ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ✰ หัวไม้ ' {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #2 : หัวไม้ : 01 {100%}

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 58







              เป็นประจำของเช้าวันเสาร์ที่เสียงเอะอะโวยวายจะเป็นดั่งนาฬิกาปลุกให้คนร่างสูงลุกออกจากเตียง วันนี้ของหายหรือหิวข้าวอีกล่ะไอ้น้องชาย

     

              "อะไรอีกเนี่ยแบคฮยอน"

     

              "มึงเอาไข่ใบสุดท้ายไปไว้ที่ไหน"

     

              คนโดนถามหมุนลูกตาดำเป็นวงกลมเพื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก่อนจะตอบเสียงเรียบว่า… "ในท้อง"

     

              แบคฮยอนได้ยินคำตอบถึงกับลมออกหู ปัดมือพี่ชายที่ชี้หน้าท้องตัวเองเป็นภาพประกอบก่อนจะคว้าคอเสื้อคนตัวสูงกว่าอย่างหาเรื่อง "กูเขียนชื่อจองเอาไว้แล้ว มึงยังกล้าขโมยไปอีกหรอ"

     

              "นี่กูต้องตื่นมาทะเลาะกับมึงเพราะเรื่องไข่ไก่เนี่ยนะ"

     

              "ไม่อยากทะเลาะก็ทำอะไรให้กินสักทีสิ"

     

              ชานยอลค่อยๆคลายปมคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน กลอกตาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะดึงมือเล็กออกจากคอเสื้อนอนย้วยๆเพื่อทำอาหารให้คนที่กำลังโมโหหิวเป็นประจำ และไม่นานนักอาหารง่ายๆก็วางลงกลางโต๊ะ


     

              "วันนี้กูต้องออกไปทำงานตอนบ่าย หาข้าวกินเองละกันนะ"

     

              "ได้ไงอ่ะ ไม่เอา"

     

              "นี่! สกปรกชะมัด" มูมมามจนติดเป็นนิสัยทำให้คนเป็นพี่ต้องคอยกวาดเช็ดให้อยู่เสมอ

     

              "ไปนานป่าว"

     

              "งานเสร็จก็กลับ"

     

              "แล้วเสร็จเมื่อไหร่"

     

              "ตอบไม่ได้โว้ย! อย่าโวยวายได้มั้ย กินข้าวเสร็จแล้วก็ไปกินน้ำ"

     

              แบคฮยอนยกร่างไปเปิดตู้เย็นก่อนจะหยิบขวดน้ำออกมากระดกจนน้ำไหลย้อยจากมุมปาก วางขวดทิ้งไว้บนโต๊ะให้เป็นภาระของชานยอลอีกตามเคย

     

     

              ชานยอลทำหน้าเหมือนหมาป่ากำลังจะกลายร่างขณะยืนล้างจาน ถึงแม้ลึกๆแล้วจะหมั่นไส้นิสัยแบคฮยอนแต่ก็ไม่อยากดุด่าเพราะป๊ากับม๊าไม่อยากให้ทะเลาะกัน เกรงท่านเป็นกังวลว่าลูกชายทั้งสองจะเข้ากันไม่ได้

     

     

              "จะออกไปร้านยา เอาอะไรไหม?"

     

              "ฝากซื้อวิตามินซีมาอมเล่นหน่อย"

     

              "เปิดเสียงโทรศัพท์ด้วย เผื่อใครมีธุระ จะได้รับสายชาวบ้านเขาบ้าง"

     

              "รู้แล้วน่า" แบคฮยอนปัดมือไล่คนขี้บ่นอย่างรำคาญก่อนจะหันไปสนใจหนังฆาตกรรมในจอแก้วต่อ

     

              ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูรั้วปิดลงแบคฮยอนก็ดีดตัวขึ้นจากโซฟาย่องเข้าไปในห้องนอนพี่ชาย หยิบกุญแจดอกเล็กจากลิ้นชักบนโต๊ะเพื่อไขเปิดกล่องใต้เตียง

     

              คนตัวเล็กมือไม้สั่นเมื่อได้สัมผัสซองหนังสีดำที่วางอยู่ตรงกลางกล่องบุด้วยผ้าสักหลาดสีแดงเลือดหมู ลักษณะเป็นแท่งที่ภายนอกเป็นเหมือนปากกาทั่วไปแต่จริงๆแล้วด้านในสามารถบรรจุกระสุนได้สิบนัด และมันก็ใช้คร่าชีวิตคนมาแล้วนับไม่ถ้วน

     

              "เวอร์น่าแบคฮยอน ปืนนี้ยังไม่เคยใช้ฆ่าใครเลยนะ"

     

              "เห้ย! ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ" ของในมือร่วงหล่นลงที่เดิม

     

              "กูได้ยินความคิดมึงตั้งแต่ตอนกินข้าวละ เก็บปืนเดี๋ยวนี้"

     

              "ขอยืมหน่อยดิ นะนะ"

     

              "จำไม่ได้หรอว่าก่อนเข้าโรงเรียนสัญญาว่าอะไร"

     

              "แต่พี่ชานยอล…" น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงเตรียมงัดลูกไม้เดิมมาใช้

     

              "เก็บ" แต่ชานยอลก็สามารถควบคุมสติตัวเองได้ดี

     

              "ก็ได้ ไม่ยุ่งก็ได้" อย่าเผลอนะ

     

              "กูได้ยิน"

     

              "โถ่เว้ย!!"

     

              แบคฮยอนเดินเข้าห้องนอนตัวเองที่อยู่ถัดไปแล้วต่อยอัดหมอนระบายอารมณ์ เก็บตัวอยู่อย่างเงียบเชียบหวังให้คนที่อยู่อีกห้องตามมาง้อ แต่เวลาล่วงเลยไปจนมื้อเที่ยงก็ยังไม่มีวี่แววของใครทั้งนั้น

     

     

              "ชานยอล"

     

              โผล่หัวกลมๆออกมาจากช่องระหว่างประตู สาดส่ายตาไปยังโซฟาหน้าทีวีก็ไม่เห็น ในครัวก็ไม่มี

     

              "พี่ชานยอล"

     

              ย่องออกมายืนแนบหูกับประตู เงี่ยฟังเสียงข้างในห้องนอนก็ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเครื่องทำความร้อน

     

              "ปาร์คชานยอล" ประตูไม่ได้ล็อค

     

              ภายในห้องนอนว่างเปล่าไร้เงาของคนเป็นพี่ คนตัวเล็กไม่รอช้ารีบลากกล่องจากใต้เตียงเพื่อหยิบเอาของด้านในไปเก็บไว้ในห้องตัวเองอย่างแนบเนียน

     




     

              มีโน้ตแผ่นเล็กวางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา เป็นลายมือหวัดของพี่ชายตัวสูงที่เขาจำได้ดี ข้างกันเป็นพลาสเตอร์และถุงยาแก้ปวดวางไว้พร้อมกับน้ำเปล่า

     

              แบคฮยอนหยิบเศษกระดาษขึ้นมาอ่านได้ใจความว่า ห้ามออกไปมีเรื่องที่ไหน อยู่บ้านเป็นเด็กดีซะบ้าง กับข้าวอยู่ในตู้เย็นแล้วเอาออกมาเวฟกินได้เลย อย่าลืมกินยา เปลี่ยนพลาสเตอร์ด้วยไม่งั้นขอให้หน้าเน่า ห้ามซักผ้าเด็ดขาดเพราะฝนจะตก ถ้าโทรมาบอกให้ไปประกันตัวจะฟ้องป๊า เชื่อฟังด้วย

     

              "ใครเขากินน้ำจากแก้วกันล่ะ เหอะ"

     

              แบคฮยอนทำตามที่ชานยอลเขียนบอกไว้ในโน้ตทุกอย่างแต่เขาเบื่อ เบื่อ เบื่อจนอยากจะบ้าตาย

     

              สุดท้ายคนตัวเล็กก็ทนไม่ไหวลุกไปหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือก่อนจะโทรนัดเพื่อนสนิทให้ไปเจอกันที่ร้านกาแฟหน้าโรงเรียน

     

     

              วันนี้ฟ้าไม่ค่อยโปร่งอย่างที่ปาร์คชานยอลบอกจริงๆนั่นแหละ เมฆครึ้มก้อนเบ้อเริ้มปกคลุมทั่วเมือง วันนี้จะต้องเฉอะแฉะไปทั้งวัน

     

              "ฮัลโหลเซฮุน

     

              [เห้ยแบคฮยอน! กูไปหามึงไม่ได้แล้วว่ะ กูลืมไปว่าวันนี้แม่จะเข้ามาหา โทษทีนะเว้ย เจอกันวันจันทร์]

     

              แบคฮยอนยังไม่ทันได้ตอบกลับเซฮุนก็วางสายไปซะแล้ว

     

              "เป็นงี้ตลอดเลย" แงงงงงงง

     

              แต่เขายังเหลือเพื่อนอีกคน

     

              นั่งรอด้วยหัวใจตุ๊มๆต่อมๆเพราะกลัวว่าเพื่อนจะเบี้ยวนัดอีก ขอให้ฝนอย่าตกตอนที่ไอ้คยองซูกำลังจะออกมาจากบ้านเลย สาธุ~

     

              "หน้าบูดเป็นตูด"

     

              "ในที่สุด…"

     

              "เห้ย! เป็นไรวะแบคฮยอน เบะปากทำไม"

     

              "กูคิดว่ามึงจะเบี้ยวนัดกูเหมือนที่ไอ้เซฮุนทำไง"

     

              "โอ๋" คยองซูดึงเพื่อนเข้ามากอดปลอบเบาๆ มันคงเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับคนภายนอกมากถ้าไม่รู้ว่าขอบกางเกงของทั้งสองคนเหน็บมีดขนาดพอดีมือไว้อยู่

     

              ระแวกนี้มีโรงเรียนช่างกลอยู่สองแห่ง และห่างออกไปไม่มากนักก็มีโรงเรียนก่อสร้างที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีกหนึ่งแห่ง เพราะฉะนั้นการที่จะออกมาใช้ชีวิตอยู่นอกรั้วบ้านหรือนอกรั้วโรงเรียนนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก

     

              แต่ก็อย่างว่า พวกเขาเป็นเพียงแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ผ่านไปได้ด้วยดี

     

              "ใครใช้ให้มึงแปะพลาสเตอร์ลายเสือดาวแบบนี้วะ"

     

              "ก็ไอ้ชานยอลมันซื้อมาวางไว้อ่ะ กูจะไม่แปะก็แช่งให้กูหน้าเน่าอีก"

     

              "ทนดูไม่ได้ว่ะ เดี๋ยวกูไปซื้ออันใหม่มาแปะให้มึงดีกว่า"

     

              คยองซูลุกขึ้นโดยไม่ลืมหยิบกระเป๋าสตางค์ของแบคฮยอนออกไปด้วย ก่อนจะกลับมาพร้อมกับพลาสเตอร์ยาและวิตามินซีในมือ

     

              นั่งลงที่ว่างข้างๆใช้มือดึงอันเก่าที่แก้มออกแล้วแปะอันใหม่ลงไปอย่างเบามือ "เออ ค่อยดูได้ขึ้นมาหน่อย"

     

              ลูบพลาสเตอร์สีใสให้ติดแน่นจนแบคฮยอนหลุดสูดปาก จะว่าไปคยองซูเองก็มีรอยแผลถลอกที่หัวเข่าเหมือนกัน แต่หายห่วงได้เลยเพราะแม่เขาเป็นพยาบาล

     

              "แล้วจะเอายังไงต่อ"

     

              "คือไร?"

     

              "กูกับมึงนี่ไง จะเอายังไงต่อ"

     

              แบคฮยอนยิ้มแหยเพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหนต่อดี ยิ่งเวลานี้ข้างนอกฝนกำลังลงเม็ดอยู่ด้วย แต่จะให้นั่งอยู่ในร้านกาแฟจนเย็นก็กลัวว่ารากจะงอกเอาซะก่อน

     

              "กูรู้ละ ขอยืมโทรศัพท์หน่อย" คยองซูยื่นโทรศัพท์มือถือให้ไปแบบงงๆ

     

              ในระหว่างที่นั่งมองเพื่อนรอปลายสายรับ คยองซูก็มองเห็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งเข้าไปในโรงเรียนที่อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนเขา

     

              สะกิดหน้าขาแบคฮยอนยิกๆ "ตามไปดูกัน"

     

              "ไม่เอาอ่ะ นั่งเหอะๆ" ดึงแขนเพื่อนให้นั่งลงที่เดิมพร้อมกับเสียงปลายสายตอบรับ

     

              [ฮัลโหล แฮ่กๆๆ]

     

              "นี่กูเอง"

     

              [แบคฮยอนหรอ แปปนะ เดี๋ยวโทรกลับ] เป็นอีกครั้งที่ปลายสายตัดไปทั้งที่แบคฮยอนยังไม่ทันโต้แย้ง

     

     

              "แต่กูว่ากูเห็นปาร์คชานยอลนะ"

     

              คนตัวเล็กถึงกับอ้าปากหวอที่ชานยอลกล้าตัดสายเขาทิ้ง อย่างนั้นเลยรีบวางโทรศัพท์คยองซูลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบของตัวเองขึ้นมาแล้วกระหน่ำส่งข้อความเพื่อกร่นด่ามนุษย์พี่ชายโดยไม่สนใจที่เพื่อนข้างๆพูด

     

              "กลับกันเถอะ"

     

              "อ้าว แต่เมื่อกี้กูเห็น…" คยองซูยังคงติดใจกับกลุ่มวัยรุ่นก่อนหน้านี้ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อแบคฮยอนไม่ชอบสายฝน

     

              "กูบอกว่าไม่อยากไปไง อยากกลับแล้ว ง่วง ฮ้าววววว~" ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นก่อนจะเปิดปากหาวหวอดอย่างไม่เกรงใจใคร

     

              "ก็ได้ๆ แต่นั่นพี่ชายมึงนะ"

     

              "ส่งข้อความไปด่านิดด่าหน่อยมันไม่รู้สึกหรอก" เหมือนทั้งสองคนจะเข้าใจแตกต่างกัน ทำให้บทสนทนาจบลงแค่นั้นและต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน

     

     
     

              แบคฮยอนเกลียดสายน้ำที่ทำให้ผมปรกหน้าและแนบลู่ไปกับศีรษะ เกลียดน้ำที่กระเซ็นจากส้นรองเท้าจนเปรอะขา เกลียดที่มันมาบดบังรัศมีในการมองเห็น ทำให้รถติด ทำให้ออกไปไหนลำบาก ทำให้อดซักผ้า เกลียด

     

              เข้ามาในบ้านก็รีบหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำทันที หลังจากนั้นก็ลากตะกร้าผ้าในห้องตัวเองและชานยอลออกมาซัก

     

              เขาไม่ลืมว่าฝนกำลังตกอยู่ แต่แบคฮยอนเกลียด เกลียดที่ชานยอลนิสัยไม่ดี เกลียดที่ชานยอลตัดสายและไม่ยอมโทรมาง้อภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงที่เขานั่งโง่รออยู่หน้าบ้านทั้งที่ตัวเปียก

     

              "จะโทรไปฟ้องม๊าว่ามึงมันนิสัยไม่ดี คอยดูนะ ฮึ่ย!"

     

              บ่นจบเสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น คนตัวเล็กที่กำลังใช้เท้าขยี้ในกะละมังกางเกงก็รีบวิ่งออกไปเปิดประตู

     

              ชานยอลในสภาพลูกหมาตกน้ำดันแบคฮยอนให้หลบจากประตูเพื่อตรงดิ่งไปทางห้องน้ำ แต่เขาไม่รู้ว่ารอยเท้าที่เปื้อนฟองผงซักฟอกมันเลอะเทอะเต็มบ้าน

     

              "แบคฮยอน ทำอะไรของมึงเนี่ย!"

     

              "ซักผ้า" ร่างเล็กเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่ชายที่ลื่นล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น

     

              "ไม่เห็นหรอว่าฝนมันตก"

     

              "เห็น" และยกมือขึ้นกอดอกอย่างวางมาด

     

              "แล้วไม่เห็นโน้ตที่วางเอาไว้หรอ"

     

              "เห็น"

     

              "แล้วทำไมถึงยัง…!" คนตัวสูงถอนหายใจแรงก่อนจะยันตัวลุกขึ้นเผชิญหน้า "นี่ไม่ฟังกันเลยใช่มั้ย!"

     

              แบคฮยอนทำเพียงเงียบและสบตาสู้เพื่ออยากกวนอารมณ์

     

              "ก็บอกแล้วไงว่าจะโทรกลับ ทำไมไม่รับสายล่ะ" คราวนี้ถึงคราเหวอของแบคฮยอนบ้าง

     

              "นี่! นี่แอบฟังความคิดกันอีกแล้วใช่มั้ย?" เขารีบวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และมันก็มีสายที่ไม่ได้รับของชานยอลเมื่อตอนเขากำลังอาบน้ำอยู่

     

              แบคฮยอนไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์ตามที่ชานยอลสั่ง แต่ก็นั่นแหละยังไงมันก็นานเกินหนึ่งชั่วโมงไปแล้ว
    เชอะ

     

              "ของมึงไม่ต้องแอบก็ได้ยิน"

     

              "ได้ไงอ่ะ"

     

              "นั่นสิ ไม่รู้เหมือนกัน"

     

              "งี้ความคิดกูก็ไม่ปลอดภัยแล้วอ่ะดิ ไม่ได้การละ อย่างนี้ต้องเก็บ"

     

              ชานยอลหลุดหัวเราะให้ความคิดบ้าๆของน้องชายก่อนจะประทับฝ่ามือลงบนหัวกลมเบาๆ "เก็บเลยนะ เก็บให้มิดชิดล่ะ"

     

              "ตบหัวกูทำไมเล่า"

     

              "แล้วก็ช่วยตากผ้าด้วย เดี๋ยวกูเข้าไปซักให้"

     

              แบคฮยอนรู้สึกหายโกรธได้นิดหน่อยหลังจากเห็นมิสคอล เขาเดินไปเคาะประตูห้องน้ำก่อนจะเข้าไปช่วยพี่ชายซักผ้าและช่วยกันตากไว้กลางบ้าน

     

              "เหม็นอับกันล่ะทีนี้"

     

              คนตัวเล็กทำเป็นไม่สนใจและเดินไปนั่งบนโซฟา

     

              "น้องใครวะเนี่ย หา" ชานยอลเดินตามไปขยี้หัวทุยของเด็กชายขี้น้อยใจ

     

              "อย่ามายุ่งกับหัวกูนะ ไอ้ชานยอล"

     

              "เรียกพี่ก่อนสิ"

     

              "ไอ้ชานยอล"

     

              "เรียกพี่เดี๋ยวนี้" ชานยอลนั่งทับหน้าขาจนแบคฮยอนจมหายไปกับโซฟาได้ยินเพียงเสียงอู้อี้

     

              "ไอ้เหี้ยชานยอล หนัก"

     

              "พี่"

     

              "พี่ชานยอล ผมหนัก"

     

              "แค่นั้นแหละ" แล้วชานยอลก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเองอย่างอารมณ์ดี


     

              เขาเป็นคนผิดแปลกจากมนุยษ์ธรรมดาเพราะสามารถได้ยินเสียงความคิดของคนที่เขาสบตาด้วยได้ แต่พักหลังมานี้ความคิดของแบคฮยอนก่อกวนเขาตลอดเวลาเพียงแค่อยู่ใกล้กัน

     

              ชานยอลนอนนิ่งๆเพื่อฟังความคิดของน้องชายตัวเอง มันได้ยินไม่ชัดนักเวลาแบคฮยอนนั่งดูทีวีอยู่หน้าโซฟา แต่เมื่อคนตัวเล็กเข้าไปในห้องนอน ทุกความคิดของเขาจะถูกคนเป็นพี่รับรู้หมด

     

              นั่นเป็นสิ่งที่ชานยอลอยากจะบ้าตายมากที่สุดในโลก เพราะแบคฮยอนเป็นคนชอบคิดชอบจินตนาการ และตอนนี้แบคฮยอนกำลังคิดว่าตัวเองวิ่งอยู่กลางถนนเพื่อต่อสู้กับโรงเรียนคู่อริและในมือเขากำลังถือปืนปากกาที่แอบขโมยไปได้เมื่อตอนเที่ยงเดี๋ยวนะ!

     

              ชานยอลหมุนตัวตกลงมาบนพื้น ลากกล่องเก็บปืนออกมาจากใต้เตียงก่อนจะพบว่าข้างในนั้นมันว่างเปล่า

     

              "จนได้นะ"

     

              เขาเดินเข้าไปใกล้กำแพงฝั่งห้องแบคฮยอนก่อนจะกำหมัดแล้วก็ลดมือลง ทำอย่างนั้นอยู่หลายรอบจนคิดว่าถ้าแบคฮยอนมันกล้าใช้ปืนจริงๆความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องก็คงขาดสะบั้น

     

              เอาเป็นว่าเขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าปืนด้ามนั้นมันไปอยู่ที่แบคฮยอนแล้วละกัน

     

     

              และคืนนั้นเกือบทั้งคืนชานยอลก็โดนเสียงความคิดของแบคฮยอนก่อกวน เพิ่งรู้ว่าคนตัวเล็กเป็นคนขี้กังวลขนาดไหนก็วันนี้แหละ แบคฮยอนกำลังสู้กับตัวเองว่าจะเอาปืนมาคืนหรือจะเอามันไปใช้ดี

     

              ชานยอลกดโทรศัพท์เพื่อดูรูปหน้าจอ "น่ารักจริงๆ"

     

              เป็นรูปครอบครัวที่ถ่ายไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นทั้งเขาและแบคฮยอนยังอยู่ในอ้อมกอดของป๊ากับม๊า โดยที่ด้านหลังเป็นฉากของงานแต่งงาน

     

              ไม่ว่าจะเป็นด้วยเวรหรือกรรมที่ทำให้ชานยอลผิดแปลกไปจากคนปกติ แต่เขาจะใช้ความสามารถนี้เพื่อปกป้องคนที่เขารัก

     












     

     

              เป็นเช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวายอย่างสม่ำเสมอ โชคดีที่วันนี้เซฮุนอาสาขับรถยนต์มารับเพื่อเป็นการง้อจากการยกเลิกนัดไปเมื่อวันก่อน และก่อนออกจากบ้านชานยอลก็กำชับนักกำชับหนาว่าให้พกร่มติดตัวไปด้วย แต่แบคฮยอนก็คือแบคฮยอน

     

              "ขี้เกียจ"

     

              เมื่อถึงคาบวิชาเลขที่อาจารย์สอนสนุกจนเสียงลมพัดใบไม้ดังแทรกผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง คนตัวเล็กจึงแอบออกมาจากห้องเรียนระหว่างที่อาจารย์ก้มลงไปหยิบปากกาไวท์บอร์ด

     

              "วันนี้คยองซูโดดเรียนว่ะ ฟ้องแม่มึงดีกว่า" ข้างกายเขาคือเพื่อนไซส์ไล่เลี่ยกัน

     

              "เบอร์ป๊ามึงวันก่อนเมมว่าอะไรน้าาาาา" คยองซูแกล้งหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อจนแบคฮยอนต้องตะครุบเก็บเอาไว้กับตัวเอง "ก็กลัวเหมือนกันนั่นแหละว้า"

     

              "ทางที่ดีเราอย่าให้ครอบครัวรู้เรื่องโดดเรียนเลยดีกว่าเนอะ" คยองซูส่งยิ้มเห็นด้วยอย่างเยือกเย็นจนแบคฮยอนขนลุกเกรียว

     

              พากันไปนั่งบนดาดฟ้าของตึกเรียน มีเด็กกลุ่มเล็กกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่อีกมุมหนึ่ง แต่เมื่อเห็นประธานช่าง เด็กพวกนั้นก็รีบทิ้งบุหรี่และใช้ปลายเท้าขยี้จนไฟดับทันที

     

              อันที่จริงแบคฮยอนก็ไม่ได้ต่อว่าที่เด็กเหล่านี้จะสูบบุหรี่ เพียงแต่เขาเคยเตือนตอนประชุมช่างว่าไม่ชอบและถ้าเป็นไปได้ก็อย่าไปยุ่งกับของไม่ดี แต่เด็กๆคิดไปเองว่าแบคฮยอนจะลงโทษถ้าเห็นใครสูบบุหรี่ ตลก

     

              "พี่ชายมึงเป็นไงบ้าง"

     

              "พี่ชายกู ปาร์คชานยอลน่ะหรอ"

     

              "ก็เออดิ มึงมีพี่ชายกี่คนล่ะ"

     

              "ชานยอลมันทำไม?"

     

              "ก็ไอ้กลุ่มเมื่อวันก่อนที่กูเห็นที่ร้านกาแฟไง ไม่ใช่พี่ชายมึงหรอกหรอ"

     

              แบคฮยอนส่ายหน้าช้าๆ "ไม่รู้ ไม่เห็นมันพูดอะไรเลย"

     

              "กูว่าคงมีเรื่องกับพวกไอ้เจ๊กอ่ะ เห็นพวกชุดดำมาป้วนเปี้ยนหน้าโรงเรียนอยู่พักนึงละ"

     

              คนตัวเล็กรู้สึกใจไม่ดีเลยลองส่งข้อความไปถามชานยอลว่าทำอะไรอยู่ แต่คำตอบที่ได้ก็กวนส้นตีนเหมือนปกติ คนตัวสูงคงจะกำลังโดดเรียนเหมือนเขานั่นแหละ

     

     

              ผล็อยหลับอยู่บนดาดฟ้ากันไปทั้งคู่ ลำบากเซฮุนต้องขึ้นมาตามลงไปกินมื้อเที่ยงอีกจนได้

     

              เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากข้างในโรงอาหาร เด็กทุกคนต่างหลีกทางเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนกำลังเดินเข้ามา ดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับชายชุดดำ

     

              "ว่าไง?"

     

              "แค่เข้ามาสำรวจ ว่ายังเป็นเด็กดีเหมือนที่เคยบอกไว้หรือเปล่า"

     

              "แล้วเป็นยังไงล่ะ"

     

              "ก็ดีนี่ ดูแลที่นี่ได้ดีเหมือนกันนะแบคฮยอน นึกว่าจะดีแต่ปากซะอีก"

     

              "อย่างอื่นก็ดีนะ ลองไหมล่ะ?"

     

              ทั้งสองคนยืนขึ้นพร้อมกับเดินออกมาเผชิญหน้ากันตรงทางเดิน ก้าวเท้าเข้าหากันช้าๆเหมือนหนังจีนกำลังภายใน จนเหลือช่องว่างระหว่างกันเพียงแค่ก้าวเดียว

     

              คนรอบข้างหายใจถี่กระชั้นและพร้อมที่จะหยิบเอาอาวุธในกระเป๋าตัวเองออกมาเพื่อต่อสู้ หากชายชุดดำทำร้ายประธานช่างไฟของโรงเรียน โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาทั้งสองคนกำลังแอบยิ้มให้กัน

     

              "ลองได้แน่หรอ"

     

              "อย่ามัวแต่พูดเลยดีกว่า"

     

              แน่นอนว่าทันทีที่ร่างของแบคฮยอนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด ทุกคนที่ยืนรายล้อมต่างก็ชูอาวุธขึ้นมาพร้อมกันจนคยองซูกับเซฮุนเกือบห้ามปรามไม่ทัน อีกนิดเดียวไม้ทีก็จะฟาดแสกหน้าพี่จุนมยอนอยู่แล้วถ้าเซฮุนไม่ยื่นมือออกไปรับไว้ก่อน

     

              คิมจุนมยอนประธานช่างไฟเมื่อสองปีที่แล้ว คนที่ฝากฝังการเป็นผู้นำไว้กับแบคฮยอนรุ่นน้องคนสนิท ก่อนที่ตัวเองจะจบออกไปจากที่นี่

     

              และตำแหน่งประธานช่างสองปีซ้อนก็แสดงให้เห็นแล้วว่าแบคฮยอนสามารถดูแลทุกคนได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะเป็นแค่ตำแหน่งเล็กๆภายในโรงเรียนแต่ก็ทำให้เขาภาคภูมิใจในตัวเองทุกครั้งที่มีใครเอ่ยถึง

     

              "ใจเย็นเด็กๆ นี่พี่จุนมยอนรุ่นพี่พวกเราเอง"

     

              แบคฮยอนแนะนำรุ่นพี่ให้รุ่นน้องรู้จักก่อนจะสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมของตัวเองต่อ

     

              โดยปกติแล้วรุ่นน้องจะต้องรู้จักประธานนักเรียน ประธานช่าง รวมถึงคณะกรรมการของทุกฝ่าย หรือแม้แต่หัวหน้าห้องของแต่ละชั้นปีจากบอร์ดหน้าตึกเรียน

     

              แต่คิมจุนมยอนเป็นข้อยกเว้นเพราะรูปเขามักจะถูกฉีกทิ้งทุกครั้งตั้งแต่วันแรกที่เริ่มติดบอร์ด แต่ก็เป็นเพราะฝีมือของเพื่อนสนิทที่ชอบแกล้งเขาเท่านั้น ทำให้ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีใครจำใบหน้าของรุ่นพี่คนนี้ได้สักเท่าไหร่

     

              "จริงๆแล้วที่มาวันนี้เพราะจะมาเตือน ปีสุดท้ายแล้วนะแบคฮยอน พวกมึงสองตัวก็ด้วย" จุนมยอนหันไปบอกคยองซูกับเซฮุนที่นั่งข้างกัน

     

              "ครับพี่"

     

              "ได้ข่าวว่าพวกไอ้เจ๊กเริ่มส่งหน่วยสอดแนมกันแล้ว ดูแลตัวเองกันให้ดีล่ะ"

     

              "ผมสั่งให้พวกผู้ชายผลัดเวรกันเฝ้าหน้าประตูแล้วครับ"

     

              "อย่าให้เรื่องนี้มากระทบเรื่องเรียนนะ กูนี่รู้ซึ้งละตั้งแต่วันนั้น" จุนมยอนลอบถอนหายใจเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาชวดทุนมหาลัยเพราะต้องเข้าโรงพยาบาลหลังจากมีเรื่องกับโรงเรียนฝั่งตรงข้าม

     

              คุยกันได้ไม่นานก็ถึงชั่วโมงเรียนจุนมยอนเลยขอตัวกลับไปทำงาน และเซฮุนก็จำเป็นต้องเดินแยกออกมาอีกทางเพราะเขาไม่ได้เรียนแผนกเดียวกันกับทั้งสองคน

     

              ประธานของแต่ละแผนกจะมีประชุมกันทุกวันจันทร์หลังเลิกเรียน แบคฮยอนจึงสั่งให้เพื่อนทั้งสองกลับไปก่อน

     

              และเมื่อถึงเวลาเลิกประชุมฝนก็ตั้งเค้ามาแต่ไกล ลมพัดปะทะใบหน้าจนรู้สึกถึงความเย็นที่บาดผิวหนัง เขาจำเป็นต้องยืนหลบฝนตรงป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนอยู่พักใหญ่เพื่อรอให้ฝนซา

     

              อยู่ๆก็มีร่มคันใหญ่มากางบนหัวแล้วดึงให้เดินไปด้วยกัน

     

              "อย่าโวยวาย เด็กมองใหญ่แล้ว"

     

              "มึงใส่ชุดนักเรียนมึงมา เด็กไม่มองก็แปลกแล้ว"

     

              "คงไม่ได้คิดว่ามึงจะโดนฉุดไปฆ่าหรอกใช่ไหม"

     

              "ก็ไม่แน่ รีบไปเหอะ" แบคฮยอนดันไหล่ให้ชานยอลเดินเลี้ยวเข้าซอย

     

              เพราะชุดนักเรียนต่างสถาบันเลยทำให้มีคนมองแบบสนอกสนใจเป็นพิเศษ โรงเรียนของแบคฮยอนไม่ค่อยมีเรื่องกับโรงเรียนที่ชานยอลเรียนอยู่

     

              ที่หนึ่งในเรื่องความยิ่งใหญ่ยังคงต้องยกให้โรงเรียนช่างก่อสร้างที่มีชื่อเสียงมานานกว่าห้าสิบปี ส่วนโรงเรียนช่างกลของแบคฮยอนเป็นเพียงแค่โรงเรียนเล็กๆที่ชอบมีเรื่องกับโรงเรียนฝั่งตรงข้ามมากกว่า

     

              "เด็กคนนั้นเป็นสาววาย" ชานยอลขยับร่มให้ร่างเล็กมองเด็กผู้หญิงปีสองในเครื่องแบบเดียวกับแบคฮยอนระหว่างที่เดินสวนกัน

     

              "นี่ เธอน่ะจองอาใช่ไหม?" จองอาเหรอหราเมื่อเห็นว่าคนๆนั้นคือแบคฮยอน "ฉันกับไอ้บ้านี่เป็นพี่น้องกัน อย่าคิดจะจิ้นเชียวนะ ไม่งั้นโดนเตะแน่!" เธอรีบพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินก้มหน้าก้มตาจากไปอย่างเร็วที่สุด

     

              "ทำลายความสุขน้องเขาทำไมเล่า"

     

              "มึงไม่รู้หรอกว่ายัยเด็กพวกนี้ปากสว่างมากแค่ไหน พรุ่งนี้ต้องมีข่าวซุบซิบแน่นอน"

     

              ไม่นานนักทั้งคู่ก็เดินมาถึงบ้าน แบคฮยอนรีบชิงเข้าห้องน้ำก่อนคนแรกทันที ซึ่งเอาจริงแล้วชานยอลก็ไม่คิดจะแย่งน้องอยู่แล้วเพราะรู้ว่าถ้าทำอย่างนั้นแบคฮยอนจะต้องโวยวายบ้านแตก

     

              ในระหว่างที่รอคนตัวเล็กอาบน้ำชานยอลก็แอบได้ยินความคิดไร้สาระของน้องชาย แบคฮยอนกังวลเกี่ยวกับแก๊งเจ๊กที่เริ่มออกอาละวาดและคิดหาวิธีที่จะกำจัดพวกมันไปให้พ้นทาง แต่ละวิธีของมันนี่สาบานเหอะว่าอยู่โรงเรียนแล้วมีคนเคารพ

     

              "ชานยอลลลลล หยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อยยยยย" แบคฮยอนโผล่หน้าออกมาตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนที่นั่งอยู่หน้าโซฟา

     

              "อ้อนวอนก่อนสิ"

     

              "เร็วๆได้ป่ะ หนาว"

     

              "อ้อนวอน"

     

              "พี่ชานยอลคร้าบบบบบ ช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวให้ผมหน่อยนะ นะนะ นะคร้าบบบบบ"

     

              ชานยอลแกล้งดันประตูเบาๆระหว่างที่ยื่นผ้าเช็ดตัวให้ เขาเลยโดนคนตัวเล็กปิดประตูหนีบแขนเข้าจังๆ

     

     

              "เมื่อกลางวันม๊าโทรมาบอกว่าอาทิตย์นี้จะเข้ามาหา"

     

              "จริงดิ ฝากบอกม๊าหน่อยว่ากูอยากกินกิมจิฝีมือม๊า" แบคฮยอนพันผ้าขนหนูผืนเดียวเดินไปทั่วก่อนจะหยุดเลือกเสื้อผ้าที่ตากไว้กลางบ้าน หยิบเสื้อนอนตัวใหญ่มาสวมและกางเกงบอลยางยืดมาใส่

     

              พอนึกถึงกิมจิฝีมือผู้หญิงที่สวยที่สุดในบ้านน้ำลายก็เริ่มสอ ท้องมันก็เกิดอาการประท้วงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขายังไม่ได้กินข้าวเลยสักมื้อ

     

              พอคิดอีกทีเขาต้องรีดน้ำหนักสี่กิโลที่ขึ้นมาจากตอนปิดเทอมให้ได้

     

              แต่สุดท้ายก็ทนความหิวไม่ไหวเลยต้องเร่งเร้าให้คนพี่ช่วยทำมื้อเย็นจนต้องเข้าไปเป็นลูกมืออยู่ในครัว

     

              "ได้ข่าวว่าไปมีเรื่องกับพวกไอ้เจ๊กหรอ?" แบคฮยอนทำลายความเงียบของตัวเองหลังจากที่ช่วยล้างจานไปได้เพียงครึ่งใบ

     

              "รู้ได้ไง"

     

              "ตอบมาเหอะน่า"

     

              "อือ" ตอบพลางยักคิ้วข้างเดียวก่อนจะคว่ำจานที่คนตัวเล็กส่งให้

     

              "แต่วันนั้นมึงบอกว่าจะไปทำงานไม่ใช่หรอ"

     

              "ก็ทำงานอยู่ดีๆพวกไอ้เจ๊กก็โผล่มานี่นา"

     

              "แล้วเป็นไง ฆ่าใครได้บ้าง"

     

              "ฆ่าใคร? กูไม่ใช่ทีมฆ่า กูเป็นทีมพลอยเฉยๆ"

     

              "ทำไมไม่ฆ่าพวกมันวะ รอให้มันมาฆ่าพวกเราก่อนหรอ"

     

              "พูดง่ายเหมือนตบยุงเลยนะแบคฮยอน" ชานยอลเริ่มดันร่างเล็กออกเพื่อล้างจานแทนที่ "แล้วหยุดไอ้ความคิดบ้าๆนั่นได้แล้ว มึงมีเฮลิคอปเตอร์รึไง?"

     

              "ก็ก็เผื่อไว้ไง โรยตัวลงมาจากบนฟ้าเท่จะตาย"

     

              "เหอะ ไปนอนซะจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ห้ามคิดอะไรไร้สาระอีก เข้าใจไหม?"

     

              "งืม" แบคฮยอนเช็ดมือกับชายเสื้อแล้วเดินเข้าห้องนอนไป

     

     

     

              เช้าวันนี้เริ่มต้นด้วยความหม่นหมอง แบคฮยอนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก่อนจะรู้ว่าฝนกำลังตก เพราะสวรรค์ไม่เป็นใจให้ก้าวเท้าออกจากบ้าน คนน้องเลยมานอนเหยียดอยู่บนโซฟา

     

              ต่อให้วันนี้มีสอบแต่ถ้าฝนกระหน่ำตกลงมาแบบนี้ ร่างเล็กไม่มีทางที่จะเดินกางร่มไปเรียนแน่นอน จะยอมวิ่งไปหกล้มหัวเข่าถลอกบนถนนหน้าบ้านเพื่อขอสอบย้อนหลัง

     

              แต่โชคดีที่วันนี้มีเรียนแค่วิชาเบาๆ แถมยังมีชั่วโมงว่างเยอะอีกต่างหาก

     

              "ไปส่งไหม?" ชานยอลเดินมานั่งเบียดบนโซฟาเดียวกัน

     

              "เกรงใจ"

     

              "ดูแล้วคงจะตกทั้งวัน"

     

              "ก็จะนอนอยู่บ้านทั้งวัน"

     

              "งั้นตามสบาย" ชานยอลยันตัวยืนขึ้นเต็มความสูง หยิบเสื้อกันฝนมาใส่และสวมหมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัย "เฝ้าบ้านดีๆนะจ๊ะ"

     

              "ตั้งใจเรียนล่ะ" แบคฮยอนเดินไปส่งคนพี่หน้ารั้วเพื่อรอปิดประตู มือเล็กโบกหยอยๆจนรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ลับตาไปเร็วกว่าปกติเพราะสายฝน

     

              กว่าจะผ่านไปแต่ละนาทีมันช่างยาวนานจนอดรนทนไม่ไหว ต้องส่งข้อความไปชวนชาวบ้านชาวช่องเขาคุย

     

     

    BaekYeol

    AM 10:10   เบื่อ

     

    ChanHyun

    AM 10:11   เรียนแปป

     

    BaekYeol

    AM 10:11   ไม่อยากคุยก็บอก

     

              แบคฮยอนนอนจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่พักใหญ่แต่ก็ไร้การตอบรับ ทั้งที่เจ้าของไอดีก็อ่านมันแล้ว

     

    ChanHyun

    PM 12:02   อยากคุยๆ

     

    BaekYeol

    PM 12:02   ไม่อยากคุยแล้ว

     

    ChanHyun

    PM 12:03   เห้ย อย่างอนดิ

    PM 12:03   แป๊กกกกก อย่างอน

    PM 12:03   อ่านไม่ตอบ ไม่น่ารักเลย

    PM 12:04   แป๊กจ๋า ง้อนะ เดี๋ยวซื้อของกินไปฝาก

    PM 12:05   เอาอะไรดี?

    PM 12:05   มันบดอบชีสร้านหน้าหมู่บ้าน?

    PM 12:05   พุดดิ้งฟักทองซอยสอง?

    PM 12:06   ชาเขียววิปครีมเค้กซอยสี่?

    PM 12:06   หนมปังไส้ข้าวโพดซอยหก?

    PM 12:06   กล้วยทอดซอยสิบ?

    PM 12:06   ซอยสิบสองมีอะไรอร่อยวะแป๊ก?

     

    BaekYeol

    PM 12:07   สลัดแซลม่อน

     

    ChanHyun

    PM 12:07   หายงอนแล้วช้ะ?

     

    BaekYeol

    PM 12:08   ยัง

    PM 12:08   ซื้อไก่ทอดท้ายซอยมาด้วย

     

    ChanHyun

    PM 12:08   เอาหมดทุกอย่างเลยหรอ?

     

    BaekYeol

    PM 12:09   อือ

     

    ChanHyun

    PM 12:09   ได้ครับ ^_____^

     

              แบคฮยอนเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนเพื่อเก็บชุดนักเรียนไว้ใส่ในวันพรุ่งนี้ ใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็ออกมานั่งหน้าทีวีที่เดิม

     

              มีสายไม่ได้รับจากคยองซูประมาณแปดสาย แปดสายภายในเวลาไม่ถึงสามนาทีเนี่ยนะ?

     

               [ฮัลโหล]

     

              "ไฟไหม้ที่ไหนหรอ?"

     

               [ทำไมไม่มาเรียน]

     

              "ฝนตก"

     

               [เกิดเรื่องแล้วรู้ไหม]

     

              "มีไรวะ?"

     

              แบคฮยอนรีบใส่รองเท้าวิ่งออกมาจากบ้าน ตอนนี้เขาไม่สนว่าเม็ดฝนจะกระหน่ำใส่ร่างกายหนักหน่วงแค่ไหน เพราะปลายทางเขาคือห้องเรียนชั้นสามของตึกสองภายในโรงเรียน

     

              และเมื่อมาถึงที่หมายเหตุการณ์มันกลับร้ายแรงกว่าที่คิดเอาไว้

     

              ร่างของรุ่นน้องปีหนึ่งชุ่มไปด้วยสีแดงสดเหมือนโดนสาดกายด้วยเลือด เสียงหายใจโรยรินดังผะแผ่วจนหัวใจเต้นหวิว

     

              "ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาล!" แบคฮยอนหัวเสียเมื่อเห็นว่าชีวิตทั้งชีวิตของคนๆหนึ่งถูกเมินเฉย

     

              "ผมผมไม่อยากไปเองครับ พี่อย่าโกรธพวกเขา"

     

              "ไม่ นายจะต้องไม่เป็นอะไร"

     

              "ผมรู้ผมรู้ตัว…" หางตาของเด็กหนุ่มชื้นไปด้วยหยดน้ำตา "พวกไอ้เจ๊กระวังมันอยากได้หัวหน้า…"

     

              อกแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงจนแผ่นหลังแทบไม่ติดพื้น แบคฮยอนจับมือรุ่นน้องไว้แน่นจนในที่สุดเปลือกตาก็ปิดสนิทและลมหายใจสุดท้ายก็หยุดลง จบสิ้นแล้วซึ่งความทรมานทั้งหมดในชีวิต

     

              นี่ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่พวกเขาต้องพบเจอ เพราะทุกชีวิตย่อมมีจุดจบที่แตกต่างกันออกไป จบเพื่อเริ่มต้นใหม่

     























    TBC.
    #หัวไม้ชานแบค

    ง่อวววววววววววววววววว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×