย็นชาหรือไม่ก็เหนื่อยหน่ายใส่เขาอยู่เสมอ มันก็แค่เหตุผลของคนชอบเอาชนะเท่านั้นล่ะ
     

                    ลู่หานพาชานยอลออกมานั่งคุยกันที่ศาลาในสวน หลังจากเซฮุนยอมรามือเพื่อเลี่ยงไปรับโทรศัพท์จากคนรัก ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันพอหอมปากหอมคอ เล่าสู่กันฟังถึงเรื่องราวที่ต่างคนต่างได้เจอเมื่อยามที่ไม่ได้เจอกัน การสื่อสารผ่านโทรศัพท์มันเทียบไม่ได้เลยจริงๆ กับการได้พูดคุยต่อหน้ากัน เสียงหัวเราะสดใสทำให้ชานยอลอดยิ้มตามไม่ได้ อยากจะอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้ แต่เพราะคิวงานที่รัดตัวทำให้ร่างสูงจำใจต้องกลับไปทำงานต่อ ทั้งที่ยังคุยกันไม่หายคิดถึงเลยสักนิด
     

                    “เสร็จงานแล้วจะโทร.หานะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ฉันเป็นห่วง”
     

                    “อื้อ รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะ”
     

                    “เสี่ยวลู่ไล่ฉันอีกแล้ว”
     

                    “เปล่าสักหน่อย ก็นี่มันจะบ่ายโมงอยู่แล้ว เราเป็นห่วงกลัวชานยอลไปทำงานไม่ทัน”
     

                    “โอเคๆ ไปจริงๆ ละ เดี๋ยวโทร.หาน้า~
     

                    “อื้อ ขับรถดีๆ นะ”

                    ร่างเล็กโบกมือให้คนที่นั่งอยู่ในรถเป็นรอบที่สี่เห็นจะได้กว่าเจ้าตัวจะยอมกลับไป ยืนมองส่งจนปาร์คชานยอลขับรถพ้นจากรั้วบ้านไป ลู่หานเดินอมยิ้มกลับเข้าไปในตัวบ้านหลังจากใช้เวลานั่งเล่นอยู่ในสวนอยู่สามชั่วโมงเต็ม ตั้งใจไว้ว่าจะขึ้นไปหาหนังสืออ่านที่ห้องนั่งเล่น เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีหนังสือหลายเล่มที่คุณป้าแนะนำให้อ่านและเขาก็สนใจ แต่ก็ยังไม่มีเวลาว่างพอที่จะอ่านเสียที
     

                    หากแต่เพียงยังไม่ทันได้เข้าบ้าน โอเซฮุนก็มายืนกอดอกพิงประตูพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงหน้า ลู่หานลอบถอนหายใจแผ่วเบา รู้สึกได้ถึงคลื่นอารมณ์ที่ไม่ปกติของคนเป็นสามี หรือที่จริงต้องบอกว่าโอเซฮุนไม่เคยมีอารมณ์อยู่ในช่วงปกติเวลาพบหน้าเขาถึงจะถูก ลู่หานก็ไม่รู้ว่าจะโกรธเคืองอะไรกันนักหนา
     

                    “นี่น่ะเหรอคนดีของคุณแม่ แต่งงานยังไม่ทันข้ามวันก็พาผู้ชายเข้าบ้านซะละ”
     

                    อีกครั้งที่เซฮุนใช้ถ้อยคำร้ายกาจทำร้ายจิตใจกัน ลู่หานตวัดสายตามองสุดท้ายก็เบือนหน้าหนีและทำท่าจะเดินเลี่ยงไปเพราะไม่อยากจะต่อปากต่อคำด้วย แต่แรงดึงที่แขนก็รั้งให้ต้องหยุดไว้ ร่างบางกลอกตามองเพดานก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับคนใจร้าย
     

                    “อย่าเดินหนีฉัน ไม่รู้หรือไงว่าไม่ชอบ”
     

                    “ผมรู้ แต่ผมไม่อยากได้ยินเรื่องที่คุณพูด”
     

                    “ทำไม รับความจริงไม่ได้หรือไง”
     

                    ลู่หานถอนหายใจอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย เหนื่อยใจที่จะพูดกับคนชอบหาเรื่องเต็มที ในเมื่อพูดไปเซฮุนก็ไม่เคยคิดจะฟัง

                    “ผมกับชานยอลบริสุทธิ์ใจต่อกัน แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมเองก็ไม่มีอะไรจะพูด”

                    “ไม่มีอะไรจะพูดหรือแก้ตัวไม่ได้กันแน่ จะทำอะไรก็อย่าลืมสิว่านายยังถือทะเบียนสมรสเป็นเมียฉันอยู่”

                    “ก็แล้วทีคุณกับคุณแบคฮยอนล่ะ คุณคิดบ้างหรือเปล่าว่าถือทะเบียนสมรสเป็นสามีผมอยู่!
     

                    “เดี๋ยวนี้กล้ายอกย้อนฉันเหรอลู่หาน!
     

                    เซฮุนใช้สองมือดึงลู่หานเข้าหาตัว มือแกร่งบีบต้นแขนเล็กแน่น นัยน์ตาดุจ้องลึกลงไปในตากลมราวกับจะขู่ให้กวางน้อยตัวนี้หวาดกลัว เซฮุนไม่ชอบใจที่คนตัวเล็กนี่กล้าเถียงเขา ไม่ชอบที่ลู่หานกำลังกล้าขัดใจเขาอย่างตอนนี้

                    “ผมพูดความจริง หรือมีตรงไหนที่มันไม่จริงคุณก็พูดมาสิ”
     

                    “ใช่! แบคฮยอนเป็นแฟนฉัน ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ แต่นายไม่มีสิทธิ์! จำเอาไว้ลู่หาน”

                    “คนใจร้าย คุณมันไม่มีเหตุผล!

                    “ทำไม ทนไม่ได้หรือไง ถ้าทนไม่ได้ก็หย่าสิ!
     

                    น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป ร่างบางรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีดึงตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายแล้วรีบวิ่งออกไปให้เร็วที่สุด โดยที่เซฮุนไม่ทันแม้แต่จะรั้งไว้ สองขาเล็กพาตัวเองขึ้นบันไดกลับมาสู่ห้องนอน ทันทีที่ปิดประตูล็อกกลอนแน่นหนา ลู่หานก็ทิ้งตัวเองลงบนเตียง ปล่อยสะอื้นออกมากับหมอนใบเดียวกันกับที่รองรับหยดน้ำตาของเขาเมื่อคืน

                    “ฮึก...พี่คิดแค่นี้ใช่ไหม พี่เซฮุน”


    To be continue.


     

    เซฮุนร้ายเนาะ
    อ่านให้สนุกนะคะ
    เจอกันตอนหน้าค่ะ ^^


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×