คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 หมาป่าเจ้าเล่ห์
7
‘หมาป่าเจ้าเล่ห์’
“เป็นนักเขียนจะหาเลี้ยงตัวได้ซักเท่าไหร่ ได้งานดีๆ เงินเดือนสูงๆ ก็ลาออกซะดื้อๆ พอกลับบ้านมาก็พาผู้ชายมาให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน นี่แกยังกล้าเรียกฉันว่าแม่อีกเหรอ”
“โธ่แม่! ฉันบอกแม่กี่ครั้งแล้วว่าเขาไม่ใช่แฟนฉัน” ยูริโอดใส่แม่ที่ยังคงบ่นไม่เลิก ตอนนี้เธอและคยูฮยอนกำลังทานมื้อเย็นพร้อมกับแม่และน้องของเธอ แต่อาหารโปรดฝีแม่ตรงหน้าไม่เอร็ดอร่อยอย่างที่เคยเป็นเมื่อแม่ยังคงบ่นและว่ากล่าวตักเตือนพร้อมๆ กับสายฝนที่กระหน่ำลงมาตอกย้ำความผิด และก็ไม่ได้นำพาอีกด้วย เมื่อตัวเจ้าปัญหายังคงนั่งกินพร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มเจ้าเล่ห์ไม่สะทกสะท้าน
“ยังไงต้องขอฝากตัวนะครับคุณแม่” พอพูดออกมาทีก็ขัดแย้งกับยูริโดยสิ้นเชิง ก่อนที่จะนั่งกินต่อไปไม่สนใจ
“เฮ้! พี่เขย...คืนนี้เล่นเกมกันมั้ย” แทมิน น้องชายที่นั่งสนอกสนใจดาราหนุ่มอยู่พักใหญ่เอ่ยชวน จนยูริต้องถลึงตาใส่ใบหน้าขี้เล่นชวนทะเล้นนั้น
“เขาจะไม่นอนที่นี่” ผู้เป็นพี่บอกน้องเสียงกร้าวจนเด็กหนุ่มหน้าจ๋อย
“อ่าว...งั้นหรอกหรอ”
“ได้สิ” คยูฮยอนสวนขึ้นทันควันแล้วหันกลับมาหาหญิงสาวด้วยสายตาหวานเยิ้ม “โธ่! ที่รัก อย่างอนไปเลยนะ ผมก็ตามมาง้อแล้วไง” ดาราหนุ่มพูดเสียงหวาน ไม่เสียดีกรีดาราดัง สายตาอ้อนวอนส่งกลับไปยังยูริ หญิงสาวอ้าปากตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ เมื่อวานชายหนุ่มตรงหน้ายังตะคอกตะหวาดใส่หน้าเธอปาวๆ แต่วันนี้เขากลับเปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว...
“เลิกเถียงกันซักที เงียบแล้วกินเข้าไปซะ” แม่วางตะเกียบกระแทกโต๊ะดังลั่น ได้ผลชะงัด ทุกคนเงียบกริบแล้วรีบยัดอาหารตรงหน้าเข้าปากอุดเสียงของตนไว้
ยูริเก็บจานชามกลับเข้าไปล้างในห้องครัวหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ ส่วนแฟนจำเป็นนั้นกำลังเล่นเกมอย่างสนุกสนานกับน้องชายตัวดี หญิงสาวพ่นลมพรืดใหญ่ด้วยความหงุดหงิด ไม่เข้าใจเลยซักนิดว่าทำไมคยูฮยอนต้องโกหกแม่ของเธอไปแบบนั้น
“เป็นอะไรไปล่ะที่รัก ขี้เกียจล้างจานหรือไง” น้ำเสียงที่ยูริคิดว่ามันเสแสร้งมากที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาดังขึ้นข้างตัว
“นี่นายเป็นบ้าอะไรห๊า อยู่ดีๆ มาโกหกแม่ฉันทำไม”
“สนุกดี” คยูฮยอนตอบหน้าตาเฉย
“แต่ฉันไม่สนุกด้วยหรอกนะตาบ้า”
“จุ๊ๆ อย่าเสียงดังสิที่รัก เดี๋ยวแม่ก็ตื่นหรอก” ชายหนุ่มว่าพลางยกมือกอดเอวบางไว้หลวมๆ หน้าตาทะเล้นอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก ยูริดิ้นขลุกขลักพยายามผละตัวเองออก แต่อ้อมกอดหลวมๆ ที่ว่านั้นกลับล็อคตัวเธอไว้หนาแน่นเหลือเกิน
“นี่..อย่ามาทำประเจิดประเจ้อที่นี่นะ”
“งั้นที่อื่นก็ได้น่ะสิ” คยูฮยอนถามกวน แล้วสอดสายตามองหาห้องที่คิดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของหญิงสาว
“อีโจวบ้า!!” ยูริเอ็ดเสียงขุ่น แต่ก็ต้องตกใจเมื่อดวงตาคู่คมนั้นอยู่ใกล้จนแทบชิดใบหน้าเธอ ประกายบางอย่างจ้องลึกเข้ามาราวกับกำลังล้วงความรู้สึกนึกคิด ความขี้เล่นหายไปแทนที่ด้วยความจริงจัง
หัวใจที่คุกรุ่นไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดของยูริกลับตีรวน มันเต้นระรัวอย่างรุนแรงอยู่ในอก เหมือนสายตาคมจะผูกมัดเธอจนไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้ คยูฮยอนขยับเข้ามาใกล้ช้าๆ จนจมูกโด่งคมของทั้งคู่ชนกัน เหมือนมีประกายไฟเล็กๆ แล่นผ่านจากปลายจมูก
เปาะ!
เสียงเล็บเรียวเคาะเข้ากับกะโหลกแข็งๆ นั้นดังมากทีเดียว เมื่อตั้งสติและดิ้นหลุดออกจากอ้อมแขนได้ ยูริจึงดีดนิ้วเข้าอย่างจังตรงกลางหน้าผากของคยูฮยอน มือหนาผละจากเอวบางแล้วเกาะกุมหน้าผากตนเองทันที
“โอ๊ย! อะไรของเธอเนี่ยยัยดาวตก” คยูฮยอนลูกหน้าผากยู่ๆ ของตน
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามาทำประเจิดประเจ้อ ไอ้โจวหื่น!” ยูริพูดพร้อมกับหยิบจานใบสุดท้ายที่เหลืออยู่ในอ่างน้ำขึ้นคว่ำ แล้วหันหลังจะเดินออกจากห้องครัว
แต่มีหรือที่หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์จะปล่อยเธอไปง่ายๆ แค่เอื้อมเพียงนิดหน่อยมือหนาก็คว้าเอวบางกลับเข้ามายังอ้อมอกได้อย่างง่ายดาย แผ่นหลังของยูริจึงบดเบียดอยู่กับแผงอกแกร่งของชายหนุ่ม
“คิดว่าจะหนีไปได้ง่ายๆ หรือไง ฉันลงทุนยอมเป็นแฟนเธอขนาดนี้แล้วนะ” ลมหายใจอุ่นรดลงข้างๆ ซอกคอของเธอ ทำเอายูริเข่าอ่อนจนเกือบล้มพับลงตรงนั้น โชคดีที่อ้อมกอดของเขาประคองร่างเธอไว้
“นาย...จะทำอะไรน่ะ” หญิงสาวท้วงตะกุกตะกัก พยายามควบคุมเสียงตัวเองให้สั่นน้อยที่สุด ใจที่เต้นระรัวอยู่แล้วตอนนี้เหมือนจะหลุดออกมาจากอกเลยก็ว่าได้ ถ้าควักมันออกมาวางข้างนอกมันคงกระเด้งกระดอนไปทั่วบ้านแน่ๆ แม้ว่ายูริกำลังตกใจมากๆ แต่ก็ยากที่จะยอมรับอีกเช่นกันว่าความรู้สึกนี้มันหวามหวานอยู่ไม่น้อย
จมูกโด่งคมค่อยๆ ไล้ขึ้นมาถึงแก้มเนียนเบาๆ ราวกับรอยบนผิวเนื้อที่คยูฮยอนลากผ่านนั้นกำลังร้อนจนไหม้ มันทำให้รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว
“โอ๊ะ!” ยูริและคยูฮยอนผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว เมื่อใครอีกคนเดินเข้ามาในครัว ”ขอโทษฮะ...คือ...ผมจะมาดื่มนม” แทมินเอ่ยอย่างเก้อเขิน ตอนนี้ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงแจ๋ไม่แพ้พี่สาว แทมินยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ
คยูฮยอนทำเสียงจึกจักในลำคออย่างเสียอารมณ์ ส่วนยูริที่รวบรวมสติไว้อย่างไม่ค่อยมั่นคงนั้นถึงกับค้อนตาเขียวปั๊ดไปยังหมาป่าหนุ่ม ก่อนจะสะบัดร่างเดินนำลิ่วออกจากห้องครัวไป
“เห็นทีคืนนี้นายต้องหาที่นอนให้ฉันแล้วล่ะ...น้องเขย”
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
หลังจากที่แล่นบนถนนร้างผู้คนอย่างรวดเร็วอยู่พักใหญ่ รถเก๋งสีดำคันหรูก็เข้าลานจอดรถของคอนโดมีเนียมใจกลางเมือทันทีที่ดับเครื่องยนต์ ร่างสูงก็ลงจากรถก่อนจะอุ้มหญิงสาวขึ้นมาจากเบาะอย่างง่ายดาย
ร่างบางอ่อนแรงซุกหน้าในอกหนาไปตลอดทางเดินขึ้นห้องพัก จนกระทั่งถึงหน้าประตูไม้โมเดิร์น
“สิก้า...สิก้า...พาสเวิร์ดเข้าห้องว่าไง” ซีวอนเขย่าไหล่บางในอ้อมแขน หญิงสาวปรือตาสลึมสะลือ ริมฝีปากขยับแผ่วเบาจนซีวอนต้องเอี้ยวหูฟัง
ทว่าไม่ใช่เพียงแค่เสียงหรือตัวเลขเพียงสี่ตัวเท่านั้นที่หลุดออกมา หากแต่มันกลับกลายเป็นของเหลวน่าขยะแขยงส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง เศษอาหารที่เจสสิก้าทานเป็นมื้อเย็นนั้นตอนนี้เปรอะเปื้อนเต็มกกหูและเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของซีวอน
“โธ่เว้ย!” ซีวอนสบถอย่างหัวเสีย เขาเม้มปากปิดตาอย่างทำใจกับกลิ่นและบางสิ่งบนร่างกายของตน เขาคงไม่ต้องซวยขนาดนี้ถ้าน้องชายตัวดีไม่โทรมาขอร้องให้เขามารับเธอ
หลังจากกดรหัสเข้าห้อง ซีวอนผู้เคราะห์ร้ายก็อุ้มหญิงสาวตรงไปห้องนอน ก่อนที่ตัวเองจะวิ่งตรงไปยังห้องน้ำ ถอดเสื้อเชิ้ตส่งร้านซักรีดของคอนโดเพื่อทำความสะอาดร่างกำยำทันที สักพักก็ออกมาอีกครั้งพร้อมกับอ่างน้ำเล็กๆ ที่ใส่น้ำอยู่ค่อนอ่าง
ชายหนุ่มบิดน้ำออกจากผ้าขนหนูแล้วทำความสะอาดใบหน้าของหญิงสาวอย่างเบามือ เจสสิก้าขมวดคิ้วเหมือนรู้สึกตัวเล็กน้อย เธอพยายามปรือตาขึ้นอีกครั้งอย่างยากเย็น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกฤทธิ์รุนแรงกว่าที่ต้องการให้เป็น เจ้าของมือหนาเช็ดหน้าเรียวพลางพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ผมบลอนด์ทองยาวสยายเต็มหมอน แพขนตาหนาทาบทับบังดวงตาหยิ่งคม ใต้ตาเปื้อนสีเครื่องสำอาง เม็ดน้ำใสๆ ไหลลงหางตาเป็นทางยาว จมูกเล็กจิ้มลิ้มเหนือริมฝีปากสีชมพูอ่อน ทุกอย่างบนใบหน้าไม่ได้มีอะไรโดดเด่น หากแต่เมื่อประกอบทุกส่วนเข้าด้วยกันกลับดูดีมีสง่าขึ้นมาได้ในพริบตา
ซีวอนนึกแปลกใจถึงสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวเสียใจถึงกับต้องพึ่งพิงแอลกอฮอล์ เขาถอนหายใจเมื่อเช็ดมาถึงลำคอระหง เขาบ่นพึมพำทันทีเมื่อเห็นว่าเดรสสีแดงตัวจิ๋วนั้นยังคงสะอาดเอี่ยมอ่อง
“เหอะ! ให้ตายสิ! เธอทำเสื้อผ้าฉันเปื้อนขนาดนั้น แต่เสื้อผ้าตัวเองไม่เปื้อนเลยซักนิด” เขายิ้มบางๆ หลายครั้งที่เขาไม่เข้าใจกับความรู้สึกของตัวเอง วันแรกที่ได้รับรู้การคบหาระหว่างเธอกับน้องชาย เขาก็ค้านหัวชนฝา แม้จะรู้ดีว่าคยูฮยอนเองก็ไม่ได้จริงจังอะไร แต่ข่าวคาสโนวี่นักรักของเจสสิก้าก็ยังทำให้เขาหัวเสียได้อยู่ดี
เหมือนจะได้ยินเสียงบ่น เจสสิก้าเริ่มขยับตัวกระสับกระส่าย เธอพยายามลืมตาของตนออกจากรอยน้ำตาเกรอะกรัง มือเล็กเกาะกุมหัวที่กำลังหมุนติ้ว และเมื่อเห็นชัดๆ...
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
จริงอยู่ที่มันทำให้เธอสร่างเมา แต่ความตกใจนั้นก็ไม่น่าปรารถนาซักเท่าไหร่ เมื่อตื่นมาพบตัวเองนอนอยู่บนเตียงโดยมีชายหนุ่มที่เปลือยท่อนบนโชว์กล้ามแน่นหนานั่งอยู่ข้างๆ ที่สำคัญคือมือนั้นที่กำลังสัมผัสอยู่บริเวณเนินอกของเธอ
“แก!!! ไอ้คนเลว ไอ้คนชั่ว แกทำอะไรฉัน ไอ้บ้ากาม” หมอนหนาๆ เกือบปะทะเข้าหน้าของซีวอน ถ้าเขาไม่สามารถปัดป้องมันได้ซะก่อน ที่จริงแรงน้อยๆ มึนๆ นั้นแทบยกหมอนไม่รอดด้วยซ้ำ เจสสิก้าถดตัวจนสุดขอบหัวเตียงอีกด้านหนึ่งเมื่อมือหนาพยายามปิดปากกั้นเสียง
หญิงสาวยิ่งตกใจหนักเข้าไปใหญ่ พยายามใช้มือแกะ ทั้งหยิก ทั้งตี ทั้งข่วน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ซีวอนลากร่างแบบบางกลับมายังที่ที่เคยนอนอยู่เหมือนเดิม เจสสิก้าปลิวกลับมาอยู่ที่เดิมอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มปล่อยมือจากใบหน้าเล็กแล้วขึงมือของหญิงสาวไว้กับเตียงแน่น ตอนนี้น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วก็กลับมาไหลทะลักเปรอะเปื้อนดวงตาคู่งามอีกครั้ง
“เงียบแล้วนอนซะ...ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ซีวอนขู่ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
“แก ไอ้คุณชายจอมปลอม แกทำอะไรฉัน” เจสสิก้าตะโกนก้อง
“ฉันว่า...เธอคงไม่อยากรู้หรอกมั้ง” ชายหนุ่มพูด เขายิ้มอย่างคนที่กำลังกุมชัยชนะ “แต่จะว่าไปก็คงไม่เสียหายนี่นา ในเมื่อปกติเธอก็เปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว เพิ่มฉันไปอีกซักคนจะเป็นไรไป..ใช่มั้ย” พูดจบเขาก็จูบหนักๆ ลงบนแก้มใส ข้อมือเล็กๆ ที่เคยมีแรงต้านนั้นอ่อนลงทันที
“แก...” เสียงเบาราวลมหายใจ น้ำตาไหลรินท่วมหมอนจนเปียกชื้น ซีวอนเบาแรงที่บีบข้อมือเล็กไว้กับเตียง แววตะหนกปรากฏในดวงตาของเขา แต่เสียงกริ่งเขาจึงสามารถปกปิดมันไว้ได้โดยที่เจสสิก้าไม่ทันสังเกต ซีวอนลุกจากเตียงเดินไปยังประตู
เป็นพนักงานจากร้านซักรีดที่เขาส่งเสื้อไปซัก ตอนนี้มันกลับมาขาวสะอาดหอมกรุ่น เขาสะบัดเสื้อสวมพลางเดินกลับเข้าไปยังห้องนอนนั้นอีกครั้ง เจสสิก้ายังคงร้องไห้อยู่เหมือนเดิม ร่างบางนอนตะแคงคุดคู้ เธอสะอึกสะอื้นจนไหล่ไหว
“พักผ่อนเยอะๆ สิก้า”
&&&&&&&&&&&&&&&&
แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างพร้อมสายลมเหนียวเหนอะที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง ผ้าม่านขยับขึ้นลงตามจังหวะของเสียงคลื่นที่กำลังซัดสาดส่งเสียงแข่งกับเสียงเหล่านกทะเล หลังจากพายุลูกใหญ่ที่พัดกระหน่ำแล้ว อากาศก็กลับมาแจ่มใส
อย่างที่เคยได้ยินกันทั่วไป หลังฝนตก ท้องฟ้าจะสดใสเสมอ
ยูริขยับเปลือกตาช้าๆ ความรู้สึกสมัยเด็กกับห้องนอนคุ้นเคยปรากฏแก่สายตา ความเครียดที่เคยสั่งสมมาตลอดหลายสัปดาห์ของการทำงานจึงได้ผ่อนคลายไปพร้อมๆ กับธรรมชาติ นักเขียนสาวยันตัวลุกจากที่นอนแล้วสางผมเล็กน้อย เธอเป่าลมออกจากปากเบาๆ ก่อนจะให้กำลังใจตัวเองรับวันใหม่
“ควอน ยูริ ไฟท์ติ้ง!”
นักเขียนสาวลุกเก็บที่นอนแล้วเดินออกมารับลมหน้าบ้าน ร่างบางกำมือเล็กๆ ชูขึ้นสุดแขนก่อนจะบิดขี้เกียจเต็มเหนี่ยว
“เอ๊!! ก็บอกว่าไม่เอาตัวแบบนั้นไง เอาตัวโตๆ หน่อยสิ ตัวเล็กๆ เอาไปก็กินไม่ได้” เสียงเล็กแหลมคุ้นหูดังขึ้นเรียกความสนใจของยูริ เมื่อหันไปตามเสียงก็เห็นผู้หญิงในชุดแม่บ้านคุ้นตากำลังนั่งแกะอะไรซักอย่างออกจากตาข่าย ข้างๆ มีดาราหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น ถ้าจำไม่ผิดเสื้อผ้าเหล่านั้นคงจะเป็นของแทมินน้องชาย มือหนาเรียวนั้นกำลังอลวนอยู่กับตาข่ายเช่นเดียวกัน หากแต่มันดูเก้ๆ กังๆ อย่างคนไม่รู้งาน คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน สายตามุ่งมั่นอยู่กับหอยตัวเล็กๆ ในมือ ปลายจมูกโด่งคมเป็นเงาวาวเพราะเหงื่อไคลที่ไหลลงมารวมเป็นหยด ริมฝีปากหยักหนาตอนนี้ห่อพูนๆ แสดงความตั้งใจของเจ้าตัว
ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเห็นดาราในดวงใจมานั่งแกะหอยอยู่กับแม่ของตน(ถึงจะเป็นอดีตขวัญใจไปแล้วก็เหอะ) ภาพผู้ชายตรงหน้าช่างแตกต่างจากชายที่ชื่อ โจว คยูฮยอน เสียเหลือเกิน
“โธ่!! คุณแม่ยาย ตัวเล็กยังไงเดี๋ยวโตไปก็โดนกินอยู่ดี สู้กินมันซะเลยไม่ดีกว่าหรอครับ ไม่ต้องให้ความหวังลมๆ แล้งๆ ว่ามันจะมีชีวิตจนหมดอายุขัยไงล่ะ”
“เฮอะ! ไอ้ลูกเขยนี่”
ว่าที่แม่ยายกับชายประมงจำเป็นนั่งเถียงกันโดยไม่รู้ตัวว่ายูริยืนดูอยู่ห่างๆ หญิงสาวยิ้มขันกับคำแก้ตัวข้างๆ คูๆ นั้น ฟังดูแล้วสมกับเป็นเหตุผลของหมาป่ากะล่อนตัวนี้จริงๆ
“อ้าวพี่ ตื่นแล้วหรอ ว่าจะไปปลุกพอดี เมื่อกี้พี่ยุนอามาแน่ะ แต่พี่ยังไม่ตื่นก็เลยฝากผมบอกพี่ว่ากลับโซลไปก่อนเลย พี่เค้าต้องทำงานต่ออีกซักสองสามวัน” แทมินที่เดินมาจากด้านหลังทักทาย เด็กหนุ่มอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียนที่ดูไม่ค่อยจะเรียบร้อยซักเท่าไหร่ “ข้าวเช้าอยู่ในครัวนะพี่ แม่ทำไว้แล้ว ผมไปเรียนก่อนนะ” แทมินพูดรัวเร็วพร้อมรอยยิ้มน่ารักก่อนจะเดินออกไป ผู้เป็นพี่พยักหน้ารับมองตามน้องชาย ก่อนจะกลับเข้าบ้านไปล้างหน้าแต่งตัว
หลายครั้งที่ยูริต้องอยู่คนเดียว เพราะยุนอาต้องไปทำงานไกลๆ จึงไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วงเลยซักนิดถ้ากลับไปอยู่คนเดียวอีกซักสองสามวัน เผลอๆ เวลาที่ยุนอาอยู่แต่ออกไปเดทกับพี่ดงเฮออกจะเหงากว่าซะด้วยซ้ำ
หลังจากล้างหน้าแต่งตัวและจัดการกับมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย ยูริก็คว้าโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กพร้อมกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คคู่ใจมานั่งรับลมที่ชานหน้าบ้าน บ้านหลังนี้หันหน้าเข้าหาทะเล เป็นบ้านชั้นเดียวกะทัดรัดบ่งบอกถึงความพออยู่พอกินที่ไม่ถึงกับร่ำรวยของเจ้าของบ้าน พ่อแม่ของยูริยึดอาชีพชาวประมงหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด แต่วันหนึ่งครอบครัวก็ต้องเผชิญปัญหาเมื่อพ่อล้มป่วยและจากไปในที่สุด ด้วยภาระอันหนักอึ้งผู้เป็นแม่จึงต้องเข้มแข็ง เป็นทั้งพ่อและแม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนกระทั่งลูกสาวคนโตเรียนจบและได้งานทำในกรุงโซล เป็นที่ภาคภูมิใจพอจะโม้ชาวบ้านด้วยกันได้ว่าลูกสาวมีหน้าที่การงานที่ดี แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อลูกสาวตัวดีมาลาออกจากงานและเดินตามความฝันซะดื้อๆ
นักเขียนสาวถอนหายใจหนักๆ หนึ่งพรืดพร้อมกับสะบัดหัวไล่ความรู้สึกผิด เธอรู้ดีว่าสิ่งที่ทำดูจะเอาแต่ใจตัวเอง จนทำให้เกิดปัญหาขึ้นในครอบครัวจนถึงตอนนี้
ลมทะเลที่พัดเข้าปะทะใบหน้าช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ยูริรับลมหายใจฟอดใหญ่เพื่อชำระจิตใจขุ่นมัว แล้วเปิดเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ตรงหน้า แต่ยังไม่ทันที่คอมพิวเตอร์จะพร้อมให้ใช้งาน เสียงฝีเท้ากระทบพื้นทำให้หญิงสาวต้องหันไปมอง แม่กำลังเดินถือถาดปลาที่ตากจนแห้งสนิทเข้ามา ดวงตาเล็กหยีจ้องลูกสาวฉุนๆ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะทำงานเขียนของเธอ
ยูริเห็นว่าแม่เดินกลับเข้าบ้านมาเพียงลำพัง จึงชะโงกหน้ามองหาใครอีกคน
“เจ้าหนุ่มนั่นไม่ได้บอกแกหรอว่าจะไปทำงาน” แม่ถามเสียงห้วนเมื่อเห็นท่าทางของลูกสาว
“งั้นหรอ” ยูริพึมพำ
หลังจากที่แม่เดินเข้าบ้านไป นักเขียนสาวก็หันกลับมาจดจ้องกับงานตรงหน้า บทละครที่แสนยากเย็นเรียบเรียงปรากฏบนหน้าจอ แต่ภาพที่เธอเห็นกลับไม่ใช้ตัวหนังสือเหล่านั้น สมองก็ไม่ได้คิดถึงบทที่ต้องเขียนเลยแม้แต่น้อย แต่ภาพของชายหนุ่มคนนั้นต่างหากที่ยังวนเวียนอยู่
นั่งคิดอยู่นานก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด งานที่ตั้งใจจะทำก็ไม่ได้เริ่มเมื่อเธอยังไม่มีสมาธิอยู่อย่างนี้ บวกกับบทละครที่ต้องแก้แล้วแก้อีกยิ่งปะทุอารมณ์ไม่น้อย ในที่สุดยูริก็วางมือจากงานแล้วเดินออกมาจากบ้าน เผื่อว่าเหตุการณ์รอบตัวอาจจะช่วยดลบัลดาลจินตนาการในการทำงานได้บ้างไม่มากก็น้อย
แต่สิ่งที่ได้พบเห็นกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลยซักนิด ซ้ำจะยิ่งตอกย้ำความขุ่นมัวในจิตใจเสียด้วยซ้ำ เมื่อเธอเห็นโจว คยูกำลังนั่งหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง เธอสวมเสื้อกล้ามตัวจิ๋วอวดผิวขาวเนียนและหน้าอกเต่งตึง ส่วนโจว คยูสวมเสื้อโปโลสบายๆ และแว่นตาแบรนด์ดังแตกต่างจากเสื้อผ้าเมื่อเช้าของแทมิน หญิงสาวหยุดยืนดูอยู่ครู่หนึ่ง น่าแปลกใจที่ภาพนั้นบัลดาลโทสะได้ในพริบตา ยูริสะบัดตัวกลับหลังหันและรีบจ้ำอ้าวให้เร็วที่สุด ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาไม่กี่วันมานี้ทำให้เธอหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย และยากที่จะยอมรับด้วยว่าความรู้สึกผิดหวังกำลังแทรกซึมอยู่ในความโกรธในตอนนี้
ยูริกัดริมฝีปากแน่น พยายามดึงตัวเองกลับมาสู่ความจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“ไม่ว่ายังไงนายก็ยังเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์อยู่ดี โจว คยู!”
***************************************
เฮือกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หืดขึ้นคอกันเลยทีเดียวอ่ะ...กว่าจะมาอัพได้
ก็เปิดเทอมอ่าเนาะ ไม่ว่างง่ะ <<< ทำอย่างกะมีเรียน..เหอๆ
ไม่มีเรียนแต่มีงานนะเจ้าคะ เลยไม่ได้มาอัพ
ตอนนี้ทำอะไรเจออะไรก็จิ้นเป็นนิยายไปหมด
จะเสียก็แต่เวลานี่แหละค่ะที่ไม่เอื้ออำนวย
ไรเตอร์จะพยายามอัพนะสาวๆ ช่วยอ่านช่วยติละกันเน้อ
เค้าจะได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนะจ๊ะ
รักทุกคนเลยนะ...จุ๊บุจุ๊บุ
ขอทอล์คอีกนิด
เหอ!! เขียนไปเขียนมาวอนโหดซะงั้นอ่ะ
เขียนเองงงเองแฮะ แอบเกลียดวอนนิสนึง
๕๕๕ แต่จริงๆ วอนก็ไม่ได้ทำไรสิก้าเลยนะ
หลอกเขาทั้งนั้น วอนนิสัยไม่ดี...แล้วนายจะรู้สึก
รู้สึกรอบนี้ทอล์คเยอะแฮะ...
ไปดีกว่า..ฟิ้วววววววววววว
************************************************************
อยากอัพมากกว่านี้ แต่ไม่มีเวลาเลยค่ะ
อย่าเพิ่งเบื่อเค้านะ... ไม่ว่างจริงๆ
พรุ่งนี้วันหยุดยังไม่่ว่างเลยอ่ะ..
เหนื่อยชะมัด...อ. ก็เร่งงานซ้าาาาา
เฮ้อออออ
ความคิดเห็น