คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : หัวไม้ : บทส่งท้าย {100%}
สองเท้าของแบคฮยอนก้าวย่างอย่างมั่นคงอยู่ในม่านหมอก ควันสีขาวลอยฟุ้งตลอดทางเดิน แต่ยังคงแหวกเป็นทางยาวให้ได้มุ่งหน้าไปหาใครสักคนที่กำลังยืนรออยู่ตรงปลายทาง
และคนๆนั้นไม่ใช่คนอื่นใดนอกจาก
"ชานยอล"
...คนรักของเขา
"ทำไมไปนานจัง"
แล้วภาพอันสวยหวานก่อนหน้าก็มลายหายไป เพลงรักถูกกลบด้วยเสียงประชาสัมพันธ์และเสียงดังเซ็งแซ่ของนักเดินทาง แบคฮยอนกลับมาที่นี่อีกครั้ง...
'สนามบิน'
"คิวยาว" คนตัวเล็กยื่นไอศกรีมโคนให้หลังจากหายไปหลายนาที
"เดี๋ยวใครมารับกลับหอ"
"พี่จองชิน" แบคฮยอนเลียไอศกรีมหนึ่งทีแล้วเงยขึ้นมองสายตาดุดันคู่นั้น "ทำไม หึงหรอ"
"เปล่า"
"ไม่หึงก็ดี เพราะพี่เขาชวนไปเที่ยวต่อ ว้าว~ ต้องสนุกแน่เลย"
"เออ จะไปไหนก็ไป"
ชานยอลขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวถัดไป เขาอยู่ในชุดเตรียมพร้อมที่จะนอนต่อบนเครื่องบิน แถมวันนี้ยังไม่มีใครมาส่งเพราะทุกคนต่างติดธุระกันหมดไม่เว้นป๊ากับม๊า
"โอ๋ๆชานยอล ไม่งอนดิ เลอะหมดแล้วเนี่ย กินเหมือนเด็กเลย" แบคฮยอนดึงทิชชู่ขึ้นเช็ดมุมปากเบะคว่ำ มันไม่ได้เบะคว่ำเพราะไอศกรีมเลอะ แต่เป็นเพราะเวลาที่หมดเร็วเกินไปต่างหากล่ะ
"เอาไปเลย เอาไปกินคนเดียวให้หมดเลย"
"ไม่เอา ไม่งอแง กินด้วยกันดีกว่า"
แบคฮยอนไม่ชอบนอนฟังเสียงเข็มนาฬิกาเพราะมันเหมือนกำลังนับถอยหลังให้กับอะไรสักอย่าง เลยตัดปัญหาไปใช้นาฬิกาแบบดิจิตอล
"จะไปเที่ยวกับมันจริงหรอ"
แต่ให้ตายเถอะ...นาฬิกาแบบไหนก็ยังเดินไวอยู่ดี
"มันอีกละ เขาเป็นพี่รหัสผมนะ"
"มัน"
"พี่จองชินเขามีแฟนแล้ว เลิกหึงเป็นเด็กๆได้แล้วน่า"
"..."
"หายงอนนะ"
"อื้อ"
ยิ่งเหลือเวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างจำกัดมากเท่าไหร่ เจ้าตัวเลขพวกนั้นก็ยิ่งเปลี่ยนไปเร็วมากเท่านั้น
"ใจหายเนอะ"
เปลี่ยนเหมือนกระโดดข้ามเลขบางตัวไปโดยไม่ให้เรารู้ตัว
"..."
"ขอบคุณที่กลับมาหาให้คิดถึงนะชานยอล"
"อื้อ"
"แต่ไม่เอาแล้วนะ ไม่หายไปไหนอีกแล้วนะ"
"อื้อ"
"สัญญา"
"สัญญา"
แบคฮยอนเชื่อว่าปาร์คชานยอลเป็นคนรักษาสัญญา เขาจะป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้แหละ รอให้คนที่รักษาสัญญาคนนั้นกลับมา และแบคฮยอนก็จะรักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้
...ว่าจะรักตลอดไป
ไม่นอกใจด้วย
แบคฮยอนนึกขอบคุณอยู่เสมอที่ไม่ใช่คนชอบตั้งกฎเกณฑ์ในชีวิต ตั้งแต่ที่เขาลองทบทวนและสร้างความหนักแน่นให้กับความรู้สึกก็พบว่า หากจะมีคนหาว่าแปลกหรือประหลาด เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงความคิดใคร มันไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องคอยอธิบายคนเหล่านั้นว่าเพราะเขากับชานยอลรักกัน
เราชัดเจนพออยู่แล้วในรูปแบบของเรา
ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนอย่างที่ชานยอลเคยพูด แม้จะมีคนว่าผิดเพศเขาก็จะยิ้มรับ แบคฮยอนไม่ได้เลือกที่จะรักเพราะชานยอลเป็นผู้ชาย และก็รู้ว่าชานยอลไม่ได้เลือกรักเพราะแบคฮยอนเป็นผู้ชายเหมือนกัน
ความรักไม่ได้เลือกเพศ แต่ความรักเลือกหัวใจต่างหาก
และบังเอิญว่าทั้งคู่ดันมีหัวใจที่ตรงกัน
หรือบางที...นั่นอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากพวกเขาตั้งใจที่จะรัก ตั้งใจที่จะดูแลกันและกัน แม้ในตอนแรกความเป็นไปได้จะเท่ากับศูนย์ แต่มันไม่ใช่สูญ มันมีค่า
หัวใจที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะใช้รักใครก็ยังคงมีคุณค่า และแบคฮยอนเลือกแล้วว่าจะมอบคุณค่าหัวใจให้กับใคร
เขาจะมอบให้กับคนที่มองเห็นคุณค่าแม้ในตอนที่คิดว่าตัวเองไม่มีคุณค่านั่นแหละ
'ปาร์คชานยอล'
เด็กน้อยอ่านป้ายชื่อบนหน้าอกวัยรุ่นคนหนึ่งบนรถบัสคันเดียวกัน ใบหน้าขาวชาวาบเหมือนโดนตบฉาดใหญ่แล้วราดซ้ำด้วยน้ำเย็นจัดอีกที แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็เข้าใจว่าประชากรในประเทศมีปัญหาชื่อซ้ำจนกลายเป็นเรื่องชินชา
แต่ยังไงเขาก็ยังคิดถึงอยู่ดี
เพราะชานยอลเป็นคนเดียวที่ทิ้งร่องรอยไว้มากที่สุด ไม่ใช่ด้วยพละกำลังหรือปืนผาหน้าไม้ ร่องรอยจากชานยอลไม่เคยเจ็บปวด แม้บางครั้งมันจะเกิดขึ้นจากความเจ็บปวด
"หวัดดีครับพี่แบคฮยอน"
"หวัดดี"
เจ้าของชื่อทักทายรุ่นน้องตลอดทางจนไปสิ้นสุดที่ตึกช่างไฟฟ้าคุ้นเคย เด็กมัธยมที่มีป้ายชื่อว่า 'ปาร์คชานยอล' เดินตามเข้ามาด้วยอย่างหวาดๆ ชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนชอบนตัวออกไปทางมอมแมมเล็กน้อย
"กินข้าวมาหรือยัง"
"ยังครับ"
แบคฮยอนเขี่ยเด็กคนหนึ่งออกจากเก้าอี้กลางวงล้อมเพื่อให้ปาร์คชานยอลนั่งแทนที่
"ใครก็ได้ไปซื้อข้าวมาให้น้องหน่อย ขอร้านที่สามนะเว้ย! ร้านอื่นรสชาติหมาไม่แดก"
'คิมฮยอนแจ' หรือ 'ไอ้แว่น' ที่แบคฮยอนเรียกจนติดปากตะโกนขึ้นทันทีหลังจากอ่านสายตาอดีตประธานช่างออก ตัวเขาเองเป็นแค่เด็กปีสองสนใจเรียนธรรมดาคนหนึ่ง แต่บังเอิญจับพลัดจับผลูได้มาเป็นประธานช่างไฟฟ้าจากคะแนนเสียงของประธานคนก่อนๆ
และเพราะแบคฮยอนเป็นประธานมาสองปีซ้อน เขาจึงมีสองเสียงในคนเดียว นั่นทำให้คิมฮยอนแจที่ชอบห่อตัวอยู่ปลายแถวมายืนอกผายอยู่หน้าแถว
สิ่งที่แบคฮยอนย้ำกับเขาเสมอคือ 'ทำให้พวกมันตั้งใจเรียนให้ถึงครึ่งของมึง ไม่งั้นสองเสียงที่กูทุ่มเพื่อเลือกมึงจะกลายเป็นยี่สิบตีนประทับบนตัวมึงแทน เข้าใจไหม?'
เขาจะไม่คิดว่านั่นคือคำขู่ แต่จะคิดว่านั่นคือคติประจำใจ
เพราะทุกวันนี้เด็กช่างไฟดูตั้งใจเรียนกันมากขึ้น ไม่เพียงแค่นั้น ในช่วงเที่ยงตอนพักก็เอาเวลาไปทำงานหรือไม่ก็เล่นกีฬา ส่วนช่วงเย็นหลังเลิกเรียนบางวันยังมีชั่วโมงติวที่แบคฮยอนบอกให้จัดเพิ่มเพื่อเตรียมพร้อมสู่การสอบ
อาจารย์ทั้งโรงเรียนเอ่ยปากชมไม่หยุดไม่หย่อนเมื่อเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น แม้จะยังไม่ดีทั้งหมดก็ตาม
"แล้วนี่เราเรียนอยู่แผนกไหน"
"ออกแบบครับ"
"ทำไมเนื้อตัวมอมแมมอย่างนี้ล่ะ"
"เปล่าครับ" ปาร์คชานยอลตอบคำถามที่ทำให้แบคฮยอนต้องถอนหายใจ
"ที่บ้านสอนให้โกหกหรอ"
"เปล่าครับ"
"งั้นคุณครูก็สอนให้โกหกสินะ"
"ไม่ใช่นะครับ" เด็กตัวสูงน้อยกว่าแบคฮยอนย้อนขึ้นมาทันควัน พอดีกับตอนที่เด็กอีกคนเดินถือกล่องข้าวกลับเข้ามา
"งั้นก็พูดความจริงมาซะ"
"โรงเรียนตรงข้ามครับ"
"ก็แค่นั้นแหละ"
แบคฮยอนอมยิ้มให้กับท่าทางอ่อนหัด แม้บางครั้งคนแบบนี้จะทำให้หงุดหงิดไปบ้าง แต่มองอีกมุมแล้วก็น่ารักดีเหมือนกัน ซึ่งเขาชอบคนน่ารัก
ไม่ได้หมายความว่าแบคฮยอนชอบปาร์คชานยอลน้อยคนนี้นะ แต่แค่เห็นว่าชื่อเหมือนกันความรู้สึกมันก็ดีไปแล้วนิดนึง
ChanHyun
20:20 P.M. โทรไปไม่รับวะ
คนตัวเล็กวางขาตั้งจักรยานได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ร้องแผดขึ้น เขาเดินกระเผลกเข้าไปเปิดรั้วบ้านพร้อมกับแบกเด็กที่เพิ่งรู้จักกันวันแรกเข้าไปนั่งบนโซฟา
น้องปาร์คชานยอลกัดริมฝีปากซีดเผือดของตัวเองจนเป็นรอยร่องฟัน เพียงแค่เห็นเลือดสีแดงสดไหลออกจากแขนแบคฮยอนเด็กคนนี้ก็ล้มลงไปนอนกับพื้นเสียแล้ว
"ว่าไงชานยอล" และแบคฮยอนกดรับสายโดยไม่ปล่อยให้คนปลายสายรอนาน
[ไอ้แป๊ก มึงกลับไปเป็นนักเลงอีกแล้วใช่มั้ย!!]
"ไรมึงวะ โวยวายอะไร"
[ไหนบอกเลิกเกเรแล้ว]
"ก็มันจำเป็นนี่หว่า กูแค่ไปแก้แค้นให้น้องเขา"
[น้องเขาจำเป็นมากกว่าตัวเองงั้นหรอ]
"..." แบคฮยอนไม่มีคำว่ากลัวหลงเหลืออยู่ในสมองสักนิด ชานยอลไม่เคยทำอะไรให้เขากลัวเพราะรู้ว่าในตอนสุดท้ายแล้วเขาก็จะมีชานยอลคอยปลอบใจเสมอ
[ทำตัวแบบนี้กูจะฟ้องป๊า]
"ฟ้องไปเหอะ"
[อยากให้กูกลับไปจัดการใช่ไหม]
"เอาดิ คิดว่ากูกลัวหรอ"
[กูกลับมาเรียนไม่ถึงห้าวันมึงก็เหลวแหลกเลยนะ]
ใช่ มันเพิ่งผ่านไปแค่ห้าวันเท่านั้นที่ชานยอลกลับไป
"ก็พวกมันมาทำน้องเขาก่อนนี่หว่า"
ไม่มีคำว่า1ปีผ่านไปสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ มันจะมีแต่คำว่า1วันผ่านไป หรือแม้แต่1วินาทีผ่านไป เพราะความรักไม่ใช่เรื่องรวดเร็วขนาดนั้น และยิ่งเป็นความรักของคนทั้งคู่ด้วยแล้ว มันจะยาวนานจนปฏิทินไม่เหลือวันให้พลิกเดือน
[เจอกันเมื่อไหร่โดนแน่ไอ้แป๊ก]
"รีบเจอกันล่ะ" มันจะเยื้องย่างไปอย่างช้าๆเหมือนกับคราที่มันก่อเกิดขึ้นอย่างช้าๆ จะไม่จบลงตรงที่มีความสุขที่สุด แต่จะจบลงที่มีความสุขแบบธรรมดาๆ "คิดถึง"
มันจะเป็นความรักที่เกิดขึ้นทุกวัน อาจจะมีดับลงบ้างในบางเวลา แต่ให้เปรียบเทียบว่ามันเป็นดั่งเช่นดวงดวง แม้ในตอนที่มองไม่เห็นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่หลงเหลือ เพียงแต่ดวงดาวสู้แสงสว่างของดวงอาทิตย์ไม่ไหว
[เปิดกล้องเดี๋ยวนี้เลยนะ!]
และไม่ว่าจะเป็นความรักของแบคฮยอนหรือชานยอล มันก็ต้องถูกบดบังด้วยอย่างใดอย่างหนึ่ง
"ไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอกชานยอล เป็นห่วงตัวเองก็พอ"
แต่สุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านั้นจะเคลื่อนที่ออกไปเอง
[อย่าให้กูรู้เป็นคนสุดท้ายอีก เข้าใจไหม]
"โอเค"
[รับปากแล้วนะ]
"ชานยอลจะเป็นคนแรก ...และคนสุดท้ายเสมอ"
เพราะบางครั้ง...คนแรกกับคนสุดท้ายก็อาจจะเป็นคนเดียวกัน
แบคฮยอนวางโทรศัพท์ไว้ใกล้ๆมือ เขานั่งรออยู่บนพื้นจนรุ่นน้องตื่น รู้สึกแปลกเล็กน้อยที่อยู่ๆความหวงที่มันก็แล่นปราดเข้ามา เพราะโซฟาตัวนี้มีไว้สำหรับปาร์คชานยอล
"พี่ขอเรียกเราว่าจอห์นได้ไหม?"
ซึ่งสำหรับแบคฮยอนแล้ว 'ปาร์คชานยอล' จะมีแค่คนเดียว
ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่จะเป็น 'ปาร์คชานยอล' ที่เติบโตมาด้วยกันแค่คนเดียว
แบคฮยอนทำงานพิเศษช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ นี่ก็ปาเข้าอาทิตย์ที่สามแล้ว อีกไม่นานเงินเดือนก้อนแรกก็จะออก และแบคฮยอนก็รับปากชานยอลไว้แล้วว่าจะเอาเงินครึ่งหนึ่งใส่กระปุก
คนตัวเล็กจัดของเข้าตู้แช่แล้วย้ายไปเติมของใส่ชั้นวางต่อ งานมักจะทำให้เขาได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อยและหายฟุ้งซ่านได้บ้าง แต่ยังไงแบคฮยอนก็ยังมีอะไรให้คิดอยู่ในบางเวลา
เขาสนิทกับจอห์นที่เพี้ยนคำมาจากชานยอลมากขึ้นจนถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน สองคนบ่อยๆ ความสัมพันธ์ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของชู้สาวแต่แบคฮยอนรู้สึกว่าจอห์นมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนชานยอลคนรักเขาจริงๆ
"คืนนี้ผมจะไปรอรับพี่ที่เดิมนะครับ"
ไม่รู้ว่าชานยอลแอบสั่งให้น้องเขามาคอยรับคอยส่งหรือเปล่า เพราะโรงเรียนจอห์นกับหอพักแบคฮยอนมันไกลกันหลายชั่วโมง แต่น้องยังอุตส่าห์ขับรถมารับทุกอาทิตย์
"พี่รู้นะเว้ยว่าบ้านแกอยู่แถวนี้ แต่แกไม่จำเป็นต้องกลับบ้านบ่อยๆป่ะ เดี๋ยวนี้โรงเรียนไม่มีกิจกรรมให้ทำหรือยังไงกัน"
แบคฮยอนส่ายหน้าเบื่อหน่ายหลังจากขึ้นมานั่งบนรถ คืนนี้จอห์นไม่ได้พาเขาไปส่งทันทีแต่กลับพามานั่งริมแม่น้ำด้วยกัน ทั้งเสื่อและกระปุกอาหารดูก็รู้ว่ามัดมือชกให้มาปิกนิค
"พี่ชานยอลเขาขอมา"
ตอนแรกแบคฮยอนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่พอจัดสถานที่เสร็จเรียบร้อยใบหน้าชานยอลก็ลอยเด่นอยู่ในหน้าจอโทรศัพท์เจ้าเด็กตรงข้าม ด้านหน้าของเขาก็มีอาหารชนิดเดียวกันแต่วางเรียงบนโต๊ะ
[ไง]
"ทำอะไรของพี่เนี่ย"
[อยากกินข้าวด้วย]
แบคฮยอนทำท่าจะแย่งโทรศัพท์แต่จอห์นไวกว่า
"ทำไมต้องลำบากน้องเขาด้วย"
[แค่ขอช่วย ไม่สิ จ้างต่างหาก]
ยอมรับว่าใจเต้นแรงที่ได้เห็นหน้าชานยอลแม้จะเปิดกล้องคุยกันบ่อย แต่ครั้งนี้เหมือนมันมีอะไรพิเศษที่กระตุ้นให้ตื่นเต้น อาจจะเป็นเพราะมีคนอื่นนั่งมองบทสนทนาของเราอยู่ก็เป็นได้
"รู้จักกันไม่เท่าไหร่มีจ้งมีจ้างกันด้วย"
"เอาหน่าพี่ ช่วงนี้ผมร้อนเงิน" แล้วไอ้เด็กจอห์นก็ทำหน้าที่ถือโทรศัพท์ไปเรื่อยๆให้สมกับค่าจ้าง
ชานยอลเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นชีวิตประจำวันให้ฟังอย่างสนุกสนาน ดูก็รู้ว่าทุกอย่างกำลังดีขึ้นเหมือนกับที่เจ้าตัวหวังไว้ ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องเรียน รวมถึงเรื่องหัวใจ(ก็ชานยอลบอกอย่างนี้)
เจ้าตัวแสบบอกไปว่าชอบเสื้อสีฟ้าที่พี่ชายใส่อยู่ มันเหมือนกับวันนั้นที่ชานยอลตะโกนบอกรักเขาจากอีกฟาก และแบคฮยอนก็ยังยืนยันว่าชานยอลเป็นสะเก็ดจากอวกาศ
เราไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากกินข้าวพร้อมหน้า แม้จะคิดถึงฝีมือการทำอาหารของชานยอลแต่ฝีมือม๊าก็พอแทนกันได้ ถึงจะแทนได้แค่เรื่องรสชาติก็ตาม
[ยังอยากมาเที่ยวที่นี่อยู่หรือเปล่า]
"แน่นอนสิ ไม่งั้นไม่ทำงานหรอก"
[พี่จัดสวนเกือบเสร็จแล้ว น่าจะทันตอนเรามา]
แบคฮยอนคิดว่าชานยอลน่าอิจฉาเพราะทำอะไรเป็นหลายอย่าง แต่จริงๆแล้วคนที่น่าอิจฉาคือแบคฮยอนต่างหาก ที่มีคนเพียบพร้อมทุกอย่างอยู่ข้างๆแบบนี้
คนที่ทำอะไรไม่เป็นแต่พร้อมจะเริ่มมันให้เป็นเพื่อทำให้คนๆหนึ่งได้ภูมิใจ
แบคฮยอนขีดฆ่าวันที่ในปฏิทินเป็นครั้งแรกของสัปดาห์ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยตื่นเต้นกับการเริ่มต้นเช้าวันจันทร์มาก่อน หรืออาจเพราะวันนี้เป็นการเริ่มสอบไฟนอลวิชาแรกด้วยล่ะมั้ง
เป็นการสอบครั้งสุดท้ายของเทอมก่อนที่จะปิดยาว
ปิดยาวที่จะทำให้เขาได้ไปเที่ยวสักที เย่!
คนตัวเล็กจอดจักรยานไว้ใต้ตึกคณะ สูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด และในขณะที่ไม่ทันได้ระวังนั้น เท้าเขาก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่สามารถรองรับไม่ให้เขาล้มลงได้
"หวัดดีพี่"
"ปาร์คชานยอล!"
เป็นเด็กชายที่ยื่นเท้ามาขัดขา "จอห์นต่างหากล่ะ"
"นายมาได้ยังไง" แบคฮยอนผละตัวเองออกมาจากวงแขน อาจจะไม่ได้แข็งแรงเท่าปาร์คชานยอลคนนู้นแต่ปาร์คชานยอลคนนี้ก็เป็นเด็กผู้ชายที่ออกกำลังกายในระดับหนึ่ง
"ขับรถมาให้กำลังใจพี่นั่นแหละ"
"ไม่มีเรียนหรือไง"
"มี แต่ผมแวะมาก่อน มีอะไรจะให้ด้วย" แบคฮยอนถอนหายใจแล้วถอนหายใจเล่า ตอนแรกที่เขารู้จักกับเด็กตรงหน้ามันยังไม่ดื้อด้านขนาดนี้ ออกจะเป็นเด็กเรียบร้อยด้วยซ้ำ แต่เวลาผ่านไปไม่ทันไรไหงกลายเป็นเด็กแสบไปได้นะ "แฟนพี่ฝากมา"
"..." ยางรัดผมสีดำเส้นหนึ่งวางลงบนฝ่ามือขาว
"พี่ชานยอลบอกว่าหน้าม้าพี่เกะกะ ระวังตาเหล่"
"..." แบคฮยอนพูดไม่ออก ภาพวันนั้นมันตีกลับเข้ามาในหัว วันที่ชานยอลมัดผมด้านหน้าให้เขาและเขาเองก็มัดผมด้านหน้าให้ชานยอลก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันไปสอบ
"ถึงกับน้ำตาคลอเลยหรอพี่"
แบคฮยอนไม่รู้ว่าเผลอร้องไห้ออกไปตอนไหน ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมันเหมือนกับเขาพยายามคว้าควันเอาไว้ ... แต่ก็นั่นแหละ มันไม่สามารถคว้าเอาไว้ได้
"ขอบใจนะ"
อาจจะนานมากแล้วหรืออาจจะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานแบคฮยอนก็ไม่ได้จำ เป็นเพราะความรู้สึกคิดถึงสิ่งเหล่านั้นมันทำให้เขาอยากเจอชานยอล อยากอยู่ใกล้ๆ อยากทำให้ความคิดถึงหายไปเสียที
แม้ว่าที่เป็นอยู่ในทุกวันมันก็มากพอแล้วถ้าเทียบกับคู่รักคู่อื่นที่ต้องไกลห่าง แต่สำหรับทั้งสองคนที่เคยตัวติดกันมาตั้งแต่เด็ก ...มันไม่พอ
แบคฮยอนโอคครวญใส่โต๊ะไม้เหมือนเด็ก เขาตั้งใจทำข้อสอบทุกวิชาเพื่อให้เกรดเฉลี่ยออกมาสวย เพราะนอกจากอยากทำให้ตัวเองภูมิใจแล้วเขายังอยากทำให้ครอบครัวภูมิใจด้วย
ตลอดเวลาที่นั่งรอคำตอบก็กินตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาไปเกือบสามชั่วโมง ไม่ว่าจะพยายามบอกกับอาจารย์ว่าเขารีบมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าผู้ใหญ่จะไม่ฟังเด็กอย่างเขาเลย
Park's Chanyeol
14:54 P.M. อยู่ไหนของพี่เนี่ย ทำไมยังไม่ลงมา
เอาจริงเลยคือแบคฮยอนเองก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่นานๆ เพียงแต่งานครั้งก่อนที่ถูกแก้อาจารย์อยากให้เพิ่มรายละเอียดอีกเล็กน้อย แล้วจะขอเอาไปวางในงานนิทรรศกาลของมหาวิทยาลัย
มันคือเรื่องใหญ่พอตัวเพราะฉะนั้นมือทั้งสองข้างของเขาถึงชื้นเหงื่อ และอาจารย์ก็ยังติดประชุมไม่เลิกสักที
BaekYeol
14:55 P.M. รีบมากกลับไปก่อน
Park's Chanyeol
14:56 P.M. ได้ไง ผัวพี่ได้ฆ่าผมตายพอดี
BaekYeol
14:56 P.M. ไม่บอกชานยอลหรอก
ไม่รู้คิดผิดหรือคิดถูกที่แนะนำไอ้เด็กนี่ให้ชานยอลรู้จัก เพราะเหมือนกับว่าเวลาเขาไปไหนจะมีกล้องวีดีโอตามตูดไปด้วยตลอด และไอ้กล้องวีดีโอตัวนี้ก็จะคอยฉายตรงให้ชานยอลรู้ราวกับรายการทีวีถ่ายทอดสด
ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เพราะอะไร กับใคร
Park's Chanyeol
14:57 P.M. ผมจะรอ
แบคฮยอนดีดตัวขึ้นทันทีที่มีคนเข้ามาในห้องพักอาจารย์ และมันก็เป็นดังที่คาด อาจารย์ยื่นรูปคืนมาให้เขาพร้อมกับประโยคที่ว่า "ผมต้องการให้รูปมันเคลื่อนไหวมากกว่านี้ อยากให้มีชีวิตอีกหน่อย และที่สำคัญ...ส่งผมภายในวันศุกร์ด้วย ขอบคุณ"
ถ้าหายตัวได้แบคฮยอนก็จะหายตัว
เขาไม่ชอบการแบกความหวังของใครไว้บนบ่า และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลำพังแค่แบคฮยอนเองมันจะไม่ออกมาสมบูรณ์อย่างที่ใครต้องการ
แบคฮยอนไม่เคยทำให้ใครพอใจ แม่แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างเวลาเพื่อนฝากซื้อของเขายังทำผิดพลาด นับประสาอะไรกับการที่ต้องทำอะไรที่ไม่ถนัดอย่างการวาดรูป
เอาล่ะ ... ครั้งที่แล้วเขามีชานยอลมันถึงออกมาโอเค
แต่ครั้งนี้ ...
"แบบนี้ว่าไงพี่"
"ก็ดี"
"ช่วยออกความคิดเห็นนอกจากคำว่า 'ก็ดี' ได้ไหม ผมวาดต่อไม่ถูกเนี่ย"
เด็กมัธยมปลายข้างๆโวยวายเสียงดังโดยที่ยังวาดเส้นสีดำลงบนกระดาษต่อไป ก็แบคฮยอนนึกไม่ออกแล้วว่านอกจากชานยอลเขาจะพึ่งพาใครได้อีก จะให้ตามเซฮุนที่ช่วงนี้ฮ็อตยิ่งกว่าพระอาทิตย์ให้มาหาก็ไม่ใช่ ส่วนคยองซูไม่ต้องพูดถึง รายนั้นไม่เคยว่างให้เขาอยู่แล้ว
"ช่วยคิดหน่อยสิ ว่าจะเซอร์ไพรส์ชานยอลยังไง"
แค่ประโยคปลายเปิดเพียงนิดเดียวแบคฮยอนก็ได้ตัวเลือกมาเป็นหางว่าว และเขาจะไม่ทำให้น้องชายสุดที่รักต้องผิดหวัง
หากจะถามว่าใครน่าอิจฉาที่สุดในโลก ตอนนี้คำตอบก็คงจะไม่พ้นว่าเป็นบยอนแบคฮยอนแน่นอน เพียงแค่คิดว่าเขามีครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อแม่มีเพื่อนที่ดี แถมพี่ชายที่คอยดูแลมาตลอดยังเลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นคนรักเสียอีก
แบคฮยอนจะมีคนที่ดูแลเขาได้ดีที่สุดคอยดูแลตั้งแต่เด็กยันแก่
ไม่เพียงแค่ฝากความคิด แต่แบคฮยอนยังฝากชีวิตไว้กับชานยอล
ไม่รู้ว่าอะไรถึงทำให้เขามายืนอยู่ตรงนี้ คอยรดน้ำสวนดอกไม้เล็กๆข้างบ้านและจัดแต่งเหมือนคนชำนิชำนาญ ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย ชานยอลไม่ใช่คนสวน
เขานั่งพรวนดินจนหน้าดำหน้าแดง มีเศษหญ้าติดเต็มขากางเกง มือใหญ่ถลอกปอกเปิกแม้จะสวมถุงมืออย่างดี
ตัวเลขในปฏิทินผ่านไปเรื่อยๆจากวันกลายเป็นอาทิตย์เป็นเดือน ชานยอลมองดูพวกมันเติบโตอย่างทะนุถนอมเหมือนที่เขามองดูแบคฮยอนเติบโตด้วยความรัก
ถึงแม้ในบางครั้งดอกไม้จะไม่ผลิบาน ด้วยแสงไม่พอ น้ำไม่พอหรือดินไม่ดีก็แล้วแต่ แต่ในสักวันหนึ่ง ... มันจะต้องมีวันที่ดอกไม้สวยงาม
ติ๊งต่อง~
ชานยอลลืมไปแล้วว่าออดบ้านเขายังใช้งานได้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็เพิ่งใช้ไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคือตอนลองกดในวันแรกที่เพิ่งมาถึง
ร่างสูงเดินไปยังรั้วบ้านแต่ไม่ยักจะเห็นใครยืนอยู่ตรงนั้น เขาคิดว่าบางทีวงจรมันอาจจะเกิดความขัดข้องอะไรสักอย่างก็ได้ เดี๋ยวค่อยเรียกช่างมาดูละกัน
ติ๊งต่อง~
และเป็นอีกครั้งที่หน้าบ้านมีแต่ความว่างเปล่า
ChanHyun
17:45 P.M. เมื่อไหร่จะออกมาจากป่าสักที
หลังจากกดส่งข้อความเด็กหนุ่มก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าอย่างเดิม แบคฮยอนบอกว่าอาทิตย์หน้าจะบินมาหาเพราะอาทิตย์นี้ต้องไปเข้าค่ายเกี่ยวกับละครอะไรสักอย่างกับคณะ ซึ่งพอลองถามเจ้าจอห์นดูแล้วมันก็บอก'จริง'
เขาย่ำรองเท้าบู้ทไปตามแนวดินของแปลงดอกไม้ รดน้ำต้นไฮเดรนเยียที่กำลังโตเต็มที่และออกดอกงดงาม ชานยอลไม่รู้หรอกว่าความหมายของมันคืออะไร เพียงแต่ตอนนั้นเขาเห็นมันสวยดีก็เลยเลือกที่จะปลูก
ซึ่งมารู้ตอนหลังว่าดอกไฮเดรนเยียคือ 'ดอกไม้แห่งหัวใจด้านชา' และว่ากันว่าไม่ควรมอบดอกไม้นี้ให้แก่ผู้ใด
อ่า ... ขอโทษนะแบคฮยอน พี่นี่มันคนโง่จริงๆ
ติ๊งต่อง~
ชานยอลวางบัวรดน้ำแล้วถอดถุงมือวางไว้ข้างกัน ครั้งนี้เขาจะไม่หลงกลเจ้าออดขี้แกล้งนี่อีก
ติ๊งต่อง~
แต่จนแล้วจนรอดชานยอลก็ยืนอยู่หน้ารั้วบ้าน เขามองเห็นเส้นผมของใครคนหนึ่งโผล่พ้นขึ้นมา
"มีของมาส่งครับ"
หัวใจชานยอลเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ มันเต้นแรงคล้ายกับวันที่เผลอจุ๊บแบคฮยอนครั้งแรกในสวนดอกไม้ที่บ้านยาย จริงๆก็จำไม่ได้แล้วว่ามันแรงแค่ไหนแต่มันน่าจะแรงประมาณนี้
"แบคฮยอน..."
"ผมเอาแฟนน่ารักๆมาส่ง"
"แบค..." เด็กน้อยที่ยืนยิ้มแป้นโดยแก้มทั้งสองข้างติดแสตมป์จากไปรษณีย์ถูกดึงเข้า อ้อมอกแกร่ง ใบหน้าจมแนบจนสัมผัสได้ถึงการกระแทกของหัวใจที่เหมือนจะหลุดออกมาจากหน้าอก
"คิดถึงผมไหม"
"ที่สุด ... ที่สุดในโลกเลย"
ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ การได้เจอกันของคนทั้งคู่ก็เปรียบเสมือนการได้พรจากพระเจ้า เหมือนเชือกที่ดึงปลายทั้งสองข้างจนรั้งตึงเด้งกลับมาบรรจบกัน
ชานยอลไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าแบคฮยอนกำลังชื่นชมดอกไม้ของเขา ไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าตอนนี้กลิ่นลมหายใจกลายเป็นกลิ่นกายของแบคฮยอนไปซะแล้ว
"สวยจังเลย"
เขาสูดมันแล้วสูดมันเล่าด้วยความถวิลหา
...ราวกับลมหายใจนี้มีไว้เพื่อแบคฮยอนแค่คนเดียว
"ใครสอนให้ทำตัวน่ารักขนาดนี้เนี่ย"
"ก็กลัวพี่ไปมีคนใหม่ เลยต้องส่งแฟนดีๆมาที่นี่ไง"
ชานยอลไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งการใช้ชีวิตเป็นเด็กนอกของเขาจะมีความสุขขนาดนี้ หากโคลนนิ่งแบคฮยอนเก็บไว้ได้อีกคนแล้วพาไปไหนมาไหนได้ด้วยมันคงจะดี
"ไอ้จอห์นก็รวมหัวกับเราด้วยหรอ"
"ทีตอนนั้นพี่ยังพาเพื่อนมาแกล้งผมเลย"
"อ๋อ นี่ล้างแค้น"
"เปล่า แค่เอาคืน" เด็กน้อยโดนดีดกะโหลกไปหนึ่งครั้งโทษฐานที่ทำให้มันเขี้ยว "ความจริงก็เพราะคิดถึงไงเลยรีบมาหา แต่ถ้าบอกพี่ก่อนมันก็ไม่สนุกสิ"
"พี่เป็นห่วงรู้ไหม"
"รู้ รู้มาตลอดแหละ"
เพราะในวันนี้และทุกวันที่ผ่านมาของปฏิทิน มีแต่ชานยอลที่ไม่เคยมองเห็นตัวเองและมัวแต่มองคนข้างๆมากกว่า ดูแลมากกว่า ใส่ใจมากกว่า และรัก ... มากกว่า
หากดวงจันทร์ยังคงหมุนรอบโลกไม่เบื่อหน่าย ชานยอลก็จะยังคงรักแบคฮยอนไม่เบื่อหน่ายเช่นกัน จะคอยหมุนรอบตัวแบคฮยอนที่หมุนรอบตัวเองเพื่อปกป้องแบคฮยอนไว้
ไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอก ... สำหรับคนๆหนึ่งที่แน่ใจแล้วว่าจะมอบชีวิตและหัวใจไว้เพื่อรักใครอย่างปาร์คชานยอล แค่ได้มองเห็นว่าคนที่เขารักยังยิ้มได้อย่างสบายใจ ก็มากมายเกินพอแล้วจริงๆ
"แล้วเรื่องรักล่ะ ... รู้หรือเปล่าว่าพี่รักเรามาตลอด"
"ไม่รู้..." แบคฮยอนซ่อนพวงแก้มสีแดงไว้ตรงหน้าอกกว้าง ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านตรงข้ามกับอุณหภูมิอากาศเหมือนทำให้เขากลับเข้าสู่ที่หลบภัยที่ดีที่สุด "...ก็บ้าแล้ว"
ชานยอลไม่ได้วางแผนว่าจะพาแบคฮยอนไปเที่ยวไหนเป็นพิเศษ แค่อยากเดินจับมือไปตามถนนด้วยกันจนกว่าฟ้าจะมืดและจะง่วงนอน อยากพาพายเรือเล่นไปตามคลองหน้าบ้าน ไปยังที่ที่เขาไปเป็นประจำเพื่อให้แบคฮยอนได้ประติดประต่อว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไร
มันไม่สำคัญว่าสถานที่ที่เขาจะพาแบคฮยอนไปนั้นเป็นสถานที่ที่แบคฮยอนอยากไปหรือเปล่า แต่ชานยอลอยากให้แบคฮยอนไป ... ไปในทุกที่ที่เขาต้องเดินผ่าน
"พี่ว่าผมใส่เสื้อตัวไหนดี"
"ตัวไหนก็ดีทั้งนั้นแหละ"
"แล้วกางเกง?"
"ก็เหมือนกัน"
ชานยอลที่วุ่นอยู่กับการร้อยเชือกรองเท้าผ้าใบให้คนตัวเล็กแหงนหน้าขึ้นมองเสื้อผ้าพวกนั้นเล็กน้อยแล้วออกความเห็นไปผ่านๆ
"เลือกให้หน่อยไม่ได้หรือไง" แต่นิสัยเอาแต่ใจของแบคฮยอนไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกับเขา
"แค่นี้ก็ต้องจริงจังด้วยหรอ หืม"
"ก็แค่อยากให้มีส่วนร่วมในการใช้ชีวิตอ่ะ ไม่ได้หรอ"
"ไปเอาคำพูดเสี่ยวๆแบบนี้มาจากไอ้จอห์นใช่ไหม"
แบคฮยอนยักไหล่ไม่เล่นด้วยพร้อมกับยื่นเสื้อสองตัวมาตรงหน้า เพื่อให้เขา... "เลือกมา"
"สีขาว"
"ก็แค่นั้นแหละ"
มือเล็กถูกซ่อนอยู่ภายใต้ความอบอุ่นของอุ้งมือใหญ่ นานแค่ไหนแล้วที่ชานยอลไม่ได้กุมมือแบคฮยอนอย่างนี้ มันนานมากพอที่จะทำให้ความประหม่าเข้าครอบงำ เหมือนเป็นการเดทครั้งแรกระหว่างเด็กมัธยม
และเขาเองก็พอใจที่จะให้มันเป็นอย่างนี้...
ให้ข้างกายของเขามีแบคฮยอน ได้ยินเสียงพูดหรือแม้แต่เสียงลมหายใจก็พอใจมากเกินพอ แม้เส้นทางที่กำลังก้าวเดินจะมีผู้คนแปลกหน้าแตกต่างสัญชาติเต็มไปหมดแต่ก็ไม่มีอะไรให้กังวลอีกแล้ว ในเมื่อคนที่เขาต้องการมีอยู่ได้มาอยู่ใกล้ๆกันอย่างนี้แล้ว
"ขอได้ไหม หลังจากนี้ห้ามไปยุ่งกับเรื่องชกต่อยอีก"
"ก็ไม่ได้ยุ่งแล้วนะ จริงๆ"
"พี่จะอยู่ยังไงถ้าขาดเรา" ชานยอลไม่ได้พาไอ้เด็กแสบไปแนะนำให้เพื่อนรู้จัก เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าจุดอ่อนของตัวเองคืออะไร "พี่จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีแบคฮยอน"
ซึ่งแบคฮยอนเองก็ไม่ได้อยากทำความรู้จักเพื่อนเขาสักเท่าไหร่ มันก็ดีแล้วที่คนอื่นไม่รู้ว่าบนโลกนี้มีคนน่าอิจฉาอย่างแบคฮยอนอยู่ด้วย
"ผมเองก็ไม่ยอมอายุยืนมากกว่าพี่หรอก เคยบอกแล้วไงว่าผมอยู่ไม่ได้"
จะทำยังไงถ้าตื่นมาในวันที่คนข้างกายไม่อยู่ โลกคงโหดร้ายพอๆกับการโดนทารุณกรรม ถ้าในวันนี้ยังดูแลกันได้ก็อยากจะดูแลกันให้ดีที่สุด เพื่อที่วันหนึ่งเมื่อวันนั้นมาถึง ... จะได้ไม่มัวมานั่งคร่ำครวญในสิ่งที่ไม่เคยทำ
แม้ในสิ่งเล็กๆน้อยๆ หากทำไปแล้วอีกคนมีความสุขก็คงไม่ต้องตั้งคำถามว่าควรทำหรือไม่ทำ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าและถ้ามีก็คงไม่ใช่กับพวกเขาทั้งคู่เป็นแน่
เพราะฉะนั้น ... จึงอยากทำทุกอย่างในวันที่ยังมีโอกาส
"ถ้าพี่จะพาไปพายเรือ อยากไปหรือเปล่า"
"อยากสิ" ชานยอลรวบตนตัวเล็กมานอนข้างๆ แบคฮยอนมีน้ำมีนวลมากขึ้นกว่าหลายเดือนก่อนเยอะ กลับมาเป็นแบคฮยอนคนเดิมอย่างที่อยากให้เป็น
"งั้นต้องฝึกใช้ไม้พายก่อนนะ"
ความคิดถึงที่สั่งสมมานานนับเดือนกำลังทำให้อารมณ์อยากใกล้ชิดจนกลืนกินอีกคนแล่นพล่าน ชานยอลยังคงทะนุถนอมแฟนตัวเองเหมือนเช่นครั้งที่เปิดเพลงรักกันครั้งแรก ไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เพราะอยากให้มีความสุขกันทั้งสองคน
แบคฮยอนเล่นซนเป็นเด็กจนร่างสูงทำโทษหน้าหงอไปหลายครั้ง ลำตัวขาวเนียนแต่งแต้มไปด้วยเรื่องราวต่างๆ ทั้งรักทั้งหวงจนไม่อยากปล่อยไปไหน ไม่อยากห่างแม้เพียงเอื้อมมือไม่ว่ายังไงก็ตาม
แต่วันและเวลาที่เดินเร็วยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็เริ่มเดินเข้าสู่ช่วงการนับถอยหลัง แต่ละวันที่ผ่านมาไม่มีอะไรหวือหวา ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบเรียบและอบอุ่น ชานยอลยังคงเหมือนเดิมในขณะที่แบคฮยอนเองก็ไม่เปลี่ยนแปลง
แม้เวลาที่ได้เล่นสนุกด้วยกันชดเชยกับเวลาที่ขาดไปไม่เพียงพอ แต่แค่นี้ก็สามารถต่อเติมลมหายใจของกันและกันได้บ้างแล้ว
การได้พบกันครั้งนี้จะเป็นเสมือนแบตสำรองเอาไว้ชาร์จในคราที่ต้องห่างกันอีก
"ไม่อยากกลับเลยชานยอล" แม้จะส่งยิ้มให้น้องชายแต่เชื่อเถอะว่าภายในหัวใจชานยอลเองกำลังร่ำร้อง
ชานยอลไม่ได้หวังความสุขตอนปลายทาง แค่ขอมีความสุขไปตลอดทางกับแบคฮยอนอย่างนี้ก็พอแล้ว เพราะต้นทางที่เริ่มเดินมันขรุขระจนไม่รู้ว่าปลายทางนั้นจะมีเส้นชัยหรือไม่ แต่ระหว่างทางที่ได้จับมือกันฟันฝ่าไปทีละขั้นนั่นล่ะคือความสุขที่แท้จริง ... แค่มีแบคฮยอนตรงนี้แม้จะหาเส้นชัยไม่เจอแต่ชานยอลเชื่อว่าเขาจะไม่แพ้
"พี่จะรีบกลับไปหา ทำตัวดีๆด้วยล่ะ" ชานยอลจับมือเล็กขึ้นจูบเบาๆบนแหวนตรงนิ้วนาง "รอพี่นะ"
"อื้อ รออยู่แล้ว พี่มีค่าขนาดนี้ ... ผมต้องรอพี่อยู่แล้ว"
"แม้ทุกอย่างมันจะยากไปสักหน่อย แต่เพื่อแบคฮยอนแล้ว ชานยอลคนนี้ทำได้เสมอ"
แบคฮยอนไม่ชอบสนามบิน และจะไม่ชอบสนามบินไปอีกนาน
"อยากอยู่กับพี่ อยากอยู่กับชานยอลตลอดไป"
เขาอยากทิ้งทุกอย่างแล้วคว้าเพียงความสุขของตัวเองเก็บเอาไว้ แต่ถ้ามันง่ายเกินไปทุกอย่างที่ทำมาก็จะไม่มีค่า ไม่ใช่แค่ต้องรับผิดชอบตัวเอง แต่แบคฮยอนยังต้องรับผิดชอบความหวังของครอบครัว หากเขาทำให้ป๊ากับม๊าหรือชานยอลต้องเสียใจ เขาคงจะไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้อีก
"ได้แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้วครับ"
ไม่เป็นไรหรอกถ้าเราจะต้องห่างกันบ้าง คิดถึงกันบ้าง ...
"รักชานยอลเหมือนเดิมนะ"
"เหมือนกัน"
ไม่ต้องยืนกอดกันโดยที่พื้นหลังเป็นวิวแสนสวย ไม่ต้องมีเส้นสายรุ้งพาดผ่านไปกินน้ำ ไม่มีคำว่า 'จบบริบูรณ์' เหมือนในละครหลังข่าว
มันจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆเหมือนพระอาทิตย์ที่มอบแสงสว่างและความอบอุ่นมายังโลก และจะเริ่มต้นใหม่ไม่รู้จักจบสิ้น
"แล้วเจอกันนะ"
เราพบกันเพื่อให้หายคิดถึง และคิดถึง ... เพื่อรอที่จะกลับมาพบกันอีกครั้ง
เพราะว่าเรารักกัน ... เท่าลมหายใจ
TBC.
#หัวไม้ชานแบค
จบแล้ว...
อย่าลืมคิดถึงนะ
ตอนแรกว่าจะเปิดทอร์คตอนหน้า แต่เป็นคนพูดไม่เก่งและคงไม่มีใครอยากอ่าน
งั้นขอพูดในนี้เลยนะ
ฟิคเรื่องนี้มันไม่ใช่ฟิคที่ดี และตอนจบก็อาจจะไม่ประทับใจใครหลายคน
ณ ที่นี้เรายอมรับว่าฝีมือเรายังไม่ดีพอ
แต่รู้อะไรมั้ย …
เราขอบคุณที่มีคนคอยติดตามและให้กำลังใจมาตลอด
เราไม่เคยรู้จักพวกคุณเลย แต่เรารู้สึกขอบใจคนที่เราไม่รู้จักจริงๆ
และฟิคเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกที่เรารวมเล่ม เราจึงกังวลไปหมด
ยังไงก็ขอบใจที่เดินทางมากับเราและชานแบคจนจบนะคะ
ถ้าไม่รังเกียจช่วยอยู่เป็นกำลังใจเราไปแบบนี้ด้วยนะ
ขอบคุณมาก … ขอบคุณทุกคนจริงๆ
มีอะไรไปคุยกันได้ในทวิตเตอร์นะคะ
@IYimmm
จะคิดถึง
ความคิดเห็น