ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ✰ หัวไม้ ' {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #22 : หัวไม้ : 18 {100%}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.38K
      3
      7 ส.ค. 58






              ชานยอลกลับโรงพยาบาลพร้อมกับตุ๊กตาข้าวปั้นสามเหลี่ยมในมือ เขาหวังว่าแบคฮยอนจะชอบและจะนอนกอดมันทุกคืนตอนที่ยังไม่หายดี


     

              เสียงโทรทัศน์ลอดออกมาจากช่องประตู ด้านในมีแค่แสงสว่างจากหน้าจอ เขาคงกลับมาดึกเกินไปที่น้องชายจะอยู่รอ


     

              "พี่ชานยอล" เสียงงัวเงียดังขึ้นเมื่อร่างสูงกดปิดทีวี แบคฮยอนขยี้ตาแล้วขยับให้ตัวเองนั่งพิงหัวเตียง


     

              เด็กน้อยร้องครวญครางเพราะเจ็บบาดแผล มันทำให้คนเป็นพี่อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหาแล้วลูบศีรษะคล้ายปลอบประโลม


     

              "ตื่นขึ้นมาทำไม"


     

              "หายไปไหนมา"


     

              "ออกไปเดินเล่นมา ซื้อของมาฝากด้วย"


     

              "ไหน" หน้าตาแบคฮยอนยังงอแงจากการเพิ่งตื่นไม่หาย แต่ก็ยังอยากรู้ว่าสิ่งที่พี่ชายอยากให้คืออะไร "ว้าว~"


     

              "ชอบหรอ?"


     

              "น่ากินมากเลย"


     

              "มันกินไม่ได้นะ"


     

              "ทำไมต้องซื้อมาด้วยอ่ะ ถ้าผมมองมันผมก็ต้องหิวตลอดเวลาเลยสิ"


     

              "มันเหมือนเราดี" ชานยอลยกขึ้นมาเปรียบเทียบความน่ารักของตุ๊กตาข้าวปั้นกับใบหน้าน้องชาย


     

              ณ ตอนนี้เขากำลังยิ้มกว้างที่สุดของวันนี้ โดยที่มีแบคฮยอนคอยส่งยิ้มให้อยู่ด้านหน้าเหมือนเคย



     

              เขาก็อยากให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้า เหมือนตอนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองไม่มีสายเลือดเดียวกับแบคฮยอน


     

              เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะอดทนไปได้ถึงขนาดไหน...ความรู้สึกที่ปริ่มขอบแก้วมาตลอดหลายปีนี้น่ะ มันจะล้นออกมาหรือเปล่า


     

              และถ้ามันล้นออกมาจนทำให้เขาเผลอสารภาพออกไป แล้วถ้าแบคฮยอนไม่ต้องการ เขาจะยังได้อยู่ใกล้แบคฮยอนแบบนี้อีกไหม ในเมื่อเราไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกันแล้ว


     

              ถ้าแบคฮยอนเลือกที่จะผลักเขาออกจากชีวิต ก็คงไม่มีความสัมพันธ์ใดฉุดรั้งให้เราอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว

     

     





     

              ชานยอลพยายามไม่มองหน้าคนเจ็บให้เผลอใจเต้นรัวอีก แบคฮยอนเป็นเด็กซนที่น่ารักเกินไปแล้วหรือเปล่า ตั้งแต่อาการดีขึ้นจนเริ่มเดินเหินได้ก็เอาแต่ตัวติดกับเขาไม่หยุดหย่อน


     

              เหตุผลน่ะหรอ... 'อยากกินข้าวปั้น'



     

              แบคฮยอนตั้งชื่อให้ตุ๊กตาข้าวปั้นว่า 'อยากกิน' แล้วก็เอาแต่ทำหน้าแมวเพื่อขอให้พี่ชายไปซื้อข้าวปั้นมาให้กินก่อนที่จะลงแดงตายไปซะก่อน


     

              ซึ่งจริงๆแล้วไอ้ที่เพิ่งกลืนลงไปน่ะ ก็คือข้าวปั้นนั่นแหละ

     
     

              แต่แบคฮยอนก็คือแบคฮยอนอยู่วันยังค่ำ ชอบนักล่ะกับการอ้อนวอนขอกินของอร่อยๆ


     

              "วันนี้จะอ่านเล่มนี้ให้จบ" มือเล็กเคาะลงบนปกหนังสือดังปั้กๆด้วยแววตามุ่งมั่น


     

              พวกเขากำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาลัยกัน ม๊าบอกว่าควรใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์


     

              ร่างเล็กดูจะชอบการทำงานเบื้องหลังของรายบันเทิงมาก สามารถเงียบและจมเข้าไปอยู่ในตัวหนังสือสีดำอย่างไม่หลับได้ทั้งวัน


     

              บนโต๊ะของชานยอลเต็มไปด้วยปากกาไฮไลท์หลากสี เขาไม่ได้เอามาเน้นข้อความแต่เอามาวาดรูปต่างหาก



     

              ชานยอลชอบวาดรูป แม้สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดคือการนั่งมองคนตัวเล็กเงียบๆในมุมของตัวเอง แต่แสงที่กระทบพื้นห้องสะท้อนสร้างแสงเงาให้กับใบหน้าจิ้มลิ้มจนอยากจะละเลงเอาไว้ดูอีกหลายๆครั้ง


     

              "แบคฮยอนอยู่นิ่งๆ" เสียงทุ้มกล่าวดุๆ


     

              ร่างเล็กขมวดคิ้วแล้วหันมองพี่ชายที่เหยียดตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา ในมือข้างหนึ่งประคองกระดานวาดรูปและอีกข้างหนึ่งก็กำลังลากเส้นยุกยิกไปบนแผ่นกระดาษ


     

              สีหน้าและแววตาจริงจังบวกกับปมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างใช้สมาธิ ทำให้แบคฮยอนกลับไปค้างท่าเดิมและพยายามหายใจเบาๆเพราะเกรงว่าจะไม่นิ่งอย่างที่ร่างสูงว่า


     

              พวกเขากำลังจมอยู่ในโลกของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าทางที่เดินไปมันดันมีทางแยก


     

              ไม่ได้คุยภาษาเดียวกัน ไม่ได้สนใจในเรื่องเดียวกันและไม่ได้อยากรู้ในเรื่องของกันและกัน ปล่อยให้แต่ละคนมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง


     

              ให้แบคฮยอนได้มีความสุขกับหนังสือในมือและให้ชานยอลได้มีความสุขกับภาพวาดในมือ เฉกเช่นเดียวกับ...ให้ทั้งคู่มีความสุขในทางที่เลือกเดิน


     

              และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความสุขนั้นจะหันมาบรรจบกันได้




    .


    .



              "ให้ดวงดาวเป็นพยาน...ว่าแบคฮยอนจะเป็นเด็กดี" เสียงพูดเพ้อเจ้อของน้องชายดึงขึ้นจากห้วงความคิด


     

              เขาเบือนหน้ามองเสี้ยวหน้าที่แหงนขึ้นดูความระยิบของหมู่ดาว ริมฝีปากเล็กคลี่ยิ้มจนกลายเป็นรูปสี่เหลี่ยม ฟันที่เรียงตัวสวยและเขี้ยวเล็กๆนั่นช่างดูน่ารัก



     

              มันน่ารักไปหมดเลย ให้ตายสิ



     

              "หายเจ็บแผลแล้วหรอ?"


     

              "อื้ม"


     

              "ทำไมไม่นอนพักผ่อน"


     

              "ก็ตามพี่มาไง มายืนทำเอ็มวีคนเดียวใช้ได้ที่ไหน"


     

              "ไปนอนเหอะ พรุ่งนี้ป๊ากับม๊ามาเยี่ยมแต่เช้า"


     

              มือยาวคว้าไหล่บางให้เดินเข้าห้องด้วยกัน กลิ่นแชมพูอ่อนๆโชยเตะจมูกจนอดไม่ได้ที่จะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ราวกับว่ากลิ่นนั้นเป็นเครื่องดื่มมึนเมาที่ทำให้สติฟุ้งกระจาย


     

              แบคฮยอนนั่งบนเตียงห้อยขาทั้งสองข้างอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่ร่างสูงยังคงยืนหันหน้าเข้ามาหา และกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ


     

              ขายาวทั้งสองข้างแทรกมาตรงหว่างขา โน้มตัวลงจนแบคฮยอนต้องเอนตัวถอยห่าง


     

              มือเล็กยกขึ้นแตะหน้าอกกว้างเบาๆ "ช ชานยอล" เสียงหวานเปล่งอย่างผะแผ่ว


     

              ชานยอลค้ำแขนข้างหนึ่งลงบนเตียง สัมผัสพวงแก้มใสน้องชายไว้ด้วยมืออีกมือข้าง ลูบไล้ตามสันกรามจนหยุดอยู่ตรงปลายคาง


     

              เมื่อออกแรงเชยใบหน้าเล็กขึ้นนิ้วโป้งก็แตะลงบนริมฝีปาก ออกแรงกดเบาๆพร้อมกับบีบคางมนไปด้วย

     

     

              ก้อนเนื้อข้างซ้ายเขาเต้นรัวเหลือเกิน ราวกับว่ามันจะดันหน้าอกออกมาเต้นอยู่นอกร่างกาย สายตาแบคฮยอนตอนนี้กำลังสุกประกายเปล่งปลั่ง เหมือนกับดวงดาวที่เฝ้ามองเกือบทั้งคืน


     

              แบคฮยอนปิดเปลือกตาลงเมื่อสัมผัสที่ริมฝีปากแปรเปลี่ยนจากนิ้วมือเป็นอวัยวะเดียวกัน ชานยอลละเลียดชิมช้าๆ


     

              มันพรากลมหายใจของร่างเล็กให้ขาดห้วงจนเท้าที่เคยแกว่งเมื่อก่อนหน้าหยุดกึกและเกร็งจิก กลิ่นลมหายใจที่ติดอยู่ตรงปลายจมูกรั้นพาให้เคลิบเคลิ้ม


     

              ลิ้นเรียวร้อนแทรกผ่านเข้าไปคว้านความหวานจากคนตรงหน้า ไล่เรียงไปตามแนวฟันและเขี้ยวแหลมเล็กนั่น...มันให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังแอบกินขนมในห้องนอน



     

              อร่อย ตื่นเต้น และจะจดจำไปจนวันตาย



     

              เขาแตะลิ้นลงเบาๆบนลิ้นเล็ก ชานยอลสงสัยมานานว่าเด็กพูดมากคนนี้จะเก่งอย่างที่ว่าหรือเปล่า


     

              ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้วว่า...แบคฮยอนน่ะ เก่งใช้ได้เลยล่ะ



     

              ไม่ใช่เก่งในเรื่องจูบนะ แต่เก่งในเรื่องมอมเมา เพราะตอนนี้ชานยอลกำลังไหวเอนไปตามแรงลมเหมือนต้นหญ้าที่ควบคุมตนเองไม่ได้


     

              แรงตวัดจากลิ้นทำให้แบคฮยอนกำคอเสื้อพี่ชายแน่น นี่เป็นครั้งแรกในช่วงเวลาเกือบสิบแปดปี ครั้งแรกที่โดนพรากความเป็นตัวเองออกไปจนหมด


     

              ชานยอลกระชากจิตวิญญาณเพียงแค่ขยับใบหน้าจนริมฝีปากบดขยี้กันแรงขึ้น เสียงของความเปียกแฉะเล่นเอาแบคฮยอนตัวอ่อนยวบ


     

              แผ่นหลังบางถูกดึงเข้าหาจนจมอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น ชานยอลทัดผมแบคฮยอนเข้ากับใบหู เขาได้ยินเสียงครางอื้ออึงหลุดออกมาเบาๆ


     

              เพียงเท่านั้น...สติชานยอลก็ดับลงอีกครั้ง



     

              ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นจูบแรกและจูบสุดท้ายแล้วก็ได้สำหรับเขากับแบคฮยอน ดังนั้น...ปาร์คชานยอลจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปอีกอย่างเด็ดขาด


     

              หน้าอกบางกระเพื่อมถี่กระชั้นเมื่อแผ่นหลังราบเรียบลงกับเตียงสีขาว ความแปลกใหม่ที่ชานยอลมอบให้ตอนนี้เขาชอบมันเหลือเกิน


     

              มันทำให้ตัวแบคฮยอนเบาหวิวและลอยเคว้งอยู่บนชั้นบรรยากาศ มันแตกต่างจากจูบที่ทำเพียงแค่สัมผัสบางเบาตอนอยู่ในสวนดอกไม้


     

              มันลึกซึ้งกว่านั้น

     




     

              เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนทำหน้าที่ได้พอดิบพอดี

     
     

              ชานยอลผละออกมาอย่างจำใจ เพราะเขายังอยากชิมรสหวานจากริมฝีปากของแบคฮยอนอยู่ ...เขายังต้องการมัน


     

              แนบหน้าผากเข้ากับแบคฮยอนเพื่อรอให้หน้าอกข้างซ้ายเต้นผ่อนแรงลง จูบซับมุมปากที่เลอะน้ำใสอีกครั้งก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจุมพิตหน้าผากมนจนมีเสียง จุ๊บ หลุดออกมาเบาๆ


     

              "พี่รักเรานะแบคฮยอน รักอย่างที่ไม่ใช่พี่ชายรักน้องชาย"


     

              มันเกิดขึ้นแล้ว...และมันก็ยากที่จะหยุดลงได้



     

              ชานยอลห่มผ้าให้คนป่วยก่อนจะเดินออกมาจากห้อง กำมือเข้าหากันแน่นจนเส้นเอ็นเด่นชัดขึ้นบนลำแขน


     

              เขาสารภาพออกไปแล้ว... สารภาพรักกับแบคฮยอนไปแล้ว


     

              ถ้าหลังจากนี้มันจะไม่เหลืออะไรชานยอลก็พร้อมที่จะยอมรับกับการกระทำของตนเอง

     

     


















     

              "พรุ่งนี้ให้ม๊าไปส่งนะครับ"


     

              "โอเคฮะ หนูจะตื่นแต่เช้าเพื่อมาทวนหนังสืออีกรอบดีไหม?"


     

              "พอแล้วลูก ม๊าเชื่อว่าหนูทำได้ คืนนี้พักผ่อนนะ" แบคฮยอนสวมกอดคนเป็นแม่ หาความอบอุ่นจากหญิงสาวที่เขารักที่สุด


     

              ตอนนี้แบคฮยอนกลับมาอยู่บ้านแล้ว แถมพรุ่งนี้ทั้งแบคฮยอนและชานยอลต้องกลับไปใส่ชุดนักเรียนอีกครั้ง และมันจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะต้องย้ายตัวเองไปอยู่ในยูนิฟอร์มชุดใหม่



     

              ชุดนักศึกษา



     

              ชานยอลนอนไม่หลับทำให้แสงไฟสีส้มตรงหัวเตียงสะท้อนดวงตากลมโตแวววับ เขาตื่นเต้นกับข้อสอบในวันพรุ่งนี้เกินกว่าจะข่มตาลงได้และคิดว่าแบคฮยอนก็คงจะเป็นเหมือนกัน


     

              เพราะตื่นมาในเช้าของอีกวันคนตัวเล็กก็นั่งอ้าปากหาวหวอดจนน้ำหูน้ำตาไหลอยู่ที่นั่งข้างคนขับ วางหมอนไว้บนตักแล้วเกยคางเหมือนลูกหมา


     

              แบคฮยอนชอบช่วงเวลารถติดตอนเดินทางไปโรงเรียน มันทำให้เขาได้แอบงีบหลับได้เหมือนกับตอนนี้


     

              ร่างสูงที่นั่งอยู่ด้านหลังหยิบเอาดินสอขึ้นมาขีดๆเขียนๆลงบนกระดาษไปเรื่อยเปื่อย ถ้าวันนี้เขาทำข้อสอบทฤษฎีผ่านก็จะได้ทำข้อสอบปฏิบัติต่อเลย



     

              "ม๊าครับ เดี๋ยวหนูไปต่อเอง ขับรถดีๆนะครับม๊า"


     

              ชานยอลลงพร้อมกับน้องชายตรงหน้าโรงเรียนชอ เดินทอดน่องไปกับร่างเล็กเพื่อไปยังร้านขายเครื่องเขียน แบคฮยอนเป็นพวกไม่มีความมั่นใจถ้าอยู่ในห้องสอบ กลัวปากกาหมึกหมดบ้างล่ะ กลัวยางลบฉีกบ้างล่ะ กลัวดินสอไส้หักบ้างล่ะ


     

              "พอแล้วแป๊ก"


     

              "มันหอมอ่ะ" แบคฮยอนแปะก้อนยางลบสีขาวอุดรูจมูก ทำปากจู๋ให้มันตรึงอยู่อย่างนั้นโดยมือทั้งสองข้างเลือกลายน่ารักไปเรื่อย


     

              นี่มึง...


     

              "อย่าแดกเข้าไปนะ"


     

              "ลายอะไรดี?"


     

              เสียเวลาไปเกือบสิบนาทีกับการเลือกซื้อของ แบคฮยอนนั่งสั่นขาอยู่บนเก้าอี้ไม้อย่างบ้าคลั่ง เขาพยายามทำสมาธิอยู่แต่ท้องไส้มันเริ่มปั่นป่วน


     

              มือหนาเอื้อมวางลงบนกลุ่มผมนุ่มที่หน้าม้าเริ่มยาวจนปรกตาก่อนจะควานหายางมัดผมเส้นเล็กมามัดจุกให้


     

              "งื้อ"


     

              "อยู่นิ่งๆ"


     

              "ไม่เอา ไม่ทำจุก"


     

              "ผมเผ้าปิดหน้าปิดตาขนาดนี้ อย่าดื้อน่า" ชานยอลรวบผมน้องลวกๆจนมันกลายเป็นผลแอ๊ปเปิ้ลหนึ่งลูก


     

              "แล้วนี่...พกยางทำไม"


     

              "ก็เอาไว้มัดหน้าม้าตอนทำข้อสอบไง"


     

              "มัดเลย มา"


     

              "เห้ยไม่! ค่อยมัดในห้องสอบ"


     

              "อย่าดื้อ!" แบคฮยอนล็อคคนตังสูงไว้แล้วทำจุกเหมือนกับตัวเองบนศีรษะพี่ชาย


     

              ชานยอลกรอกตามองบนก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วกระชับกระเป๋าเป้


     

              "เพื่อนมานู่นแล้ว กูไปก่อนนะ"

     
     

              "เดี๋ยวๆ" น้องชายรั้งแขนยาวไว้ได้ทัน ก้มลงหาบางอย่างในกระเป๋าอยู่นานก่อนจะวางลงบนมือ "อ่ะ สู้ๆนะ"


     

              เด็กหนุ่มก้มลงมอง 'เครื่องลาง' บนฝ่ามือในขณะที่ยืนรอรถเมล์ ปากหยักยกยิ้มจนแทบจะฉีกไปถึงใบหูเพียงแค่ได้เห็นแหวนสีเงินเกลี้ยงๆที่ด้านในมีตัวอักษรตัวCสลักอยู่


     

              มันหายไปตอนที่เขาซักผ้าเมื่อปีที่แล้ว ไม่คิดว่าไอ้เด็กแสบแบคฮยอนจะเอาไปแอบไว้ นึกว่าจะไม่ได้ใส่มันแล้วซะอีก


     

              ...ก็แหวนวงนี้น่ะ แบคฮยอนสั่งทำพิเศษมาให้เป็นของขวัญวันเกิดเชียวน้า



     

              พูดถึงของขวัญ เกือบลืมแหนะว่าวันเกิดปีที่สิบแปดใกล้เข้ามาแล้ว ชานยอลคงต้องหาอะไรไปเซอร์ไพรส์แบคฮยอนบ้างแล้วล่ะ










              "ชั่นหย่อน!" เสียงเรียกด้วยสำเนียงแปร่งๆดังมาจากด้านหลัง


     

              ตอนแรกชานยอลไม่แน่ใจว่าเป็นชื่อเขาหรอเปล่าเลยไม่ได้หันไป แต่แรงสะกิดตรงหัวไหล่ก็ตอบได้แล้วว่าชั่นหย่อนนั่นคือชื่อเขา


     

              และมีเพียงไม่กี่คนบนโลกเท่านั้นที่จะหลุดสำเนียงบ้านเกิดออกมาเวลาตกใจ


     

              "ไอ้คริส" เด็กหนุ่มเอ่ยชื่อเบาๆโดยไม่ได้หันไปมอง เขากำราวเหล็กของเก้าอี้ตัวหน้าไว้แน่นแล้วแนบหน้าผากลงกับหลังมือ "ไอ้มารผจญ"


     

              "ยูได้ยินไอม้าย"


     

              ชานยอลเกลียดการพูดภาษาปนเปของมันเหลือเกิน แรกเริ่มเดิมทีคริสก็พูดเกาหลีชัดถ้อยชัดคำอยู่หรอก พอได้ไปเรียนต่างประเทศเข้าหน่อยกลับมาลิ้นไก่ก็สั้นซะงั้น


     

              "บังเอิญมากที่เจอยู นี่ๆ"


     

              คริสย้ายตัวเองมานั่งเก้าอี้ว่างข้างชานยอลและยังไม่ลดความพยายามที่จะทำให้เพื่อนเก่าเงยหน้ามาคุยกับเขาให้ได้


     

              โอเค...เขาก็ยอมรับผิดในหลายๆอย่าง แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพียงแค่เรียกร้องความสนใจเท่านั้นแหละ คริสไม่ใช่นักเลงชวนตีอะไรขนาดนั้นหรอก เพียงแต่วัยรุ่นเลือดร้อนมันก็ต้องมีบ้างที่แลกความสะใจมาด้วยการเจ็บตัว


     

              เหตุผลที่เขาเอาแต่หาเรื่องเด็กโรงเรียนอื่นแทนที่จะหาเรื่องปาร์คชานยอลโดยตรงก็เพราะไม่อยากให้มาประจันหน้ากันอย่างนี้ไง คริสรู้หรอกว่าชานยอลเกลียดขี้หน้าเขาขนาดไหน



     

              เรื่องในอดีตมันเป็นเรื่องขี้ประติ๋วมากถ้าเทียบกับตอนนี้แล้ว และมันย้อนอะไรกลับมาไม่ได้ เพราะถ้าทำได้คริสคงไม่ชวนชานยอลไปวิ่งเล่นรอบสระน้ำแน่นอน สาบานเลย


     

              "อ๋า ยูยังโกรธไอสินะ"


     

              ชานยอลพ่นลมหายใจแรงจนตัวกระเพื่อม เขากดกริ่งก่อนจะเบียดช่วงขายาวของอีกคนไปยืนเกาะเสาเพื่อรอลงจากรถ


     

              แต่เสียงเท้าก็ยังตามมาติดๆจนเมื่อชานยอลหยุดเดินกะทันหัน คนที่ตัวสูงกว่านิดหน่อยก็ชนกับกระเป๋าเข้าอย่างจัง


     

              "ตามกูมาทำไม"


     

              "ไอเปล่าตามยู"


     

              เด็กหนุ่มยกมือเกาหลังหูอย่างมีโทสะ ถ้าได้ซัดหมัดใส่หน้ามันอาจจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นบ้างก็ได้


     

              คิดได้อย่างนั้นจึงเอาแหวนเงินที่กำอยู่สวมเข้านิ้วกลางด้านขวา วอร์มนิ้วมืออย่างชำนาญแล้วเล็งเป้าไปที่มุมปากของคนตรงหน้า แต่ก่อนที่จะทันได้ซัดหมัดออกไปโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นเรียกซะก่อน


     

              ชานยอลจึงต้องคลายมือที่กำอยู่เพื่อล้วงหยิบเจ้าตัวขัดจังหวะออกมารับสาย


     

              "ว่าไง"

     

               [ชานยอล...แบคตื่นเต้น]


     

              "ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว"


     

               [อยู่หน้าห้องสอบแล้ว ขนลุกไปหมดเลย]


     

              "รีบไปเข้าห้องน้ำซะสิ" เด็กหนุ่มหันหลังกลับไปยังทิศทางเดิมแล้วเริ่มออกเดินอีกครั้ง เขายกข้อมือขึ้นมาเพื่อดูนาฬิกา "ยังพอมีเวลาไม่ใช่หรอ?"


     

               [ไอ้มีน่ะมันมี แต่โคตรกลัวข้อสอบเลยว่ะ]


     

              "เรื่องแค่นี้ทำเป็นกลัว มึงกลัวกูให้เหมือนกลัวข้อสอบบ้างดิ"


     

               [มึงมันไม่ได้น่ากลัวเลยไอ้ช้อน หูก็กาง ตาก็โปน ขาก็โก่ง]


     

              "มึงมันก็เป็นซะอย่างนี้ กูเคยเอาพุงย้วยๆมึงมาล้อบ้างไหม"


     

               [เคย มึงว่ากูอ้วนออกจะบ่อย] ชานยอลกระตุกยิ้มมุมปาก ตอนนี้เขาอารมณ์ดีขึ้นแล้ว


     

              "เออๆ ไปเข้าห้องน้ำก่อนเข้าห้องสอบด้วย ตั้งใจทำล่ะอย่ามัวแต่คิดถึงหน้ากู"


     

               [กูจะคิดถึงหน้ามึงเฉพาะตอนหิวเท่านั้นแหละ]


     

              "แบคฮยอน..."


     

               [อะไร?]


     

              "สู้ๆนะ พี่เป็นกำลังใจให้ พี่เชื่อว่าเราจะต้องทำได้ ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับน้องพี่หรอก"


     

              คนตัวเล็กเงียบไปชั่วอึดใจ มือที่เคยเย็นเฉียบและชื้นเหงื่อกำลังปรับอุณหภูมิให้กลับมาเป็นปกติ


     

               [ขอบใจ มึงก็ตั้งใจทำข้อสอบนะ เสร็จแล้วก็ไลน์มาบอกด้วย]


     

              "พูดไม่เพราะเลย"


     

               [อะไรอีก?]


     

              "ตอนกูอวยพรมึงกูแทนชื่อมึงว่าน้องพี่เลยนะ"


     

              แบคฮยอนเกาหัวยิกๆ พี่ชายเขาบทจะปัญญาอ่อนก็ไม่มีอะไรฉุดอยู่จริงๆ


     

               [เออก็ได้ๆ ตั้งใจทำข้อสอบนะพี่ชานยอล เสร็จแล้วก็ไลน์มาบอกด้วย]


     

              "นึกว่าจะแทนว่า'พี่น้อง'ซะแล้ว แบบนั้นคงโคตรเพื่อชีวิตเลย"


     

               [วางละนะ กูจะไปขี้ละ]


     

              "อื้อ เต็มที่นะบะแบ้ก"


     

              ชานยอลส่ายหน้าขำๆที่หลุดเรียกน้องชายด้วยเสียงน่ารักไปก่อนจะกดวางสาย เขาเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเป้แล้วหาที่นั่งรอมินซอกใต้ต้นไม้


     

              มันบอกว่ากำลังขับรถมาตอนนี้อยู่สี่แยกไฟแดงแล้ว ซึ่งสี่แยกไฟแดงแถวนี้ก็ไม่ได้มีแค่อันเดียวด้วย ชานยอลจึงไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนเพื่อนของเขาจะมาถึง



     

              มีมนุษย์ตัวสูงเดินด้อมๆมองๆวนเวียนอยู่ใกล้กับต้นไม้ที่ชานยอลเลือกนั่งจนน่าหงุดหงิดอีกแล้ว


     

              สุดท้ายก็เป็นเขาที่ทนไม่ไหวลุกขึ้นไปกระชากคอเสื้อคริสอย่างแรงจนกระดุมหลุดออกมาจากรังดุม


     

              "มึงจะอะไรกับกูนักหนาวะ" เสียงทุ้มต่ำลอดไรฟันจนน่ากลัว


     

              ณ บัดนี้ความมุ้งมิ้งตอนที่คุยกับน้องชายได้มลายหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ปาร์คชานยอลหัวหน้าทีมพลอยที่ไม่ค่อยมีเรื่องกับใครแต่ถ้าคิดจะมีแล้วล่ะก็ คนๆนั้นจะไม่ใช่พวกกระจอกงอกง่อยแน่นอน


     

              "อ ไอ ไอ"


     

              "ไอเชี่ยไรมากมาย พ่อเป็นวัณโรคหรอ"


     

              คริสทิ้งแขนทั้งสองข้างให้ตกลู่ไปตามแรงโน้มถ่วง พับคอลงอย่างหมดแรง เขาคงจะโดนชานยอลเกลียดเข้าไส้เข้าพุงจนเกินเยียวยาแล้วจริงๆ


     

              "ยอมแล้ว"


     

              "ไสหัวเน่าๆของมึงไปให้พ้นเลยนะ กูเหม็น"


     

              เด็กหนุ่มคลายมือออกปล่อยให้คนตรงหน้าล้มคุกเข่าลงกับพื้นทรายจนกางเกงเลอะสีฝุ่น เขากลับมานั่งชันเข่าอยู่ที่เดิมแล้วหยิบหูฟังขึ้นมายัดหู


     

              เปิดเพลงเสียงดังกระหน่ำให้หลุดเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่งเพื่อระงับอารมณ์ แล้วไอ้การที่ไม่ใส่แว่นดำปกปิดดวงตาก็เพื่ออยากให้เขาได้ยินเสียงความคิดใช่ไหมล่ะ เสียใจด้วยนะ...ปาร์คชานยอลคนนี้ไม่มีสิ่งนั้นอีกแล้ว


     

              คริสนั่งพิงต้นไม้อีกฝั่งอย่างหมดแรง วันนี้อุตส่าห์ตั้งใจมาง้อมันด้วยวิธีเปลี้ยแบบไม่ต้องใช้สมองยังโดนมันจับคลุกฝุ่นซะหมดสภาพ





     

              "มาแล้ว"


     

              ชานยอลถอดหูฟังออกเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กมาถึง สภาพอีกคนที่ค้ำตัวลงกับหน้าขาพลางหอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างบ้าคลั่งทำให้เด็กหนุ่มฉุกคิดว่ามันวิ่งมาจากไหน


     

              "นึกว่าจะมาไม่ทันแล้วซะอีก"


     

              "ตอนแรกกูก็คิดงั้นแหละ รถติดชิบหาย" มินซอกเบ้หน้าเล็กน้อยแล้วใช้มือปัดๆลงบนผมหน้าม้าเขาเหมือนรังเกียจ "จุกห่าอะไรเนี่ย ตลก"


     

              ชานยอลลืมไปเลยว่าแบคฮยอนมัดผมให้ แล้วแบบนี้ที่ขู่ไอ้คริสไปมันจะกลัวเปล่าวะ โว้ย ช่างมันเถอะ


     

              "รอกูแปปนะ"


     

              มินซอกพยักหน้าพร้อมกับใช้มือวีลมให้คลายร้อน เห็นช่วงขายาวโผล่อยู่ด้านหลังเลยชะโงกหน้าออกไปดู


     

     

    ChanHyun
    08:56 A.M. ขี้เสร็จยัง

     

    BaekYeol
    08:57 A.M.   เสร็จละ ล้างมืออยู่

     

    ChanHyun

    08:57 A.M.   เข้าห้องสอบได้แล้ว

     

    BaekYeol

    08:58 A.M.   อือ ไปละ

    ChanHyun

    08:58 A.M.   สู้ๆนะ ?

     


     

              "นั่นมันไอ้คริสไม่ใช่หรอวะ?" เด็กหนุ่มหันไปมองเพื่อนที่กระซิบอยู่ด้านข้างแล้วออกเดินอย่างไม่ใส่ใจนัก "มึงไม่เห็นมันหรอวะเพื่อน"


     

              "ตากูไม่ได้บอด"


     

              "มึงคงไม่ได้ซัดกับมันไปก่อนหน้าที่กูจะมาหรอกใช่ไหม?"


     

              "เปล่า"


     

              "ฮู่ว~ ค่อยยังชั่ว" ว่าจบก็ยกมือขึ้นทาบอก


     

              "ค่อยยังชั่วอะไร"


     

              "ก็วันก่อนที่มึงซัดมันไปอ่ะ ได้ข่าวว่าลูกน้องมันนี่ชักปืนจะยิงมึงแล้วนะ"


     

              "ก็ลองยิงดูสิ" ...จะกลายเป็นผีมาบีบคอให้ตายห่าไปเลย



     

              ชานยอลเหล่ตามองบุคคลที่เป็นหัวข้อบทสนทนาที่เดินเกี่ยวกระเป๋าพาดบ่าผ่านหน้าไป มันเดินเข้าห้องสอบเดียวกับเขาด้วย


     

              "อะไรวะ ไหนมันบอกว่าจะไปเรียนภาษาอาบูดาบีเพิ่มไม่ใช่หรอ"


     

              "ฮังการีเว้ย" เด็กตัวสูงแก้ให้ถูก


     

              "แล้วทำไมมันถึง..."


     

              "ไม่รู้!"


     

              เสียงทุ้มตะโกนใส่หน้ามินซอกแล้วกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องสอบไป ก่อนจะนั่งลงตรงที่ตัวเองก็แอบส่งสายตาอาฆาตไปให้คนที่นั่งเยื้องกัน



     

              เด็กหนุ่มเปิดกระดาษข้อสอบแล้วไล่อ่านตัวหนังสืออย่างตั้งใจ กินเวลาช่วงเช้าไปทั้งวันจนท้องเริ่มร้องประท้วงออกมาอย่างห้ามไม่ได้

     
     

              แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ต้องรอมินซอกที่ยังทำข้อสอบอยู่อีกห้องก่อน เขาจึงปลีกตัวไปยืนสูบบุหรี่ตรงดาดฟ้า



              อ่า เจอมารผจญเข้าจนได้



     

         ครืด~ ครืด~ ครืด~



     

              "เป็นไงบ้างแบคฮยอน" ปากหยักยกยิ้มและเปลี่ยนอารมณ์กะทันหัน ช่วงตัวยาวยืนหันหน้าออกไปทางถนนใหญ่อย่างปล่อยความคิด สองนิ้วเรียวคีบมวนบุหรี่กลิ่นปะแล่มๆที่ขโมยมาจากกระเป๋าเป้มินซอก

     
     

               [ยากโคตร เหงื่อแตกหมดเลย]


     

              "หิวข้าวหรือเปล่า?"


     

               [หิวสิ แต่ผมจะไปกินกับไอ้พวกนี้อ่ะ พี่ต้องรอสอบตอนบ่ายไม่ใช่หรือไง]


     

              "ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะได้สอบหรือเปล่า"


     

               [พูดอย่างกับตัวเองทำข้อสอบไม่ได้งั้นแหละ]


     

              "ใครจะไปมีความมั่นใจมากมายเหมือนเรากันล่ะ"


     

               [หลอกด่าอีกละ]


     

              "ขอบคุณนะแบคฮยอน..." เท้ายาวขยี้บุหรี่ที่ปล่อยให้สายลมพัดไฟสีแดงจนหดไปครึ่งมวนโดยที่สูดเข้าปอดไปเพียงครั้งแรกที่จุดเท่านั้น


     

               [ขอบคุณอะไรอีกวะ]


     

              "ที่โดนรถชนแล้วให้พี่ได้มีเวลาอ่านหนังสือน่ะ"


     

               [หืม นี่กูต้องเจ็บตัวครั้งใหญ่เพื่อทำให้มึงได้อ่านหนังสือสอบเลยหรอ]


     

              "จริงๆแล้วมันมีหลายอย่าง ไว้ให้เราสอบติดแล้วพี่จะเล่าให้ฟังนะ"


     

               [โอเค ไปกินข้าวแล้วนะ]


     

              "อืม"


     

               [ชานยอล...]


     

              "ว่าไง"


     

               [...] ร่างเล็กเม้มปากแน่น เพราะกำลังหลุดยิ้มออกมาจนกว้าง


     

              "เรียกทำไมเนี่ย"


     

               [ผมรอพี่โทรมาบอกว่าทำข้อสอบทฤษฎีผ่านอยู่นะ]


     

              และนั่นก็ทำให้ชานยอลหัวเราะออกมาเบาๆอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เขารู้อยู่แล้วแหละว่าแบคฮยอนเป็นเด็กน่ารัก แต่ก็ไม่คิดว่าจะกล้าน่ารักใส่จนเขาเขินขนาดนี้





     

              คนตัวสูงหมุนตัวเพื่อจะกลับเข้าไปในตัวตึก แต่ทว่าหางตากลับเห็นคนกวนประสาทนั่งห้อยขาอยู่บนขอบที่กั้น


     

              ใจหนึ่งก็อยากจะเดินเข้าไปผลักให้มันหล่นลงไปหัวแบะอยู่บนพื้น อีกใจหนึ่งก็อยากคว้าบุหรี่ที่มันคีบอยู่มาสูดสักทีสองที เพราะในมือมันคือ Marlboro ice blast ที่แค่เห็นก็อยากบีบเม็ดที่ตูดให้รู้สึกเย็นจนสุดขั้วปอดแล้ว


     

              เพียงแค่กลิ่นควันที่โชยมาปาร์คชานยอลก็แทบจะถลาเข้าไปฉกมาทั้งกล่อง

     
     

              แต่ไม่เอาล่ะ ... เขาไม่อยากเสวนากับคนพรรค์นี้












     

     

              ชานยอลนั่งตาปรืออยู่ในร้านกาแฟแถวโรงเรียน ในมือกำโทรศัพท์ไว้แน่นเพื่อรอให้ถึงเวลานาฬิกาปลุก


     

              เพราะบ่ายโมงตรงโรงเรียนจะประกาศผลสอบทางเว็บและให้นักเรียนเข้าไปเช็คเอง ส่วนคนที่มีรายชื่อผ่านก็ให้ไปสอบความถนัดทางด้านปฏิบัติอีกครั้ง


     

              "สรุปว่าไอ้คริสมาสอบทำไมวะ"


     

              "นี่มึงยังไม่หายสงสัยอีกหรอ" เด็กหนุ่มไถลลงไปคว่ำหน้ากับโต๊ะ ใช้ท่อนแขนเป็นหมอนรองชั่วคราว


     

              "หรือว่ามันจะกลับมาเรียนที่นี่"


     

              "เฮ้อ~ ผมไม่รู้ครับ ไม่รู้"


     

              "ถ้าเจอมันก็ฝากถามด้วยแล้วกัน"


     

              "ใช่เรื่องกูไหม"


     

              "ทำเพื่อเพื่อนไม่ได้หรือไง"


     

              "อยากรู้ก็ไปถามเองสิวะ"


     

              "มึงนี่น้า . . . ปาร์คชานยอล" มินซอกกำมือเป็นหมัดไปหมุนบนศีรษะเพื่อนจนผมยุ่งเหยิง "กูก็ไม่เห็นว่าไอ้คริสมันจะทำผิดกับมึงตรงไหนเลย"


     

              "มันจับน้องชายกูไปขัง"


     

              "กูหมายถึงตอนเด็ก" ยังพอมีเวลาอีกหลายนาทีในการสร้างเซลล์ประสาทในสมอง "มึงก็เห็นอยู่ว่ามันวิ่งไปตามพ่อมันมาช่วยมึงขึ้นจากน้ำ"


     

              "..."


     

              "แล้วมึงก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วยไม่ใช่หรอวะ พิการก็ไม่ ตายห่าก็เปล่า"


     

              เจ้าของใบหูกางเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน "ร่างกายกูไม่เป็นอะไร แต่มึงรู้ไหมว่ากูฝันแบบนั้นมากี่ปี กูฝันว่ากูจมน้ำซ้ำๆซากๆจนปัจจุบันนี้กูยังไม่กล้าเล่นน้ำเลย"


     

              นั่นคือเหตุผลว่าทำไมชานยอลถึงชอบเล่นน้ำฝน เขากลัวที่จะกระโดดลงไปในสระน้ำแม้ว่ามันจะตื้นแค่ไหน กลัวแม้กระทั่งการลงไปเล่นน้ำทะเล


     

              เพราะแค่เหตุการณ์ครั้งนั้นครั้งเดียว...


    .


              ชานยอลกลับมายืนอยู่หน้าห้องสอบอีกครั้งพร้อมกับอุปกรณ์วาดรูปในมือ เขาโทรไปบอกแบคฮยอนว่ามีรายชื่อสอบผ่านจนเสียงหวีดร้องด้วยความดีใจของคนตัวเล็กทำเอาหูอื้อ


     

              แถมแบคฮยอนยังบอกอีกว่าจะทำมื้อเย็นรอเขากลับไปกินถ้าไม่ห้ามไว้ก่อน 'ไม่ห่วงสุขภาพชีวิตก็ควรจะห่วงความปลอดภัยของทรัพย์สินบ้าง' ชานยอลว่างั้น


     

              เวลาสามชั่วโมงมันทำให้หลังเขาปวดเมื่อยแถมดวงตายังล้าไปด้วย เสียงดินสอไม้ตกพื้นทำให้เขาหันไปมองยังต้นตอ

     
     

              เป็นไอ้คนที่เขาอยากจะเข้าไปซัดหมัดลุ่นๆใส่อีกแล้ว


     

              ท่าทางมันคงจะกลับมาเรียนเกาหลีแล้วจริงๆ แถมยังมาสอบความถนัดแบบเดียวกับเขาอีก งานนี้คงจะรอดการเจอหนังหน้ามันยากพอควร







     

              ชานยอลนั่งรถเมล์กลับบ้านเพราะมินซอกกลับไปก่อนตั้งแต่เขาเข้าห้องสอบแล้ว รายนั้นไม่ขอเลือกสอบอย่างเดียวกันเพราะอยากจะไปด้านบริหารมากกว่า


     

              ตอนแรกชานยอลก็คิดว่ามันล้อเล่นเพราะเห็นไม่ชอบอะไรที่เกี่ยวกับตัวเลขสักเท่าไหร่ แต่พอมันบอกว่าเรียนไปเพื่อจบมาช่วยกิจการที่บ้านก็เข้าใจทันที


     

              โชคดีที่เขากับแบคฮยอนไม่ถูกครอบครัวกำหนดเส้นทางชีวิต แค่ขอให้ตั้งใจเรียนในสิ่งที่อยากเรียนก็พอ นั่นคือข้อดีที่ทำให้เขามีความสุข


     

              เพราะการแบกความหวังของคนอื่นไว้เต็มบ่ามันอาจจะทำให้เขาล้มตายในเร็ววันก็ได้





     

              ชานยอลเปิดประตูรั้วแล้วถอดรองเท้านักเรียนวางไว้บนชั้น ก่อนจะหยิบคู่เล็กกว่าที่วางไม่เป็นที่ขึ้นมาวางข้างๆกัน


     

              เสียงทีวีในบ้านดังเหมือนเสียงกระซิบไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนตัวเล็กที่เป็นคนเปิดนั้นกำลังหลับอยู่ เขาพยายามถ่างตารอแล้วแต่เพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับมันเลยส่งผลมาถึงตอนนี้


     

              เด็กหนุ่มเข้าไปจัดการเทอาหารที่ซื้อมาใส่จานแล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาอีกทีน้องชายก็นั่งทำตาละห้อยอยู่บนโซฟาผมเผ้าชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทรง


     

              "ชานยอล"


     

              หลุดเสียงออดอ้อนแล้วฟุบหน้าลงกับพนักโซฟาอีกครั้ง


     

              "หิวข้าวยัง"


     

              "อือ"


     

              "พี่ซื้อของกินมาเพียบเลย ไปกินกัน"


     

              "ค่อยกินก่อน"


     

              "อ้าว ทำไมอ่ะ"


     

              "มานั่งนี่ก่อน" แบคฮยอนตบเบาะปุๆ จนคนตัวโตเดินอ้อมมานั่งข้างๆ


     

              มือเล็กวางลงบนบ่ากว้างก่อนจะออกแรงบีบไล่ไปช้าๆจนถึงต้นแขน ทำซ้ำอยู่อย่างนั้นจนชานยอลเอ่ยปากชม


     

              เปลือกตาบางปิดลงอย่างผ่อนคลายปล่อยให้หมอนวดจำเป็นคลายความปวดเมื่อยตามตัวให้


     

              "ไปเรียนนวดมาจากไหนเนี่ย"


     

              "เซฮุนสอน"


     

              "ตรงนี้ด้วย ตรงนี้" แบคฮยอนทำตามอย่างว่าง่ายไม่มีบ่นเลยสักคำ


     

              "คืนนี้จะยอมทำตามใจหนึ่งคืนเลย"



     

              เอาอีกแล้ว...แบคฮยอนเล่นเขาอีกแล้ว

     





















     

    TBC.
    #หัวไม้ชานแบค

    อิสองพี่น้องนี้จะมีที่เรียนกันแล้วนะ
    อิอิ

    คราวนี้จูบลึกซึ้งอ่ะ แบบ...
    แบบ...
    แบบ...

    ทุกอย่างคลุมเครือแล้วใส่พี่คริสเข้ามาอีก
    (เอามาเพื่อโดนด่าว่าเป็นวัณโรค)

    ทำไมไม่สารภาพกันสักที?
    อย่าว่าเราเลยที่ไม่ยอมให้น้องแบคสารภาพกลับไป
    น้องยังไม่รู้อะไรเลยนะจ๊ะ

    จริงๆไม่อยากทำให้มันมีปม แต่มีทุกเรื่องเลย เบื่อตัวเอง


    เนื้อเรื่องอืดไป เร็วไป น่าเบื่อไปก็อย่าสาปแช่งเรานะ
    เรากัดเล็บจนไม่มีให้เกาก้นละอ่ะ แงงงงงงง

    เป็นคนขี้เกียจที่ต้องขยันมันยากนะ
    ละช่วงนี้ติดฟิคคนอื่นงอมแงมเลย
    555555555555555555555555555555555555

    ช่วยเราด้วยนะ ไปกับเรานะ
    (ไปไหน?)

     

     
     

     

     



    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×