คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : OS : Story about 'LOVE' {end}
OS : Story about 'LOVE'
-CHANBAEK-
"ผมเกิดมาจากอะไรหรอครับ" คำถามโลกแตกของเด็กอนุบาลทำเอาคนเป็นป๊าอย่างแบคฮยอนปวดหัว ร่างเล็กตะกุกตะกักมองหาตัวช่วยที่กำลังตั้งใจทำงานอยู่ไม่ไกล
ชานยอลได้ยินคำถามจากเสียงจ้อยก็อมยิ้มเล็กๆอย่างเอ็นดู เขาถอดแว่นสายตาวางลงบนโต๊ะแล้วเยื้องย่างเข้ามารับหนูน้อยซอจุนเข้าอ้อมกอด เด็กชายจ้องมองพ่อชานยอลตาแป๋ว
"ก็เกิดมาจากความรักของป๊าแบคฮยอนกับพ่อชานยอลไงครับ"
"แล้วความรักเกิดมาจากอะไรครับ"
"อืม..." ชานยอลเลี้ยงเด็กไม่เก่ง แต่ก็พอศึกษามาบ้างว่าถึงวัยไหนเด็กจะสงสัยเรื่องอะไร "ซอจุนรักพ่อไหมครับ"
"รักครับ"
"ทำไมซอจุนถึงรักพ่อล่ะครับ"
"ก็พ่อรักซอจุน พ่อใจดี ให้ซอจุนกินขนม พาไปเที่ยว แต่งตัวหล่อๆให้ พ่อจุ๊บซอจุนด้วย"
"นั่นแหละครับ..." ร่างสูงจับมือน้อยของลูกชายมางับอย่างมันเขี้ยว นิ้วป้อมของซอจุนจับหมับตรงปลายจมูกโด่ง "ป๊าแบคฮยอนก็จุ๊บพ่อชานยอลทุกวันเหมือนกัน"
คนถูกพูดถึงเบ้หน้าแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือเรื่องจริง ก็แล้วทำไมล่ะ ในเมื่อเขาทั้งคู่รักกันจะจุ๊บกันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรอ ก็กว่าเราจะกลายมาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้มันไม่ง่ายเลยนี่นา
...17ปีก่อน...
'ชานยอล เมื่อไหร่แกจะไปสมัครเรียนสักที' หญิงสาววัยสี่สิบหันมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนบนโซฟา ท่านอนเอาแต่ใจแบบกะจะครองพื้นที่คนเดียวที่เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้
'รีบหรอแม่'
'แกก็เป็นเอาซะอย่างนี้ไง ไม่คิดจะเรียนหนังสือ เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ต่อไปพ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วแกจะทำยังไง จะเอาเงินที่ไหนกินข้าว'
'แม่ก็บ่นผมอยู่นั่นแหละ'
'ก็แม่เป็นแม่แก ไม่ให้บ่นแกจะให้ไปบ่นใครล่ะ'
'เดี๋ยวผมมานะแม่'
'จะไปไหนของแก มาช่วยแม่ทำขนมก่อนสิ ไอ้เด็กคนนี้นี่จริงๆเลย พึ่งพาอะไรกับใครเขาไม่ได้สักอย่าง'
ชานยอลเดินเลียบไปตามรางรถไฟ คืนนี้นัดกับเพื่อนในทีมฟุตบอลไว้ว่าจะไปไนท์คลับ ขืนอยู่ให้แม่จิกหัวใช้ก็ค่ำมืดไม่ทันการณ์กันพอดี
แล้วไอ้เรื่องเรียนที่แม่กังวลนั่นน่ะ...เขายังไม่อยากบอกหรอกว่าสอบติดแล้ว กลัวแม่จะหัวใจวายที่มีลูกเก่งไปซะก่อน
ชีวิตในรั้วโรงเรียนศิลปะปีแรกผ่านไปไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเรียนไม่ไหวแต่สังคมเมืองมันมีสิ่งยั่วยุให้แมงเม่าอย่างเขาบินเข้าหากองไฟจนไม่เป็นอันเรียน
ฐานะทางบ้านเขาไม่ใช่ว่าแย่ ถือว่ามีฐานะพอสมควรเลยแหละ เพราะฉะนั้นเงินที่พ่อกับแม่ส่งมาให้ก็เอาไปลงกับขวดเหล้าขวดเบียร์จนหมด
ผ่านไปหนึ่งปีชานยอลโดนเรียกตัวกลับเพราะก่อความวุ่นวายในโรงเรียนจนเรื่อง ถึงผู้ปกครอง แหงล่ะ...เมาไปเรียนขนาดนั้นจะอยู่เฉยๆได้ยังไง
'ทำอะไรของแกห้ะชานยอล แม่ส่งให้ไปเรียนกลับไปอาละวาดแบบนั้นมันใช้ได้ซะที่ไหน'
'ก็ตอนนั้นมันมาหาเรื่องผมก่อนนี่แม่'
'คุณครูบอกว่าแกเมา เอาเงินไปลงขวดเหล้าหมดใช่ไหม'
'ไม่หมดสักหน่อย'
'ทำไมแกทำแบบนี้ปาร์คชานยอล แม่ผิดหวังในตัวแกจริงๆเลย'
'...' เด็กหนุ่มเงียบลงเมื่อเห็นหยดน้ำตาของมารดา
'แม่แค่หวังให้แกเรียนจบ ทำงานดีๆ มีครอบครัวที่ดี ดูแลตัวเองได้'
'...' หญิงสาวที่เข้มแข็งที่สุด
'แม่จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกันเชียวชานยอล'
...กำลังร่ำไห้
'แม่อยู่กับผมอีกนานน่า อย่าพูดเรื่องนี้สิ'
'แม่แก่ขึ้นทุกวันแกก็รู้...'
'ผมจะทำงานเก็บเงินสักปี แล้วค่อยกลับไปเรียน'
ชานยอลของานทำกับลุงที่รู้จัก แกเห็นเขามาตั้งแต่คลอดนั่นแหละ คนแถวนี้สนิทสนมกันจนแทบจะเอามานับญาติกันได้อยู่แล้ว นี่แหละนะชนบท
ไม่กี่สัปดาห์เด็กหนุ่มก็ระเห็ดไปอยู่นอกบ้านอีกครั้ง ออกไปทำงานใช้แรงแลกค่าจ้างไม่กี่บาท
น้ำตาของหญิงสาวร่วงหล่นเป็นสายขณะที่เธอแอบมองลูกชายปาดเหงื่อท่ามกลางแสง แดด ชานยอลเป็นลูกคนสุดท้อง เขาไม่เคยต้องทำงานหนักขนาดนี้มาก่อน
ไม่ไหวแน่ๆ ชานยอลต้องไม่ไหวแน่ๆ
หัวอกของคนเป็นแม่แทบจะขาดรอน เธอขอให้ชานยอลกลับมานอนเฉยๆที่บ้านดีกว่าทนให้ลูกเผชิญกับความเหนื่อยยากขนาดนั้น เธอเป็นแม่ที่ดีเกินไป
'ไปสอบเข้าที่นี่นะลูก มันไม่ไกลบ้านมาก เผื่อมีปัญหาอะไรแม่จะได้ไปหาง่ายๆ'
ชานยอลก้มมองใบสมัครโรงเรียนสายอาชีพ เอาวะ!
เขาไม่ใช่คนสมองฝ่อใครๆก็รู้ ออกจะฉลาดด้วยซ้ำ แต่ความขี้เกียจมันทำให้ชีวิตไม่พัฒนา ข้อนี้แม้แต่ชานยอลเองก็เข้าใจดีแต่กลับเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
คะแนนสอบออกมาไม่น่าเกลียดทั้งๆที่ไม่ได้แตะหนังสือเลยสักเล่ม โรงเรียนนี้มีชั้นปีละแค่สองห้องคือห้องคิงกับห้องบ๊วยและชานยอลได้อยู่ห้อง บ๊วย
'เห้ย! ไอ้เตี้ยนั่นน่ะ เก็บลูกบอลมาให้หน่อยซิ' เสียงทุ้มตะโกนลั่นจากกลางสนามฟุตบอลไปถึงเด็กผู้ชายตัวเล็กๆใต้ต้นไม้
สองขาสั้นลุกเดินไปยังลูกกลมๆที่ผู้คนต่างแย่งกันไปมาแล้วออกแรงเตะเต็มแรงจนมันลอยหวือเฉียดศีรษะร่างสูงไปนิดเดียว
'ไอ้นี่ วอนซะแล้ว'
'เห้ยชานยอล อย่าเพิ่งมีเรื่องเลยว่ะ เล่นต่อเถอะกำลังมัน'
นี่ถ้าไม่โดนเพื่อนรั้งไว้ไอ้ห่านั่นจะต้องจมกองเลือดแน่นอน
เสียงกรี๊ดดังแบบนี้ทุกวันที่ชานยอลมาเรียนนั่นแหละ แบคฮยอนพยายามนับเพศหญิงบนอัฒจรรย์ที่มานั่งเชียร์การออกกำลังกายของชายหนุ่มติดขอบสนาม แต่ช่างเถอะ...พวกเธอมีเยอะเกินไปจนเขาตาลาย
ปาร์คชานยอลคือมนุษย์ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา ใครๆในโรงเรียนนี้และพื้นที่ใกล้เคียงรู้จักหมดนั่นแหละ เขาเป็นนักเลงทั้งกับเด็ก สตรี และคนชรา ขี้เมาแต่ไม่เสพยา เรียนพอใช้ได้ วาดรูปเก่ง เป็นนักกีฬาของจังหวัด เป็นนักดนตรีของโรงเรียน แต่เจ้าชู้สุดๆไปเลยล่ะ
เขาไม่ใช่คนที่จะควงสาวไปทั่ว เพราะวันๆนอกจากจะใช้เวลาไปกับสิ่งที่ชอบและถนัดแล้ว เขาก็ยังต้องดื่มเหล้าอีกด้วย แต่เหตุผลที่ใครๆก็หาว่าเขาเจ้าชู้นั่นก็คือสายตา...
...ถ้าจะถามว่าอะไรหวานสู้น้ำตาลได้คงจะตอบว่าสายตาของปาร์คชานยอล เขาโปรยสเน่ห์ด้วยดวงตาคู่นั้นไง ง่ายนิดเดียว
แบคฮยอนไม่ได้รู้จักชานยอลเป็นการส่วนตัว เขาเพียงแค่รู้จักในฐานะคนที่ต้องรู้จักเอาไว้ก็เท่านั้น
ชานยอลไม่ใช่คนที่น่าอยู่ใกล้มากนักหรอก เขาอันตราย...ไม่รู้ว่าอันตรายต่อหัวใจหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่ชานยอลกำลังจะลงสนามเพื่อเล่นบอลเมื่อไหร่ แบคฮยอนก็จะจับจองพื้นที่ใต้ต้นไม้เพื่อนั่งอ่านหนังสือตลอดเลย
เขาคิดว่าชานยอลเท่ดี ใช่ ก็แค่ความชื่นชม
'ไงเจ้าเตี้ย วันก่อนเตะบอลใส่หัวฉันคงจะสะใจมากสินะ' ร่างสูงตาแดงมาเรียนเหมือนเคย ทุกเช้าวันจันทร์จะเป็นวันที่ขีดพลังงานของชานยอลลดต่ำที่สุด เพราะเขาใช้มันไปตั้งแต่คืนวันศุกร์ถึงคืนวันอาทิตย์จนหมดแล้ว
'ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่ามันจะลอยสูงขนาดนั้น
'หรอ'
จะโดนต่อยไหมนะ? ...แบคฮยอนคิดแค่นี้
'ขอโทษนะ'
'วันนี้ฉันมีโชว์ดนตรีตอนสองทุ่ม ถ้านายไม่ไปเชียร์ฉันจะถือว่านายตั้งใจทำร้ายฉัน'
'แต่สองทุ่ม...'
'อย่าลืมป้ายไฟล่ะ' ...มันดึกไป
'สองทุ่ม...'
'เป็นหน้าม้าให้ฉันหน่อย' ...มันดึกไปนะ
แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าตัวเองมายืนทำอะไรอยู่ในดงนี้ ป้ายไฟนี่ก็หนักชะมัด แถมผู้คนยังเบียดชนิดที่ว่าถ้าได้เสียกันตรงนี้ก็คงจะไม่มีใครสังเกตเห็น
ทำไมชานยอลยังต้องการหน้าม้าอีกนะ ดูสาวๆแต่ละคนที่นี่สิ มาให้กำลังใจชานยอลทั้งนั้น ผู้ชายคนเดียวอย่างเขากลายเป็นตัวประหลาดไปเลย
ร่างเล็กนั่งทุบแขนตัวเองอยู่ข้างเวทีหลังจากหมดพลังไปกับการชูป้ายไฟ เขาแน่ใจว่าชานยอลมองเห็นเขาแล้วและคงไม่คิดว่าการขอโทษนั้นเป็นโมฆะอีก
'ขอบใจว่ะ' ในขณะที่กำลังจะกลับใครบางคนก็ปรากฏขึ้นจากด้านหลัง
'อือ'
'เป็นอะไร'
'ฉันกลับก่อนนะ หวังว่านายคงจะเลิกคิดว่าฉันตั้งใจเตะลูกบอลใส่แล้ว'
'โอเค กลับดีๆล่ะ' แบคฮยอนหูลู่หางตกเดินไปคร่อมจักรยานสีเขียวแล้วปั่นออกไป
เขาไม่ใช่คนนอนดึก ปกติสี่ทุ่มก็หลับแล้ว แต่วันนี้กลับต้องมานั่งทำการบ้านต่อจนเกือบเที่ยงคืน ร่างเล็กหลับคากองหนังสือภาษาอังกฤษจนถึงเช้า
ใต้ตาคล้ำขึ้นจนเห็นได้ชัด และเช้านี้เขาก็พบความผิดปกติอีกอย่างหนึ่งเมื่อเห็นร่างของใครบางคนยืนเอาเท้าเขี่ยพื้นอยู่หน้าห้องเรียน
'ขอบใจ'
'...' แบคฮยอนหันซ้ายหันขวาไม่พบคนอื่นจึงชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
'นายนั่นแหละ'
'เรื่องอะไร เมื่อคืนก็พูดไปแล้วนี่'
'ก็เมื่อคืนเห็นง่วงๆอ่ะ เลยกลัวว่าจะไม่ได้ยินที่พูดไป'
ปาร์คชานยอลมีความคิดแบบนี้ด้วยหรอ ทำไมเท่าที่ได้ยินมาไม่เห็นจะรู้เลยล่ะ
'ได้ยินแล้ว'
'เดี๋ยวสิ' ข้อมือเล็กถูกคว้าหมับ 'วันเสาร์จะมีแข่งฟุตบอลประเพณี ไปเป็นหน้าม้าให้อีกได้ไหม?'
'ไม่เอาแล้ว เมื่อคืนยกป้ายไฟจนแขนจะหลุดหมดแล้วเนี่ย ขืนไปอีกแขนต้องหลุดจริงๆแน่'
'ไม่ต้องชูป้ายไฟอะไรทั้งนั้น แค่ไปนั่งเชียร์ นะ ฉันจะรอนาย' แล้วร่างสูงก็วิ่งกลับห้องเรียนตัวเองไป อย่าบอกนะว่าชานยอลมาโรงเรียนแต่เช้าเพราะมาขอให้ไปเชียร์ฟุตบอลน่ะ เหลวไหลสิ้นดี
วันทั้งวันแบคฮยอนเอาแต่ฟุบหลับจนโดนอาจารย์ดุไปหลายครั้ง มื้อเที่ยงเขาก็เลือกที่จะนอนมากกว่ากิน เข็ดจริงๆกับการนอนดึกเนี่ย
'นี่พวกแก วันเสาร์นี้โรงเรียนเรามีแข่งฟุตบอลด้วยแหละ' สตรีหมายเลขหนึ่งวิ่งเข้ามาหลังออดบอกเวลาพักเที่ยงหมดลง
'งี้ชานยอลก็ลงแข่งด้วยดิ' คนที่สองที่กำลังปัดแก้ม
'แหงล่ะ ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปเชียร์เขา' ส่วนอีกคนก็หยิบคาดผมสีชมพูมาคาด
ผู้หญิงเป็นเพศที่เข้าใจยากจริงๆ
แบคฮยอนถอนหายใจ เขาต้องกลายเป็นตัวประหลาดในดงเพศเมียอีกแล้วใช่ไหม ไม่ชอบเลย
แต่เห็นเตี้ยๆอย่างนี้แบคฮยอนก็เป็นนักวิ่งนะครับ มีแข่งกีฬากี่ครั้งก็จะเห็นขาสั้นๆสับอยู่บนพื้นทรายแดงๆทุกครั้ง แต่นับในใจไว้ได้เลย ไม่เกิน40วิหรอก ... เป็นลม
'แบคฮยอน!'
นั่งไง...พูดไม่ทันขาดคำ
ร่างเล็กถูกหามเข้าเต้นท์นักกีฬา ทั้งพัดทั้งแอมโมเนียกรูกันเข้ามาหาให้วุ่น หลายคนแสดงอาการตกใจแต่ถ้ารู้จักแบคฮยอนมากกว่านี้อีกนิดก็จะชินและชาไปเอง
กีฬาประเภทสุดท้ายของงานหลังจากวอลเลย์บอลและบาสเก็ตบอลก็คือฟุตบอล เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้
แบคฮยอนไปไม่ทันนั่งอัฒจรรย์ด้านหน้าสุดเขาจึงต้องขยับขึ้นมานั่งบนชั้นที่ ห้า นักกีฬาทั้งสองฝั่งเลือกหัวก้อยกันอยู่กลางสนามก่อนที่เสียงนกหวีดจะดังขึ้น เพื่อเริ่มเกมการแข่งขัน
เสียงเชียร์ดังกระหึ่มจนรู้สึกฮึกเหิมเป็นบ้า ใครเป็นใครตอนนี้แบคฮยอนเกือบจะแยกไม่ออก ยกเว้นชานยอล เพราะความสูงของเขาเป็นที่สะดุดตาจริงๆ
'กรี๊ดดดดด'
คนที่เขาไม่สามารถละสายตาออกมาได้ลงไปนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นหญ้าเพราะถูก ทีมตรงข้ามสกัดขา แต่เกมก็ยังดำเนินต่อไปเพราะชานยอลไม่ได้รับบาดเจ็บ
ดูเหมือนว่าประตูลูกแรกกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีนี้และ...
'เฮ~'
เป็นชานยอลที่ทำให้คะแนนของโรงเรียนเราขึ้นนำไปก่อน
แบคฮยอนลุ้นจนเยี่ยวเหนียวไปหมดตอนเกือบจะถึงนาทีที่เก้าสิบ เพราะหลายครั้งที่เหมือนว่าอีกฝั่งจะทำประตูได้แต่ก็ทำไม่ได้ จนกรรมการเป่านกหวีดจบการแข่งขัน
นักกีฬาทุกคนถือดอกกุหลาบสีแดงคนละดอกหลังจากขึ้นไปรับถ้วยรางวัล และลงมายืนด้วยกันบนสนามอีกครั้ง
บางคนแลกดอกไม้กันเพื่อถือเป็นคำขอบคุณ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเอาไปให้คนรัก หรือคนที่กำลังสนใจอยู่
'แกว่าชานยอลจะให้ดอกไม้ใคร' แบคฮยอนหันไปมองผู้หญิงกลุ่มเดิมกับเมื่อวันก่อน วันนี้พวกเธอแต่งหน้ากันมาจนดูสวยจริงๆนั่นแหละ และแบคฮยอนคิดว่าคนที่จะได้ดอกไม้จากชานยอลคงจะเป็น...
'เขาเดินมาทางนี้แล้วแก'
คงจะหนีไม่พ้น...
'เขาอมยิ้มด้วยอ่ะแก'
คนที่เขาคิดว่า...
'อ้าว' แบคฮยอนเงยหน้าที่กำลังก้มมองปลายเท้าไปมองพวกเธอ ด้านหน้าของทั้งสามคนไม่มีชานยอลยืนอยู่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเขาควรจะยื่นดอกกุหลาบให้กับใครคนใดคนหนึ่งในสามคน นั้นตามที่แบคฮยอนคิดไว้
แต่นี่ชานยอลกลับ...
'แบคฮยอน'
ขึ้นมายืนอยู่ข้างหน้าเขา...
'ให้'
พร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงในมือ...
'ขอบใจนะที่มาเชียร์'
...แล้วก็ยื่นให้เขารับไว้
จากนั้นทั้งโรงเรียนก็รู้ว่าชานยอลกำลังจีบแบคฮยอน แม้ว่าบุคลิกจะดูไม่เข้ากันเลยสักนิดแต่ความแตกต่างก็ทำให้ทุกอย่างมันลงตัว
ช่วงแรกร่างสูงยังทำตัวสำมะเลเทเมาเหมือนเคย แบคฮยอนเองก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรเพราะกลัว ยิ่งเวลาชานยอลเมาด้วยแล้วถ้าหลบหน้าได้เขาก็หลบ
ผ่านไปหลายเดือนชานยอลก็ปรับตัวเองให้ดีขึ้นเพราะเขาอยากอยู่กับแบคฮยอน จากที่ขี้เกียจก็ขยัน จากที่ขี้เมาก็ลดปริมาณลง และถึงแม้จะติดนิสัยชอบส่งสายตาหวานให้ผู้หญิงอยู่บ้าง แต่คนที่เขาสนใจจริงๆแล้วน่ะ
...คือผู้ชายตัวเล็กคนนี้ต่างหาก
คนที่ชอบแอบมองเขาผ่านเล่มหนังสือทุกวันใต้ต้นไม้ และสุดท้ายก็กลายเป็นเขาเองที่ละสายตากลับมาไม่ได้
...ผู้ชายที่ชื่อบยอนแบคฮยอน
หลังจากนั้นหลายปีทั้งสองคนก็ยังรักกันไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนวันหนึ่งที่มีความคิดเห็นตรงกันว่าควรจะมีเด็กน้อยสักคนเข้ามาเติมเต็มคำว่าชีวิตครอบครัว
ไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนี้ แต่สำหรับแบคฮยอนแล้ว การที่ต้องนั่งรอชานยอลทำงานจนดึกดื่นเป็นประจำก็น่าจะหาอะไรทำคลายเหงา
และประธานบริษัทก็รับเด็กมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
'แม่แค่หวังให้แกเรียนจบ ทำงานดีๆ มีครอบครัวที่ดี ดูแลตัวเองได้' ...คำพูดของแม่ยังคงดังก้องอยู่เสมอ
ใช่แล้ว ... ผู้ชายที่ไม่เอาไหนตอนนั้นน่ะ ค่อยๆถูกกาลเวลาเจือลงช้าๆ เฉกเช่นต้นไม้ที่ผลัดใบ จากเด็กเกเรขี้เมาคนนั้น วันนี้เขาประสบความสำเร็จ ทั้งอาชีพการงาน และความรัก
"คราวนี้รู้แล้วใช่ไหมครับ ว่าความรักคืออะไร"
"ความรักคือป๊ากับพ่อจุ๊บกันทุกวันใช่ไหมครับ"
"ครับ เก่งที่สุดเลยลูกพ่อ"
แม้ว่ากว่าจะประคองกันมาจนถึงจุดนี้จะต้องเจ็บปวดและล้มลุกคลุกคลานขนาดไหน แต่เมื่อหยัดยืนได้ขนาดนี้ทำให้ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า ... คนข้างๆนี้น่ะ แม้จะทุกข์ไปกว่านี้ จะยากไปกว่านี้ ก็ไม่มีอะไรจะพรากจากไปได้อีกแล้ว
---จบ---
#ficlazycenter
แต่งไว้เกือบปีแล้ว เพิ่งเจอ
อิอิ
themybutter
ความคิดเห็น