ประวัติไปรษณีย์ไทย - ประวัติไปรษณีย์ไทย นิยาย ประวัติไปรษณีย์ไทย : Dek-D.com - Writer

    ประวัติไปรษณีย์ไทย

    ผู้เข้าชมรวม

    2,935

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    2.93K

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ก.ย. 51 / 11:23 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น



    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       ประวัติไปรษณีย์ไทย

      ในปี พ.ศ. 2423 เจ้าหมื่นเสมอใจราชได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ให้ทรงจัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้นในประเทศสยาม พระองค์จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษี สว่างวงศ์ฯ ทรงเตรียมการจัดตั้งการไปรษณีย์ตามแบบอย่างในต่างประเทศ และทรงแต่งตั้งให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ฯ ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์เป็นพระองค์แรก และได้เปิดรับฝากส่งหนังสือ(จดหมาย)ในเขตพระนครและธนบุรีเป็นการทดลองเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ที่ทำการแห่งแรกตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตอนปากคลองโอ่งอ่าง เรียกว่า "ไปรษณียาคาร"

              ในปี พ.ศ. 2429 กรมไปรษณีย์โทรเลขได้รับโอนกิจการโทรศัพท์จากกระทรวงกลาโหมมาดำเนินการ และขยายบริการ เปิดให้ประชาชนได้เช่าใช้เครื่องโทรศัพท์ภายในกรุงเทพและธนบุรี เป็นครั้งแรก

              ใน ปี พ.ศ. 2441 ได้ทรงให้รวมกรมโทรเลขซึ่งได้ก่อตั้งมาก่อนหน้านี้เข้ากับกรมไปรษณีย์ ใช้ชื่อใหม่ว่า "กรมไปรษณีย์โทรเลข" ดำเนินกิจการไปรษณีย์และโทรเลขและได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ที่ถนนเจริญกรุง กรมไปรษณีย์โทรเลขในขณะนั้น ดำเนินกิจการหลัก ๆ อยู่ 3 กิจการ คือ กิจการไปรษณีย์ กิจการโทรเลข กิจการโทรศัพท์

              ในปี พ.ศ. 2472 ได้รับโอนคลังออมสินจากกรมพระคลังมหาสมบัติ มาดำเนินการรับฝากเงินจากประชาชนเมื่อ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2472

              ในปี พ.ศ. 2489 ได้แยกกองคลังออมสินออกจากกรมไปรษณีย์โทรเลขมาจัดตั้งเป็นธนาคารออมสิน มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ และเปิดดำเนินการรับฝากเงินจากประชาชนตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2490 เป็นต้นมา

              ในปี พ.ศ. 2497 ได้โอนกิจการโทรศัพท์กรุงเทพฯและธนบุรีให้องค์การโทรศัพท์แห่งประทศไทย

              ในปี พ.ศ. 2520 ได้มีการจัดตั้ง การสื่อสารแห่งประทศไทย โดย พรบ.การสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2519 เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม โดยรับมอบกิจการด้านปฏิบัติการและกิจการให้บริการไปรษณีย์จากกรมไปรษณีย์โทรเลขมาดำเนินการ เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2520 และได้ปรับปรุงพัฒนาบริการมาตลอด

              ในปี พ.ศ. 2546 ได้แปรสภาพเป็น บริษัทจำกัดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2546 ใช้ชื่อใหม่ว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตามนโยบายของรัฐบาล แต่ยังคงสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่เหมือนเดิม และได้เปลี่ยนมาสังกัดกระทรวงเทคโนโลยี่สารสนเทศและการสื่อสารและได้พัฒนาปรับปรุงบริการโดยนำระบบเทคโนโลยี่สารสนเทศมาใช้ในการให้บริการและยังได้พัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ในปี พ.ศ. 2423 เจ้าหมื่นเสมอใจราชได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ให้ทรงจัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้นในประเทศสยาม พระองค์จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษี สว่างวงศ์ฯ ทรงเตรียมการจัดตั้งการไปรษณีย์ตามแบบอย่างในต่างประเทศ และทรงแต่งตั้งให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ฯ ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์เป็นพระองค์แรก และได้เปิดรับฝากส่งหนังสือ(จดหมาย)ในเขตพระนครและธนบุรีเป็นการทดลองเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ที่ทำการแห่งแรกตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตอนปากคลองโอ่งอ่าง เรียกว่า "ไปรษณียาคาร"

              ในปี พ.ศ. 2429 กรมไปรษณีย์โทรเลขได้รับโอนกิจการโทรศัพท์จากกระทรวงกลาโหมมาดำเนินการ และขยายบริการ เปิดให้ประชาชนได้เช่าใช้เครื่องโทรศัพท์ภายในกรุงเทพและธนบุรี เป็นครั้งแรก

              ใน ปี พ.ศ. 2441 ได้ทรงให้รวมกรมโทรเลขซึ่งได้ก่อตั้งมาก่อนหน้านี้เข้ากับกรมไปรษณีย์ ใช้ชื่อใหม่ว่า "กรมไปรษณีย์โทรเลข" ดำเนินกิจการไปรษณีย์และโทรเลขและได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ที่ถนนเจริญกรุง กรมไปรษณีย์โทรเลขในขณะนั้น ดำเนินกิจการหลัก ๆ อยู่ 3 กิจการ คือ กิจการไปรษณีย์ กิจการโทรเลข กิจการโทรศัพท์

              ในปี พ.ศ. 2472 ได้รับโอนคลังออมสินจากกรมพระคลังมหาสมบัติ มาดำเนินการรับฝากเงินจากประชาชนเมื่อ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2472

              ในปี พ.ศ. 2489 ได้แยกกองคลังออมสินออกจากกรมไปรษณีย์โทรเลขมาจัดตั้งเป็นธนาคารออมสิน มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ และเปิดดำเนินการรับฝากเงินจากประชาชนตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2490 เป็นต้นมา

              ในปี พ.ศ. 2497 ได้โอนกิจการโทรศัพท์กรุงเทพฯและธนบุรีให้องค์การโทรศัพท์แห่งประทศไทย

              ในปี พ.ศ. 2520 ได้มีการจัดตั้ง การสื่อสารแห่งประทศไทย โดย พรบ.การสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2519 เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม โดยรับมอบกิจการด้านปฏิบัติการและกิจการให้บริการไปรษณีย์จากกรมไปรษณีย์โทรเลขมาดำเนินการ เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2520 และได้ปรับปรุงพัฒนาบริการมาตลอด

              ในปี พ.ศ. 2546 ได้แปรสภาพเป็น บริษัทจำกัดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2546 ใช้ชื่อใหม่ว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตามนโยบายของรัฐบาล แต่ยังคงสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่เหมือนเดิม และได้เปลี่ยนมาสังกัดกระทรวงเทคโนโลยี่สารสนเทศและการสื่อสารและได้พัฒนาปรับปรุงบริการโดยนำระบบเทคโนโลยี่สารสนเทศมาใช้ในการให้บริการและยังได้พัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

      -----------------------------------------------------------------------------------------

      วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2418 สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ได้ทรงออกหนังสือพิมพ์รายวัน ขึ้นมาฉบับหนึ่งชื่อว่า"Court" หรือ"ข่าวราชการ" ซึงมีผู้สนใจต้องการมาก จากที่แต่เดิมไม่คิดว่าจะมีผู้ต้องการจำนวนมาก จึงได้จัดให้มีการส่งผ่านทางไปรษณีย์ที่เป็นของประเทศไทยขึ้นเป็นครั้งแรก


      วันที่ 26 กันยายน ถือว่าเป็นวันที่เป็นจุดกำเนิดให้เกิดการไปรษณีย์ในประเทศไทย โดยเริ่มจากที่พระ บรมวงศานุวงศ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 ประกอบไปด้วยเจ้านายรวม 11 พระองค์ ภายใต้การนำของสมเด็จพระเจ้าน้องยา เธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงร่วมกันออกหนังสือพิมพ์รายวันขึ้นมาฉบับหนึ่งชื่อว่า "Court" หรือ"ข่าวราชการ" ซึ่งเป็นหนังสือที่แจ้งความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับราชการและความเป็นไปในพระราชสำนัก โดยพิมพ์เป็นฉบับแรกใน วันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2418 แต่เดิมนั้นทรงตั้งพระทัยว่าจะผลัดเวรกันนิพนธ์เรื่องทูลเกล้าฯ ถวายและบอกกันในหมู่เจ้านาย พอหนังสือข่าวออกมาก็เป็นที่สนใจต้องการมาก จึงต้องพิมพ์มากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งผู้ต้องการต้องไปรับหนังสือที่หอนิเพทพิทยาคม ในพระบรมราชวัง แต่ก็มีผู้ไม่สามารถไปรับหนังสือได้จึงจำเป็นต้องทำให้เกิดการไปรษณีย์ขึ้น

      โดยการนำของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงโปรดให้มีบุรุษเดินหนังสือราชการ ส่งให่แก่สมาชิกเรียกว่า"โปสตแมน" และในการส่งหนังสือทรงโปรดให้มีตั๋ว "แสตมป์" ขึ้นเป็นครั้งแรกใน ประเทศไทย(เดิมใช้ การส่งจดหมายกับกงสุลอังกฤษที่เปิดรับบรรดาจดหมาย เปิดทำการโดยใช้ตราไปรษณียากร ของสหพันธรัฐมลายาและอินเดีย ซึ่งพิมพ์อักษร "B" ประทับลงบนดวงตราไปรษณียากรนั้น ๆ แทนคำว่า "Bangkok" จำหน่ายแก่ผู้ต้องการส่งจดหมายไปต่างประเทศ แล้วส่งจดหมายเหล่านั้นไปประทับตราวันที่ที่สิงคโปร์ โดยฝากไปกับเรือค้าขายของอังกฤษ) จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นค่าเดินส่งหนังสือ แล้วอนุญาตให้สมาชิกซื้อแสตมป์ไปปิดที่จดหมายของตน เมื่อต้องการให้โปสตแมนเดินส่งหนังสือราชการช่วยเดินจดหมายให้
      หนังสือข่าวราชการได้ออก มาระยะหนึ่งก็หยุดเลิกไป มีหลักฐานปรากฎในจดหมายเหตุว่าประมาณกลางปี พ.ศ. 2423 เจ้าหมื่นเสมอใจราชได้ทำหนังสือกราบทูลต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอให้ทรงจัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้นในประเทศไทย จึงทรงโปรดฯ ให้เจ้าหมื่นเสมอใจราช เดินทางไปศึกษาดูงานการไปรษณีย์ที่ประเทศจีน และญี่ปุ่น และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ที่เข้าใจและ สนใจในเรื่องการไปรษณีย์อยู่แล้ว ให้เป็นผู้นำในการจัดตั้งการไปรษณีย์ในประเทศไทย โดยร่วมมือกับเจ้าหมื่นเสมอ ใจราช และมีชาวต่างชาติดำเนินการช่วยเหลืออีกคนหนึ่ง คือ นายเฮนรี่ อาลาบาสเตอร์

      ต่อมาในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2426 สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงเห็นควรว่ามีความพร้อมที่จะ เปิดให้บริการไปรษณีย์ และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้มีกฎหมายแผ่นดิน สำหรับการไปรษณีย์ของไทย ไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งเป็นกฎหมายไปรษณีย์ฉบับแรก และทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกรมไปรษณีย์ขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ซึ่งตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือปากคลองโอ่งอ่าง โดยกำหนดให้มีบริการไปรษณีย์ในอาณาเขต ดังนี้ ทางด้านเหนือ ถึงเขตสามเสน ทางด้านตะวันออก ถึงเขตสระประทุม ทางด้านใต้ ถึงเขตบางคอแหลม และทางด้านตะวันตก ถึงเขตตลาดพลู

      จนกระทั่งในปัจจุบันไปรษณีย์ได้ขยายออกไปมากจนทั่วประเทศ และยังรวมไปถึงทั่วโลก โดยเปลี่ยนชื่อเป็นกรมไปรษณีย์โทรเลข และมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆ มาใช้ในการให้บริการแก่ประชาชน เพื่อให้สามารถติดต่อกันได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น

       

       

      --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      แสตมป์

        

       

       

      ประวัติแสตมป์

      ประมาณปี พ.ศ. 2423 เจ้าหมื่นเสมอใจราช ได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลรัชกาลที่ 5 ให้ทรงจัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ข้าราชการและราษฏร ซึ่งต้องกับพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงส่งเจ้าหมื่นเสมอใจราชไปดูงานด้านไปรษณีย์ที่ ประเทศสิงคโปร์และจีน แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ ผู้ทรงมีประสบการณ์ด้านงานไปรษณีย์เตรียมการจัดตั้งกิจการไปรษณีย์ตามอย่างต่างประเทศ

               การตระเตรียมการเพื่อก่อตั้งกิจการไปรษณีย์ได้เตรียมการล่วงหน้าถึง 2 ปี สำหรับงานภายในได้มีการร่างประกาศเรื่องการไปรษณีย์และข้อบังคับต่าง ๆ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียม จัดทำตราไปรษณียากรหรือแสตมป์ไว้ใช้งานเตรียมจัดสถานที่ตั้งที่ทำการไปรษณีย์โดยกำหนดให้ตึกใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเหนือปากคลองโอ่งอ่างเป็นที่ทำการของกรมไปรษณีย์เรียกว่า"ไปรษณียาคาร" หรือสะกดตามอักษรในสมัยรัชกาลที่ 5 ว่า "ไปรสะนียาคาร"

              เมื่อเวลาลุล่วงถึงวันเสาร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือนเก้า ปีมะแม เบญจศก จุลศักราช 1245 ตรงกับวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2426 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า ทรงสถาปนากิจการไปรษณีย์นับเป็นครั้งแรกในบ้านเมืองเราที่ราษฏร สามารถส่งข่าวสารได้อย่างมีระบบและสะดวกสบาย แสตมป์ชุดแรกของไทยชื่อ "ชุดโสฬศ" ประกอบด้วย 1 โสฬศ 1 อัฐ 1 เสี้ยว ซีกหนึ่ง สลึงหนึ่ง และเฟื้องหนึ่ง จัดพิมพ์ที่บริษัท Waterlow and Son Ltd. ประเทศอังกฤษ จำนวนพิมพ์ชนิดละ 5 แสนดวง เริ่มนำออกมาใช้วันที่ 4 สิงหาคม  พ.ศ. 2426 ในวันนั้นเนื่องจากแสตมป์ราคาเฟื้องหนึ่งส่งมาไม่ทัน กรมไปรษณีย์โทรเลขจึงงดใช้และนำมาจำหน่ายเพื่อการสะสมภายหลัง
       
         แสตมป์ชุดโสฬสเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวผินพระพักตร์เบื้องซ้ายภายในวงกรอบรูปไข่ ตัวหนังสือและตัวเลขใช้อักษรและเลขไทยล้วน ด้านหลังไม่มีกาวและไม่มีลายน้ำ
      -------------------------------------------------------------------------------------------------

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×