ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lazy Center : OS , SF — chanbaek ft.EXO

    ลำดับตอนที่ #9 : OS : Story about 'LOVE' {end}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.7K
      12
      11 พ.ย. 59

     

    OS : Story about 'LOVE'
    -CHANBAEK-



     

     

    "ผมเกิดมาจากอะไรหรอครับ" คำถามโลกแตกของเด็กอนุบาลทำเอาคนเป็นป๊าอย่างแบคฮยอนปวดหัว ร่างเล็กตะกุกตะกักมองหาตัวช่วยที่กำลังตั้งใจทำงานอยู่ไม่ไกล

    ชานยอลได้ยินคำถามจากเสียงจ้อยก็อมยิ้มเล็กๆอย่างเอ็นดู เขาถอดแว่นสายตาวางลงบนโต๊ะแล้วเยื้องย่างเข้ามารับหนูน้อยซอจุนเข้าอ้อมกอด เด็กชายจ้องมองพ่อชานยอลตาแป๋ว

    "ก็เกิดมาจากความรักของป๊าแบคฮยอนกับพ่อชานยอลไงครับ"

    "แล้วความรักเกิดมาจากอะไรครับ"

    "อืม..." ชานยอลเลี้ยงเด็กไม่เก่ง แต่ก็พอศึกษามาบ้างว่าถึงวัยไหนเด็กจะสงสัยเรื่องอะไร "ซอจุนรักพ่อไหมครับ"

    "รักครับ"

    "ทำไมซอจุนถึงรักพ่อล่ะครับ"

    "ก็พ่อรักซอจุน พ่อใจดี ให้ซอจุนกินขนม พาไปเที่ยว แต่งตัวหล่อๆให้ พ่อจุ๊บซอจุนด้วย"

    "นั่นแหละครับ..." ร่างสูงจับมือน้อยของลูกชายมางับอย่างมันเขี้ยว นิ้วป้อมของซอจุนจับหมับตรงปลายจมูกโด่ง "ป๊าแบคฮยอนก็จุ๊บพ่อชานยอลทุกวันเหมือนกัน"

    คนถูกพูดถึงเบ้หน้าแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือเรื่องจริง ก็แล้วทำไมล่ะ ในเมื่อเขาทั้งคู่รักกันจะจุ๊บกันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรอ ก็กว่าเราจะกลายมาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้มันไม่ง่ายเลยนี่นา

     

    ...17ปีก่อน...

     

    'ชานยอล เมื่อไหร่แกจะไปสมัครเรียนสักที' หญิงสาววัยสี่สิบหันมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนบนโซฟา ท่านอนเอาแต่ใจแบบกะจะครองพื้นที่คนเดียวที่เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้

    'รีบหรอแม่'

    'แกก็เป็นเอาซะอย่างนี้ไง ไม่คิดจะเรียนหนังสือ เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ต่อไปพ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วแกจะทำยังไง จะเอาเงินที่ไหนกินข้าว'

    'แม่ก็บ่นผมอยู่นั่นแหละ'

    'ก็แม่เป็นแม่แก ไม่ให้บ่นแกจะให้ไปบ่นใครล่ะ'

    'เดี๋ยวผมมานะแม่'

    'จะไปไหนของแก มาช่วยแม่ทำขนมก่อนสิ ไอ้เด็กคนนี้นี่จริงๆเลย พึ่งพาอะไรกับใครเขาไม่ได้สักอย่าง'

    ชานยอลเดินเลียบไปตามรางรถไฟ คืนนี้นัดกับเพื่อนในทีมฟุตบอลไว้ว่าจะไปไนท์คลับ ขืนอยู่ให้แม่จิกหัวใช้ก็ค่ำมืดไม่ทันการณ์กันพอดี

    แล้วไอ้เรื่องเรียนที่แม่กังวลนั่นน่ะ...เขายังไม่อยากบอกหรอกว่าสอบติดแล้ว กลัวแม่จะหัวใจวายที่มีลูกเก่งไปซะก่อน

    ชีวิตในรั้วโรงเรียนศิลปะปีแรกผ่านไปไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเรียนไม่ไหวแต่สังคมเมืองมันมีสิ่งยั่วยุให้แมงเม่าอย่างเขาบินเข้าหากองไฟจนไม่เป็นอันเรียน

    ฐานะทางบ้านเขาไม่ใช่ว่าแย่ ถือว่ามีฐานะพอสมควรเลยแหละ เพราะฉะนั้นเงินที่พ่อกับแม่ส่งมาให้ก็เอาไปลงกับขวดเหล้าขวดเบียร์จนหมด

    ผ่านไปหนึ่งปีชานยอลโดนเรียกตัวกลับเพราะก่อความวุ่นวายในโรงเรียนจนเรื่อง ถึงผู้ปกครอง แหงล่ะ...เมาไปเรียนขนาดนั้นจะอยู่เฉยๆได้ยังไง

    'ทำอะไรของแกห้ะชานยอล แม่ส่งให้ไปเรียนกลับไปอาละวาดแบบนั้นมันใช้ได้ซะที่ไหน'

    'ก็ตอนนั้นมันมาหาเรื่องผมก่อนนี่แม่'

    'คุณครูบอกว่าแกเมา เอาเงินไปลงขวดเหล้าหมดใช่ไหม'

    'ไม่หมดสักหน่อย'

    'ทำไมแกทำแบบนี้ปาร์คชานยอล แม่ผิดหวังในตัวแกจริงๆเลย'

    '...' เด็กหนุ่มเงียบลงเมื่อเห็นหยดน้ำตาของมารดา

    'แม่แค่หวังให้แกเรียนจบ ทำงานดีๆ มีครอบครัวที่ดี ดูแลตัวเองได้'

    '...' หญิงสาวที่เข้มแข็งที่สุด

    'แม่จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกันเชียวชานยอล'

    ...กำลังร่ำไห้

    'แม่อยู่กับผมอีกนานน่า อย่าพูดเรื่องนี้สิ'

    'แม่แก่ขึ้นทุกวันแกก็รู้...'

    'ผมจะทำงานเก็บเงินสักปี แล้วค่อยกลับไปเรียน'
     

    ชานยอลของานทำกับลุงที่รู้จัก แกเห็นเขามาตั้งแต่คลอดนั่นแหละ คนแถวนี้สนิทสนมกันจนแทบจะเอามานับญาติกันได้อยู่แล้ว นี่แหละนะชนบท

    ไม่กี่สัปดาห์เด็กหนุ่มก็ระเห็ดไปอยู่นอกบ้านอีกครั้ง ออกไปทำงานใช้แรงแลกค่าจ้างไม่กี่บาท

    น้ำตาของหญิงสาวร่วงหล่นเป็นสายขณะที่เธอแอบมองลูกชายปาดเหงื่อท่ามกลางแสง แดด ชานยอลเป็นลูกคนสุดท้อง เขาไม่เคยต้องทำงานหนักขนาดนี้มาก่อน
     

    ไม่ไหวแน่ๆ ชานยอลต้องไม่ไหวแน่ๆ
     

    หัวอกของคนเป็นแม่แทบจะขาดรอน เธอขอให้ชานยอลกลับมานอนเฉยๆที่บ้านดีกว่าทนให้ลูกเผชิญกับความเหนื่อยยากขนาดนั้น เธอเป็นแม่ที่ดีเกินไป

    'ไปสอบเข้าที่นี่นะลูก มันไม่ไกลบ้านมาก เผื่อมีปัญหาอะไรแม่จะได้ไปหาง่ายๆ'

    ชานยอลก้มมองใบสมัครโรงเรียนสายอาชีพ เอาวะ!
     

    เขาไม่ใช่คนสมองฝ่อใครๆก็รู้ ออกจะฉลาดด้วยซ้ำ แต่ความขี้เกียจมันทำให้ชีวิตไม่พัฒนา ข้อนี้แม้แต่ชานยอลเองก็เข้าใจดีแต่กลับเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้

    คะแนนสอบออกมาไม่น่าเกลียดทั้งๆที่ไม่ได้แตะหนังสือเลยสักเล่ม โรงเรียนนี้มีชั้นปีละแค่สองห้องคือห้องคิงกับห้องบ๊วยและชานยอลได้อยู่ห้อง บ๊วย

    'เห้ย! ไอ้เตี้ยนั่นน่ะ เก็บลูกบอลมาให้หน่อยซิ' เสียงทุ้มตะโกนลั่นจากกลางสนามฟุตบอลไปถึงเด็กผู้ชายตัวเล็กๆใต้ต้นไม้

    สองขาสั้นลุกเดินไปยังลูกกลมๆที่ผู้คนต่างแย่งกันไปมาแล้วออกแรงเตะเต็มแรงจนมันลอยหวือเฉียดศีรษะร่างสูงไปนิดเดียว

    'ไอ้นี่ วอนซะแล้ว'

    'เห้ยชานยอล อย่าเพิ่งมีเรื่องเลยว่ะ เล่นต่อเถอะกำลังมัน'

    นี่ถ้าไม่โดนเพื่อนรั้งไว้ไอ้ห่านั่นจะต้องจมกองเลือดแน่นอน
     

    เสียงกรี๊ดดังแบบนี้ทุกวันที่ชานยอลมาเรียนนั่นแหละ แบคฮยอนพยายามนับเพศหญิงบนอัฒจรรย์ที่มานั่งเชียร์การออกกำลังกายของชายหนุ่มติดขอบสนาม แต่ช่างเถอะ...พวกเธอมีเยอะเกินไปจนเขาตาลาย

    ปาร์คชานยอลคือมนุษย์ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา ใครๆในโรงเรียนนี้และพื้นที่ใกล้เคียงรู้จักหมดนั่นแหละ เขาเป็นนักเลงทั้งกับเด็ก สตรี และคนชรา ขี้เมาแต่ไม่เสพยา เรียนพอใช้ได้ วาดรูปเก่ง เป็นนักกีฬาของจังหวัด เป็นนักดนตรีของโรงเรียน แต่เจ้าชู้สุดๆไปเลยล่ะ

    เขาไม่ใช่คนที่จะควงสาวไปทั่ว เพราะวันๆนอกจากจะใช้เวลาไปกับสิ่งที่ชอบและถนัดแล้ว เขาก็ยังต้องดื่มเหล้าอีกด้วย แต่เหตุผลที่ใครๆก็หาว่าเขาเจ้าชู้นั่นก็คือสายตา...

    ...ถ้าจะถามว่าอะไรหวานสู้น้ำตาลได้คงจะตอบว่าสายตาของปาร์คชานยอล เขาโปรยสเน่ห์ด้วยดวงตาคู่นั้นไง ง่ายนิดเดียว

    แบคฮยอนไม่ได้รู้จักชานยอลเป็นการส่วนตัว เขาเพียงแค่รู้จักในฐานะคนที่ต้องรู้จักเอาไว้ก็เท่านั้น

    ชานยอลไม่ใช่คนที่น่าอยู่ใกล้มากนักหรอก เขาอันตราย...ไม่รู้ว่าอันตรายต่อหัวใจหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่ชานยอลกำลังจะลงสนามเพื่อเล่นบอลเมื่อไหร่ แบคฮยอนก็จะจับจองพื้นที่ใต้ต้นไม้เพื่อนั่งอ่านหนังสือตลอดเลย

    เขาคิดว่าชานยอลเท่ดี ใช่ ก็แค่ความชื่นชม

    'ไงเจ้าเตี้ย วันก่อนเตะบอลใส่หัวฉันคงจะสะใจมากสินะ' ร่างสูงตาแดงมาเรียนเหมือนเคย ทุกเช้าวันจันทร์จะเป็นวันที่ขีดพลังงานของชานยอลลดต่ำที่สุด เพราะเขาใช้มันไปตั้งแต่คืนวันศุกร์ถึงคืนวันอาทิตย์จนหมดแล้ว

    'ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่ามันจะลอยสูงขนาดนั้น

    'หรอ'

    จะโดนต่อยไหมนะ? ...แบคฮยอนคิดแค่นี้

    'ขอโทษนะ'

    'วันนี้ฉันมีโชว์ดนตรีตอนสองทุ่ม ถ้านายไม่ไปเชียร์ฉันจะถือว่านายตั้งใจทำร้ายฉัน'

    'แต่สองทุ่ม...'

    'อย่าลืมป้ายไฟล่ะ' ...มันดึกไป

    'สองทุ่ม...'

    'เป็นหน้าม้าให้ฉันหน่อย' ...มันดึกไปนะ

     

    แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าตัวเองมายืนทำอะไรอยู่ในดงนี้ ป้ายไฟนี่ก็หนักชะมัด แถมผู้คนยังเบียดชนิดที่ว่าถ้าได้เสียกันตรงนี้ก็คงจะไม่มีใครสังเกตเห็น

    ทำไมชานยอลยังต้องการหน้าม้าอีกนะ ดูสาวๆแต่ละคนที่นี่สิ มาให้กำลังใจชานยอลทั้งนั้น ผู้ชายคนเดียวอย่างเขากลายเป็นตัวประหลาดไปเลย
     

    ร่างเล็กนั่งทุบแขนตัวเองอยู่ข้างเวทีหลังจากหมดพลังไปกับการชูป้ายไฟ เขาแน่ใจว่าชานยอลมองเห็นเขาแล้วและคงไม่คิดว่าการขอโทษนั้นเป็นโมฆะอีก

    'ขอบใจว่ะ' ในขณะที่กำลังจะกลับใครบางคนก็ปรากฏขึ้นจากด้านหลัง

    'อือ'

    'เป็นอะไร'

    'ฉันกลับก่อนนะ หวังว่านายคงจะเลิกคิดว่าฉันตั้งใจเตะลูกบอลใส่แล้ว'

    'โอเค กลับดีๆล่ะ' แบคฮยอนหูลู่หางตกเดินไปคร่อมจักรยานสีเขียวแล้วปั่นออกไป

    เขาไม่ใช่คนนอนดึก ปกติสี่ทุ่มก็หลับแล้ว แต่วันนี้กลับต้องมานั่งทำการบ้านต่อจนเกือบเที่ยงคืน ร่างเล็กหลับคากองหนังสือภาษาอังกฤษจนถึงเช้า

    ใต้ตาคล้ำขึ้นจนเห็นได้ชัด และเช้านี้เขาก็พบความผิดปกติอีกอย่างหนึ่งเมื่อเห็นร่างของใครบางคนยืนเอาเท้าเขี่ยพื้นอยู่หน้าห้องเรียน

    'ขอบใจ'

    '...' แบคฮยอนหันซ้ายหันขวาไม่พบคนอื่นจึงชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

    'นายนั่นแหละ'

    'เรื่องอะไร เมื่อคืนก็พูดไปแล้วนี่'

    'ก็เมื่อคืนเห็นง่วงๆอ่ะ เลยกลัวว่าจะไม่ได้ยินที่พูดไป'

    ปาร์คชานยอลมีความคิดแบบนี้ด้วยหรอ ทำไมเท่าที่ได้ยินมาไม่เห็นจะรู้เลยล่ะ

    'ได้ยินแล้ว'

    'เดี๋ยวสิ' ข้อมือเล็กถูกคว้าหมับ 'วันเสาร์จะมีแข่งฟุตบอลประเพณี ไปเป็นหน้าม้าให้อีกได้ไหม?'

    'ไม่เอาแล้ว เมื่อคืนยกป้ายไฟจนแขนจะหลุดหมดแล้วเนี่ย ขืนไปอีกแขนต้องหลุดจริงๆแน่'

    'ไม่ต้องชูป้ายไฟอะไรทั้งนั้น แค่ไปนั่งเชียร์ นะ ฉันจะรอนาย' แล้วร่างสูงก็วิ่งกลับห้องเรียนตัวเองไป อย่าบอกนะว่าชานยอลมาโรงเรียนแต่เช้าเพราะมาขอให้ไปเชียร์ฟุตบอลน่ะ เหลวไหลสิ้นดี

    วันทั้งวันแบคฮยอนเอาแต่ฟุบหลับจนโดนอาจารย์ดุไปหลายครั้ง มื้อเที่ยงเขาก็เลือกที่จะนอนมากกว่ากิน เข็ดจริงๆกับการนอนดึกเนี่ย

    'นี่พวกแก วันเสาร์นี้โรงเรียนเรามีแข่งฟุตบอลด้วยแหละ' สตรีหมายเลขหนึ่งวิ่งเข้ามาหลังออดบอกเวลาพักเที่ยงหมดลง

    'งี้ชานยอลก็ลงแข่งด้วยดิ' คนที่สองที่กำลังปัดแก้ม

    'แหงล่ะ ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปเชียร์เขา' ส่วนอีกคนก็หยิบคาดผมสีชมพูมาคาด

    ผู้หญิงเป็นเพศที่เข้าใจยากจริงๆ

    แบคฮยอนถอนหายใจ เขาต้องกลายเป็นตัวประหลาดในดงเพศเมียอีกแล้วใช่ไหม ไม่ชอบเลย

     

    แต่เห็นเตี้ยๆอย่างนี้แบคฮยอนก็เป็นนักวิ่งนะครับ มีแข่งกีฬากี่ครั้งก็จะเห็นขาสั้นๆสับอยู่บนพื้นทรายแดงๆทุกครั้ง แต่นับในใจไว้ได้เลย ไม่เกิน40วิหรอก ... เป็นลม

    'แบคฮยอน!'

    นั่งไง...พูดไม่ทันขาดคำ

    ร่างเล็กถูกหามเข้าเต้นท์นักกีฬา ทั้งพัดทั้งแอมโมเนียกรูกันเข้ามาหาให้วุ่น หลายคนแสดงอาการตกใจแต่ถ้ารู้จักแบคฮยอนมากกว่านี้อีกนิดก็จะชินและชาไปเอง

    กีฬาประเภทสุดท้ายของงานหลังจากวอลเลย์บอลและบาสเก็ตบอลก็คือฟุตบอล เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้

    แบคฮยอนไปไม่ทันนั่งอัฒจรรย์ด้านหน้าสุดเขาจึงต้องขยับขึ้นมานั่งบนชั้นที่ ห้า นักกีฬาทั้งสองฝั่งเลือกหัวก้อยกันอยู่กลางสนามก่อนที่เสียงนกหวีดจะดังขึ้น เพื่อเริ่มเกมการแข่งขัน

    เสียงเชียร์ดังกระหึ่มจนรู้สึกฮึกเหิมเป็นบ้า ใครเป็นใครตอนนี้แบคฮยอนเกือบจะแยกไม่ออก ยกเว้นชานยอล เพราะความสูงของเขาเป็นที่สะดุดตาจริงๆ

    'กรี๊ดดดดด'

    คนที่เขาไม่สามารถละสายตาออกมาได้ลงไปนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นหญ้าเพราะถูก ทีมตรงข้ามสกัดขา แต่เกมก็ยังดำเนินต่อไปเพราะชานยอลไม่ได้รับบาดเจ็บ

    ดูเหมือนว่าประตูลูกแรกกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีนี้และ...

    'เฮ~'

    เป็นชานยอลที่ทำให้คะแนนของโรงเรียนเราขึ้นนำไปก่อน
     

    แบคฮยอนลุ้นจนเยี่ยวเหนียวไปหมดตอนเกือบจะถึงนาทีที่เก้าสิบ เพราะหลายครั้งที่เหมือนว่าอีกฝั่งจะทำประตูได้แต่ก็ทำไม่ได้ จนกรรมการเป่านกหวีดจบการแข่งขัน

    นักกีฬาทุกคนถือดอกกุหลาบสีแดงคนละดอกหลังจากขึ้นไปรับถ้วยรางวัล และลงมายืนด้วยกันบนสนามอีกครั้ง

    บางคนแลกดอกไม้กันเพื่อถือเป็นคำขอบคุณ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเอาไปให้คนรัก หรือคนที่กำลังสนใจอยู่

    'แกว่าชานยอลจะให้ดอกไม้ใคร' แบคฮยอนหันไปมองผู้หญิงกลุ่มเดิมกับเมื่อวันก่อน วันนี้พวกเธอแต่งหน้ากันมาจนดูสวยจริงๆนั่นแหละ และแบคฮยอนคิดว่าคนที่จะได้ดอกไม้จากชานยอลคงจะเป็น...

    'เขาเดินมาทางนี้แล้วแก'

    คงจะหนีไม่พ้น...

    'เขาอมยิ้มด้วยอ่ะแก'

    คนที่เขาคิดว่า...

    'อ้าว' แบคฮยอนเงยหน้าที่กำลังก้มมองปลายเท้าไปมองพวกเธอ ด้านหน้าของทั้งสามคนไม่มีชานยอลยืนอยู่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเขาควรจะยื่นดอกกุหลาบให้กับใครคนใดคนหนึ่งในสามคน นั้นตามที่แบคฮยอนคิดไว้

    แต่นี่ชานยอลกลับ...

    'แบคฮยอน'

    ขึ้นมายืนอยู่ข้างหน้าเขา...

    'ให้'

    พร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงในมือ...

    'ขอบใจนะที่มาเชียร์'

    ...แล้วก็ยื่นให้เขารับไว้

     

    จากนั้นทั้งโรงเรียนก็รู้ว่าชานยอลกำลังจีบแบคฮยอน แม้ว่าบุคลิกจะดูไม่เข้ากันเลยสักนิดแต่ความแตกต่างก็ทำให้ทุกอย่างมันลงตัว

    ช่วงแรกร่างสูงยังทำตัวสำมะเลเทเมาเหมือนเคย แบคฮยอนเองก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรเพราะกลัว ยิ่งเวลาชานยอลเมาด้วยแล้วถ้าหลบหน้าได้เขาก็หลบ

    ผ่านไปหลายเดือนชานยอลก็ปรับตัวเองให้ดีขึ้นเพราะเขาอยากอยู่กับแบคฮยอน จากที่ขี้เกียจก็ขยัน จากที่ขี้เมาก็ลดปริมาณลง และถึงแม้จะติดนิสัยชอบส่งสายตาหวานให้ผู้หญิงอยู่บ้าง แต่คนที่เขาสนใจจริงๆแล้วน่ะ

    ...คือผู้ชายตัวเล็กคนนี้ต่างหาก

    คนที่ชอบแอบมองเขาผ่านเล่มหนังสือทุกวันใต้ต้นไม้ และสุดท้ายก็กลายเป็นเขาเองที่ละสายตากลับมาไม่ได้

    ...ผู้ชายที่ชื่อบยอนแบคฮยอน

     

    หลังจากนั้นหลายปีทั้งสองคนก็ยังรักกันไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนวันหนึ่งที่มีความคิดเห็นตรงกันว่าควรจะมีเด็กน้อยสักคนเข้ามาเติมเต็มคำว่าชีวิตครอบครัว

    ไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนี้ แต่สำหรับแบคฮยอนแล้ว การที่ต้องนั่งรอชานยอลทำงานจนดึกดื่นเป็นประจำก็น่าจะหาอะไรทำคลายเหงา

    และประธานบริษัทก็รับเด็กมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
     

    'แม่แค่หวังให้แกเรียนจบ ทำงานดีๆ มีครอบครัวที่ดี ดูแลตัวเองได้' ...คำพูดของแม่ยังคงดังก้องอยู่เสมอ
     

    ใช่แล้ว ... ผู้ชายที่ไม่เอาไหนตอนนั้นน่ะ ค่อยๆถูกกาลเวลาเจือลงช้าๆ เฉกเช่นต้นไม้ที่ผลัดใบ จากเด็กเกเรขี้เมาคนนั้น วันนี้เขาประสบความสำเร็จ ทั้งอาชีพการงาน และความรัก

    "คราวนี้รู้แล้วใช่ไหมครับ ว่าความรักคืออะไร"

    "ความรักคือป๊ากับพ่อจุ๊บกันทุกวันใช่ไหมครับ"

    "ครับ เก่งที่สุดเลยลูกพ่อ"

    แม้ว่ากว่าจะประคองกันมาจนถึงจุดนี้จะต้องเจ็บปวดและล้มลุกคลุกคลานขนาดไหน แต่เมื่อหยัดยืนได้ขนาดนี้ทำให้ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า ... คนข้างๆนี้น่ะ แม้จะทุกข์ไปกว่านี้ จะยากไปกว่านี้ ก็ไม่มีอะไรจะพรากจากไปได้อีกแล้ว




     

    ---จบ---

















     

    #ficlazycenter

    แต่งไว้เกือบปีแล้ว เพิ่งเจอ
    อิอิ

     

    ©
    themybutter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×