ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ✰ หัวไม้ ' {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #34 : หัวไม้ : บทส่งท้าย {100%}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.02K
      7
      5 เม.ย. 59


     



    CR.SHL




    สองเท้าของแบคฮยอนก้าวย่างอย่างมั่นคงอยู่ในม่านหมอก ควันสีขาวลอยฟุ้งตลอดทางเดิน แต่ยังคงแหวกเป็นทางยาวให้ได้มุ่งหน้าไปหาใครสักคนที่กำลังยืนรออยู่ตรงปลายทาง

     

    และคนๆนั้นไม่ใช่คนอื่นใดนอกจาก

     

    "ชานยอล"

     

    ...คนรักของเขา

     

    "ทำไมไปนานจัง"

     

    แล้วภาพอันสวยหวานก่อนหน้าก็มลายหายไป เพลงรักถูกกลบด้วยเสียงประชาสัมพันธ์และเสียงดังเซ็งแซ่ของนักเดินทาง แบคฮยอนกลับมาที่นี่อีกครั้ง...

     

     

    'สนามบิน'


     

    "คิวยาว" คนตัวเล็กยื่นไอศกรีมโคนให้หลังจากหายไปหลายนาที

     

    "เดี๋ยวใครมารับกลับหอ"

     

    "พี่จองชิน" แบคฮยอนเลียไอศกรีมหนึ่งทีแล้วเงยขึ้นมองสายตาดุดันคู่นั้น "ทำไม หึงหรอ"

     

    "เปล่า"

     

    "ไม่หึงก็ดี เพราะพี่เขาชวนไปเที่ยวต่อ ว้าว~ ต้องสนุกแน่เลย"

     

    "เออ จะไปไหนก็ไป"

     

    ชานยอลขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวถัดไป เขาอยู่ในชุดเตรียมพร้อมที่จะนอนต่อบนเครื่องบิน แถมวันนี้ยังไม่มีใครมาส่งเพราะทุกคนต่างติดธุระกันหมดไม่เว้นป๊ากับม๊า

     

    "โอ๋ๆชานยอล ไม่งอนดิ เลอะหมดแล้วเนี่ย กินเหมือนเด็กเลย" แบคฮยอนดึงทิชชู่ขึ้นเช็ดมุมปากเบะคว่ำ มันไม่ได้เบะคว่ำเพราะไอศกรีมเลอะ แต่เป็นเพราะเวลาที่หมดเร็วเกินไปต่างหากล่ะ

     

    "เอาไปเลย เอาไปกินคนเดียวให้หมดเลย"

     

    "ไม่เอา ไม่งอแง กินด้วยกันดีกว่า"

     

    แบคฮยอนไม่ชอบนอนฟังเสียงเข็มนาฬิกาเพราะมันเหมือนกำลังนับถอยหลังให้กับอะไรสักอย่าง เลยตัดปัญหาไปใช้นาฬิกาแบบดิจิตอล

     

    "จะไปเที่ยวกับมันจริงหรอ"

     

    แต่ให้ตายเถอะ...นาฬิกาแบบไหนก็ยังเดินไวอยู่ดี

     

    "มันอีกละ เขาเป็นพี่รหัสผมนะ"

     

    "มัน"

     

    "พี่จองชินเขามีแฟนแล้ว เลิกหึงเป็นเด็กๆได้แล้วน่า"

     

    "..."

     

    "หายงอนนะ"

     

    "อื้อ"

     

    ยิ่งเหลือเวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างจำกัดมากเท่าไหร่ เจ้าตัวเลขพวกนั้นก็ยิ่งเปลี่ยนไปเร็วมากเท่านั้น

     

    "ใจหายเนอะ"

     

    เปลี่ยนเหมือนกระโดดข้ามเลขบางตัวไปโดยไม่ให้เรารู้ตัว

     

    "..."

     

    "ขอบคุณที่กลับมาหาให้คิดถึงนะชานยอล"

     

    "อื้อ"

     

    "แต่ไม่เอาแล้วนะ ไม่หายไปไหนอีกแล้วนะ"

     

    "อื้อ"

     

    "สัญญา"

     

    "สัญญา"

     

    แบคฮยอนเชื่อว่าปาร์คชานยอลเป็นคนรักษาสัญญา เขาจะป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้แหละ รอให้คนที่รักษาสัญญาคนนั้นกลับมา และแบคฮยอนก็จะรักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้

     

    ...ว่าจะรักตลอดไป

     

    ไม่นอกใจด้วย

     

     

     

    แบคฮยอนนึกขอบคุณอยู่เสมอที่ไม่ใช่คนชอบตั้งกฎเกณฑ์ในชีวิต ตั้งแต่ที่เขาลองทบทวนและสร้างความหนักแน่นให้กับความรู้สึกก็พบว่า หากจะมีคนหาว่าแปลกหรือประหลาด เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงความคิดใคร มันไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องคอยอธิบายคนเหล่านั้นว่าเพราะเขากับชานยอลรักกัน

     

    เราชัดเจนพออยู่แล้วในรูปแบบของเรา

     

    ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนอย่างที่ชานยอลเคยพูด แม้จะมีคนว่าผิดเพศเขาก็จะยิ้มรับ แบคฮยอนไม่ได้เลือกที่จะรักเพราะชานยอลเป็นผู้ชาย และก็รู้ว่าชานยอลไม่ได้เลือกรักเพราะแบคฮยอนเป็นผู้ชายเหมือนกัน

     

    ความรักไม่ได้เลือกเพศ แต่ความรักเลือกหัวใจต่างหาก

     

    และบังเอิญว่าทั้งคู่ดันมีหัวใจที่ตรงกัน

     

    หรือบางที...นั่นอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากพวกเขาตั้งใจที่จะรัก ตั้งใจที่จะดูแลกันและกัน แม้ในตอนแรกความเป็นไปได้จะเท่ากับศูนย์ แต่มันไม่ใช่สูญ มันมีค่า

     

    หัวใจที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะใช้รักใครก็ยังคงมีคุณค่า และแบคฮยอนเลือกแล้วว่าจะมอบคุณค่าหัวใจให้กับใคร

     

    เขาจะมอบให้กับคนที่มองเห็นคุณค่าแม้ในตอนที่คิดว่าตัวเองไม่มีคุณค่านั่นแหละ



     

     

     

    'ปาร์คชานยอล'

     

    เด็กน้อยอ่านป้ายชื่อบนหน้าอกวัยรุ่นคนหนึ่งบนรถบัสคันเดียวกัน ใบหน้าขาวชาวาบเหมือนโดนตบฉาดใหญ่แล้วราดซ้ำด้วยน้ำเย็นจัดอีกที แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็เข้าใจว่าประชากรในประเทศมีปัญหาชื่อซ้ำจนกลายเป็นเรื่องชินชา

     

    แต่ยังไงเขาก็ยังคิดถึงอยู่ดี

     

    เพราะชานยอลเป็นคนเดียวที่ทิ้งร่องรอยไว้มากที่สุด ไม่ใช่ด้วยพละกำลังหรือปืนผาหน้าไม้ ร่องรอยจากชานยอลไม่เคยเจ็บปวด แม้บางครั้งมันจะเกิดขึ้นจากความเจ็บปวด

     

    "หวัดดีครับพี่แบคฮยอน"

     

    "หวัดดี"

     

    เจ้าของชื่อทักทายรุ่นน้องตลอดทางจนไปสิ้นสุดที่ตึกช่างไฟฟ้าคุ้นเคย เด็กมัธยมที่มีป้ายชื่อว่า 'ปาร์คชานยอล' เดินตามเข้ามาด้วยอย่างหวาดๆ ชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนชอบนตัวออกไปทางมอมแมมเล็กน้อย

     

    "กินข้าวมาหรือยัง"

     

    "ยังครับ"

     

    แบคฮยอนเขี่ยเด็กคนหนึ่งออกจากเก้าอี้กลางวงล้อมเพื่อให้ปาร์คชานยอลนั่งแทนที่

     

    "ใครก็ได้ไปซื้อข้าวมาให้น้องหน่อย ขอร้านที่สามนะเว้ย! ร้านอื่นรสชาติหมาไม่แดก"

     

    'คิมฮยอนแจ' หรือ 'ไอ้แว่น' ที่แบคฮยอนเรียกจนติดปากตะโกนขึ้นทันทีหลังจากอ่านสายตาอดีตประธานช่างออก ตัวเขาเองเป็นแค่เด็กปีสองสนใจเรียนธรรมดาคนหนึ่ง แต่บังเอิญจับพลัดจับผลูได้มาเป็นประธานช่างไฟฟ้าจากคะแนนเสียงของประธานคนก่อนๆ

     

    และเพราะแบคฮยอนเป็นประธานมาสองปีซ้อน เขาจึงมีสองเสียงในคนเดียว นั่นทำให้คิมฮยอนแจที่ชอบห่อตัวอยู่ปลายแถวมายืนอกผายอยู่หน้าแถว

     

    สิ่งที่แบคฮยอนย้ำกับเขาเสมอคือ 'ทำให้พวกมันตั้งใจเรียนให้ถึงครึ่งของมึง ไม่งั้นสองเสียงที่กูทุ่มเพื่อเลือกมึงจะกลายเป็นยี่สิบตีนประทับบนตัวมึงแทน เข้าใจไหม?'

     

    เขาจะไม่คิดว่านั่นคือคำขู่ แต่จะคิดว่านั่นคือคติประจำใจ

     

    เพราะทุกวันนี้เด็กช่างไฟดูตั้งใจเรียนกันมากขึ้น ไม่เพียงแค่นั้น ในช่วงเที่ยงตอนพักก็เอาเวลาไปทำงานหรือไม่ก็เล่นกีฬา ส่วนช่วงเย็นหลังเลิกเรียนบางวันยังมีชั่วโมงติวที่แบคฮยอนบอกให้จัดเพิ่มเพื่อเตรียมพร้อมสู่การสอบ

     

    อาจารย์ทั้งโรงเรียนเอ่ยปากชมไม่หยุดไม่หย่อนเมื่อเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น แม้จะยังไม่ดีทั้งหมดก็ตาม

     

    "แล้วนี่เราเรียนอยู่แผนกไหน"

     

    "ออกแบบครับ"

     

    "ทำไมเนื้อตัวมอมแมมอย่างนี้ล่ะ"

     

    "เปล่าครับ" ปาร์คชานยอลตอบคำถามที่ทำให้แบคฮยอนต้องถอนหายใจ

     

    "ที่บ้านสอนให้โกหกหรอ"

     

    "เปล่าครับ"

     

    "งั้นคุณครูก็สอนให้โกหกสินะ"

     

    "ไม่ใช่นะครับ" เด็กตัวสูงน้อยกว่าแบคฮยอนย้อนขึ้นมาทันควัน พอดีกับตอนที่เด็กอีกคนเดินถือกล่องข้าวกลับเข้ามา

     

    "งั้นก็พูดความจริงมาซะ"

     

    "โรงเรียนตรงข้ามครับ"

     

    "ก็แค่นั้นแหละ"

     

    แบคฮยอนอมยิ้มให้กับท่าทางอ่อนหัด แม้บางครั้งคนแบบนี้จะทำให้หงุดหงิดไปบ้าง แต่มองอีกมุมแล้วก็น่ารักดีเหมือนกัน ซึ่งเขาชอบคนน่ารัก

     

    ไม่ได้หมายความว่าแบคฮยอนชอบปาร์คชานยอลน้อยคนนี้นะ แต่แค่เห็นว่าชื่อเหมือนกันความรู้สึกมันก็ดีไปแล้วนิดนึง

     

    ChanHyun

    20:20 P.M. โทรไปไม่รับวะ

     

    คนตัวเล็กวางขาตั้งจักรยานได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ร้องแผดขึ้น เขาเดินกระเผลกเข้าไปเปิดรั้วบ้านพร้อมกับแบกเด็กที่เพิ่งรู้จักกันวันแรกเข้าไปนั่งบนโซฟา

     

    น้องปาร์คชานยอลกัดริมฝีปากซีดเผือดของตัวเองจนเป็นรอยร่องฟัน เพียงแค่เห็นเลือดสีแดงสดไหลออกจากแขนแบคฮยอนเด็กคนนี้ก็ล้มลงไปนอนกับพื้นเสียแล้ว

     

    "ว่าไงชานยอล" และแบคฮยอนกดรับสายโดยไม่ปล่อยให้คนปลายสายรอนาน

     

    [ไอ้แป๊ก มึงกลับไปเป็นนักเลงอีกแล้วใช่มั้ย!!]

     

    "ไรมึงวะ โวยวายอะไร"

     

    [ไหนบอกเลิกเกเรแล้ว]

     

    "ก็มันจำเป็นนี่หว่า กูแค่ไปแก้แค้นให้น้องเขา"

     

    [น้องเขาจำเป็นมากกว่าตัวเองงั้นหรอ]

     

    "..." แบคฮยอนไม่มีคำว่ากลัวหลงเหลืออยู่ในสมองสักนิด ชานยอลไม่เคยทำอะไรให้เขากลัวเพราะรู้ว่าในตอนสุดท้ายแล้วเขาก็จะมีชานยอลคอยปลอบใจเสมอ

     

    [ทำตัวแบบนี้กูจะฟ้องป๊า]

     

    "ฟ้องไปเหอะ"

     

    [อยากให้กูกลับไปจัดการใช่ไหม]

     

    "เอาดิ คิดว่ากูกลัวหรอ"

     

    [กูกลับมาเรียนไม่ถึงห้าวันมึงก็เหลวแหลกเลยนะ]

     

    ใช่ มันเพิ่งผ่านไปแค่ห้าวันเท่านั้นที่ชานยอลกลับไป

     

    "ก็พวกมันมาทำน้องเขาก่อนนี่หว่า"

     

    ไม่มีคำว่า1ปีผ่านไปสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ มันจะมีแต่คำว่า1วันผ่านไป หรือแม้แต่1วินาทีผ่านไป เพราะความรักไม่ใช่เรื่องรวดเร็วขนาดนั้น และยิ่งเป็นความรักของคนทั้งคู่ด้วยแล้ว มันจะยาวนานจนปฏิทินไม่เหลือวันให้พลิกเดือน

     

    [เจอกันเมื่อไหร่โดนแน่ไอ้แป๊ก]

     

    "รีบเจอกันล่ะ" มันจะเยื้องย่างไปอย่างช้าๆเหมือนกับคราที่มันก่อเกิดขึ้นอย่างช้าๆ จะไม่จบลงตรงที่มีความสุขที่สุด แต่จะจบลงที่มีความสุขแบบธรรมดาๆ "คิดถึง"

     

    มันจะเป็นความรักที่เกิดขึ้นทุกวัน อาจจะมีดับลงบ้างในบางเวลา แต่ให้เปรียบเทียบว่ามันเป็นดั่งเช่นดวงดวง แม้ในตอนที่มองไม่เห็นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่หลงเหลือ เพียงแต่ดวงดาวสู้แสงสว่างของดวงอาทิตย์ไม่ไหว

     

    [เปิดกล้องเดี๋ยวนี้เลยนะ!]

     

    และไม่ว่าจะเป็นความรักของแบคฮยอนหรือชานยอล มันก็ต้องถูกบดบังด้วยอย่างใดอย่างหนึ่ง

     

    "ไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอกชานยอล เป็นห่วงตัวเองก็พอ"

     

    แต่สุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านั้นจะเคลื่อนที่ออกไปเอง

     

    [อย่าให้กูรู้เป็นคนสุดท้ายอีก เข้าใจไหม]

     

    "โอเค"

     

    [รับปากแล้วนะ]

     

    "ชานยอลจะเป็นคนแรก ...และคนสุดท้ายเสมอ"

     

    เพราะบางครั้ง...คนแรกกับคนสุดท้ายก็อาจจะเป็นคนเดียวกัน

     


     

    แบคฮยอนวางโทรศัพท์ไว้ใกล้ๆมือ เขานั่งรออยู่บนพื้นจนรุ่นน้องตื่น รู้สึกแปลกเล็กน้อยที่อยู่ๆความหวงที่มันก็แล่นปราดเข้ามา เพราะโซฟาตัวนี้มีไว้สำหรับปาร์คชานยอล

     

    "พี่ขอเรียกเราว่าจอห์นได้ไหม?"

     

    ซึ่งสำหรับแบคฮยอนแล้ว 'ปาร์คชานยอล' จะมีแค่คนเดียว

     

    ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่จะเป็น 'ปาร์คชานยอล' ที่เติบโตมาด้วยกันแค่คนเดียว

     

     

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนทำงานพิเศษช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ นี่ก็ปาเข้าอาทิตย์ที่สามแล้ว อีกไม่นานเงินเดือนก้อนแรกก็จะออก และแบคฮยอนก็รับปากชานยอลไว้แล้วว่าจะเอาเงินครึ่งหนึ่งใส่กระปุก

     

    คนตัวเล็กจัดของเข้าตู้แช่แล้วย้ายไปเติมของใส่ชั้นวางต่อ งานมักจะทำให้เขาได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อยและหายฟุ้งซ่านได้บ้าง แต่ยังไงแบคฮยอนก็ยังมีอะไรให้คิดอยู่ในบางเวลา

     

    เขาสนิทกับจอห์นที่เพี้ยนคำมาจากชานยอลมากขึ้นจนถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน สองคนบ่อยๆ ความสัมพันธ์ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของชู้สาวแต่แบคฮยอนรู้สึกว่าจอห์นมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนชานยอลคนรักเขาจริงๆ

     

    "คืนนี้ผมจะไปรอรับพี่ที่เดิมนะครับ"

     

    ไม่รู้ว่าชานยอลแอบสั่งให้น้องเขามาคอยรับคอยส่งหรือเปล่า เพราะโรงเรียนจอห์นกับหอพักแบคฮยอนมันไกลกันหลายชั่วโมง แต่น้องยังอุตส่าห์ขับรถมารับทุกอาทิตย์

     

    "พี่รู้นะเว้ยว่าบ้านแกอยู่แถวนี้ แต่แกไม่จำเป็นต้องกลับบ้านบ่อยๆป่ะ เดี๋ยวนี้โรงเรียนไม่มีกิจกรรมให้ทำหรือยังไงกัน"

     

    แบคฮยอนส่ายหน้าเบื่อหน่ายหลังจากขึ้นมานั่งบนรถ คืนนี้จอห์นไม่ได้พาเขาไปส่งทันทีแต่กลับพามานั่งริมแม่น้ำด้วยกัน ทั้งเสื่อและกระปุกอาหารดูก็รู้ว่ามัดมือชกให้มาปิกนิค

     

    "พี่ชานยอลเขาขอมา"

     

    ตอนแรกแบคฮยอนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่พอจัดสถานที่เสร็จเรียบร้อยใบหน้าชานยอลก็ลอยเด่นอยู่ในหน้าจอโทรศัพท์เจ้าเด็กตรงข้าม ด้านหน้าของเขาก็มีอาหารชนิดเดียวกันแต่วางเรียงบนโต๊ะ

     

    [ไง]

     

    "ทำอะไรของพี่เนี่ย"

     

    [อยากกินข้าวด้วย]

     

    แบคฮยอนทำท่าจะแย่งโทรศัพท์แต่จอห์นไวกว่า

     

    "ทำไมต้องลำบากน้องเขาด้วย"

     

    [แค่ขอช่วย ไม่สิ จ้างต่างหาก]

     

    ยอมรับว่าใจเต้นแรงที่ได้เห็นหน้าชานยอลแม้จะเปิดกล้องคุยกันบ่อย แต่ครั้งนี้เหมือนมันมีอะไรพิเศษที่กระตุ้นให้ตื่นเต้น อาจจะเป็นเพราะมีคนอื่นนั่งมองบทสนทนาของเราอยู่ก็เป็นได้

     

    "รู้จักกันไม่เท่าไหร่มีจ้งมีจ้างกันด้วย"

     

    "เอาหน่าพี่ ช่วงนี้ผมร้อนเงิน" แล้วไอ้เด็กจอห์นก็ทำหน้าที่ถือโทรศัพท์ไปเรื่อยๆให้สมกับค่าจ้าง

     

    ชานยอลเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นชีวิตประจำวันให้ฟังอย่างสนุกสนาน ดูก็รู้ว่าทุกอย่างกำลังดีขึ้นเหมือนกับที่เจ้าตัวหวังไว้ ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องเรียน รวมถึงเรื่องหัวใจ(ก็ชานยอลบอกอย่างนี้)

     

    เจ้าตัวแสบบอกไปว่าชอบเสื้อสีฟ้าที่พี่ชายใส่อยู่ มันเหมือนกับวันนั้นที่ชานยอลตะโกนบอกรักเขาจากอีกฟาก และแบคฮยอนก็ยังยืนยันว่าชานยอลเป็นสะเก็ดจากอวกาศ

     

    เราไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากกินข้าวพร้อมหน้า แม้จะคิดถึงฝีมือการทำอาหารของชานยอลแต่ฝีมือม๊าก็พอแทนกันได้ ถึงจะแทนได้แค่เรื่องรสชาติก็ตาม

     

    [ยังอยากมาเที่ยวที่นี่อยู่หรือเปล่า]

     

    "แน่นอนสิ ไม่งั้นไม่ทำงานหรอก"

     

    [พี่จัดสวนเกือบเสร็จแล้ว น่าจะทันตอนเรามา]

     

    แบคฮยอนคิดว่าชานยอลน่าอิจฉาเพราะทำอะไรเป็นหลายอย่าง แต่จริงๆแล้วคนที่น่าอิจฉาคือแบคฮยอนต่างหาก ที่มีคนเพียบพร้อมทุกอย่างอยู่ข้างๆแบบนี้

     

    คนที่ทำอะไรไม่เป็นแต่พร้อมจะเริ่มมันให้เป็นเพื่อทำให้คนๆหนึ่งได้ภูมิใจ

     




     






     

     

     

     

     

    แบคฮยอนขีดฆ่าวันที่ในปฏิทินเป็นครั้งแรกของสัปดาห์ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยตื่นเต้นกับการเริ่มต้นเช้าวันจันทร์มาก่อน หรืออาจเพราะวันนี้เป็นการเริ่มสอบไฟนอลวิชาแรกด้วยล่ะมั้ง

     

    เป็นการสอบครั้งสุดท้ายของเทอมก่อนที่จะปิดยาว

     

    ปิดยาวที่จะทำให้เขาได้ไปเที่ยวสักที เย่!

     

    คนตัวเล็กจอดจักรยานไว้ใต้ตึกคณะ สูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด และในขณะที่ไม่ทันได้ระวังนั้น เท้าเขาก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่สามารถรองรับไม่ให้เขาล้มลงได้

     

    "หวัดดีพี่"

     

    "ปาร์คชานยอล!"

     

    เป็นเด็กชายที่ยื่นเท้ามาขัดขา "จอห์นต่างหากล่ะ"

     

    "นายมาได้ยังไง" แบคฮยอนผละตัวเองออกมาจากวงแขน อาจจะไม่ได้แข็งแรงเท่าปาร์คชานยอลคนนู้นแต่ปาร์คชานยอลคนนี้ก็เป็นเด็กผู้ชายที่ออกกำลังกายในระดับหนึ่ง

     

    "ขับรถมาให้กำลังใจพี่นั่นแหละ"

     

    "ไม่มีเรียนหรือไง"

     

    "มี แต่ผมแวะมาก่อน มีอะไรจะให้ด้วย" แบคฮยอนถอนหายใจแล้วถอนหายใจเล่า ตอนแรกที่เขารู้จักกับเด็กตรงหน้ามันยังไม่ดื้อด้านขนาดนี้ ออกจะเป็นเด็กเรียบร้อยด้วยซ้ำ แต่เวลาผ่านไปไม่ทันไรไหงกลายเป็นเด็กแสบไปได้นะ "แฟนพี่ฝากมา"

     

    "..." ยางรัดผมสีดำเส้นหนึ่งวางลงบนฝ่ามือขาว

     

    "พี่ชานยอลบอกว่าหน้าม้าพี่เกะกะ ระวังตาเหล่"

     

    "..." แบคฮยอนพูดไม่ออก ภาพวันนั้นมันตีกลับเข้ามาในหัว วันที่ชานยอลมัดผมด้านหน้าให้เขาและเขาเองก็มัดผมด้านหน้าให้ชานยอลก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันไปสอบ

     

    "ถึงกับน้ำตาคลอเลยหรอพี่"

     

    แบคฮยอนไม่รู้ว่าเผลอร้องไห้ออกไปตอนไหน ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมันเหมือนกับเขาพยายามคว้าควันเอาไว้ ... แต่ก็นั่นแหละ มันไม่สามารถคว้าเอาไว้ได้

     

    "ขอบใจนะ"

     

    อาจจะนานมากแล้วหรืออาจจะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานแบคฮยอนก็ไม่ได้จำ เป็นเพราะความรู้สึกคิดถึงสิ่งเหล่านั้นมันทำให้เขาอยากเจอชานยอล อยากอยู่ใกล้ๆ อยากทำให้ความคิดถึงหายไปเสียที

     

    แม้ว่าที่เป็นอยู่ในทุกวันมันก็มากพอแล้วถ้าเทียบกับคู่รักคู่อื่นที่ต้องไกลห่าง แต่สำหรับทั้งสองคนที่เคยตัวติดกันมาตั้งแต่เด็ก ...มันไม่พอ

     

     

    แบคฮยอนโอคครวญใส่โต๊ะไม้เหมือนเด็ก เขาตั้งใจทำข้อสอบทุกวิชาเพื่อให้เกรดเฉลี่ยออกมาสวย เพราะนอกจากอยากทำให้ตัวเองภูมิใจแล้วเขายังอยากทำให้ครอบครัวภูมิใจด้วย

     

    ตลอดเวลาที่นั่งรอคำตอบก็กินตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาไปเกือบสามชั่วโมง ไม่ว่าจะพยายามบอกกับอาจารย์ว่าเขารีบมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าผู้ใหญ่จะไม่ฟังเด็กอย่างเขาเลย

     

    Park's Chanyeol
    14:54 P.M. อยู่ไหนของพี่เนี่ย ทำไมยังไม่ลงมา

     

    เอาจริงเลยคือแบคฮยอนเองก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่นานๆ เพียงแต่งานครั้งก่อนที่ถูกแก้อาจารย์อยากให้เพิ่มรายละเอียดอีกเล็กน้อย แล้วจะขอเอาไปวางในงานนิทรรศกาลของมหาวิทยาลัย

     

    มันคือเรื่องใหญ่พอตัวเพราะฉะนั้นมือทั้งสองข้างของเขาถึงชื้นเหงื่อ และอาจารย์ก็ยังติดประชุมไม่เลิกสักที

     

    BaekYeol
    14:55 P.M. รีบมากกลับไปก่อน

     

    Park's Chanyeol
    14:56 P.M. ได้ไง ผัวพี่ได้ฆ่าผมตายพอดี

     

    BaekYeol
    14:56 P.M. ไม่บอกชานยอลหรอก

     

    ไม่รู้คิดผิดหรือคิดถูกที่แนะนำไอ้เด็กนี่ให้ชานยอลรู้จัก เพราะเหมือนกับว่าเวลาเขาไปไหนจะมีกล้องวีดีโอตามตูดไปด้วยตลอด และไอ้กล้องวีดีโอตัวนี้ก็จะคอยฉายตรงให้ชานยอลรู้ราวกับรายการทีวีถ่ายทอดสด

     

    ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เพราะอะไร กับใคร

     

    Park's Chanyeol
    14:57 P.M. ผมจะรอ

     

    แบคฮยอนดีดตัวขึ้นทันทีที่มีคนเข้ามาในห้องพักอาจารย์ และมันก็เป็นดังที่คาด อาจารย์ยื่นรูปคืนมาให้เขาพร้อมกับประโยคที่ว่า "ผมต้องการให้รูปมันเคลื่อนไหวมากกว่านี้ อยากให้มีชีวิตอีกหน่อย และที่สำคัญ...ส่งผมภายในวันศุกร์ด้วย ขอบคุณ"

     

    ถ้าหายตัวได้แบคฮยอนก็จะหายตัว

     

    เขาไม่ชอบการแบกความหวังของใครไว้บนบ่า และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลำพังแค่แบคฮยอนเองมันจะไม่ออกมาสมบูรณ์อย่างที่ใครต้องการ

     

    แบคฮยอนไม่เคยทำให้ใครพอใจ แม่แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างเวลาเพื่อนฝากซื้อของเขายังทำผิดพลาด นับประสาอะไรกับการที่ต้องทำอะไรที่ไม่ถนัดอย่างการวาดรูป

     

    เอาล่ะ ... ครั้งที่แล้วเขามีชานยอลมันถึงออกมาโอเค

     

    แต่ครั้งนี้ ...

     

    "แบบนี้ว่าไงพี่"

     

    "ก็ดี"

     

    "ช่วยออกความคิดเห็นนอกจากคำว่า 'ก็ดี' ได้ไหม ผมวาดต่อไม่ถูกเนี่ย"

     

    เด็กมัธยมปลายข้างๆโวยวายเสียงดังโดยที่ยังวาดเส้นสีดำลงบนกระดาษต่อไป ก็แบคฮยอนนึกไม่ออกแล้วว่านอกจากชานยอลเขาจะพึ่งพาใครได้อีก จะให้ตามเซฮุนที่ช่วงนี้ฮ็อตยิ่งกว่าพระอาทิตย์ให้มาหาก็ไม่ใช่ ส่วนคยองซูไม่ต้องพูดถึง รายนั้นไม่เคยว่างให้เขาอยู่แล้ว

     

    "ช่วยคิดหน่อยสิ ว่าจะเซอร์ไพรส์ชานยอลยังไง"

     

    แค่ประโยคปลายเปิดเพียงนิดเดียวแบคฮยอนก็ได้ตัวเลือกมาเป็นหางว่าว และเขาจะไม่ทำให้น้องชายสุดที่รักต้องผิดหวัง

     

     

     

     

     

    หากจะถามว่าใครน่าอิจฉาที่สุดในโลก ตอนนี้คำตอบก็คงจะไม่พ้นว่าเป็นบยอนแบคฮยอนแน่นอน เพียงแค่คิดว่าเขามีครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อแม่มีเพื่อนที่ดี แถมพี่ชายที่คอยดูแลมาตลอดยังเลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นคนรักเสียอีก

     

    แบคฮยอนจะมีคนที่ดูแลเขาได้ดีที่สุดคอยดูแลตั้งแต่เด็กยันแก่

     

    ไม่เพียงแค่ฝากความคิด แต่แบคฮยอนยังฝากชีวิตไว้กับชานยอล

     

    ไม่รู้ว่าอะไรถึงทำให้เขามายืนอยู่ตรงนี้ คอยรดน้ำสวนดอกไม้เล็กๆข้างบ้านและจัดแต่งเหมือนคนชำนิชำนาญ ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย ชานยอลไม่ใช่คนสวน

     

    เขานั่งพรวนดินจนหน้าดำหน้าแดง มีเศษหญ้าติดเต็มขากางเกง มือใหญ่ถลอกปอกเปิกแม้จะสวมถุงมืออย่างดี

     

    ตัวเลขในปฏิทินผ่านไปเรื่อยๆจากวันกลายเป็นอาทิตย์เป็นเดือน ชานยอลมองดูพวกมันเติบโตอย่างทะนุถนอมเหมือนที่เขามองดูแบคฮยอนเติบโตด้วยความรัก

     

    ถึงแม้ในบางครั้งดอกไม้จะไม่ผลิบาน ด้วยแสงไม่พอ น้ำไม่พอหรือดินไม่ดีก็แล้วแต่ แต่ในสักวันหนึ่ง ... มันจะต้องมีวันที่ดอกไม้สวยงาม

     

    ติ๊งต่อง~

     

    ชานยอลลืมไปแล้วว่าออดบ้านเขายังใช้งานได้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็เพิ่งใช้ไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคือตอนลองกดในวันแรกที่เพิ่งมาถึง

     

    ร่างสูงเดินไปยังรั้วบ้านแต่ไม่ยักจะเห็นใครยืนอยู่ตรงนั้น เขาคิดว่าบางทีวงจรมันอาจจะเกิดความขัดข้องอะไรสักอย่างก็ได้ เดี๋ยวค่อยเรียกช่างมาดูละกัน

     

    ติ๊งต่อง~

     

    และเป็นอีกครั้งที่หน้าบ้านมีแต่ความว่างเปล่า

     

    ChanHyun
    17:45 P.M. เมื่อไหร่จะออกมาจากป่าสักที

     

    หลังจากกดส่งข้อความเด็กหนุ่มก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าอย่างเดิม แบคฮยอนบอกว่าอาทิตย์หน้าจะบินมาหาเพราะอาทิตย์นี้ต้องไปเข้าค่ายเกี่ยวกับละครอะไรสักอย่างกับคณะ ซึ่งพอลองถามเจ้าจอห์นดูแล้วมันก็บอก'จริง'

     

    เขาย่ำรองเท้าบู้ทไปตามแนวดินของแปลงดอกไม้ รดน้ำต้นไฮเดรนเยียที่กำลังโตเต็มที่และออกดอกงดงาม ชานยอลไม่รู้หรอกว่าความหมายของมันคืออะไร เพียงแต่ตอนนั้นเขาเห็นมันสวยดีก็เลยเลือกที่จะปลูก

     

    ซึ่งมารู้ตอนหลังว่าดอกไฮเดรนเยียคือ 'ดอกไม้แห่งหัวใจด้านชา' และว่ากันว่าไม่ควรมอบดอกไม้นี้ให้แก่ผู้ใด

     

    อ่า ... ขอโทษนะแบคฮยอน พี่นี่มันคนโง่จริงๆ

     

    ติ๊งต่อง~

     

    ชานยอลวางบัวรดน้ำแล้วถอดถุงมือวางไว้ข้างกัน ครั้งนี้เขาจะไม่หลงกลเจ้าออดขี้แกล้งนี่อีก

     

    ติ๊งต่อง~

     

    แต่จนแล้วจนรอดชานยอลก็ยืนอยู่หน้ารั้วบ้าน เขามองเห็นเส้นผมของใครคนหนึ่งโผล่พ้นขึ้นมา

     

    "มีของมาส่งครับ"

     

    หัวใจชานยอลเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ มันเต้นแรงคล้ายกับวันที่เผลอจุ๊บแบคฮยอนครั้งแรกในสวนดอกไม้ที่บ้านยาย จริงๆก็จำไม่ได้แล้วว่ามันแรงแค่ไหนแต่มันน่าจะแรงประมาณนี้

     

    "แบคฮยอน..."

     

    "ผมเอาแฟนน่ารักๆมาส่ง"

     

    "แบค..." เด็กน้อยที่ยืนยิ้มแป้นโดยแก้มทั้งสองข้างติดแสตมป์จากไปรษณีย์ถูกดึงเข้า อ้อมอกแกร่ง ใบหน้าจมแนบจนสัมผัสได้ถึงการกระแทกของหัวใจที่เหมือนจะหลุดออกมาจากหน้าอก

     

    "คิดถึงผมไหม"

     

    "ที่สุด ... ที่สุดในโลกเลย"

     

    ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ การได้เจอกันของคนทั้งคู่ก็เปรียบเสมือนการได้พรจากพระเจ้า เหมือนเชือกที่ดึงปลายทั้งสองข้างจนรั้งตึงเด้งกลับมาบรรจบกัน

     

     

     

    ชานยอลไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าแบคฮยอนกำลังชื่นชมดอกไม้ของเขา ไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าตอนนี้กลิ่นลมหายใจกลายเป็นกลิ่นกายของแบคฮยอนไปซะแล้ว

     

    "สวยจังเลย"

     

    เขาสูดมันแล้วสูดมันเล่าด้วยความถวิลหา

     

    ...ราวกับลมหายใจนี้มีไว้เพื่อแบคฮยอนแค่คนเดียว

     

    "ใครสอนให้ทำตัวน่ารักขนาดนี้เนี่ย"

     

    "ก็กลัวพี่ไปมีคนใหม่ เลยต้องส่งแฟนดีๆมาที่นี่ไง"

     

    ชานยอลไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งการใช้ชีวิตเป็นเด็กนอกของเขาจะมีความสุขขนาดนี้ หากโคลนนิ่งแบคฮยอนเก็บไว้ได้อีกคนแล้วพาไปไหนมาไหนได้ด้วยมันคงจะดี

     

    "ไอ้จอห์นก็รวมหัวกับเราด้วยหรอ"

     

    "ทีตอนนั้นพี่ยังพาเพื่อนมาแกล้งผมเลย"

     

    "อ๋อ นี่ล้างแค้น"

     

    "เปล่า แค่เอาคืน" เด็กน้อยโดนดีดกะโหลกไปหนึ่งครั้งโทษฐานที่ทำให้มันเขี้ยว "ความจริงก็เพราะคิดถึงไงเลยรีบมาหา แต่ถ้าบอกพี่ก่อนมันก็ไม่สนุกสิ"

     

    "พี่เป็นห่วงรู้ไหม"

     

    "รู้ รู้มาตลอดแหละ"

     

    เพราะในวันนี้และทุกวันที่ผ่านมาของปฏิทิน มีแต่ชานยอลที่ไม่เคยมองเห็นตัวเองและมัวแต่มองคนข้างๆมากกว่า ดูแลมากกว่า ใส่ใจมากกว่า และรัก ... มากกว่า

     

    หากดวงจันทร์ยังคงหมุนรอบโลกไม่เบื่อหน่าย ชานยอลก็จะยังคงรักแบคฮยอนไม่เบื่อหน่ายเช่นกัน จะคอยหมุนรอบตัวแบคฮยอนที่หมุนรอบตัวเองเพื่อปกป้องแบคฮยอนไว้

     

    ไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอก ... สำหรับคนๆหนึ่งที่แน่ใจแล้วว่าจะมอบชีวิตและหัวใจไว้เพื่อรักใครอย่างปาร์คชานยอล แค่ได้มองเห็นว่าคนที่เขารักยังยิ้มได้อย่างสบายใจ ก็มากมายเกินพอแล้วจริงๆ

     

    "แล้วเรื่องรักล่ะ ... รู้หรือเปล่าว่าพี่รักเรามาตลอด"

     

    "ไม่รู้..." แบคฮยอนซ่อนพวงแก้มสีแดงไว้ตรงหน้าอกกว้าง ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านตรงข้ามกับอุณหภูมิอากาศเหมือนทำให้เขากลับเข้าสู่ที่หลบภัยที่ดีที่สุด "...ก็บ้าแล้ว"

     

     

    ชานยอลไม่ได้วางแผนว่าจะพาแบคฮยอนไปเที่ยวไหนเป็นพิเศษ แค่อยากเดินจับมือไปตามถนนด้วยกันจนกว่าฟ้าจะมืดและจะง่วงนอน อยากพาพายเรือเล่นไปตามคลองหน้าบ้าน ไปยังที่ที่เขาไปเป็นประจำเพื่อให้แบคฮยอนได้ประติดประต่อว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไร

     

    มันไม่สำคัญว่าสถานที่ที่เขาจะพาแบคฮยอนไปนั้นเป็นสถานที่ที่แบคฮยอนอยากไปหรือเปล่า แต่ชานยอลอยากให้แบคฮยอนไป ... ไปในทุกที่ที่เขาต้องเดินผ่าน

     

    "พี่ว่าผมใส่เสื้อตัวไหนดี"

     

    "ตัวไหนก็ดีทั้งนั้นแหละ"

     

    "แล้วกางเกง?"

     

    "ก็เหมือนกัน"

     

    ชานยอลที่วุ่นอยู่กับการร้อยเชือกรองเท้าผ้าใบให้คนตัวเล็กแหงนหน้าขึ้นมองเสื้อผ้าพวกนั้นเล็กน้อยแล้วออกความเห็นไปผ่านๆ

     

    "เลือกให้หน่อยไม่ได้หรือไง" แต่นิสัยเอาแต่ใจของแบคฮยอนไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกับเขา

     

    "แค่นี้ก็ต้องจริงจังด้วยหรอ หืม"

     

    "ก็แค่อยากให้มีส่วนร่วมในการใช้ชีวิตอ่ะ ไม่ได้หรอ"

     

    "ไปเอาคำพูดเสี่ยวๆแบบนี้มาจากไอ้จอห์นใช่ไหม"

     

    แบคฮยอนยักไหล่ไม่เล่นด้วยพร้อมกับยื่นเสื้อสองตัวมาตรงหน้า เพื่อให้เขา... "เลือกมา"

     

    "สีขาว"

     

    "ก็แค่นั้นแหละ"

     

     

    มือเล็กถูกซ่อนอยู่ภายใต้ความอบอุ่นของอุ้งมือใหญ่ นานแค่ไหนแล้วที่ชานยอลไม่ได้กุมมือแบคฮยอนอย่างนี้ มันนานมากพอที่จะทำให้ความประหม่าเข้าครอบงำ เหมือนเป็นการเดทครั้งแรกระหว่างเด็กมัธยม

     

    และเขาเองก็พอใจที่จะให้มันเป็นอย่างนี้...

     

    ให้ข้างกายของเขามีแบคฮยอน ได้ยินเสียงพูดหรือแม้แต่เสียงลมหายใจก็พอใจมากเกินพอ แม้เส้นทางที่กำลังก้าวเดินจะมีผู้คนแปลกหน้าแตกต่างสัญชาติเต็มไปหมดแต่ก็ไม่มีอะไรให้กังวลอีกแล้ว ในเมื่อคนที่เขาต้องการมีอยู่ได้มาอยู่ใกล้ๆกันอย่างนี้แล้ว

     

    "ขอได้ไหม หลังจากนี้ห้ามไปยุ่งกับเรื่องชกต่อยอีก"

     

    "ก็ไม่ได้ยุ่งแล้วนะ จริงๆ"

     

    "พี่จะอยู่ยังไงถ้าขาดเรา" ชานยอลไม่ได้พาไอ้เด็กแสบไปแนะนำให้เพื่อนรู้จัก เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าจุดอ่อนของตัวเองคืออะไร "พี่จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีแบคฮยอน"

     

    ซึ่งแบคฮยอนเองก็ไม่ได้อยากทำความรู้จักเพื่อนเขาสักเท่าไหร่ มันก็ดีแล้วที่คนอื่นไม่รู้ว่าบนโลกนี้มีคนน่าอิจฉาอย่างแบคฮยอนอยู่ด้วย

     

    "ผมเองก็ไม่ยอมอายุยืนมากกว่าพี่หรอก เคยบอกแล้วไงว่าผมอยู่ไม่ได้"

     

    จะทำยังไงถ้าตื่นมาในวันที่คนข้างกายไม่อยู่ โลกคงโหดร้ายพอๆกับการโดนทารุณกรรม ถ้าในวันนี้ยังดูแลกันได้ก็อยากจะดูแลกันให้ดีที่สุด เพื่อที่วันหนึ่งเมื่อวันนั้นมาถึง ... จะได้ไม่มัวมานั่งคร่ำครวญในสิ่งที่ไม่เคยทำ

     

    แม้ในสิ่งเล็กๆน้อยๆ หากทำไปแล้วอีกคนมีความสุขก็คงไม่ต้องตั้งคำถามว่าควรทำหรือไม่ทำ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าและถ้ามีก็คงไม่ใช่กับพวกเขาทั้งคู่เป็นแน่

     

    เพราะฉะนั้น ... จึงอยากทำทุกอย่างในวันที่ยังมีโอกาส

     

     

    "ถ้าพี่จะพาไปพายเรือ อยากไปหรือเปล่า"

     

    "อยากสิ" ชานยอลรวบตนตัวเล็กมานอนข้างๆ แบคฮยอนมีน้ำมีนวลมากขึ้นกว่าหลายเดือนก่อนเยอะ กลับมาเป็นแบคฮยอนคนเดิมอย่างที่อยากให้เป็น

     

    "งั้นต้องฝึกใช้ไม้พายก่อนนะ"

     

    ความคิดถึงที่สั่งสมมานานนับเดือนกำลังทำให้อารมณ์อยากใกล้ชิดจนกลืนกินอีกคนแล่นพล่าน ชานยอลยังคงทะนุถนอมแฟนตัวเองเหมือนเช่นครั้งที่เปิดเพลงรักกันครั้งแรก ไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เพราะอยากให้มีความสุขกันทั้งสองคน

     

    แบคฮยอนเล่นซนเป็นเด็กจนร่างสูงทำโทษหน้าหงอไปหลายครั้ง ลำตัวขาวเนียนแต่งแต้มไปด้วยเรื่องราวต่างๆ ทั้งรักทั้งหวงจนไม่อยากปล่อยไปไหน ไม่อยากห่างแม้เพียงเอื้อมมือไม่ว่ายังไงก็ตาม

     

     

     

    แต่วันและเวลาที่เดินเร็วยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็เริ่มเดินเข้าสู่ช่วงการนับถอยหลัง แต่ละวันที่ผ่านมาไม่มีอะไรหวือหวา ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบเรียบและอบอุ่น ชานยอลยังคงเหมือนเดิมในขณะที่แบคฮยอนเองก็ไม่เปลี่ยนแปลง

     

    แม้เวลาที่ได้เล่นสนุกด้วยกันชดเชยกับเวลาที่ขาดไปไม่เพียงพอ แต่แค่นี้ก็สามารถต่อเติมลมหายใจของกันและกันได้บ้างแล้ว

     

    การได้พบกันครั้งนี้จะเป็นเสมือนแบตสำรองเอาไว้ชาร์จในคราที่ต้องห่างกันอีก

     

    "ไม่อยากกลับเลยชานยอล" แม้จะส่งยิ้มให้น้องชายแต่เชื่อเถอะว่าภายในหัวใจชานยอลเองกำลังร่ำร้อง

     

    ชานยอลไม่ได้หวังความสุขตอนปลายทาง แค่ขอมีความสุขไปตลอดทางกับแบคฮยอนอย่างนี้ก็พอแล้ว เพราะต้นทางที่เริ่มเดินมันขรุขระจนไม่รู้ว่าปลายทางนั้นจะมีเส้นชัยหรือไม่ แต่ระหว่างทางที่ได้จับมือกันฟันฝ่าไปทีละขั้นนั่นล่ะคือความสุขที่แท้จริง ... แค่มีแบคฮยอนตรงนี้แม้จะหาเส้นชัยไม่เจอแต่ชานยอลเชื่อว่าเขาจะไม่แพ้

     

    "พี่จะรีบกลับไปหา ทำตัวดีๆด้วยล่ะ" ชานยอลจับมือเล็กขึ้นจูบเบาๆบนแหวนตรงนิ้วนาง "รอพี่นะ"

     

    "อื้อ รออยู่แล้ว พี่มีค่าขนาดนี้ ... ผมต้องรอพี่อยู่แล้ว"

     

    "แม้ทุกอย่างมันจะยากไปสักหน่อย แต่เพื่อแบคฮยอนแล้ว ชานยอลคนนี้ทำได้เสมอ"

     

    แบคฮยอนไม่ชอบสนามบิน และจะไม่ชอบสนามบินไปอีกนาน

     

    "อยากอยู่กับพี่ อยากอยู่กับชานยอลตลอดไป"

     

    เขาอยากทิ้งทุกอย่างแล้วคว้าเพียงความสุขของตัวเองเก็บเอาไว้ แต่ถ้ามันง่ายเกินไปทุกอย่างที่ทำมาก็จะไม่มีค่า ไม่ใช่แค่ต้องรับผิดชอบตัวเอง แต่แบคฮยอนยังต้องรับผิดชอบความหวังของครอบครัว หากเขาทำให้ป๊ากับม๊าหรือชานยอลต้องเสียใจ เขาคงจะไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้อีก

     

    "ได้แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้วครับ"

     

    ไม่เป็นไรหรอกถ้าเราจะต้องห่างกันบ้าง คิดถึงกันบ้าง ...

     

    "รักชานยอลเหมือนเดิมนะ"

     

    "เหมือนกัน"

     

    ไม่ต้องยืนกอดกันโดยที่พื้นหลังเป็นวิวแสนสวย ไม่ต้องมีเส้นสายรุ้งพาดผ่านไปกินน้ำ ไม่มีคำว่า 'จบบริบูรณ์' เหมือนในละครหลังข่าว

     

    มันจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆเหมือนพระอาทิตย์ที่มอบแสงสว่างและความอบอุ่นมายังโลก และจะเริ่มต้นใหม่ไม่รู้จักจบสิ้น

     

    "แล้วเจอกันนะ"

     

    เราพบกันเพื่อให้หายคิดถึง และคิดถึง ... เพื่อรอที่จะกลับมาพบกันอีกครั้ง

     

    เพราะว่าเรารักกัน ... เท่าลมหายใจ

     


















    TBC.
    #หัวไม้ชานแบค


    จบแล้ว...
    อย่าลืมคิดถึงนะ




    ตอนแรกว่าจะเปิดทอร์คตอนหน้า แต่เป็นคนพูดไม่เก่งและคงไม่มีใครอยากอ่าน
    งั้นขอพูดในนี้เลยนะ


     

    ฟิคเรื่องนี้มันไม่ใช่ฟิคที่ดี และตอนจบก็อาจจะไม่ประทับใจใครหลายคน
    ณ ที่นี้เรายอมรับว่าฝีมือเรายังไม่ดีพอ


     

    แต่รู้อะไรมั้ย
    เราขอบคุณที่มีคนคอยติดตามและให้กำลังใจมาตลอด

    เราไม่เคยรู้จักพวกคุณเลย แต่เรารู้สึกขอบใจคนที่เราไม่รู้จักจริงๆ

     

    และฟิคเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกที่เรารวมเล่ม เราจึงกังวลไปหมด
    ยังไงก็ขอบใจที่เดินทางมากับเราและชานแบคจนจบนะคะ

     

    ถ้าไม่รังเกียจช่วยอยู่เป็นกำลังใจเราไปแบบนี้ด้วยนะ

    ขอบคุณมาก ขอบคุณทุกคนจริงๆ



    มี
    อะไรไปคุยกันได้ในทวิตเตอร์นะคะ
    @IYimmm

    จะคิดถึง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×