คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 ต้อนรับกลับบ้าน
6
‘ต้อนรับกลับบ้าน’
ตั้งแต่กลับมาถึงคอนโดมีเนียม ยูริก็นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ที่ไม่ได้เปิด อันที่จริงเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลับมาถึงบ้านได้อย่างไร รู้ตัวอีกทีก็นั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนโซฟาตัวนุ่มพร้อมกับสติที่กระเจิดกระเจิงไปไหนต่อไหน
“เป็นไงแก บทละครผ่านหรือยัง” เสียงของยุนอาดังขึ้นทันทีที่เปิดประตูบ้านเข้ามา และพบว่ารูมเมทสาวนั่งลูบริมฝีปากตัวเองนิ่ง
ไม่มีเสียงตอบรับจากยูริ
“ยูริ....ยูริ...ควอน ยูริ” ครั้งที่สามเธอถึงจะได้ยิน ยูริไม่ได้สะดุ้งตกใจอย่างที่แสดงออกเป็นประจำ เธอหันหน้ามาหายุนอาช้าๆ ดวงตาตื่นตระหนกปรากฏแก่สายตายุนอา “เป็นอะไร ฉันเรียกแกหลายครั้งแล้วนะ” คนเพิ่งมาใหม่นั่งลงข้างๆ
“แก” ยูริร้องเรียกเพื่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชืด มือเรียวยังค้างอยู่บนกลีบริมฝีปาก แววตื่นๆ ในดวงตาทำให้ยุนอารู้สึกใจไม่ดีบอกไม่ถูก “ฉันโดนจูบ”
“ห๊า!!” ยุนอาร้องเสียงดัง เข้าใจถึงสภาพที่เพื่อนรักเป็นในทันที แต่ไหนแต่ไรมายูริได้แต่พร่ำบ่นถามหาความรัก และบ่อยครั้งที่เธอมักจะถามไถ่ความรู้สึกเกี่ยวกับมัน รวมถึงการจูบที่เพื่อนสาวไม่เคยได้สัมผัส “ใครกันยูริ แกไปจูบกับใครมา”
“โจว คยู”
“โจว คยู!!!” เสียงทวนดังยิ่งกว่า และน่าตกใจกว่าที่เธอโดนฉกชิงจูบแรกไปด้วย “ไปจูบกันได้ยังไง”
ยูริเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ลังเล เพราะสนิทกันมากพอจึงไม่จำเป็นต้องมีเรื่องปิดบังซึ่งกันและกัน
“อะไรจะขนาดนั้น” ยุนอาปั้นหน้าเหวอไม่อยากเชื่อ ไม่คิดว่าชีวิตเพื่อนรักจะน้ำเน่าอย่างในนิยายชวนฝันได้ขนาดนี้ “แล้วแกรู้สึกยังไง” คำถามนี้น้ำเสียงกลับดูตื่นเต้นและกระตือรือร้นขึ้นมาทันใด
“หยึ๋ย” คำตอบทำเอายุนอาอึ้ง
“อะไรของแกวะ หยึ๋ย”
“ก็...มันหยึ๋ยๆ นุ่มๆ จักจี้นิดๆ” ยูริเล่าหน้าซื่อจนเพื่อนสนิทขำพรืด เธอรู้ดีว่าบรรยากาศของ ‘First Kiss’ ควรจะน่าตื่นเต้นเร้าใจมากกว่านี้ แต่เพื่อนรักของเธอกลับไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกจนเธอชักไม่แน่ใจว่ายูริคือนักเขียนนิยายรักมือทอง หรือเพราะความตื่นเต้นที่ล้นท้นกว่าคนทั่วไป เลยทำให้เสียศูนย์ได้ขนาดนี้
“แล้วบทละครแกล่ะ ผ่านหรือเปล่า” ได้ยินคำถามนี้ถึงฉุกคิดขึ้นได้ ยูริออกมาจากร้านอาหารโดยไม่บอกกล่าวกับเยซอง เหลือบมองนาฬิกาเวลาก็ล่วงเลยเกินกว่าจะติดต่อ ความกังวลจึงไหลกลับเข้ามาท่วมท้น สติสตางค์เริ่มกลับเข้าทีเข้าทางเมื่อต้องเตรียมรับมือกับงานที่รออยู่ ยูริส่ายหน้าเหนื่อยใจ กว่าจะก้าวเข้ามาสู่วงการนักเขียนได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับเธอ แต่การก้าวเข้าสู่การเป็นนักเขียนบทละครกลับยากยิ่งกว่า เรียกว่าแทบกระอักเลือดกันเลยทีเดียว เพราะตลอดไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เธอต้องคอยส่งคอยแก้กันเป็นว่าเล่น ตรงนั้นถูกตรงนี้ผิดจนสับสันปนเป
“เอาอย่างนี้ไหม ไปเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัดกับฉันซักวันสองวัน ฉันมีงานแถวบ้านเกิดแกพอดี จะได้กลับไปเยี่ยมแม่กับน้องด้วยไง” อย่างน้อยวันสองวันนี้ก็ขอพักฟื้นหัวสมองกันซักหน่อย แล้วค่อยกลับมาลุยกันใหม่ก็ไม่น่าจะเสียหายตรงไหน แต่นักเขียนสาวกลับถอนหายใจหนักๆ เมื่อนึกถึงบ้าน ปัญหาที่ยังคงขัดแย้งคาใจที่นั่นน่ะหรือจะทำให้เธอดีขึ้น “เถอะน่า ว่ากันว่าครอบครัวคือกำลังใจที่ดีที่สุดนะ”
“ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
************************
แสงแดดอ่อนทาบบนเกลียวคลื่นทอแสงระยิบระยับท่ามกลางลมทะเลอุ่นๆ ชายหญิงคู่หนึ่งยืนเคียงข้างประภาคารสีแดงกลางทะเล ร่างสูงประคองไหล่บางไว้พร้อมกับใช้มือปัดป่ายผมที่ปลิวปรกหน้าสวยหวาน
“ผมรักคุณ” เสียงชายหนุ่มหนักแน่นหากแต่อ่อนโยน มือหนาประคองใบหน้าเล็กไว้ พร้อมกับริมฝีปากหนาค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปช้าๆ เขาบรรจงจูบหญิงสาวตรงหน้าอย่างทะนุถนอม หลับตารับรู้ความรู้สึกที่ได้สัมผัส แต่แล้วภาพดวงหน้ามนก็ลอยกลับเข้ามาในห้วงความคิด ความนุ่มละมุนพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ผุดขึ้นในความทรงจำ เมื่อนึกถึงดวงตาใสซื่อที่มองเขาอย่างหวาดหวั่น ใจเขาก็เต้นระรัวขึ้นมาในทันใด สัมผัสเหล่านั้นช่างน่าหลงใหลใคร่หาจนทำเขาเสียสมาธิ แต่ริมฝีปากที่ประทับอยู่เนิ่นนานนั้นไม่ได้ให้รสหวามหวานอย่างที่นึกคิดแต่อย่างใด กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวตรงหน้าฉุนติดจมูกจนพาลเสียอารมณ์ซะด้วยซ้ำ
“คัท!” ไม่ใช่เสียงผู้กำกับหรือผู้ช่วยผู้กำกับ ไม่ใช่เสียงทีมงานหรือคนที่มีอำนาจในการควบคุม หากแต่เป็นเสียงนักแสดงซึ่งกำลังเข้าฉากรักของคู่พระนาง พระเอกหนุ่มละริมฝีปากแล้วปล่อยมือถอยออกมาในทันใด ความคิดของตนเมื่อครู่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดร้อนรุ่มในหัวใจ จนต้องแสดงอำนาจที่ไม่แม้แต่จะมีสิทธิ์ออกมา “วันนี้พอแค่นี้” คยูฮยอน พระเอกของเรื่องสั่งเลิกกองเองซะอย่างนั้น ทีมงานทุกคนนิ่งอึ้ง ผู้กำกับที่นั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ส่ายหัวอย่างระอา ลองดารานำคนนี้ไม่ยอมเข้าฉาก ต่อให้เอาช้างมาฉุดเขาก็คงไม่สามารถแสดงอารมณ์ที่ต้องการออกมาได้ ยิ่งไม่มีผู้จัดการจอมดุอย่างคิม ฮีชอลด้วย การยอมๆ กันไปจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ส่วนเรื่องขาดทุนหรือเสียเวลาก็คงไม่ต้องเป็นห่วงถ้าคิดถึงเรตติ้งที่จะได้รับกลับมา
คยูฮยอนเดินออกจากกองด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เท้าเตะก้อนหินตรงหน้าอย่างหงุดหงิด ไม่ใช่เพราะนักแสดงหญิงที่เข้าฉากด้วยกันแสดงได้ไม่ดี แต่ตัวเขาเองต่างหากที่ไม่มีสมาธิในการควบคุมอารมณ์ตัวเองเลยซักนิด และเขาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาโหยหาความรู้สึกนุ่มละมุนของความไร้เดียงสานั้นมากแค่ไหน หลายครั้งที่ต้องควบคุมตัวเองให้อยู่ในความเป็นคาสโนว่านักรักอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในช่วงเวลานี้ เมื่อความละมุนละไมยังติดตรึงอยู่ที่ริมฝีปากหยักหนา
ท่ามกลางความเหนียวเหนอะจากลมทะเล ชายหนุ่มเดินห่างออกจากกองถ่ายมาเรื่อยๆ ฟากหนึ่งของหาดเป็นท่าเรือที่ใช้สำหรับการประมงเสียส่วนใหญ่ ถัดจากกองหินโสโครกลงไปเป็นกระชังเลี้ยงปลาของชาวประมง คยูฮยอนเดินทอดน่องต่อไป จนกระทั่งสายตาคมสะดุดเข้ากับร่างเล็กที่กำลังด้อมๆ มองๆ ชาวประมงกลุ่มหนึ่งที่กำลังแกะปลาและหอยออกจากแห เพียงแวบแรกที่เห็นเขาก็รู้ได้ในทันที...ควอน ยูริ ต้นเหตุของสัมผัสและความรู้สึกที่รบกวนจิตใจเขานี่เอง
“ตามมาถึงนี่เลยเหรอยัยดาวตก” ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาต้องทักเธอออกไป แต่ในเมื่อเธอตามเขามาถึงขนาดนี้ก็ต้องทักทายกันซักหน่อย
ยูริสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลัง เสียงนั้นดังมากเนื่องจากต้องตะโกนต่อสู้เสียงลมแรง ทำให้กลุ่มชาวประมงที่นั่งอยู่หันมามอง
“ควอน ยูริ!!” เสียงเล็กแหลมปรี๊ดดังขึ้นในกลุ่มชาวประมงกลุ่มนั้น ผู้หญิงสูงวัยร่างอวบถอดหมวกสานเก่าๆ เผยให้เห็นผมหยักศกซอยสั้น เหงื่อไคลไหลลงข้างแก้มเป็นทาง ดวงตาเล็กหรี่มองยูริโกรธเคือง ปากบางเฉียบตะโกนเรียกชื่อทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งหน้าเหยเก
“แม่” ยูริครางเบาๆ คยูฮยอนมองสองสาวตรงหน้าอย่างงุนงง
“แก นังลูกไม่รักดี” คนที่ถูกเรียกว่าแม่ถลกขากางเกงแล้วขึ้นมาจากโขดหินอย่างรวดเร็ว หมวกสานในมือยกฟาดลูกสาวตัวดีที่เพิ่งโผล่หัวมาให้เห็น “แกยังกล้ากลับมาเหยียบที่นี่อีกรึ ฉันทำงานสายตัวแทบขาดส่งแกเรียนสูงๆ จะได้ทำงานดีๆ แต่ดูแกทำกับฉันสิ แกกล้าลาออกจากงานได้ยังไงกัน ห๊ายูริ มาก็ดีแล้ว ฉันจะฟาดแกให้ตายคามือเลยคอยดูสิ” ว่าพลางมือหยาบกร้านก็ฟาดลงทั้งที่ถือหมวกและไม่ถือ จนลูกสาวต้องวิ่งเข้าหลบหลังชายหนุ่มที่ยืนใกล้
คยูฮยอนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลยกลับต้องโดนลูกหลง แม่ ลูกสาวยูริ และดาราคยูฮยอน จึงวุ่นวายกันเป็นพัลวัน
“เฮ้ย! โอ๊ย..” ยังไม่ทันได้พูด อาวุธจำเป็นก็ฟากเข้าเต็มรักเมื่อยูริก้มหลบอย่างหวุดหวิด
“แม่ ฟังฉันก่อนนะแม่จ๋า” หญิงสาวที่วิ่งวนอยู่รอบคยูฮยอนร้องขอ
“แกจะให้ฉันฟังอะไรอีก ห๊า”
“โธ่แม่”
“โอ๊ย คุณป้าครับ แล้วผมเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ อ๊ะ!” แม่ของยูริยั้งมือเมื่อเห็นว่าของเหลวสีแดงข้นกำลังไหลออกมาจากดั้งโด่งคม รอยแดงช้ำปรากฏขึ้นบนโหนกแก้มสากขาวของคยูฮยอน
แม้จะหยุดตี แต่แววโมโหก็ยังไม่หายไปจากน้ำเสียง หญิงชาวประมงยกมือเท้าสะเอวทั้งที่ยังเหนื่อยหอบ
“แล้วนี่ใคร แกกล้าพาแฟนกลับมาด้วยเรอะ ควอน ยูริ!!!”
***********************
ในสถานบันเทิงชื่อดังใจกลางเมือง เสียงเบสดังประสานกับเสียงสั่นในอก แสงไฟหลากสีวับแวมในความมืด หากทว่ามันไม่ได้ปกปิดหรือช่วยหลบซ่อนร่างบางผมบลอนด์ได้ ร่างเด่นอยู่ในชุดเกาะอกสีแดงตัวจิ๋วนั่งอยู่ที่บาร์ เจสสิก้าที่ในมือมีเครื่องดื่มมึนเมาชนิดที่เรียกได้ว่ารุนแรงมากนั้น ยกแก้วเล็กๆ ขึ้นซดอย่างไม่ปราณีร่างกายตนเอง ข้างๆ มีขวดทรวดทรงสวยหรูบรรจุของเหลวเหลืองเข้มอยู่น้อยกว่าครี่งขวด
“พอได้แล้วสิก้า” มือหนายกขึ้นปรามเหล้าอีกแก้วที่กำลังจรดริมฝีปาก
เจสสิก้าปรายตาปรือๆ มองเจ้าของมือนั้น แม้แสงไฟจะสลัว แต่เธอก็จำได้ดีว่าเขาคือ ซีวอน หญิงสาวแสยะยิ้มก่อนจะพูดยานๆ
“ลมอะไรพัดนายมาที่นี่ล่ะ คุณชายซีวอน”
“จะลมอะไรก็ช่าง แต่คุณต้องกลับกับผมเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มพูดเสียงเข้มเมื่อเห็นสภาพของเธอ เขาเปิดกระเป๋าเงินหยิบบัตรเครดิตส่งให้พนักงานเช็คบิล
“ไม่” เจสสิก้ายกแก้วขึ้นดื่ม ไม่สนใจคำสั่งของซีวอน
“สิก้า”
“...”
“จอง ซูยอน!!” ซีวอนพูดอย่างเหลืออดเมื่อเห็นดาราสาวยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น บุคลิกสง่างามนั้นโงนเงนง่อนแง่นด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
เมื่อไม่มีทีท่า ซีวอนจึงรวบตัวหญิงสาวขึ้นพาดบ่าอย่างรวดเร็ว เสียงโวยวายดังขึ้นลั่นร้านทันที ผมบลอนด์สลวยทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วง หญิงสาวรวบรวมเรียวแรงทุบหลังของเขา พร้อมๆ กับขาทั้งสองข้างที่เหวี่ยงใส่หน้าท้องแข็งแรง แต่ไม่เป็นผลใดๆ ซีวอนอุ้มเจสสิก้ามาถึงรถแล้วยัดเธอเข้าไปบนเบาะด้านข้างคนขับทั้งที่เธอยังตะโกนลั่น ก่อนตนจะเข้าประจำที่แล้วออกรถทันที
***********************
รีบมาอัพก่อนที่จะไม่ว่าง
ยิ่งแต่งยิ่งยากแฮะ
+.+
ความคิดเห็น