ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ & SNSD]My Kyuhyun พรรักประการเดียว

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 คามอ่อนแอ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 1 ส.ค. 53







                    8

    ความอ่อนแอ

     

     

     

    ยูริเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงโซลในวันต่อมา เป็นอย่างที่คิด การกลับมาบ้านครั้งนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ทั้งเรื่องงานและความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่ มิหนำซ้ำยังเพิ่มเรื่องวุ่นวายใจมาอีก ก็ใบหน้าเจ้าเล่ห์ขี้เล่นยังไม่หายไปจากหัวสมองของเธอซักที ไม่ว่าจะสะบัด โขก หรือทึ้งยังไงก็ตาม

    “แม่จ๋า ฉันกลับละนะ” นักเขียนสาวหิ้วกระเป๋าไว้หน้าขา ยืนมองแม่ที่วุ่นวายอยู่กับปลาเล็กปลาน้อย แม่ทำเหมือนไม่สนใจคำพูดเหล่านั้นเลยซักนิด เธอยังคงจัดเรียงปลาให้ได้รับแดดอย่างทั่วถึง ยูริถอนหายใจหนักๆ อีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากบ้าน ตรงไปยังสถานีรถโดยสารทันที

    “ตั๋วรถเข้ากรุงโซลหมดแล้วค่ะ พอดีวันนี้มีรถทัวร์เสีย ทัวร์กรุ๊ปนั้นเลยเหมาไปหมดเลย เที่ยวสุดท้ายแล้วด้วย” พนักงานสาวตอบ เธอยิ้มน้อยๆ อย่างรู้สึกผิด

    “อ้าว...หรอคะ”

    ยูริหอบกระเป๋าเดินออกมาจากชานชาลา จะทำยังไงล่ะคราวนี้ จะให้กลับไปบ้านอีกรอบมีหวังงานเธอไม่ทันเสร็จส่งแน่ๆ หญิงสาวเดินออกมาทั้งที่ยังคิดไม่ตก และต้องสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงแตรรถดังขึ้นยาวข้างตัว

    โจว คยู...

    ดาราหนุ่มเปิดประตูรถลงมา คยูฮยอนสวมหมวกและแว่นตากันแดดปกปิดใบหน้ามิดชิด แต่มีหรือที่ยูริจะจำไม่ได้

    “จะกลับโซลหรอดาวตก”

    แต่แทนที่จะเป็นคำตอบ หญิงสาวกลับย่นจมูกแล้วเชิดใส่ ภาพชายหนุ่มระริกระรี้กับหญิงสาวสุดเซ็กซี่ริมหาดยังคงติดตาเธอ

    “เฮ้! ฉันถามทำไมไม่ตอบ” ชายหนุ่มเดินมาดักหน้าเธอไว้

    “ไม่เกี่ยวกับนาย”

    “กลับด้วยกัน” คยูฮยอนไม่สนใจคำพูดของเธอซักนิด เขาหยิบยกมือเล็กแล้วทำท่าจะลากขึ้นรถ แต่แรงน้อยๆ นั่นยังขัดขืนไว้

    “ใครจะไปกับนายกัน” ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ตอนนี้ในอกเธอกลับเต้นแรงอย่างทุกครั้งที่เธอเจอเขา

    “เธออยากทำให้ฉันเป็นข่าวหรือไง...ฉันทำได้นะ” ว่าแล้วก็ทำท่าจะตะโกนออกมา แม้ไม่รู้ว่าเขาจะพูดว่าไง แต่ยูริก็ยังไม่อยากเห็นความกล้าบ้าบิ่นของเขา อีกอย่างเธอก็ได้มีรถกลับโซลฟรีๆ ไปกับเขาก็คงไม่เสียหายอะไรมากนัก ยูริจึงยอมขึ้นรถมินิคูเปอร์ของเขาแต่โดยดี

     


    ตั้งแต่รถออกมาจากสถานีรถโดยสาร ยูริก็ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร มีเพียงชายหนุ่มที่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี

    ยูริตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรถจอดสนิท คยูฮยอนดับเครื่องแล้วเปิดประตูลงจากรถ ส่วนยูริก็นั่งขยี้ตาแล้วพยายามมองออกไปนอกรถ ที่นี่แปลกตา...ไม่เหมือนกรุงโซลเลยซักนิด

    “ลงมาสิยัยบื้อ!” ชายหนุ่มเดินกลับมาเคาะกระจกฝั่งยูริ ก่อนจะเดินนำหน้าไป

    ภาพตรงหน้าคือรั้วต้นไม้หนาทึบจนไม่เห็นด้านใน ประตูซี่ไม้สีขาวเปิดแย้มไว้ เมื่อผลักประตูเข้าไปก็เห็นทางเดินปูด้วยหิน สองข้างมีแนวต้นไม้เล็กๆ กั้นระหว่างสนามหญ้ากับทางเดิน คยูฮยอนเดินนำหญิงสาวไปจนถึงบ้านไม้สีขาวหลังเล็กสไตล์ยุโรป มีบันไดสองสามขั้นขึ้นไปยังชานหน้าบ้าน บริเวณนี้ค่อนข้างกว้างประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกเก๋ไก๋

    ยูริไม่คิดว่าสถานที่แบบนี้จะมีอยู่จริงด้วยซ้ำ มันดูเหมือนบ้านในนิทานยังไงอย่างนั้น

    คยูฮยอนเปิดประตูเข้าไป ไม่ใช่แค่ภายนอกเท่านั้นที่ดูดี ไฟสีเหลืองนวลส่งให้ดูอบอุ่น ภายในบ้านเล็กหลังนี้ตกแต่งได้อย่างน่ารักลงตัว ชายหนุ่มนำยูริไปยังมุมหนึ่งข้างเตาผิง มันสูงต่างระดับจากพื้นเล็กน้อย มีชั้นสีน้ำตาลอ่อนที่เต็มแน่นไปด้วยหนังสือตั้งอยู่บนนั้น ด้านหน้าเป็นโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กๆ และเบาะรองนั่งสีแดงเข้มตัดกับพื้นไม้ มุมนี้มีหน้าต่างเปิดรับลมจากภายนอก จึงดูเงียบสงบและเหมาะกับการอ่านหนังสือ

    ยูริสำรวจบ้านด้วยความชื่นชม ถ้ายุนอาได้มาที่นี่คงต้องขอเจ้าของบ้านถ่ายลงนิตยสารแน่ๆ

                    ตอนนี้คยูฮยอนกำลังดึงอะไรซักอย่างที่ดูเหมือนหีบโบราณสีน้ำตาล เขาค่อยๆ เปิดมันอย่างระมัดระวังแล้วหยิบหนังสือออกมา จะเรียกว่าหนังสือก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะมันดูเหมือนกระดาษที่เอามาเย็บเป็นเล่มซะมากกว่า

                    “เอาไปอ่านดู” นักเขียนสาวเอียงคอประหลาดใจ แต่หารู้ไม่ว่าท่าทางของเธอกำลังทำให้ชายตรงหน้าประหลาดใจยิ่งกว่า เขากำลังประหลาดใจกับความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ ความรู้สึกอยากจะคว้าเธอมาจูบหนักๆ บนพวงแก้มชมพูนั้นเกิดขึ้นกับเขาตอนนี้ แต่ก็ไม่รู้ทำไมอีกเหมือนกันที่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะทำอย่างนั้น เขาคงไม่ได้กลัวว่าจะโดนดีดหน้าผากเหมือนครั้งก่อน...ใช่มั้ย

    “รับไปก่อนเหอะน่า” คยูฮยอนควบคุมน้ำเสียงและสีหน้าให้นิ่งที่สุด อย่างที่เขามักจะทำตอนแสดงละคร

                    ยูริรับมันมาอย่างลังเล ก่อนจะค่อยๆ เปิดดูว่ามันคืออะไร พร้อมกับมือหนาที่เอื้อมไปหยิบพวงแก้มระเรื่อนั้นเบาๆ และวางมือค้างไว้อย่างนั้น ชายหนุ่มนึกขำในใจบอกไม่ถูก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเคยควงผู้หญิงมากหน้าหลายตา ได้รับฉายาเป็นถึงคาสโนว่า แต่พอมาเจอผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ เพียงแค่แววตาใสซื่อนั้นก็ทำให้เขารู้สึกอย่างที่ไม่เคยรู้สึก

                    หญิงสาวเบิกตาขึ้นสบตาเขา แปลกใจกับการกระทำของเขา

                    “บทละคร...มันอาจจะช่วยเธอได้” พูดจบก็เดินลงไปที่โซฟาหน้าเตาผิงเพื่อสงบสติอารมณ์ ทิ้งไว้เพียงความประหลาดใจของยูริ อยู่ๆ ผู้ชายเจ้าเล่ห์เชื่อไม่ได้คนหนึ่งก็ยื่นมือมาช่วยเหลือในสิ่งที่เธอคิดไม่ถึง แถมยังทำอะไรแปลกๆ ที่ทำให้ใจเต้นรัวแทบหลุดจากอกอีกต่างหาก

                    และยูริเองก็ไม่ใจร้ายถึงขั้นเมินเฉยความช่วยเหลือนี้ หญิงสาวนั่งลงบนเบาะสีแดง เปิดดูบทละครต่างๆ ในมือ มันคงจะช่วยได้ไม่มากก็น้อยล่ะน่า

                    “กลับมาแล้วหรอคะพี่ หนูเพิ่งเตรียมมื้อเย็นเสร็จพอดี” เสียงใสๆ นั้นเรียกความสนใจของยูริ เด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งออกมาจากอีกด้านของเตาผิงพร้อมกับผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาอีกคน จะแปลกไปก็ตรงที่เด็กสาวคนนั้นนั่งอยู่บนรถเข็นที่หนุ่มหล่อเข็นออกมา
                    “เป็นไงเรา พี่ไม่อยู่ดื้อหรือเปล่า หืม?” คยูฮยอนลุกจากโซฟาไปนั่งยองๆ ตรงหน้าเด็กสาว มือหนายกขึ้นลูบหัวเธออย่างทะนุถนอมเอ็นดู

                    “อย่างหนูน่ะหรอดื้อ” เสียงใสตอบพร้อมยิ้มหวาน

                    การโต้ตอบของสองพี่น้องอยู่ในสายตาของยูริ ที่ตอนนี้เบิกกว้างอย่างประหลาดใจ ตั้งแต่เป็นแฟนคลับมาไม่เคยได้ยินว่าดาราหนุ่มมีน้องสาว ตั้งแต่ไม่รู้จักพูดคุย เหมือนคยูฮยอนจะทำให้เธอประหลาดใจได้แทบจะทุกวินาที เดี๋ยวก็เจ้าเล่ห์ เจ้าชู้ กะล่อนลื่นไหล บ้ากาม เดี๋ยวก็อ่อนโยนอ่อนหวานจนน่าหลงใหล จนอดคิดไม่ได้ว่านี่จะเป็นความสามารถพิเศษของนักแสดงกันหรือยังไง แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยสำหรับเธอคือ ทุกบทบาทอาการของคยูฮยอนทำให้เธอใจเต้นแรงได้ง่ายๆ ทุกครั้ง

                    ทักทายกันได้ซักพัก คยูฮยอนและหนุ่มหล่ออีกคนก็เดินออกไปหน้าบ้าน ข้างในจึงเหลือเพียงยูริและเด็กสาวน่ารัก เธอบังคับให้รถเข็นมาหยุดอยู่หน้าเตาผิงแล้วค้อมหัวน้อยๆ ให้ยูริ

                    “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซอฮยอน เป็นน้องสาวของพี่คยูฮยอนน่ะค่ะ ส่วนเมื่อกี้ก็พี่ซีวอน ลูกพี่ลูกน้องของเรา” ทุกสิ่งยิ่งน่าแปลกใจเข้าไปอีก เมื่อเธอเห็นว่าซอฮยอนและคยูฮยอนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

                    “สวัสดีจ๊ะ พี่ชื่อยูริ”

                    “คือ...พี่ยูริเป็นคนรักของพี่หรอคะ” เด็กสาวถามใสซื่อ

                    “เอ่อ..เปล่าจ้ะ คือเพื่อนร่วมงานเฉยๆ”

                    “อ่าว งั้นหรอกหรอ นึกว่าเป็นคนรักของพี่ซะอีก ทุกทีไม่เคยเห็นพาใครมาที่นี่” ซอฮยอนดูเหมือนจะผิดหวัง

                    น่าแปลกที่คำพูดของซอฮยอนทำให้ยูริใจเต้นได้ขนาดนี้ หญิงสาวพยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดกลับมาที่บทละครตรงหน้าให้มากที่สุด คิดซะว่าถ้าเธอเขียนบทไม่เสร็จ เขาก็คงไม่ได้เริ่มงาน นั่นต่างหากคือเหตุผลที่เธอได้มาที่นี่

    &&&&&&&&&&&&&&&&&&


                    “ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้นายพาคู่ควงกลับมาบ้านด้วย” ซีวอนเริ่มคำถามเมื่อตอนนี้มีเพียงเขาและคยูฮยอนอยู่ที่ชานหน้าบ้าน

                    “ไม่ใช่คู่ควงหรอก พามาเพราะเรื่องงานเฉยๆ” คนเป็นน้องตอบ เขาได้ข่าวจากเยซองเรื่องบทละครที่ยังคงไม่ได้เปิดกล้องถ่ายทำ

                    “นึกว่าคาสโนว่าจะมีความรักจริงๆ กับเค้าแล้วซะอีก” ซีวอนพูดด้วยรอยยิ้มเยาะ น่าแปลกใจทีเดียวเมื่ออยู่ๆ น้องชายจอมเจ้าชู้จะใส่ใจกับใครซักคนนอกจากซอฮยอน

                    “หึ! ผมไม่อ่อนแอขนาดนั้นหรอกน่า” ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยเห็นว่าความรักจะเป็นเรื่องสำคัญอะไร ตรงกันข้ามมันกลับเป็นความอ่อนแอสำหรับเขา ความรักของแม่เป็นแบบอย่างความอ่อนแอได้เป็นอย่างดี ความอ่อนแอที่ส่งผลกระทบถึงซอฮยอนจนถึงทุกวันนี้

                    “อ้อ! ขอบคุณนะชายเชวที่รับไปซูยอนคืนนั้น” คยูฮยอนพูดถึงคืนที่เจสสิก้าฝากของที่ระลึกไว้เต็มกกหูของซีวอน ชายหนุ่มผู้โชคร้ายถึงกับส่ายหน้าช้าๆ

                    “ว่าแต่เธอเป็นอะไร ทำไมถึงได้ดื่มหนักขนาดนั้น”

                    “ไม่รู้สิ ปกติก็ไม่เห็นว่าจะดื่มหนักเลยนะ ออกจะคอแข็งซะด้วยซ้ำ” คนเป็นน้องตอบอย่างจนปัญญา “กินข้าวเหอะพี่ หิวจะแย่แล้ว” ว่าแล้วก็คว้าคอพี่ชายเดินกลับเข้าบ้าน

    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&


                    ท้ายที่สุดยูริก็ต้องกลับเข้าตัวเมืองพร้อมกับซีวอนแทนที่จะเป็นคยูฮยอน เพราะตอนที่นั่งรถกลับมากับคยูฮยอนเธอหลับมาตลอดทาง จึงไม่รู้เลยว่าบ้านหลังเล็กน่ารักหลังนั้นตั้งอยู่ชานเมืองเลยทีเดียว

    “ได้ยินว่าคุณทำงานกับคยูฮยอน แต่ทำไมผมไม่คุ้นหน้าคุณเลยล่ะครับ” ชายหนุ่มถามหลังจากที่ออกรถมาได้ไม่นาน เห็นท่าทางยิ้มแย้มของเขาแล้วทำให้ยูริรู้สึกว่าซีวอนเป็นผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง อย่างน้อยๆ ก็น่าจะมีมากกว่าคยูฮยอนสิน่า

    “อ๋อ...ค่ะ คือฉันเป็นคนเขียนบทละครเรื่องต่อไปที่เขาจะร่วมแสดงน่ะค่ะ”

    “แปลกนะครับ ปกติคยูฮยอนไม่ค่อยพาใครมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ” เมื่อถามกับน้องชายตรงๆ ไม่ได้ ก็ต้องตะล่อมถามเจ้าตัวมันนี่แหละ

    “เอ่อ...คือ...” ยูริอ้ำอึ้ง อย่าว่าแต่ซีวอนเลย เธอเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาพาเธอมาที่นี่ทำไม ถ้าแค่ต้องการจะให้บทละครเขาก็เอาไปฝากเยซองไว้ก็ได้ไม่ใช่หรือ

    ท่าทางเก้ๆ กังๆ ของหญิงสาวทำให้ซีวอนถึงกับต้องเหลียวมามอง จะว่าไปก็อดนึกแปลกใจไม่ได้ นักเขียนบทละครที่ว่าไม่ได้มีลักษณะบุคลิกตรงสเป๊กน้องชายของเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความสง่า เซ็กซี่ หรือเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดนั้นไม่สามารถมองหาได้จากเธอคนนี้  ผิดจากคู่ควงที่ผ่านๆ มาถนัดตา ผู้หญิงคนนี้มีเพียงความน่ารักธรรมดาๆ เท่านั้น ที่โดดเด่นสะดุดตาก็เห็นจะเป็นดวงตาสุกใสคู่กลม ที่ใสซื่อไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อยก็ไม่ปาน

    บางทีที่คยูฮยอนอาจจะพาเธอมาที่บ้านเพราะเรื่องงานแค่นั้นจริงๆ ก็ได้

    “เป็นไงบ้างครับ ซอฮยอนน้องสาวของเรา” เมื่อเห็นถึงความอึดอัดของยูริ สารถีหนุ่มจึงเปลี่ยนเรื่องคุย

    “เธอน่ารักดีนะคะ น่ารักมากเลยล่ะ” แววตาของยูริประกายวาบเมื่อพูดถึงซอฮยอน เธอประทับใจในความน่ารักอัธยาศัยดีของเด็กสาว

    “ครับ ผมกับคยูฮยอนรักเธอเอามากๆ...” เสียงของซีวอนขาดหาย ยูริหันทางคนขับอย่างแปลกใจ ดวงตาเหยี่ยวคมของชายหนุ่มกำลังจับจ้องอะไรบางอย่างบนถนน เมื่อมองตามก็เห็นหญิงสาวผมบลอนด์สวมแว่นตากันแดดคนหนึ่ง ยูริจำได้ดีว่าเธอคนนั้นคือ เจสสิก้า ดาราสาวคนสนิทของโจว คยูฮยอน (ตามที่เป็นข่าว) เธอกำลังเดินโดยมีชายหนุ่มบึกบึนในชุดสูทพร้อมกับแว่นตาดำสนิทล้อมหน้าล้อมหลังอยู่สองสามคน ร่างบางในวงล้อมเล็กๆ ก้าวเท้าขึ้นไปบนรถเมอร์ซิเดซสีดำมันปลาบ ก่อนที่รถจะค่อยๆ ขับเคลื่อนและหายลับไปกับรถบนถนน

    “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

    “เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ ใช่ที่นี่หรือเปล่าครับ” ซีวอนละสายตาแล้วตบไฟเลี้ยวเพื่อจอดหน้าคอนโดมีเนียม

    “ค่ะ..ที่นี่ล่ะ” ยูริตอบก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถโดยไม่ลืมกล่าวขอบคุณ

    หลังจากที่รถยุโรปคันหรูของซีวอนแล่นออกไปไม่นาน เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายก็ดังขึ้นเรียกความสนใจ

    “ค่ะ คุณเยซอง” มือเรียวเปิดฝาโทรศัพท์สีชมพู จำได้ว่ายังไม่ถึงวันนัดที่จะเจอกันเพื่อส่งรายงานนี่นา

    ผมคงไม่ได้โทรมาดึกเกินไปใช่มั้ยครับเสียงแหบเข้มลอดมาตามสาย น้ำเสียงฟังดูสบายๆ ทำให้ยูริเบาใจ

    “ไม่หรอกค่ะ ฉันยังกลับไม่ถึงบ้านด้วยซ้ำ คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ” นักเขียนสาวคุยไปพลางเดินกลับเข้าที่พัก

    ผมอยากจะชวนคุณไปงานแถลงเปิดตัวละครของบริษัทเราน่ะครับแม้จะไม่ได้เกี่ยวกับงานที่เธอกำลังเคร่งเครียด แต่สิ่งที่เพิ่งได้รับรู้เพิ่มก็ไม่ได้น่าจรรโลงใจซักเท่าไหร่ และยูริเองก็ไม่เห็นความสำคัญที่เธอจะต้องไปเลย

    “เอ่อ...”

    คุณจะได้รู้จักคนมากขึ้นไงครับ ทั้งนักเขียนบทละครแล้วก็พวกนักแสดง เผื่อจะมีไอเดียดีๆ ก็ได้นะครับ

    “เอางั้นหรอคะ” เสียงของยูริฟังดูลังเลอยู่ไม่น้อย แค่คิดว่าจะต้องเตรียมตัวออกงานที่เต็มไปด้วยสื่อมวลชนและเหล่าคนดังเธอก็ตั้งตัวไม่ทันแล้ว

    เอางั้นแหละครับเยซองตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว แค่ได้ยินเสียงหญิงสาวก็พอจะคาดเดาได้ว่าบอสชั่วคราวของเธอกำลังยิ้มตาหยีด้วยความพอใจ

     


    และมันก็ยุ่งยากอย่างที่คิด ไม่ว่าจะขุดชุดไหนออกมาจากตู้เสื้อผ้า ก็ไม่สมดั่งใจนักเขียนสาวเลยซักชุด จนแล้วจนรอดยุนอาก็ต้องเป็นคนอลหม่านวุ่นวาย เพื่อนรักกำลังจัดชุดกระโปรงสีขาวให้เข้าที่เข้าทางกับทรวดทรงได้สัดส่วน

    “อย่าทำตัวเปิ่นจนได้เรื่องอีกล่ะ” ช่างแต่งตัวจำเป็นเตือนทั้งที่ยังจัดแต่งทรงผมให้เข้ารูป “ว่าแต่ละครเรื่องอะไรหรอ”

    “นั่นสิ ฉันก็ลืมถาม มัวแต่กังวลจนไม่ทันได้ถาม” ยูริพึมพำคิ้วมุ่น สายตาจับจ้องโบผูกผมสีฟ้าอ่อนจากกระจกที่ยุนอาบอกว่าช่วยให้ดูมีสีสันไม่จืดชืด

    “ไปถึงแล้วก็รู้เองแหละ” ยุนอาเลิกคิ้วพร้อมปัดมือแสดงว่าการแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์จากเยซองที่กำลังรอรับอยู่หน้าคอนโดฯ ดังขึ้น

    “จำไว้นะ อย่าซุ่มซ่าม!

    อย่าซุ่มซ่าม จะเป็นไปได้ยังไงกันในเมื่อความซุ่มซ่ามที่ว่ามันแทบจะซึมซับอยู่ทุกอณูเม็ดเลือดของยูริ ก็เธอเป็นคนซุ่มซ่ามมาแต่เด็ก ห้ามกันตอนนี้ก็ออกจะยากอยู่ซักหน่อย

     


    ทันทีที่ถึงงานแสงแฟลชก็ส่องวูบวาบพร้อมกับเสียงชัตเตอร์ที่ดังทั่วทั้งงาน คงเพราะเยซองเป็นถึงหนึ่งในผู้บริหาร การควงหญิงสาวสวยออกงานจึงเป็นที่น่าจับตามองเป็นปกติธรรมดา ผู้บริหารหนุ่มดึงแขนเรียวมาให้เดินใกล้ๆ เข้าสู่ห้องแถลง เหล่าสื่อมวลชนพร้อมเพรียงด้วยเครื่องอัดเสียง กล้อง และโน๊ตบุ๊ค นั่งอยู่ซีกหนึ่ง ส่วนอีกซีกเป็นกลุ่มผู้จัดและผู้สนับสนุน

    ยูริไล่สายตาสำรวจทั่วงานจนกระทั่งไปจบบนเวที โปสเตอร์ละครผืนใหญ่จัดเป็นฉากอยู่บนนั้น ทันทีที่เห็นนักแสดงหญิงสาวก็ต้องแปลกใจ เพราะพระเอกของละครเรื่องนี้คือ โจว คยูฮยอน

    ภาพในโปสเตอร์ที่ถูกถ่ายจากด้านข้างปรับแต่งให้ดูคลาสสิก ชายหนุ่มที่กำลังทอดมองหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยสายตานึกรัก จมูกโด่งคมแตะอยู่บนปลายจมูกรั้นของผู้หญิงในนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนยูริคงจะปลื้มและบิดม้วนเขินอยู่หน้าโปสเตอร์ไปแล้ว หากทว่าตอนนี้กลับแตกต่าง ใบหน้าของคยูฮยอนกลับเข้ามาฉายชัดในความคิด มือหนาที่แตะลงบนแก้มของเธออย่างบางเบาทำเอาใจเธอเต้นรัวทุกครั้งที่นึกถึง

    “คุณยูริครับ”

    “คะ” เสียงของเยซองปลุกเธอจากภวังค์ตอนนี้คนเยอะกว่าตอนที่เธอเพิ่งเข้ามามาก

    “รู้มั้ยครับว่าละครเรื่องนี้ผู้กำกับเป็นผู้หญิง”

    “หรอคะ เธอคงเก่งมากสิคะ เท่จังเลย” ใบหน้ากลมเกลี้ยงยิ้มแป้น สิ้นเสียงได้ไม่นาน พิธีกรก็เริ่มงานตามกำหนดการ เหล่านักแสดงและผู้กำกับขึ้นไปยังเวที และแน่นอนว่าคยูฮยอนก็อยู่บนนั้นเช่นกัน เขาสวมชุดเสื้อเชิ้ตและกางแกงขายาวสีขาวบริสุทธิ์ สวมทับด้วยเสื้อสูทสีฟ้าอ่อนดูสะอาดตา

    แต่คนที่สะดุดตายิ่งกว่ากลับเป็นหญิงสาวร่างเล็กอีกคนหนึ่ง ยูริจำได้ว่าเคยเจอเธอคนนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ผู้หญิงที่เคยนั่งคุยเล่นร่าเริงกับคยูฮยอนบนชายหาด วันนี้เธอไม่ได้สวมเสื้อกล้ามตัวจิ๋ว แต่กลับเป็นเสื้อสูทเข้ารูปดูดีสีน้ำเงินเข้มส่งให้บุคลิกดูเท่ห์แตกต่างจากสาวริมหาดในวันนั้นอย่างสิ้นเชิง

    “นั่นคิม แทยอน ผู้กำกับที่ผมบอกครับ...น้องสาวผมเอง” คำหลังยิ่งทำให้อึ้งเข้าไปใหญ่ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่แต่งตัวลำลองได้เซ็กซี่ขนาดนั้นเป็นถึงผู้กำกับละครเชียวหรือนี่

    นักเขียนสาวใช้เวลาตลอดงานแถลงจับจ้องบุคลิกที่ดึงดูดของแทยอน ร่างเล็กที่ดูมั่นใจและร่าเริงได้ในเวลาเดียวกันทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากเลยทีเดียว แล้วยิ่งเสน่ห์ที่ว่านั้นได้ยืนเคียงข้างดาราหนุ่มที่เหมือนจะส่องประกายออร่าอยู่ตลอดเวลาอย่างคยูฮยอนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้พวกเขาดูโดนเด่นเข้าไปอีก ราวกับมีเพียงสองคนเท่านั้นที่ยืนอยู่บนเวทีก็ว่าได้

    คิดถึงตรงนี้ความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้นกับยูริ เหมือนจะน้อยใจก็ไม่ใช่ หมั่นไส้ก็ไม่เชิง ก็จะให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไรในเมื่อเธอกับดาราหนุ่มก็ไม่ได้เป็นอะไรกันซักนิด จะมีก็แต่ความหวั่นไหวกับใจที่เต้นแรง...ก็เท่านั้น

    ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หญิงสาวยืนจ้องมองคนสองคนบนเวที รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เยซองสะกิดข้อศอกของเธอเบาๆเสียงปรบมืออื้ออึงซาลงเมื่อเหล่าดาราและผู้กำกับสาวก้าวเท้าลงจากเวที เหล่านักข่าวและสื่อมวลชนก็กรูกันเข้าไปสัมภาษณ์

    “นั่นไงครับ มากันแล้ว” เยซองพยักเพยิดไปทางคยูฮยอนที่กำลังยื่นมือให้แทยอนพยุงตัวลงจากเวที

    “พี่เยซอง” เสียงเล็กดังก้องมาแต่ไกล แทยอนและคยูฮยอนกำลังเดินตรงมาที่ยูริและเยซองยืนอยู่ ให้ตายเถอะ...ทำไมเธอถึงได้รู้สึกหงุดหงิดอย่างนี้ก็ไม่รู้

    “ดังใหญ่แล้วนะเรา” เยซองทักทายน้องสาวก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ผมเบาๆ คนดังยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ แล้วสายตาคู่เล็กก็เหลือบมาเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายพี่ชาย

    “สวัสดีค่ะ..เอ่อ..คุณ”

    “ยูริค่ะ...ควอน ยูริ”

    “อ๋อ คุณยูริ คนนี้เองหรอที่พี่เคยพูดให้ฉันฟังบ่อยๆ น่ารักจังเลย” คิม แทยอนพูดด้วยรอยยิ้มร่าเริงที่ส่งให้นักเขียนสาวจนเจ้าตัวอดทึ่งหน่อยๆ กับความอัธยาศัยดีของเธอ

    “คุณควอน ยูริ เป็นนักเขียนบทละครเรื่องต่อไปของบริษัทน่ะ” เยซองแนะนำอย่างเป็นทางการพร้อมกับแตะมือเบาๆ ที่เอวจากด้านหลังของยูริ จึงทำให้ดูเหมือนว่าชายหนุ่มกลับโอบเอวอยู่กลายๆ และจากท่าทีนี้เองจึงทำให้คนที่เงียบมาตลอดเริ่มขยับตัวไปมา

    “บทละครที่ว่าน่ะผมก็จะเล่นด้วยนะแทยอน ทั้งที่บทละครยังไม่เสร็จแต่ไม่รู้ทำไมถึงวางตัวนักแสดงเร็วขนาดนี้” คยูฮยอนพูดพร้อมกับวาดมือโอบบ่าของแทยอนไว้ สายตาส่อประกายอะไรบางอย่างไปยังยูริ ที่ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกกรุ่นๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว

    “เอาน่า ฉันอยากให้แกเล่นให้นี่หว่าคยูฮยอน ช่วยกันดันหน่อยจะเป็นไรวะน้องชาย” คยูฮยอนยิ้มบางๆ แล้วยักไหล่

    “ชักอยากร่วมงานด้วยแล้วสิคะ จะได้มีพี่สะใภ้ก็คราวนี้หรือเปล่าน้า” คิม แทยอนว่าต่อพร้อมส่งสายตาล้อเลียนไปที่พี่ชาย

    “เอ่อ..ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะคุณแทยอน เราแค่ร่วมงานกันเฉยๆ” ยูริรีบปฏิเสธทันควัน

    “อ้อ อย่างนี้นี่เอง พี่ก็น่าจะบอกผมซะตั้งแต่แรก ผมจะได้ช่วยให้เต็มที่เลย” ดาราหนุ่มพูดตัดเมื่อเริ่มจะเข้าใจความหมายของแทยอน แม้จะพูดกับเยซอง แต่สายตากลับจับจ้องไปที่นักเขียนสาว

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่จริงคุณเยซองก็ช่วยฉันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว จะลำบากคุณซะเปล่าๆ” ยูริที่เริ่มคุกรุ่นเต็มที่ตอบกลับไปเช่นกัน สายตายังเหลือบมองมือหนาบนไหล่แบบบางของแทยอนเป็นระยะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงหงุดหงิดได้ขนาดนี้

    คำพูดของหญิงสาวทำให้แววตาของคยูฮยอนเปลี่ยนประกายแทบจะทันที มือหนาเริ่มลดลงจากไหล่บาง

    “คงไม่ลำบากคุณมากใช่ไหมคะ” คำพูดท้ายของหญิงสาวที่ส่งให้เยซองอย่างอ่อนหวาน ใบหน้าสวยมนกำลังมองเยซองข้างๆ ที่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนพร้อมกับรอยยิ้มออดอ้อน มือบางเกาะท่อนเขนของเขาเบาๆ

    “จะลำบากอะไรล่ะครับ ยังไงก็...” ยังพูดไม่ทันจบ มือเล็กที่เกาะกุมแขนของเยซองอยู่ก็ถูกดึงออกอย่างแรง ร่างบางเซไปตามแรงกระชากของดาราหนุ่ม และเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด ริมฝีปากหยักหนาก็ก้มลงประกบกลีบปากบางอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงชัตเตอร์ของเหล่านักข่าวที่ดังต่อแทบจะในทันที

    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×