ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ✰ หัวไม้ ' {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #3 : หัวไม้ : 02 {100%}

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 58







              ชานยอลหิ้วของกลับมาบ้านเต็มสองมือ เขาใช้เวลาแวะซื้อของกินท่ามกลางสายฝน ตามรายการที่บอกแบคฮยอนไว้ตอนกลางวันเกือบสองชั่วโมง

     

              โชคดีที่วันนี้ไม่มีร้านไหนปิดเพื่อหนีฝนเลยได้กลับมาครบทุกเมนู

     

              "แอ๊คออน อ้วยอ่อยยยยยยย" ชานยอลตะโกนเรียกคนตัวเล็กให้ออกมาช่วยถือของอยู่หน้าประตู ทั้งที่ปากคาบถุงผลไม้อยู่

     

              ไม่มีเสียงตอบรับ ทั้งที่แบคฮยอนน่าจะรีบออกมาตั้งแต่ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาในบ้านแล้ว

     

              "แบคฮยอน หลับหรอ?" เมื่อรู้ว่าเสียงตะโกนเรียกไม่ได้ผลจึงต้องวางของทั้งหมดไว้บนพื้นเพื่อหยิบกุญแจออกมาไขประตู

     

              "หื้ม?" ประตูบ้านไม่ได้ล็อค แถมหน้าโซฟายังไม่มีร่างของน้องชายม้วนเป็นก้อนอย่างที่มันควรจะเป็นอีกต่างหาก

     

              "นี่ จะนอนทำไมไม่ล็อคประตูบ้านล่ะ อันตรายรู้ไหม?" ขายาวก้าวฉับเพื่อเข้าไปในห้องนอนที่ไม่ใช่ห้องนอนของตัวเอง แต่ก็ต้องแปลกใจที่แบคฮยอนไม่อยู่ในนี้

     

              "แบคฮยอน แอบหรอ?" คนพี่เริ่มออกตามหาน้องชายทั่วบ้าน ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ไม่เว้นแม้แต่ในตู้เสื้อผู้หรือตู้เก็บของ

     

              "ออกมาเหอะ มากินอะไรอร่อยๆกัน กูซื้อกลับมาทุกอย่างเลยนะ แถมผลไม้ให้ด้วย"

     

              ร่างสูงกัดริมฝีปากแน่น กดต่อสายไปยังเบอร์โทรน้องชายที่ตั้งเป็นเบอร์โทรฉุกเฉินหมายเลขสอง แต่ปรากฏว่าโทรศัพท์แบคฮยอนวางอยู่บนตู้รองเท้า

     

              "ไปไหนของมันวะ" หยิบของในถุงออกมาจัดวางบนโต๊ะเพื่อรอเวลาให้น้องชายกลับมา

     

              เวลาผ่านไปจนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีก็ยังไม่มีวี่แววของแบคฮยอน อาจเป็นเพราะน้องชายเขากำลังหลบฝน แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นร่างเล็กมีเหตุผลสำคัญอะไรที่ต้องออกจากบ้านในเวลานี้

     

              "คยองซู อยู่กับแบคฮยอนรึป่าว?" ความร้อนใจทำให้ชานยอลกรอกเสียงถามโดยที่ปลายสายไม่ทันได้เอื้อนเอ่ย

     

               [กูเอง มีไร]

     

              "แบคฮยอน มึงอยู่ไหน?"

     

               [กูอยู่โรงพยาบาล]

     

              "เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรรึป่าว?"

     

               [มาทำธุระนิดหน่อย อีกเดี๋ยวก็กลับ]

     

              "ทำไมน้ำเสียงไม่ค่อยดีเลยวะ เดี๋ยวกูไปหาแล้วกัน รอแปปนะ"

     

              ชานยอลขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์โดยไม่ลืมสวมหมวกกันน็อค บึ่งรถออกจากบ้านโดยไม่ลืมล็อคประตูอีกเหมือนกัน

     


     

              แบคฮยอนนั่งรอผู้ปกครองของรุ่นน้องอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ถึงแม้จะมีคำพูดมากมายที่คิดจะพูดตอนได้เจอกับผู้ใหญ่ แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆเขากลับพูดไม่ออก

     

              พวกผู้ใหญ่เอาแต่ต่อว่าแบคฮยอนที่ทำให้พวกเขาต้องเสียลูกชาย

     

              นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนตัวเล็กโดนอะไรแบบนี้ แต่เขาก็ไม่อาจห้ามให้คนที่กำลังเสียใจหยุดเสียใจได้ เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็เสียใจไม่แพ้กัน

     

              "ผมขอโทษครับคุณแม่ ผมขอโทษครับคุณพ่อ"

     

              แบคฮยอนปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะถ้าเขารอบคอบมากกว่านี้เรื่องแบบนี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น อาจจะไม่มีการสูญเสีย

     

              เราถูกสอนมาให้ต่อสู้และอยู่ด้วยศักดิ์ศรี เด็กทั้งโรงเรียนต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อความเป็นเหนือกว่า

     

              ให้ยกเลิกการตีรันฟันแทงคงเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าเราไม่สู้เราก็แพ้

              คงไม่มีใครอยากเป็นคนแพ้หรอก จริงไหม?

     

              "แบคฮยอน" เสียงทุ้มต่ำปลุกให้คนที่กำลังจมอยู่ในห้วงของความรู้สึกผิดหลุดออกจากภวังค์ "ไม่ใช่ความผิดน้องหรอก ไม่ใช่ความผิดน้องเลยสักนิด หยุดคิดมากได้แล้ว เข้าใจไหม?"

     

              "ทำไม่ได้หรอก ผมทำไม่ได้"

     

              "ฟังนะ…" ฝ่ามือใหญ่แสนอบอุ่นโอบอุ้มฝ่ามือน้อยเย็นเฉียบและสั่นเทาเอาไว้แน่น "คนเรามีทางเลือกตั้งมากมายให้เลือกเดิน แบคฮยอนไม่ได้บังคับใครให้มาอยู่ที่นี่ เขาต่างหากที่เลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง พี่บอกอยู่เสมอไม่ใช่หรอว่าเรากำหนดลมหายใจของใครไม่ได้"

     

              "แต่ทุกคนต่อว่าผม"

     

              "นี่คือสิ่งที่แบคฮยอนต้องรับผิดชอบ นอกเหนือจากการดูแลและออกคำสั่ง คนเป็นหัวหน้าจะต้องโดนติเมื่อเกิดข้อผิดพลาด"

     

              "เห็นไหม ชานยอลเองยังบอกว่ามันคือข้อผิดพลาดเลย" คนตัวเล็กเริ่มหลั่งน้ำตา

     

              "แล้วมีใครบ้างที่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดล่ะ หืม? ไม่ร้องดิ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอเรื่องแบบนี้ซะหน่อย"

     

              "ไม่รู้แหละ" และยังคงเป็นหน้าอกแผงเดิมที่แบคฮยอนซุกใบหน้าลงเมื่อเขาร้องไห้

     

              สิ่งที่ทำให้คนเป็นน้องรู้สึกปลอดภัยอยู่เสมอก็คือการมีชานยอลอยู่ข้างๆ เขาเป็นเสมือนเกราะกำบังแข็งแกร่งให้พ้นจากเหล่าร้าย และปลอบประโลมได้อ่อนโยนเหมือนปุยนุ่นในคราวเดียวกัน

     

              "กลับไปกินอะไรอร่อยๆกันดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมาเคารพศพ เนอะ?"

     

              "อื้อ" แบคฮยอนเดินไปเคารพและบอกลาผู้ปกครองของรุ่นน้องโดยไม่ลืมขอโทษทุกคนจากใจจริงอีกครั้งหนึ่ง

     

     

              ชานยอลจับมือคนซ้อนท้ายไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวระหว่างขับรถ แน่นอนล่ะเพราะถ้าจับสองข้างพวกเขาก็คงตายห่ากันพอดี

     

              หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ คนตัวสูงก็ดันไหล่เล็กให้ไปนั่งบนโซฟาแล้วเริ่มต้นทานของหวานด้วยกัน

     

              "พรุ่งนี้ม๊าจะเข้ามา กูบอกเรื่องกิมจิให้แล้ว"

     

              "ขอบใจ งั้นกูไปนอนก่อนนะ เหนื่อยละ"

     

              "เดี๋ยวดิ!"

     

              "อะไรเล่า"

     

              "ยังกินไม่หมดเลย"

     

              "กินหมดนี่ก็พุงแตกตายพอดี ช่วงนี้กูต้องลดความอ้วน ปล๊อย!" แบคฮยอนสะบัดมือที่ถูกเกาะกุมทิ้งก่อนจะปีนข้ามโซฟาเพื่อวิ่งเข้าห้องนอน

     

              "อ้วนก็ดีแล้วหนิแบคฮยอน มากินกันๆ"

     

              "ไม่กิน! จะนอน!"

     

              "แป๊กกกกกกก" มือหนาทุบลงบนบานประตูเสียงดังลั่น

     

               ทุบไปเถอะ ไม่เปิดโว้ย!’

     

              "งั้นไขกุญแจเข้าไปนะ"

     

              "เป็นไรมากป่ะวะ! บอกว่าอิ่มแล้วไง!! อิ่มแล้ว!!!" คนตัวเล็กตะโกนสุดแรงจนกลายเป็นเสียงตะคอก

     

              เสียงเคาะเงียบลงจนได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศในห้อง แบคฮยอนขมวดคิ้วแล้วแนบใบหูเข้ากับประตูก่อนจะแง้มศีรษะออกมาจากห้อง

     

              เดินเข้าไปวางมือบนไหล่กว้างหลังโซฟา

     

              "อ้าว ไหนบอกอิ่มแล้ว?"

     

              "ก็อิ่มแล้ว"

     

              "อ้าว ไหนบอกจะนอน?"

     

              "ก็ไม่อยากนอนตอนนี้แล้ว"

     

              "อ้าว ไหนบอกเหนื่อย"

     

              "นั่งเฉยๆ ไม่ได้ขยับ" คนน้องเดินอ้อมมานั่งบนพื้นแทรกกลางระหว่างขายาวก่อนจะวางแขนพาดไว้บนหน้าขา หยิบรีโมทมากดเปลี่ยนเป็นช่องการ์ตูนแล้วตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับจอแก้ว

     

              "อะไร ไม่ยอมนอนเพื่อจะมาดูการ์ตูนเนี่ยนะ?"

     

              "นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ดูนานแล้ว"

     

              "สนุกมากหรอ?"

     

              หลังจากพ่นลมหายใจออกทางจมูก แบคฮยอนก็เงียบไปพักหนึ่งจนร่างสูงคิดว่าตัวเองคงน่ารำคาญเกินไป "ขอโทษ"

     

              "ห้ะ?"

     

              "ขอโทษไง รู้นะว่าได้ยินที่กูบ่นว่ามึงน่ารำคาญอ่ะ" แบคฮยอนละสายตาจากหน้าจอ เงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่สูงกว่า "แต่มึงน่ารำคาญจริงๆนั่นแหละ คนอะไร๊ น่ารำค๊าญ น่ารำคาญ"

     

              "ตกลงจะขอโทษหรือจะด่า"

     

              "ขอโทษ"

     

              "งั้นก็หยุดด่าแล้วจะไปนอนก็ไป มึงมันก็น่ารำคาญเหมือนกันนั่นแหละ กูจะดูเดอะเฟสโคเรีย" คนพี่ฉกรีโมทออกมาจากมือคนน้องก่อนจะกดเปลี่ยนช่อง

     

              "ได้ไงอ่ะ กูดูโปเกม่อนอยู่นะ"

     

              "ก็กูไม่อยากดูนี่"

     

              "ไม่อยากดูก็เข้าไปนอน แก๊งล็อคเก็ตกำลังจะออกมาแล้ว เปลี่ยนช่องเดี๋ยวนี้!"

     

              แล้วสงครามแย่งรีโมทย่อมๆก็เกิดขึ้นร่วมนาที แน่นอนว่าคนที่ยอมเป็นฝ่ายแพ้ก็คือพี่ชาย

     

              กว่าจะตั้งสติได้ว่าตัวเองเหนื่อยและเพลียมากก็ตอนที่เผลอหลับแล้วทำรีโมทในมือหล่น แบคฮยอนจึงบอกลาชานยอลเพื่อเข้าไปนอนพักผ่อนในห้อง

     

              เมื่อหัวถึงหมอนปุ๊บคนตัวเล็กก็เข้าสู่ห้วงนิทราปั๊บราวกับสั่งได้ ทำให้วันที่แสนหนักหน่วงผ่านไปอีกหนึ่งวัน

     

     

     

              "เป็นยังไงบ้างลูกชายสุดที่รักของม๊า" เช้าวันนี้ชานยอลตื่นเร็วกว่าปกติเพราะต้องอยู่ต้อนรับมารดา

     

              "หนูยังหล่อเหมือนเดิมครับ"

     

              "แต่ม๊าว่าหนูหล่อขึ้นนะลูก ขอม๊าหอมแก้มหน่อยเร็ว" หญิงสาววัยกลางคนโน้มใบหน้าลูกชายตัวสูงลงมาหอมฟอดใหญ่จนชื่นใจ

     

              "ป๊าไม่มาหรอครับ"

     

              "ป๊าติดงานตามมาตอนเย็น นายนั่นบ่นคิดถึงน้องชายเราบ่อยกว่าการกระพริบตาซะอีกมั้ง น่ารำคาญ" คนเป็นแม่เดินนำเข้าบ้านหลังจากโยนของทุกอย่างให้ลูกชายเป็นคนถือ "แล้วนี่แบคฮยอนไปไหน?"

     

              "ไปทำธุระครับ เดี๋ยวคงมา"

     

              "ลูกไม่ไปกับน้องล่ะ"

     

              "แบคฮยอนโตแล้วนะแม่ ไม่ต้องตามดูแลขนาดนั้นหรอก อีกอย่างเพื่อนมันก็มี แล้วหนูก็ไม่ได้สำคัญขนาดที่มันจะชวนออกออกไปไหนมาไหนด้วยซะหน่อย"

     

              "ก็ไม่แน่หรอกนะ บางทีน้องอยากให้ลูกไปด้วย แต่ไม่กล้าบอกไง เด็กวัยรุ่นก็เงี้ย"

     

              ชานยอลเดินตามคุณนายปาร์คทุกฝีก้าว เนื่องจากต้องคอยจับตาดูว่าท่านจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกหรือเปล่า

     

              เพราะทุกครั้งที่มาเยี่ยมจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเช่นลิ้นชักกางเกงชั้นในในห้องของชานยอลสลับกับลิ้นชักกางเกงชั้นในในห้องของแบคฮยอน ทำให้เช้าวันนั้นต้องวิ่งสลับลิ้นชักกันให้วุ่น

     

              ที่บ่อยสุดเห็นจะเป็นการเอาหน้ากากผีไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าให้ตกใจจนเกือบเปล่งเสียงกรี๊ดไปหลายครั้ง ล่าสุดแอบเอาชุดนักเรียนไปซ่อนในไมโครเวฟ

     

              แต่ยังไงแม่ก็คือแม่ จะขี้แกล้งยังไงก็น่ารัก

     

              "ทำไมหนูเอาแต่เดินตามม๊าล่ะลูก?"

     

              "หนูเห็นม๊าถืออะไรไม่รู้ เลยสงสัย" ชานยอลชี้กำมือหญิงสาวก่อนจะลอบสบสายตา

     

               จับได้ทุกทีเลยไอ้ลูกคนนี้นี่

     

              "ไม่มีอะไรหรอกลูก ไปนั่งดูทีวีเถอะ เดี๋ยวม๊าทำมื้อเที่ยงให้กิน"

     

              "ถ้าหนูบอกว่าไม่เชื่อใจม๊าก็กลัวม๊าจะเสียใจ งั้นหนูบอกว่าไม่ไว้ใจม๊าดีกว่า"

     

              "ความหมายเดียวกันลูกรัก ม๊าไม่แกล้งหนูหรอก ไปเถอะ ไปนั่ง" ปาร์คยูราดันหลังลูกชายให้ไปนั่งรอที่โซฟาก่อนจะลงมือทำอาหารเที่ยงด้วยตนเอง

     

              "ชานยอล! ม๊ามาแล้วหรอ!" ทันใดนั้นประตูบ้านก็เปิดกว้างพร้อมกับร่างน้องชายที่ยินดีกับการมาถึงของ… "ม๊า~ กิมจิหนูล่ะ"

     

              ยินดีกับการมาถึงของกิมจิสุดโปรด

     

              "แบคฮยอนลูกม๊า คิดถึงหนูจังเลย มากอดหน่อยเร็ว" ทั้งสองโผเข้ากอดกันกลมเสมือนอยู่ในรายการวันนี้ที่รอคอย

     

              ลูกชายคนโตเร่งเสียงโทรทัศน์ด้วยความหมั่นไส้ ไม่นานนักเจ้าคนตัวเล็กก็ถูกไล่ตะเพิดให้ออกมานั่งรอมื้อเที่ยงบนโซฟาตัวเดียวกัน

     

              "อยากพูดอะไรก็พูด"

     

              "เห้ย! แอบฟังกันอีกแล้วหรอ?" คนตัวเล็กขยำคอเสื้อพี่ชายอย่างเอาเรื่อง

     

              "อย่าดังสิวะ เดี๋ยวม๊าก็ได้ยินหรอก"

     

              "ก็มึงมาแอบฟังความคิดกูทำไมเล่า"

     

              "มึงก็ไปนั่งคิดไกลๆดิ"

     

              "ได้ไงล่ะ โซฟามีตัวเดียว ให้กูไปนั่งของบ้านข้างๆหรือไง"

     

              "ถ้าได้ก็ดี กูหนวกหูกับความคิดปัญญาอ่อนมึงจะแย่ล่ะ"

     

              "ว่ากู…!"

     

              "มากินข้าวได้แล้วหนุ่มๆ"

     

              "คร้าบ/คร้าบ" มือเล็กคลายหมัดออกพร้อมกับเจ้าของคอเสื้อปัดพอดี

     

              เพื่อให้ชานยอลได้นั่งข้างแม่ ทั้งสองเลยต้องเดินแยกไปคนละฝั่งเมื่อเข้ามายังเขตประตูห้องครัว

     

              "ไม่ต้องรีบทานกันนะ วันนี้ม๊ามีเวลานั่งดูทั้งวันเลย" ชานยอลสบตากับแบคฮยอนแทบจะทันทีเมื่อจับสังเกตุความผิดปกติได้

     

              "เราก็มีเวลาทั้งวันเหมือนกัน เนอะชานยอลเนอะ"

     

              "แน่นอนสิ ก็วันนี้วันเสาร์นี่" แต่ก็ยังทำตัวเหมือนไม่รู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล

     

              ความไม่มีพิรุธของคุณนายยูราทำให้ลูกชายทั้งสองกลืนข้าวได้อย่างไร้ความกังวลราวกับมีเข็มทิ่มคอ และมีความโล่งใจราวกับโดนปืนจ่อเป็นที่สุด

     

              ยิ่งการที่เห็นคุณนายปาร์คเท้าคางแล้วส่งยิ้มหวาน ทำให้ความสงสัยของสองพี่น้องไม่เกิดขึ้นเลยสักนิดเดียว

     

              "กิมจีฝีมือม๊าอร่อยไม่ตกเลยนะเนี่ย สมแล้วที่เป็นม๊าพี่ชานยอล" ร่างเล็กเคี้ยงตุ้ยด้วยความหิวโหยจนแก้มบวมเป่งทั้งสองข้าง

     

              "แน่นอนอยู่แล้ว ม๊าถ่ายทอดวิทยายุทธิ์การทำอาหารให้ชานยอลตั้งแต่อยู่ในท้องเลยนะ"

     

              "ถึงว่าล่ะ หนูออกจากท้องมาพร้อมช้อนเงินช้อนทองเลย" ชานยอลเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า เพราะนานๆทีจะได้ลิ้มฝีมือต้นตำรับสูตรอาหารที่เขาร่ำเรียนมาตั้งแต่เป็นสาวเต็มกาย

     

              "นั่นไม่ใช่ช้อนนะลูก นั่นหู"

     

              "โอ๊ะ หนูขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปปนะ" คนตัวเล็กรุดจากเก้าอี้เพื่อไปถ่ายของเสียออกจากร่างกาย โดยไม่รู้เลยว่าสีหน้าของพี่ชายตอนนี้กำลังแย่

     

         ปัง! ปัง!

     

              "ไอ้แป๊ก ออกมาได้แล้ว กูปวดขี้"

     

              "กูขี้อยู่"

     

              "ออกมาก่อนดิ จะอั้นไม่อยู่แล้วนะเว้ย!" เสียงทุ้มสั่นกระเส่าราวกับสัญญาณเตือนภัยแผ่นดินไหว

     

              "สัญญาก่อนว่าจะไม่นาน"

     

              "สัญ อึ้ก ญา"

     

              แบคฮยอนแบ่งเวลาให้คนพี่ได้เข้าไปปลดปล่อยเพียงชั่วครู่ก่อนจะออกแรงเคาะประตูเรียกให้ออกมา

     

              "ไหนบอกไม่นานไงวะ"

     

              "ไปขุดหลุมข้างบ้านเอาสิโว้ย!!"

     

              "เห้ยไอ้ช้อน! ทำไมพูดหมาๆแบบนี้ล่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้"

     

              "ใจเย็นดิ"

     

              "ไม่ออกกูเข้าไปขี้บนเตียงมึงนะ" สิ้นสุดคำขู่ ชานยอลก็รีบเสียสละให้คนเป็นน้องอีกครั้ง

     

              สองชั่วโมงผ่านไปโดยที่ทั้งคู่ยังคงสลับกันเข้าห้องน้ำและมีคนเป็นแม่คอยนั่งหัวเราะไปพร้อมกับให้กำลังใจอยู่ห่างๆ "เอิ้กๆ สู้เขานะลูกชาย"

     

              ไม่อยากจะเชื่อว่าแม่ผู้บังเกิดเกล้าจะวางยาลูกชายตัวเองได้ลงคอ เล่นเอาหมดแรงคลานสี่ขาออกมาจากห้องน้ำกันเลยทีเดียว

     

              นอนซมอยู่บนพื้นหน้าทีวีสักพัก จนเทพบุตรอย่างคุณผู้ชายบยอนแบคโฮปรากฏตัวพร้อมกับน้ำเกลือแร่

     

              "คุณแกล้งลูกอย่างนี้ได้ยังไง?"

     

              "ก็คุณให้ฉันสั่งไม่ให้ลูกออกไปไหนจนกว่าคุณจะมาไง"

     

              "แล้วทำไมคุณไม่สั่งพวกเขาล่ะ"

     

              "คิดว่าพวกเขาจะฟังเราหรือไง?"

     

              "นั่นสินะ" หัวหน้าครอบครัวลดเสียงลงก่อนจะยอบกายลงตรงหน้าลูกชาย "ป๊าคิดถึงหนูจังเลย"

     

              "หนูก็คิดถึงป๊า" แบคฮยอนเปล่งเสียงที่คิดว่าจริงใจที่สุดพร้อมกอดตอบบุพการี

     

              "ยัยนั่นวางยาถ่ายหนูทั้งสองคนเดียวนะ เรื่องนี้ป๊าไม่เกี่ยว"

     

              ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโยนความผิดไปให้ใครคนใดคนหนึ่ง เพราะถึงยังไงก่อนมาที่นี่สองสามีภรรยาก็ต้องสมรู้ร่วมคิดกันวางแผนแกล้งลูกชายตัวเองอยู่แล้ว

     

              "พรุ่งนี้ก็ห้ามไปไหนนะลูก"

     

              "หนูขอไปทำธุระช่วงเช้านะครับ"

     

              "คนเดียวหรอ?"

     

              "ไปกับเพื่อนครับ"

     

              "เอาพี่ชายไปด้วยสิ จะได้รีบกลับ"

     

              "ไม่ต้องหรอกป๊า เดี๋ยวหนูรีบกลับเอง"

     

              "เอาน่า ให้พี่ชานยอลขับรถป๊าพาไป"

     

              เช้าวันนี้ร่างสูงเลยกลายเป็นสารถีจำเป็น และต้องมาเคารพศพเป็นเพื่อนแบคฮยอนตั้งแต่ไก่โห่ บรรดาเด็กนักเรียนในงานที่จำหน้าประธานหัวหน้าทีมของโรงเรียนช่างก่อสร้างอันยิ่งใหญ่ต่างก็ส่งสายตามองด้วยความสงสัย

     

              เพราะเหตุนี้เลยต้องรีบปลีกตัวออกมานั่งคอยน้องชายอยู่ในสวนสาธารณะ

     

              "รุ่นพี่!"

     

              "อ้าว~ ว่าไงฮเยจอง ไปไงมาไงเนี่ย" ร่างสูงขยับให้ม้านั่งว่างพอดีกับผู้มาใหม่

     

              "ฉันน่าจะถามรุ่นพี่มากกว่าว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"

     

              "พาน้องชายมาทำธุระนิดหน่อย"

     

              "ฮ้า พี่แบคฮยอนก็มาหรอ" สาวน้อยตื่นอกตื่นใจเมื่อได้ยินเสียงรุ่นพี่ต่างสถาบันที่แอบปลื้ม

     

              "นี่ๆ เก็บอาการหน่อย เราเป็นผู้หญิงนะ"

     

              "ฉันเป็นผู้หญิงยุคใหม่ไง พี่ไม่เข้าใจหรอ"

     

              "ไม่อ่ะ พอดีไม่ใช่ผู้หญิง"

     

              นั่งคุยกันพักใหญ่ชานยอลก็ขอตัวกลับหลังจากรับสายแบคฮยอน ก่อนไปเขาได้ให้กำลังใจด้วยการเปิดรูปแผ่นหลังเปลือยเปล่าของน้องชายตัวเองให้หญิงสาวแรกรุ่นดู

     

              "อ๊ายยยยย เนื้อหนังของพี่แบคฮยอนช่างเนียนละมุนละไมอะไรอย่างนี้ ฉันขอรูปนี้เถอะนะ"

     

              "ไม่ได้หรอก จะเอารูปไอ้แบคฮยอนไปปู้ยี่ปู้ยำใช่ไหม?"

     

              "ใช่ค่ะ"

     

              "เธอนี่มันน่ากลัวจริงๆ" ดันศีรษะกลมที่พะเน้าคลอเคลียออกจากต้นแขน "เจอกันที่โรงเรียนนะ ไปละ"

     

              "บ๊ายบายค่ะ" สาวน้อยผู้ร่าเริงโบกมือจนชานยอลเข้ามาในตัวอาคาร

     

              แบคฮยอนลงลิฟต์มาพร้อมเซฮุนและคยองซู ก่อนจะบอกลาเพื่อนแล้วเดินนำไปขึ้นรถ เปิดเพลงย้อนยุคที่ป๊าชอบฟังจนเสียงดังลั่น

     

              รถเคลื่อนตัวช้าๆโดยที่ชานยอลเองก็ไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนพูดมากอย่างแบคฮยอน แม้จะอยากรู้แต่ก็กลัวกระทบกระทั่งความรู้สึกที่คนน้องอาจจะโดนผู้ใหญ่ตำหนิมา

     

     

              "ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่าลูก?" แบคฮยอนเงียบไปจนมองเห็นช่องว่างระหว่างครอบครัว

     

              "หนูจะไปทะเลาะกับพี่เขาทำไมล่ะครับ"

     

              "ก็ม๊าเห็นหนูเงียบตั้งแต่กลับมาจากข้างนอก ไม่ได้เป็นอะไรแน่หรอ?"

     

              "ครับ"

     

              "แน่ใจนะชานยอล"

     

              "ครับม๊า เราไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆ" ชานยอลยืนยันอีกครั้งก่อนจะปิดไฟห้องนั่งเล่นเพื่อเข้านอน

     

              "ไม่เอาดีกว่า คืนนี้ป๊าอยากนอนกับม๊า"

     

              "ได้ไงอ่ะ นานๆหนูจะได้นอนกอดป๊าสักทีนะ" แบคฮยอนโวยวายหลังจากที่แบคโฮเดินกลับออกมาจากห้องนอนลูกชายเพื่อเรียกภรรยาไว้

     

              "เมื่อคืนก็นอนกอดไปแล้วไง"

     

              "ป๊าก็ค่อยกลับไปนอนกับม๊าที่บ้านสิ"

     

              "ก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างนี่ เอ้า! ยืนทำหน้าหมูอยู่นั่นแหละ ไปนอนห้องพี่ชานยอลเดี๋ยวนี้"

     

              "ป๊าง่ะ T^T" ร่างเล็กเบะปากจะร้องไห้ก่อนจะเดินกระทืบเท้าตึงตังเข้าห้องข้างๆ

     

              "ฝันดีนะจ๊ะลูกรัก"

     

              ชานยอลหายไปอาบน้ำกลับมาอีกทีก็พบว่าแบคฮยอนนอนหันตูดให้เขาไปแล้วเรียบร้อย ทำให้ต้องแทรกตัวเข้าผ้าห่มช้าๆเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของคนข้างๆ

     

               ชานยอล

     

              "…"

     

               ชานยอล ได้ยินกูไหม?

     

              "ยังไม่หลับหรอ"

     

               ขอถามอะไรหน่อยดิ

     

              "ว่ามา"

     

               มึงมีแฟนละหรอ?

     

              "หืม ทำไมถามงั้นอ่ะ ไหนหันหน้ามาคุยกันดิ้" ชานยอลจับเอวคนตัวเล็กให้หันมา แต่เจ้าตัวก็รั้งไว้

     

               ไม่! ขอคุยแบบนี้แหละ

     

              "โอเค ไหนเล่าซิว่ารู้อะไรมา"

     

               ผู้หญิงที่เกาะแขนมึงวันนี้อ่ะ ไม่ใช่แฟนหรอ

     

              "นั่นรุ่นน้องที่โรงเรียน แฟนเฟินอะไรล่ะ"

     

               รุ่นน้องเกาะแขนได้ขนาดนี้เลยหรอ ดีเนอะ

     

              "นี่ใช่ไหมที่ทำให้มึงเงียบมาทั้งวัน หืม?" ชานยอลพยายามดึงร่างเล็กให้หันหน้ามาคุยกันแต่ก็โดนปฏิเสธด้วยการปัดมือออก "น้องชายดุซะขนาดนี้จะกล้าไปมีใครได้ยังไงล่ะ"

     

              "ปล่อยนะโว้ย!!"

     

              "ชู่ววว~ อย่าดังสิ ชุดนอนอยู่นะ" เมื่อพลิกตัวมาไม่สำเร็จ ร่างสูงจึงขยับเข้าใกล้ก่อนจะสอดแขนรองศีรษะกลมและวาดแขนอีกข้างโอบร่างเล็กไว้แน่นจนหลับไป






     








     

              เสียงเครื่องยนต์รถทั้งสองคันปลุกให้เจ้าของบ้านทั้งสองคนตื่นโดยมีแค่โน้ตแปะร่ำลาไว้หน้าทีวีเท่านั้น

     

              ก่อนที่จะไปโรงเรียนสายไปมากกว่านี้ ชานยอลก็รีบเด้งตัวขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าและปลุกน้องชายที่ยังคงเฝ้าห้วงนิทราให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก

     

              "วันนี้มึงมีเวรพูดหน้าเสาธงนะแบคฮยอน"

     

              "เฮือก! จริงด้วย!" ราวกับนักวิ่งมาราธอนที่เกือบจะถึงเส้นชัยและต้องเร่งฝีเท้า

     

              แบคฮยอนวิ่งผ่านน้ำก่อนจะออกมาจากห้องนอนเมื่อแต่งตัวเสร็จ หยิบแซนวิสบนโต๊ะที่พี่ชายวางเตรียมไว้ให้เป็นมื้อเช้า

     

              "เดี๋ยวไปส่ง" ร่างสูงนั่งคร่อมมอเตอร์ไซด์คันใหญ่รอแบคฮยอนหน้าประตูบ้าน

     

              "ไม่เอาอ่ะ ไปเองดีกว่า"

     

              "ไปเองไม่ทันหรอกน่า" ชานยอลรั้งข้อมือคนตัวเล็กไว้ทันก่อนจะครอบหมวกลงบนศีรษะ "ขึ้นมา"

     

              แบคฮยอนเกาะเอวคนขับไว้แน่นเพราะไม่อยากร่วงลงไปนอนหัวแบะอยู่บนพื้นถนน

     

              เมื่อเช้าวันจันทร์แรกของเดือนใหม่มาถึง ผู้ทำหน้าที่ประธานแผนกต่างๆในโรงเรียนต้องมีบทสนทนากับนักเรียนทุกสายชั้นเล็กๆน้อยๆหน้าเสาธง

     

         เอี๊ยดดดดดดด!

     

              เสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนเรียกให้ทุกสายตาของผู้คนที่อยู่ระแวกนั้นหันมาจับจ้อง ร่างเล็กลูบหน้าผากป้อยเมื่อหมวกกันน็อคของตัวเองปะทะกับของพี่ชาย

     

              "จอดดีๆจะตายห่าหรือไง"

     

              "ไม่เท่ดิ เห็นไหม? คนมองเต็มเลย" แบคฮยอนปีนลงจากมอเตอร์ไซด์ก่อนจะโวยวายตามสเต็ป

     

              "กูบอกแล้วใช่ไหมว่าผู้หญิงพวกนี้มันขี้เม้าท์"

     

              "ไม่แคร์ ตั้งใจเรียนล่ะ" ก่อนออกรถยังเรียกเสียงกรีดร้องของสาววายที่ยังไม่ละสายตาจากเมะร่างสูงกับเคะร่างบางด้วยการยีผมน้องชายอย่างเอ็นดู

     

              "ไอ้เชี่ยเอ้ย มองไรวะ! ไม่เคยเห็นพี่ชายลูบหัวน้องชายหรือไง!" เมื่อชี้หน้าด่าเจ้าตัวไม่ทันก็หันมาโวยวายใส่คนรอบข้างแทน

     

              ถึงแม้เด็กนักเรียนที่เห็นภาพนั้นจะมีน้อยเพราะยังเช้าอยู่ แต่เด็กพวกนั้นคือแก๊งปากสว่างแต่งตั้งตัวเองเป็นนักกระจายข่าวได้ซะนี่

     

              แบคฮยอนหงุดหงิดจนแทบจะระเบิดตัวเองให้เป็นจุล รีบจ้ำเท้าไปยังห้องคณะกรรมการเพื่อเริ่มประชุมญัตติใหม่ของเดือนนี้ แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องไอ้เจ๊กเหิมเกริม

     

              "สามปีที่ผ่านมาเราต่างรู้ดีว่าอิทธิพลคนรวย ก่อสร้างเกราะกำบังให้ตัวเองแน่นหนา จนไม่อาจมีใครคิดเทียบรัศมีได้" ประธานแต่ละแผนกและคณะกรรมการฝ่ายต่างๆตั้งใจฟังประธานนักเรียนพูดเป็นอย่างมาก

     

              "ผมอยากให้ทุกคนแสดงความแข็งแกร่งด้วยความสามัคคี ทำให้คนอื่นรู้ว่าโรงเรียนเล็กๆของเรายิ่งใหญ่ไปด้วยมิตรภาพและความรักใคร่" ทำให้บางคนถึงกับต้องเท้าคางไว้กับโต๊ะเพราะความง่วง

     

              "ข่าววงในรู้มาว่าพวกมันต้องการตัวประธานช่างมากที่สุด" ประธานช่างทุกแผนกสะดุ้งกันยกใหญ่ ยกเว้นแบคฮยอนที่กำลังปรือตาจะหลับแหล่มิหลับแหล่

     

              "เราเสียรุ่นน้องแผนกไฟฟ้าไปแล้วหนึ่งคน เราจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก" ไฟหน้าจอมือถือสว่างวาบเตือนว่ามีสายเข้า

     

              "ผมอยากให้แบ่งเวรกันเพื่อคอยสอดส่องและให้ความปลอดภัยกับทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่อาจเกิดอันตรายได้ง่ายกว่า" แต่แบคฮยอนเคลิ้มหลับไปแล้ว ทำให้เขามองไม่เห็นจนสายนั้นวางไป

     

              "วันนี้ผมขออีกหนึ่งเรื่องก่อนจะขึ้นไปพูดหน้าเสาธง อยากให้ประธานแผนกไฟฟ้าพูดอะไรสักหน่อยเกี่ยวกับข่าวลือ"

     

              "ZzZzZz"

     

              "แบคฮยอน แบคฮยอน" คนข้างๆปลุกเรียกแบคฮยอนจนสะดุ้งเช็ดน้ำลายที่ยืดเป็นสาย

     

              "ห้ะ? ว่าไง?"

     

              "พูดอะไรเกี่ยวกับข่าวลือหน่อย"

     

              "ข่าวลืออะไรวะ?" ร่างเล็กหันไปขมวดคิ้วใส่ประธานนักเรียน

     

              "ก็เรื่องที่เป็นแฟนกับหัวหน้าทีมพลอยโรงเรียนช่างก่อสร้างไง"

     

              "แฟน?" หัวหน้าทีมพลอยโรงเรียนช่างก่อสร้าง "ไอ้ชานยอลน่ะหรอ?!"

     

              "นั่นแหละ"

     

              "หมอนั่นมันเป็นพี่ชายฉันเอง โถ้เหวยยยยย~"

     

              แล้วการประชุมก็ยุติลงเมื่อเพลงมาร์ชโรงเรียนดังขึ้น บทสนทนาหน้าเสาธงของแบคฮยอนในวันนี้คือการแก้ข่าวเรื่องที่เขาเป็นคู่เกย์กับพี่ชายตัวเอง

     
     

    BaekYeol

    AM 08:15   สัส

     

    ChanHyun

    AM 08:16   อะไร

     

    BaekYeol

    AM 08:16   กูบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวเป็นข่าวลือ

    AM 08:16   มึงนี่นะ

     

    ChanHyun

    AM 08:17   น่ารักดีออก

    AM 08:17   พี่ชายกับน้องชายสกินชิพกันแบบนี้หายากนะเว้ย

     

    BaekYeol

    AM 08:18   _

     

              "ยิ้มอะไรมึงวะไอ้ชานยอล" เจ้าของฉายาแก้มซาลาเปาเดินเข้ามาผลักไหล่เพื่อนตัวสูงกว่าก่อนจะนั่งลงบนที่นั่งตัวเอง

     

              "กูคุยกับน้องชายอยู่"

     

              "แล้วจำเป็นต้องยิ้มขนาดนั้นเลยหรอ"

     

              เออว่ะ

     

              "เอาน่า อย่าเสือกเลยมึง นะนะ" ชานยอลหันไปพยักเพยิดหน้าใส่มินซอกแล้วเก็บมือถือใส่กระเป๋าเสื้อ



     

              เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนคนตัวเล็กเดินออกมาพร้อมเพื่อนอีกสองคนเช่นเดิม ถึงแม้จะมีสายตาเด็กสาวจ้องมองมาอย่างแปลกประหลาดแต่เขาก็พยายามข่มใจไม่ให้เดินเข้าไปตบหัวเพศหญิงได้

     

              เพราะไอ้พี่ชายคนเดียวที่ทำให้ต้องกลายเป็นเป้าสายตาทั้งวันแบบนี้

     

              "โหยยยยย มีคนตั้งแท็กในทวิตเตอร์ด้วยอ่ะมึง ดูดิๆ" คยองซูยื่นโทรศัพท์ให้เซฮุนข้ามหน้าข้ามตาแบคฮยอนอย่างเฉียดฉิว

     

              "#สถาบันไม่คงที่พี่รักน้องสิคงทน โหวยยยยย" เซฮุนดึงโทรศัพท์ไปถือและช่วยเสริมขึ้นอีกแรงจนแบคฮยอนต้องเอี้ยวตัวตามเพื่อมองข้อความบ้าง

     

              "ห้ะ? ใครเป็นแอดมินทวิตเตอร์โรงเรียนวะ" คนตัวเล็กกระชากเครื่องมือสื่อสารมาถือไว้เพื่อโวยวาย

     

              "ใจเย็นแบคฮยอน ยิ่งมึงร้อนตัวเขาจะยิ่งสงสัยนะเว้ย"

     

              "แล้วถ้ากูไม่ทำอะไรคนจะเข้าใจถูกงั้นหรอ ห่า"

     

              "แต่รูปแม่งชวนคิดจริงว่ะ เมะวางมือบนศีรษะเคะก่อนจะดึงเข้ามาจูบ" ไม่พูดอย่างเดียว เซฮุนแสดงท่าทางประกอบฉากกับคยองซู ต่อยอดจากรูปในโซเชียลที่มีปาปารัสซี่มือดีถ่ายไว้ได้

     

              "ไม่ได้จูบ สัส"

     

              "ตั้งใจเรียนนะครับที่รัก"

     

              "หุบปาก!"

     

              "กูดูยังเขิน"

     

              "ไอ้เซฮุน!!" เซฮุนเงียบลงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่าทางเย้ยหยันนั้นจะหายไปจากใบหน้าด้วย

     

              "อย่าโมโหดิวะ นู่น พี่มึงกวักมือเรียกอยู่นู่น" คยองซูกลายเป็นคนห้ามศึกก่อนจะชี้นิ้วไปที่พี่ชายเพื่อน

     

              ร่างสูงในชุดยูนิฟอร์มต่างสถาบันยืนพิงมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อยู่เงียบๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เจอกลุ่มน้องชายตัวเองเข้าพอดี

     

              เหตุผลที่ไม่โดนเจ้าถิ่นรุมกระทืบเป็นเพราะชานยอลอยู่สถาบันที่ทุกคนระแวกนี้ต่างรู้กันดีว่าไม่ควรแหยม โดยเฉพาะเด็กอ่อนด๋อยในเรื่องชกต่อยอย่างเด็กที่นี่

     

              "แบคฮยอน พี่ชายสุดที่รักมารับกลับบ้านแล้วครับ"

     

              ไอ้เหี้_ชานยอลลลลลลล T^T

     
     

              แบคฮยอนจำใจนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ท่ามกลางเป้าสายตาอีกครั้ง เนื่องมาจากเขาลองเดินหนีแล้วแต่ชานยอลแกล้งตะโกนดังๆเหมือนกับว่าเป็นคู่รักที่ตามง้อตามงอนกันอยู่

     

              "ทำเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย หา?" ทันทีที่เข้ามาในบ้านแบคฮยอนก็หยิบม้วนทิชชู่ปาใส่หัวคนตัวสูงเต็มแรง

     

              "ก็พี่กลัวน้องแบคฮยอนจะหาว่าพี่ไปมีแฟนนี่จ๊ะ พี่เลยพิสูจน์ว่าพี่ไม่มีใครไง"

     

              "กูไม่ชอบนั่งมอไซด์ มึงก็รู้นี่"

     

              "แต่พี่ชานยอลมีแค่มอไซด์อ่ะ"

     

              "งั้นก็ทางใครทางมัน" คนน้องเดินเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะ… "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก! แมลงงงงงงงสาบบบบบบบ"

     

              วิ่งพรวดพราดออกมาจากห้อง กระโจนเกาะหลังพี่ชายบนโซฟา

     

              "ฝีมือม๊าแน่นอน" ชานยอลเดินนำโดยด้านหลังมีร่างเล็กๆของน้องชายติดสอยห้อยตามไปด้วย

     

              แก๊งแมลงสาบปลอมนอนนิ่งอยู่ในตู้เสื้อผ้า ในขณะเดียวกับที่กำลังก้มลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อก็แผดเสียงดังขึ้นซะก่อน

     

              "ว่าไงมินซอก"

     

               [ประชุมทีมด่วนเว่ยมึง คราวนี้วนไปบ้านมึงละ]

     

              "อ้าวหรอ เออมาดิๆ"

     

              ชานยอลโยนแก๊งแมลงสาบปลอมลงถังขยะก่อนจะเก็บกวาดรอบบ้านให้ดูเรียบร้อยเพื่อต้อนรับแขก

     

              แบคฮยอนขลุกตัวอยู่ในห้องทันทีเมื่อเพื่อนในทีมของชานยอลมาถึง เขาขี้เกียจออกไปตอบคำถามว่าเป็นอะไรกับชานยอลทำไมถึงอยู่ด้วยกัน พี่น้องอะไรรูปร่างหน้าตาต่างกันราวฟ้ากับเหว

     

              "กูว่าที่น่าเป็นห่วงสุดคือโรงเรียนชอนี่แหละ"

     

              "เออ โรงเรียนนี้แม่งผู้หญิงเยอะ แล้วอีกอย่างเลยคือเรื่องชกต่อยนี่เรียงไปอยู่ท้ายจักรวาลนู่นนนนน" ลากเสียงยาวเพื่อเน้นความหมาย

     

              "แล้วเอาไงอ่ะ ไอ้ชานยอลแม่งช่วยคิดหน่อยดิ้" ลูกน้องในทีมโวยวายใส่หัวหน้าที่มัวแต่นั่งเหม่อลอยจ้องพื้นปูน

     

              "เอาไงล่ะ ย้ายไปอยู่โรงเรียนนั้นเลยไหม จะได้ช่วยเป็นหูเป็นตา"

     

              "เอ้อ ความคิดดีนี่หว่า" มีเสียงสนับสนุนเพิ่มมาหนึ่งคน

     

              "โรงเรียนนั้นแม่งสาวๆเด็ดด้วย" สองคน

     

              "นี่คือที่มึงต้องการใช่ป่ะ"

     

              "หรือว่ามึงจะปฏิเสธ"

     

              "ก็เหี้ยละ" สามคน

     

              "ฮ่าฮ่าฮ่า" และทุกๆคน

     

              "งั้นเอาเป็นว่าทำเรื่องย้ายโรงเรียนชั่วคราวละกัน มึงจัดการนะไอ้มินซอก"

     

              สมาชิกทั้งหกคนเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะพล่อยๆของหัวหน้าปาร์ค ว่าให้ทีมพลอยย้ายไปเรียนโรงเรียนชอเพื่อป้องกันอันตรายจากพวกไอ้เจ๊ก

     

              และโรงเรียนชอที่ว่านี้ก็คือโรงเรียนช่างกลที่แบคฮยอนศึกษาอยู่ 
























    TBC.
    #หัวไม้ชานแบค

    ไม่แท็กไม่เม้นจะงอน
    จะไม่อัพด้วยคอยดู



    ปล.หลอกนะ เพราะเรื่องนี้แต่งลื่นเหมือนรองเท้าไม่มีดอกมาก
    ไม่แท็กไม่เม้นก็อัพ
    55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×