คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : หัวไม้ : 18 {100%}
ชานยอลกลับโรงพยาบาลพร้อมกับตุ๊กตาข้าวปั้นสามเหลี่ยมในมือ เขาหวังว่าแบคฮยอนจะชอบและจะนอนกอดมันทุกคืนตอนที่ยังไม่หายดี
เสียงโทรทัศน์ลอดออกมาจากช่องประตู ด้านในมีแค่แสงสว่างจากหน้าจอ เขาคงกลับมาดึกเกินไปที่น้องชายจะอยู่รอ
"พี่ชานยอล" เสียงงัวเงียดังขึ้นเมื่อร่างสูงกดปิดทีวี แบคฮยอนขยี้ตาแล้วขยับให้ตัวเองนั่งพิงหัวเตียง
เด็กน้อยร้องครวญครางเพราะเจ็บบาดแผล มันทำให้คนเป็นพี่อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหาแล้วลูบศีรษะคล้ายปลอบประโลม
"ตื่นขึ้นมาทำไม"
"หายไปไหนมา"
"ออกไปเดินเล่นมา ซื้อของมาฝากด้วย"
"ไหน" หน้าตาแบคฮยอนยังงอแงจากการเพิ่งตื่นไม่หาย แต่ก็ยังอยากรู้ว่าสิ่งที่พี่ชายอยากให้คืออะไร "ว้าว~"
"ชอบหรอ?"
"น่ากินมากเลย"
"มันกินไม่ได้นะ"
"ทำไมต้องซื้อมาด้วยอ่ะ ถ้าผมมองมันผมก็ต้องหิวตลอดเวลาเลยสิ"
"มันเหมือนเราดี" ชานยอลยกขึ้นมาเปรียบเทียบความน่ารักของตุ๊กตาข้าวปั้นกับใบหน้าน้องชาย
ณ ตอนนี้เขากำลังยิ้มกว้างที่สุดของวันนี้ โดยที่มีแบคฮยอนคอยส่งยิ้มให้อยู่ด้านหน้าเหมือนเคย
เขาก็อยากให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้า เหมือนตอนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองไม่มีสายเลือดเดียวกับแบคฮยอน
เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะอดทนไปได้ถึงขนาดไหน...ความรู้สึกที่ปริ่มขอบแก้วมาตลอดหลายปีนี้น่ะ มันจะล้นออกมาหรือเปล่า
และถ้ามันล้นออกมาจนทำให้เขาเผลอสารภาพออกไป แล้วถ้าแบคฮยอนไม่ต้องการ เขาจะยังได้อยู่ใกล้แบคฮยอนแบบนี้อีกไหม ในเมื่อเราไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกันแล้ว
ถ้าแบคฮยอนเลือกที่จะผลักเขาออกจากชีวิต ก็คงไม่มีความสัมพันธ์ใดฉุดรั้งให้เราอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว
ชานยอลพยายามไม่มองหน้าคนเจ็บให้เผลอใจเต้นรัวอีก แบคฮยอนเป็นเด็กซนที่น่ารักเกินไปแล้วหรือเปล่า ตั้งแต่อาการดีขึ้นจนเริ่มเดินเหินได้ก็เอาแต่ตัวติดกับเขาไม่หยุดหย่อน
เหตุผลน่ะหรอ... 'อยากกินข้าวปั้น'
แบคฮยอนตั้งชื่อให้ตุ๊กตาข้าวปั้นว่า 'อยากกิน' แล้วก็เอาแต่ทำหน้าแมวเพื่อขอให้พี่ชายไปซื้อข้าวปั้นมาให้กินก่อนที่จะลงแดงตายไปซะก่อน
ซึ่งจริงๆแล้วไอ้ที่เพิ่งกลืนลงไปน่ะ ก็คือข้าวปั้นนั่นแหละ
แต่แบคฮยอนก็คือแบคฮยอนอยู่วันยังค่ำ ชอบนักล่ะกับการอ้อนวอนขอกินของอร่อยๆ
"วันนี้จะอ่านเล่มนี้ให้จบ" มือเล็กเคาะลงบนปกหนังสือดังปั้กๆด้วยแววตามุ่งมั่น
พวกเขากำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาลัยกัน ม๊าบอกว่าควรใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
ร่างเล็กดูจะชอบการทำงานเบื้องหลังของรายบันเทิงมาก สามารถเงียบและจมเข้าไปอยู่ในตัวหนังสือสีดำอย่างไม่หลับได้ทั้งวัน
บนโต๊ะของชานยอลเต็มไปด้วยปากกาไฮไลท์หลากสี เขาไม่ได้เอามาเน้นข้อความแต่เอามาวาดรูปต่างหาก
ชานยอลชอบวาดรูป แม้สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดคือการนั่งมองคนตัวเล็กเงียบๆในมุมของตัวเอง แต่แสงที่กระทบพื้นห้องสะท้อนสร้างแสงเงาให้กับใบหน้าจิ้มลิ้มจนอยากจะละเลงเอาไว้ดูอีกหลายๆครั้ง
"แบคฮยอนอยู่นิ่งๆ" เสียงทุ้มกล่าวดุๆ
ร่างเล็กขมวดคิ้วแล้วหันมองพี่ชายที่เหยียดตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา ในมือข้างหนึ่งประคองกระดานวาดรูปและอีกข้างหนึ่งก็กำลังลากเส้นยุกยิกไปบนแผ่นกระดาษ
สีหน้าและแววตาจริงจังบวกกับปมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างใช้สมาธิ ทำให้แบคฮยอนกลับไปค้างท่าเดิมและพยายามหายใจเบาๆเพราะเกรงว่าจะไม่นิ่งอย่างที่ร่างสูงว่า
พวกเขากำลังจมอยู่ในโลกของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าทางที่เดินไปมันดันมีทางแยก
ไม่ได้คุยภาษาเดียวกัน ไม่ได้สนใจในเรื่องเดียวกันและไม่ได้อยากรู้ในเรื่องของกันและกัน ปล่อยให้แต่ละคนมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง
ให้แบคฮยอนได้มีความสุขกับหนังสือในมือและให้ชานยอลได้มีความสุขกับภาพวาดในมือ เฉกเช่นเดียวกับ...ให้ทั้งคู่มีความสุขในทางที่เลือกเดิน
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความสุขนั้นจะหันมาบรรจบกันได้
.
.
"ให้ดวงดาวเป็นพยาน...ว่าแบคฮยอนจะเป็นเด็กดี" เสียงพูดเพ้อเจ้อของน้องชายดึงขึ้นจากห้วงความคิด
เขาเบือนหน้ามองเสี้ยวหน้าที่แหงนขึ้นดูความระยิบของหมู่ดาว ริมฝีปากเล็กคลี่ยิ้มจนกลายเป็นรูปสี่เหลี่ยม ฟันที่เรียงตัวสวยและเขี้ยวเล็กๆนั่นช่างดูน่ารัก
มันน่ารักไปหมดเลย ให้ตายสิ
"หายเจ็บแผลแล้วหรอ?"
"อื้ม"
"ทำไมไม่นอนพักผ่อน"
"ก็ตามพี่มาไง มายืนทำเอ็มวีคนเดียวใช้ได้ที่ไหน"
"ไปนอนเหอะ พรุ่งนี้ป๊ากับม๊ามาเยี่ยมแต่เช้า"
มือยาวคว้าไหล่บางให้เดินเข้าห้องด้วยกัน กลิ่นแชมพูอ่อนๆโชยเตะจมูกจนอดไม่ได้ที่จะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ราวกับว่ากลิ่นนั้นเป็นเครื่องดื่มมึนเมาที่ทำให้สติฟุ้งกระจาย
แบคฮยอนนั่งบนเตียงห้อยขาทั้งสองข้างอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่ร่างสูงยังคงยืนหันหน้าเข้ามาหา และกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ขายาวทั้งสองข้างแทรกมาตรงหว่างขา โน้มตัวลงจนแบคฮยอนต้องเอนตัวถอยห่าง
มือเล็กยกขึ้นแตะหน้าอกกว้างเบาๆ "ช ชานยอล" เสียงหวานเปล่งอย่างผะแผ่ว
ชานยอลค้ำแขนข้างหนึ่งลงบนเตียง สัมผัสพวงแก้มใสน้องชายไว้ด้วยมืออีกมือข้าง ลูบไล้ตามสันกรามจนหยุดอยู่ตรงปลายคาง
เมื่อออกแรงเชยใบหน้าเล็กขึ้นนิ้วโป้งก็แตะลงบนริมฝีปาก ออกแรงกดเบาๆพร้อมกับบีบคางมนไปด้วย
ก้อนเนื้อข้างซ้ายเขาเต้นรัวเหลือเกิน ราวกับว่ามันจะดันหน้าอกออกมาเต้นอยู่นอกร่างกาย สายตาแบคฮยอนตอนนี้กำลังสุกประกายเปล่งปลั่ง เหมือนกับดวงดาวที่เฝ้ามองเกือบทั้งคืน
แบคฮยอนปิดเปลือกตาลงเมื่อสัมผัสที่ริมฝีปากแปรเปลี่ยนจากนิ้วมือเป็นอวัยวะเดียวกัน ชานยอลละเลียดชิมช้าๆ
มันพรากลมหายใจของร่างเล็กให้ขาดห้วงจนเท้าที่เคยแกว่งเมื่อก่อนหน้าหยุดกึกและเกร็งจิก กลิ่นลมหายใจที่ติดอยู่ตรงปลายจมูกรั้นพาให้เคลิบเคลิ้ม
ลิ้นเรียวร้อนแทรกผ่านเข้าไปคว้านความหวานจากคนตรงหน้า ไล่เรียงไปตามแนวฟันและเขี้ยวแหลมเล็กนั่น...มันให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังแอบกินขนมในห้องนอน
อร่อย ตื่นเต้น และจะจดจำไปจนวันตาย
เขาแตะลิ้นลงเบาๆบนลิ้นเล็ก ชานยอลสงสัยมานานว่าเด็กพูดมากคนนี้จะเก่งอย่างที่ว่าหรือเปล่า
ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้วว่า...แบคฮยอนน่ะ เก่งใช้ได้เลยล่ะ
ไม่ใช่เก่งในเรื่องจูบนะ แต่เก่งในเรื่องมอมเมา เพราะตอนนี้ชานยอลกำลังไหวเอนไปตามแรงลมเหมือนต้นหญ้าที่ควบคุมตนเองไม่ได้
แรงตวัดจากลิ้นทำให้แบคฮยอนกำคอเสื้อพี่ชายแน่น นี่เป็นครั้งแรกในช่วงเวลาเกือบสิบแปดปี ครั้งแรกที่โดนพรากความเป็นตัวเองออกไปจนหมด
ชานยอลกระชากจิตวิญญาณเพียงแค่ขยับใบหน้าจนริมฝีปากบดขยี้กันแรงขึ้น เสียงของความเปียกแฉะเล่นเอาแบคฮยอนตัวอ่อนยวบ
แผ่นหลังบางถูกดึงเข้าหาจนจมอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น ชานยอลทัดผมแบคฮยอนเข้ากับใบหู เขาได้ยินเสียงครางอื้ออึงหลุดออกมาเบาๆ
เพียงเท่านั้น...สติชานยอลก็ดับลงอีกครั้ง
ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นจูบแรกและจูบสุดท้ายแล้วก็ได้สำหรับเขากับแบคฮยอน ดังนั้น...ปาร์คชานยอลจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปอีกอย่างเด็ดขาด
หน้าอกบางกระเพื่อมถี่กระชั้นเมื่อแผ่นหลังราบเรียบลงกับเตียงสีขาว ความแปลกใหม่ที่ชานยอลมอบให้ตอนนี้เขาชอบมันเหลือเกิน
มันทำให้ตัวแบคฮยอนเบาหวิวและลอยเคว้งอยู่บนชั้นบรรยากาศ มันแตกต่างจากจูบที่ทำเพียงแค่สัมผัสบางเบาตอนอยู่ในสวนดอกไม้
…มันลึกซึ้งกว่านั้น
เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนทำหน้าที่ได้พอดิบพอดี
ชานยอลผละออกมาอย่างจำใจ เพราะเขายังอยากชิมรสหวานจากริมฝีปากของแบคฮยอนอยู่ ...เขายังต้องการมัน
แนบหน้าผากเข้ากับแบคฮยอนเพื่อรอให้หน้าอกข้างซ้ายเต้นผ่อนแรงลง จูบซับมุมปากที่เลอะน้ำใสอีกครั้งก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจุมพิตหน้าผากมนจนมีเสียง ‘จุ๊บ’ หลุดออกมาเบาๆ
"พี่รักเรานะแบคฮยอน รัก…อย่างที่ไม่ใช่พี่ชายรักน้องชาย"
มันเกิดขึ้นแล้ว...และมันก็ยากที่จะหยุดลงได้
ชานยอลห่มผ้าให้คนป่วยก่อนจะเดินออกมาจากห้อง กำมือเข้าหากันแน่นจนเส้นเอ็นเด่นชัดขึ้นบนลำแขน
เขาสารภาพออกไปแล้ว... สารภาพรักกับแบคฮยอนไปแล้ว
ถ้าหลังจากนี้มันจะไม่เหลืออะไรชานยอลก็พร้อมที่จะยอมรับกับการกระทำของตนเอง
"พรุ่งนี้ให้ม๊าไปส่งนะครับ"
"โอเคฮะ หนูจะตื่นแต่เช้าเพื่อมาทวนหนังสืออีกรอบดีไหม?"
"พอแล้วลูก ม๊าเชื่อว่าหนูทำได้ คืนนี้พักผ่อนนะ" แบคฮยอนสวมกอดคนเป็นแม่ หาความอบอุ่นจากหญิงสาวที่เขารักที่สุด
ตอนนี้แบคฮยอนกลับมาอยู่บ้านแล้ว แถมพรุ่งนี้ทั้งแบคฮยอนและชานยอลต้องกลับไปใส่ชุดนักเรียนอีกครั้ง และมันจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะต้องย้ายตัวเองไปอยู่ในยูนิฟอร์มชุดใหม่
ชุดนักศึกษา
ชานยอลนอนไม่หลับทำให้แสงไฟสีส้มตรงหัวเตียงสะท้อนดวงตากลมโตแวววับ เขาตื่นเต้นกับข้อสอบในวันพรุ่งนี้เกินกว่าจะข่มตาลงได้และคิดว่าแบคฮยอนก็คงจะเป็นเหมือนกัน
เพราะตื่นมาในเช้าของอีกวันคนตัวเล็กก็นั่งอ้าปากหาวหวอดจนน้ำหูน้ำตาไหลอยู่ที่นั่งข้างคนขับ วางหมอนไว้บนตักแล้วเกยคางเหมือนลูกหมา
แบคฮยอนชอบช่วงเวลารถติดตอนเดินทางไปโรงเรียน มันทำให้เขาได้แอบงีบหลับได้เหมือนกับตอนนี้
ร่างสูงที่นั่งอยู่ด้านหลังหยิบเอาดินสอขึ้นมาขีดๆเขียนๆลงบนกระดาษไปเรื่อยเปื่อย ถ้าวันนี้เขาทำข้อสอบทฤษฎีผ่านก็จะได้ทำข้อสอบปฏิบัติต่อเลย
"ม๊าครับ เดี๋ยวหนูไปต่อเอง ขับรถดีๆนะครับม๊า"
ชานยอลลงพร้อมกับน้องชายตรงหน้าโรงเรียนชอ เดินทอดน่องไปกับร่างเล็กเพื่อไปยังร้านขายเครื่องเขียน แบคฮยอนเป็นพวกไม่มีความมั่นใจถ้าอยู่ในห้องสอบ กลัวปากกาหมึกหมดบ้างล่ะ กลัวยางลบฉีกบ้างล่ะ กลัวดินสอไส้หักบ้างล่ะ
"พอแล้วแป๊ก"
"มันหอมอ่ะ" แบคฮยอนแปะก้อนยางลบสีขาวอุดรูจมูก ทำปากจู๋ให้มันตรึงอยู่อย่างนั้นโดยมือทั้งสองข้างเลือกลายน่ารักไปเรื่อย
นี่มึง...
"อย่าแดกเข้าไปนะ"
"ลายอะไรดี?"
เสียเวลาไปเกือบสิบนาทีกับการเลือกซื้อของ แบคฮยอนนั่งสั่นขาอยู่บนเก้าอี้ไม้อย่างบ้าคลั่ง เขาพยายามทำสมาธิอยู่แต่ท้องไส้มันเริ่มปั่นป่วน
มือหนาเอื้อมวางลงบนกลุ่มผมนุ่มที่หน้าม้าเริ่มยาวจนปรกตาก่อนจะควานหายางมัดผมเส้นเล็กมามัดจุกให้
"งื้อ"
"อยู่นิ่งๆ"
"ไม่เอา ไม่ทำจุก"
"ผมเผ้าปิดหน้าปิดตาขนาดนี้ อย่าดื้อน่า" ชานยอลรวบผมน้องลวกๆจนมันกลายเป็นผลแอ๊ปเปิ้ลหนึ่งลูก
"แล้วนี่...พกยางทำไม"
"ก็เอาไว้มัดหน้าม้าตอนทำข้อสอบไง"
"มัดเลย มา"
"เห้ยไม่! ค่อยมัดในห้องสอบ"
"อย่าดื้อ!" แบคฮยอนล็อคคนตังสูงไว้แล้วทำจุกเหมือนกับตัวเองบนศีรษะพี่ชาย
ชานยอลกรอกตามองบนก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วกระชับกระเป๋าเป้
"เพื่อนมานู่นแล้ว กูไปก่อนนะ"
"เดี๋ยวๆ" น้องชายรั้งแขนยาวไว้ได้ทัน ก้มลงหาบางอย่างในกระเป๋าอยู่นานก่อนจะวางลงบนมือ "อ่ะ สู้ๆนะ"
เด็กหนุ่มก้มลงมอง 'เครื่องลาง' บนฝ่ามือในขณะที่ยืนรอรถเมล์ ปากหยักยกยิ้มจนแทบจะฉีกไปถึงใบหูเพียงแค่ได้เห็นแหวนสีเงินเกลี้ยงๆที่ด้านในมีตัวอักษรตัวCสลักอยู่
มันหายไปตอนที่เขาซักผ้าเมื่อปีที่แล้ว ไม่คิดว่าไอ้เด็กแสบแบคฮยอนจะเอาไปแอบไว้ นึกว่าจะไม่ได้ใส่มันแล้วซะอีก
...ก็แหวนวงนี้น่ะ แบคฮยอนสั่งทำพิเศษมาให้เป็นของขวัญวันเกิดเชียวน้า
พูดถึงของขวัญ เกือบลืมแหนะว่าวันเกิดปีที่สิบแปดใกล้เข้ามาแล้ว ชานยอลคงต้องหาอะไรไปเซอร์ไพรส์แบคฮยอนบ้างแล้วล่ะ
"ชั่นหย่อน!" เสียงเรียกด้วยสำเนียงแปร่งๆดังมาจากด้านหลัง
ตอนแรกชานยอลไม่แน่ใจว่าเป็นชื่อเขาหรอเปล่าเลยไม่ได้หันไป แต่แรงสะกิดตรงหัวไหล่ก็ตอบได้แล้วว่าชั่นหย่อนนั่นคือชื่อเขา
และมีเพียงไม่กี่คนบนโลกเท่านั้นที่จะหลุดสำเนียงบ้านเกิดออกมาเวลาตกใจ
"ไอ้คริส" เด็กหนุ่มเอ่ยชื่อเบาๆโดยไม่ได้หันไปมอง เขากำราวเหล็กของเก้าอี้ตัวหน้าไว้แน่นแล้วแนบหน้าผากลงกับหลังมือ "ไอ้มารผจญ"
"ยูได้ยินไอม้าย"
ชานยอลเกลียดการพูดภาษาปนเปของมันเหลือเกิน แรกเริ่มเดิมทีคริสก็พูดเกาหลีชัดถ้อยชัดคำอยู่หรอก พอได้ไปเรียนต่างประเทศเข้าหน่อยกลับมาลิ้นไก่ก็สั้นซะงั้น
"บังเอิญมากที่เจอยู นี่ๆ"
คริสย้ายตัวเองมานั่งเก้าอี้ว่างข้างชานยอลและยังไม่ลดความพยายามที่จะทำให้เพื่อนเก่าเงยหน้ามาคุยกับเขาให้ได้
โอเค...เขาก็ยอมรับผิดในหลายๆอย่าง แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพียงแค่เรียกร้องความสนใจเท่านั้นแหละ คริสไม่ใช่นักเลงชวนตีอะไรขนาดนั้นหรอก เพียงแต่วัยรุ่นเลือดร้อนมันก็ต้องมีบ้างที่แลกความสะใจมาด้วยการเจ็บตัว
เหตุผลที่เขาเอาแต่หาเรื่องเด็กโรงเรียนอื่นแทนที่จะหาเรื่องปาร์คชานยอลโดยตรงก็เพราะไม่อยากให้มาประจันหน้ากันอย่างนี้ไง คริสรู้หรอกว่าชานยอลเกลียดขี้หน้าเขาขนาดไหน
เรื่องในอดีตมันเป็นเรื่องขี้ประติ๋วมากถ้าเทียบกับตอนนี้แล้ว และมันย้อนอะไรกลับมาไม่ได้ เพราะถ้าทำได้คริสคงไม่ชวนชานยอลไปวิ่งเล่นรอบสระน้ำแน่นอน สาบานเลย
"อ๋า ยูยังโกรธไอสินะ"
ชานยอลพ่นลมหายใจแรงจนตัวกระเพื่อม เขากดกริ่งก่อนจะเบียดช่วงขายาวของอีกคนไปยืนเกาะเสาเพื่อรอลงจากรถ
แต่เสียงเท้าก็ยังตามมาติดๆจนเมื่อชานยอลหยุดเดินกะทันหัน คนที่ตัวสูงกว่านิดหน่อยก็ชนกับกระเป๋าเข้าอย่างจัง
"ตามกูมาทำไม"
"ไอเปล่าตามยู"
เด็กหนุ่มยกมือเกาหลังหูอย่างมีโทสะ ถ้าได้ซัดหมัดใส่หน้ามันอาจจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นบ้างก็ได้
คิดได้อย่างนั้นจึงเอาแหวนเงินที่กำอยู่สวมเข้านิ้วกลางด้านขวา วอร์มนิ้วมืออย่างชำนาญแล้วเล็งเป้าไปที่มุมปากของคนตรงหน้า แต่ก่อนที่จะทันได้ซัดหมัดออกไปโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นเรียกซะก่อน
ชานยอลจึงต้องคลายมือที่กำอยู่เพื่อล้วงหยิบเจ้าตัวขัดจังหวะออกมารับสาย
"ว่าไง"
[ชานยอล...แบคตื่นเต้น]
"ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว"
[อยู่หน้าห้องสอบแล้ว ขนลุกไปหมดเลย]
"รีบไปเข้าห้องน้ำซะสิ" เด็กหนุ่มหันหลังกลับไปยังทิศทางเดิมแล้วเริ่มออกเดินอีกครั้ง เขายกข้อมือขึ้นมาเพื่อดูนาฬิกา "ยังพอมีเวลาไม่ใช่หรอ?"
[ไอ้มีน่ะมันมี แต่โคตรกลัวข้อสอบเลยว่ะ]
"เรื่องแค่นี้ทำเป็นกลัว มึงกลัวกูให้เหมือนกลัวข้อสอบบ้างดิ"
[มึงมันไม่ได้น่ากลัวเลยไอ้ช้อน หูก็กาง ตาก็โปน ขาก็โก่ง]
"มึงมันก็เป็นซะอย่างนี้ กูเคยเอาพุงย้วยๆมึงมาล้อบ้างไหม"
[เคย มึงว่ากูอ้วนออกจะบ่อย] ชานยอลกระตุกยิ้มมุมปาก ตอนนี้เขาอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
"เออๆ ไปเข้าห้องน้ำก่อนเข้าห้องสอบด้วย ตั้งใจทำล่ะอย่ามัวแต่คิดถึงหน้ากู"
[กูจะคิดถึงหน้ามึงเฉพาะตอนหิวเท่านั้นแหละ]
"แบคฮยอน..."
[อะไร?]
"สู้ๆนะ พี่เป็นกำลังใจให้ พี่เชื่อว่าเราจะต้องทำได้ ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับน้องพี่หรอก"
คนตัวเล็กเงียบไปชั่วอึดใจ มือที่เคยเย็นเฉียบและชื้นเหงื่อกำลังปรับอุณหภูมิให้กลับมาเป็นปกติ
[ขอบใจ มึงก็ตั้งใจทำข้อสอบนะ เสร็จแล้วก็ไลน์มาบอกด้วย]
"พูดไม่เพราะเลย"
[อะไรอีก?]
"ตอนกูอวยพรมึงกูแทนชื่อมึงว่าน้องพี่เลยนะ"
แบคฮยอนเกาหัวยิกๆ พี่ชายเขาบทจะปัญญาอ่อนก็ไม่มีอะไรฉุดอยู่จริงๆ
[เออก็ได้ๆ ตั้งใจทำข้อสอบนะพี่ชานยอล เสร็จแล้วก็ไลน์มาบอกด้วย]
"นึกว่าจะแทนว่า'พี่น้อง'ซะแล้ว แบบนั้นคงโคตรเพื่อชีวิตเลย"
[วางละนะ กูจะไปขี้ละ]
"อื้อ เต็มที่นะบะแบ้ก"
ชานยอลส่ายหน้าขำๆที่หลุดเรียกน้องชายด้วยเสียงน่ารักไปก่อนจะกดวางสาย เขาเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเป้แล้วหาที่นั่งรอมินซอกใต้ต้นไม้
มันบอกว่ากำลังขับรถมาตอนนี้อยู่สี่แยกไฟแดงแล้ว ซึ่งสี่แยกไฟแดงแถวนี้ก็ไม่ได้มีแค่อันเดียวด้วย ชานยอลจึงไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนเพื่อนของเขาจะมาถึง
มีมนุษย์ตัวสูงเดินด้อมๆมองๆวนเวียนอยู่ใกล้กับต้นไม้ที่ชานยอลเลือกนั่งจนน่าหงุดหงิดอีกแล้ว
สุดท้ายก็เป็นเขาที่ทนไม่ไหวลุกขึ้นไปกระชากคอเสื้อคริสอย่างแรงจนกระดุมหลุดออกมาจากรังดุม
"มึงจะอะไรกับกูนักหนาวะ" เสียงทุ้มต่ำลอดไรฟันจนน่ากลัว
ณ บัดนี้ความมุ้งมิ้งตอนที่คุยกับน้องชายได้มลายหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ปาร์คชานยอลหัวหน้าทีมพลอยที่ไม่ค่อยมีเรื่องกับใครแต่ถ้าคิดจะมีแล้วล่ะก็ คนๆนั้นจะไม่ใช่พวกกระจอกงอกง่อยแน่นอน
"อ ไอ ไอ"
"ไอเชี่ยไรมากมาย พ่อเป็นวัณโรคหรอ"
คริสทิ้งแขนทั้งสองข้างให้ตกลู่ไปตามแรงโน้มถ่วง พับคอลงอย่างหมดแรง เขาคงจะโดนชานยอลเกลียดเข้าไส้เข้าพุงจนเกินเยียวยาแล้วจริงๆ
"ยอมแล้ว"
"ไสหัวเน่าๆของมึงไปให้พ้นเลยนะ กูเหม็น"
เด็กหนุ่มคลายมือออกปล่อยให้คนตรงหน้าล้มคุกเข่าลงกับพื้นทรายจนกางเกงเลอะสีฝุ่น เขากลับมานั่งชันเข่าอยู่ที่เดิมแล้วหยิบหูฟังขึ้นมายัดหู
เปิดเพลงเสียงดังกระหน่ำให้หลุดเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่งเพื่อระงับอารมณ์ แล้วไอ้การที่ไม่ใส่แว่นดำปกปิดดวงตาก็เพื่ออยากให้เขาได้ยินเสียงความคิดใช่ไหมล่ะ เสียใจด้วยนะ...ปาร์คชานยอลคนนี้ไม่มีสิ่งนั้นอีกแล้ว
คริสนั่งพิงต้นไม้อีกฝั่งอย่างหมดแรง วันนี้อุตส่าห์ตั้งใจมาง้อมันด้วยวิธีเปลี้ยแบบไม่ต้องใช้สมองยังโดนมันจับคลุกฝุ่นซะหมดสภาพ
"มาแล้ว"
ชานยอลถอดหูฟังออกเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กมาถึง สภาพอีกคนที่ค้ำตัวลงกับหน้าขาพลางหอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างบ้าคลั่งทำให้เด็กหนุ่มฉุกคิดว่ามันวิ่งมาจากไหน
"นึกว่าจะมาไม่ทันแล้วซะอีก"
"ตอนแรกกูก็คิดงั้นแหละ รถติดชิบหาย" มินซอกเบ้หน้าเล็กน้อยแล้วใช้มือปัดๆลงบนผมหน้าม้าเขาเหมือนรังเกียจ "จุกห่าอะไรเนี่ย ตลก"
ชานยอลลืมไปเลยว่าแบคฮยอนมัดผมให้ แล้วแบบนี้ที่ขู่ไอ้คริสไปมันจะกลัวเปล่าวะ โว้ย ช่างมันเถอะ
"รอกูแปปนะ"
มินซอกพยักหน้าพร้อมกับใช้มือวีลมให้คลายร้อน เห็นช่วงขายาวโผล่อยู่ด้านหลังเลยชะโงกหน้าออกไปดู
ChanHyun
08:56 A.M. ขี้เสร็จยัง
BaekYeol
08:57 A.M. เสร็จละ ล้างมืออยู่
ChanHyun
08:57 A.M. เข้าห้องสอบได้แล้ว
BaekYeol
08:58 A.M. อือ ไปละ
ChanHyun
08:58 A.M. สู้ๆนะ ?
"นั่นมันไอ้คริสไม่ใช่หรอวะ?" เด็กหนุ่มหันไปมองเพื่อนที่กระซิบอยู่ด้านข้างแล้วออกเดินอย่างไม่ใส่ใจนัก "มึงไม่เห็นมันหรอวะเพื่อน"
"ตากูไม่ได้บอด"
"มึงคงไม่ได้ซัดกับมันไปก่อนหน้าที่กูจะมาหรอกใช่ไหม?"
"เปล่า"
"ฮู่ว~ ค่อยยังชั่ว" ว่าจบก็ยกมือขึ้นทาบอก
"ค่อยยังชั่วอะไร"
"ก็วันก่อนที่มึงซัดมันไปอ่ะ ได้ข่าวว่าลูกน้องมันนี่ชักปืนจะยิงมึงแล้วนะ"
"ก็ลองยิงดูสิ" ...จะกลายเป็นผีมาบีบคอให้ตายห่าไปเลย
ชานยอลเหล่ตามองบุคคลที่เป็นหัวข้อบทสนทนาที่เดินเกี่ยวกระเป๋าพาดบ่าผ่านหน้าไป มันเดินเข้าห้องสอบเดียวกับเขาด้วย
"อะไรวะ ไหนมันบอกว่าจะไปเรียนภาษาอาบูดาบีเพิ่มไม่ใช่หรอ"
"ฮังการีเว้ย" เด็กตัวสูงแก้ให้ถูก
"แล้วทำไมมันถึง..."
"ไม่รู้!"
เสียงทุ้มตะโกนใส่หน้ามินซอกแล้วกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องสอบไป ก่อนจะนั่งลงตรงที่ตัวเองก็แอบส่งสายตาอาฆาตไปให้คนที่นั่งเยื้องกัน
เด็กหนุ่มเปิดกระดาษข้อสอบแล้วไล่อ่านตัวหนังสืออย่างตั้งใจ กินเวลาช่วงเช้าไปทั้งวันจนท้องเริ่มร้องประท้วงออกมาอย่างห้ามไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ต้องรอมินซอกที่ยังทำข้อสอบอยู่อีกห้องก่อน เขาจึงปลีกตัวไปยืนสูบบุหรี่ตรงดาดฟ้า
อ่า เจอมารผจญเข้าจนได้
ครืด~ ครืด~ ครืด~
"เป็นไงบ้างแบคฮยอน" ปากหยักยกยิ้มและเปลี่ยนอารมณ์กะทันหัน ช่วงตัวยาวยืนหันหน้าออกไปทางถนนใหญ่อย่างปล่อยความคิด สองนิ้วเรียวคีบมวนบุหรี่กลิ่นปะแล่มๆที่ขโมยมาจากกระเป๋าเป้มินซอก
[ยากโคตร เหงื่อแตกหมดเลย]
"หิวข้าวหรือเปล่า?"
[หิวสิ แต่ผมจะไปกินกับไอ้พวกนี้อ่ะ พี่ต้องรอสอบตอนบ่ายไม่ใช่หรือไง]
"ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะได้สอบหรือเปล่า"
[พูดอย่างกับตัวเองทำข้อสอบไม่ได้งั้นแหละ]
"ใครจะไปมีความมั่นใจมากมายเหมือนเรากันล่ะ"
[หลอกด่าอีกละ]
"ขอบคุณนะแบคฮยอน..." เท้ายาวขยี้บุหรี่ที่ปล่อยให้สายลมพัดไฟสีแดงจนหดไปครึ่งมวนโดยที่สูดเข้าปอดไปเพียงครั้งแรกที่จุดเท่านั้น
[ขอบคุณอะไรอีกวะ]
"ที่โดนรถชนแล้วให้พี่ได้มีเวลาอ่านหนังสือน่ะ"
[หืม นี่กูต้องเจ็บตัวครั้งใหญ่เพื่อทำให้มึงได้อ่านหนังสือสอบเลยหรอ]
"จริงๆแล้วมันมีหลายอย่าง ไว้ให้เราสอบติดแล้วพี่จะเล่าให้ฟังนะ"
[โอเค ไปกินข้าวแล้วนะ]
"อืม"
[ชานยอล...]
"ว่าไง"
[...] ร่างเล็กเม้มปากแน่น เพราะกำลังหลุดยิ้มออกมาจนกว้าง
"เรียกทำไมเนี่ย"
[ผมรอพี่โทรมาบอกว่าทำข้อสอบทฤษฎีผ่านอยู่นะ]
และนั่นก็ทำให้ชานยอลหัวเราะออกมาเบาๆอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เขารู้อยู่แล้วแหละว่าแบคฮยอนเป็นเด็กน่ารัก แต่ก็ไม่คิดว่าจะกล้าน่ารักใส่จนเขาเขินขนาดนี้
คนตัวสูงหมุนตัวเพื่อจะกลับเข้าไปในตัวตึก แต่ทว่าหางตากลับเห็นคนกวนประสาทนั่งห้อยขาอยู่บนขอบที่กั้น
ใจหนึ่งก็อยากจะเดินเข้าไปผลักให้มันหล่นลงไปหัวแบะอยู่บนพื้น อีกใจหนึ่งก็อยากคว้าบุหรี่ที่มันคีบอยู่มาสูดสักทีสองที เพราะในมือมันคือ Marlboro ice blast ที่แค่เห็นก็อยากบีบเม็ดที่ตูดให้รู้สึกเย็นจนสุดขั้วปอดแล้ว
เพียงแค่กลิ่นควันที่โชยมาปาร์คชานยอลก็แทบจะถลาเข้าไปฉกมาทั้งกล่อง
แต่ไม่เอาล่ะ ... เขาไม่อยากเสวนากับคนพรรค์นี้
ชานยอลนั่งตาปรืออยู่ในร้านกาแฟแถวโรงเรียน ในมือกำโทรศัพท์ไว้แน่นเพื่อรอให้ถึงเวลานาฬิกาปลุก
เพราะบ่ายโมงตรงโรงเรียนจะประกาศผลสอบทางเว็บและให้นักเรียนเข้าไปเช็คเอง ส่วนคนที่มีรายชื่อผ่านก็ให้ไปสอบความถนัดทางด้านปฏิบัติอีกครั้ง
"สรุปว่าไอ้คริสมาสอบทำไมวะ"
"นี่มึงยังไม่หายสงสัยอีกหรอ" เด็กหนุ่มไถลลงไปคว่ำหน้ากับโต๊ะ ใช้ท่อนแขนเป็นหมอนรองชั่วคราว
"หรือว่ามันจะกลับมาเรียนที่นี่"
"เฮ้อ~ ผมไม่รู้ครับ ไม่รู้"
"ถ้าเจอมันก็ฝากถามด้วยแล้วกัน"
"ใช่เรื่องกูไหม"
"ทำเพื่อเพื่อนไม่ได้หรือไง"
"อยากรู้ก็ไปถามเองสิวะ"
"มึงนี่น้า . . . ปาร์คชานยอล" มินซอกกำมือเป็นหมัดไปหมุนบนศีรษะเพื่อนจนผมยุ่งเหยิง "กูก็ไม่เห็นว่าไอ้คริสมันจะทำผิดกับมึงตรงไหนเลย"
"มันจับน้องชายกูไปขัง"
"กูหมายถึงตอนเด็ก" ยังพอมีเวลาอีกหลายนาทีในการสร้างเซลล์ประสาทในสมอง "มึงก็เห็นอยู่ว่ามันวิ่งไปตามพ่อมันมาช่วยมึงขึ้นจากน้ำ"
"..."
"แล้วมึงก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วยไม่ใช่หรอวะ พิการก็ไม่ ตายห่าก็เปล่า"
เจ้าของใบหูกางเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน "ร่างกายกูไม่เป็นอะไร แต่มึงรู้ไหมว่ากูฝันแบบนั้นมากี่ปี กูฝันว่ากูจมน้ำซ้ำๆซากๆจนปัจจุบันนี้กูยังไม่กล้าเล่นน้ำเลย"
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมชานยอลถึงชอบเล่นน้ำฝน เขากลัวที่จะกระโดดลงไปในสระน้ำแม้ว่ามันจะตื้นแค่ไหน กลัวแม้กระทั่งการลงไปเล่นน้ำทะเล
เพราะแค่เหตุการณ์ครั้งนั้นครั้งเดียว...
.
ชานยอลกลับมายืนอยู่หน้าห้องสอบอีกครั้งพร้อมกับอุปกรณ์วาดรูปในมือ เขาโทรไปบอกแบคฮยอนว่ามีรายชื่อสอบผ่านจนเสียงหวีดร้องด้วยความดีใจของคนตัวเล็กทำเอาหูอื้อ
แถมแบคฮยอนยังบอกอีกว่าจะทำมื้อเย็นรอเขากลับไปกินถ้าไม่ห้ามไว้ก่อน 'ไม่ห่วงสุขภาพชีวิตก็ควรจะห่วงความปลอดภัยของทรัพย์สินบ้าง' ชานยอลว่างั้น
เวลาสามชั่วโมงมันทำให้หลังเขาปวดเมื่อยแถมดวงตายังล้าไปด้วย เสียงดินสอไม้ตกพื้นทำให้เขาหันไปมองยังต้นตอ
เป็นไอ้คนที่เขาอยากจะเข้าไปซัดหมัดลุ่นๆใส่อีกแล้ว
ท่าทางมันคงจะกลับมาเรียนเกาหลีแล้วจริงๆ แถมยังมาสอบความถนัดแบบเดียวกับเขาอีก งานนี้คงจะรอดการเจอหนังหน้ามันยากพอควร
ชานยอลนั่งรถเมล์กลับบ้านเพราะมินซอกกลับไปก่อนตั้งแต่เขาเข้าห้องสอบแล้ว รายนั้นไม่ขอเลือกสอบอย่างเดียวกันเพราะอยากจะไปด้านบริหารมากกว่า
ตอนแรกชานยอลก็คิดว่ามันล้อเล่นเพราะเห็นไม่ชอบอะไรที่เกี่ยวกับตัวเลขสักเท่าไหร่ แต่พอมันบอกว่าเรียนไปเพื่อจบมาช่วยกิจการที่บ้านก็เข้าใจทันที
โชคดีที่เขากับแบคฮยอนไม่ถูกครอบครัวกำหนดเส้นทางชีวิต แค่ขอให้ตั้งใจเรียนในสิ่งที่อยากเรียนก็พอ นั่นคือข้อดีที่ทำให้เขามีความสุข
เพราะการแบกความหวังของคนอื่นไว้เต็มบ่ามันอาจจะทำให้เขาล้มตายในเร็ววันก็ได้
ชานยอลเปิดประตูรั้วแล้วถอดรองเท้านักเรียนวางไว้บนชั้น ก่อนจะหยิบคู่เล็กกว่าที่วางไม่เป็นที่ขึ้นมาวางข้างๆกัน
เสียงทีวีในบ้านดังเหมือนเสียงกระซิบไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนตัวเล็กที่เป็นคนเปิดนั้นกำลังหลับอยู่ เขาพยายามถ่างตารอแล้วแต่เพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับมันเลยส่งผลมาถึงตอนนี้
เด็กหนุ่มเข้าไปจัดการเทอาหารที่ซื้อมาใส่จานแล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาอีกทีน้องชายก็นั่งทำตาละห้อยอยู่บนโซฟาผมเผ้าชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทรง
"ชานยอล"
หลุดเสียงออดอ้อนแล้วฟุบหน้าลงกับพนักโซฟาอีกครั้ง
"หิวข้าวยัง"
"อือ"
"พี่ซื้อของกินมาเพียบเลย ไปกินกัน"
"ค่อยกินก่อน"
"อ้าว ทำไมอ่ะ"
"มานั่งนี่ก่อน" แบคฮยอนตบเบาะปุๆ จนคนตัวโตเดินอ้อมมานั่งข้างๆ
มือเล็กวางลงบนบ่ากว้างก่อนจะออกแรงบีบไล่ไปช้าๆจนถึงต้นแขน ทำซ้ำอยู่อย่างนั้นจนชานยอลเอ่ยปากชม
เปลือกตาบางปิดลงอย่างผ่อนคลายปล่อยให้หมอนวดจำเป็นคลายความปวดเมื่อยตามตัวให้
"ไปเรียนนวดมาจากไหนเนี่ย"
"เซฮุนสอน"
"ตรงนี้ด้วย ตรงนี้" แบคฮยอนทำตามอย่างว่าง่ายไม่มีบ่นเลยสักคำ
"คืนนี้จะยอมทำตามใจหนึ่งคืนเลย"
เอาอีกแล้ว...แบคฮยอนเล่นเขาอีกแล้ว
TBC.
#หัวไม้ชานแบค
อิสองพี่น้องนี้จะมีที่เรียนกันแล้วนะ
อิอิ
คราวนี้จูบลึกซึ้งอ่ะ แบบ...
แบบ...
แบบ...
ทุกอย่างคลุมเครือแล้วใส่พี่คริสเข้ามาอีก
(เอามาเพื่อโดนด่าว่าเป็นวัณโรค)
ทำไมไม่สารภาพกันสักที?
อย่าว่าเราเลยที่ไม่ยอมให้น้องแบคสารภาพกลับไป
น้องยังไม่รู้อะไรเลยนะจ๊ะ
จริงๆไม่อยากทำให้มันมีปม แต่มีทุกเรื่องเลย เบื่อตัวเอง
เนื้อเรื่องอืดไป เร็วไป น่าเบื่อไปก็อย่าสาปแช่งเรานะ
เรากัดเล็บจนไม่มีให้เกาก้นละอ่ะ แงงงงงงง
เป็นคนขี้เกียจที่ต้องขยันมันยากนะ
ละช่วงนี้ติดฟิคคนอื่นงอมแงมเลย
555555555555555555555555555555555555
ช่วยเราด้วยนะ ไปกับเรานะ
(ไปไหน?)
ความคิดเห็น