คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หัวไม้ : 01 {100%}
เป็นประจำของเช้าวันเสาร์ที่เสียงเอะอะโวยวายจะเป็นดั่งนาฬิกาปลุกให้คนร่างสูงลุกออกจากเตียง วันนี้ของหายหรือหิวข้าวอีกล่ะไอ้น้องชาย
"อะไรอีกเนี่ยแบคฮยอน"
"มึงเอาไข่ใบสุดท้ายไปไว้ที่ไหน"
คนโดนถามหมุนลูกตาดำเป็นวงกลมเพื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก่อนจะตอบเสียงเรียบว่า… "ในท้อง"
แบคฮยอนได้ยินคำตอบถึงกับลมออกหู ปัดมือพี่ชายที่ชี้หน้าท้องตัวเองเป็นภาพประกอบก่อนจะคว้าคอเสื้อคนตัวสูงกว่าอย่างหาเรื่อง "กูเขียนชื่อจองเอาไว้แล้ว มึงยังกล้าขโมยไปอีกหรอ"
"นี่กูต้องตื่นมาทะเลาะกับมึงเพราะเรื่องไข่ไก่เนี่ยนะ"
"ไม่อยากทะเลาะก็ทำอะไรให้กินสักทีสิ"
ชานยอลค่อยๆคลายปมคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน กลอกตาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะดึงมือเล็กออกจากคอเสื้อนอนย้วยๆเพื่อทำอาหารให้คนที่กำลังโมโหหิวเป็นประจำ และไม่นานนักอาหารง่ายๆก็วางลงกลางโต๊ะ
"วันนี้กูต้องออกไปทำงานตอนบ่าย หาข้าวกินเองละกันนะ"
"ได้ไงอ่ะ ไม่เอา"
"นี่! สกปรกชะมัด" มูมมามจนติดเป็นนิสัยทำให้คนเป็นพี่ต้องคอยกวาดเช็ดให้อยู่เสมอ
"ไปนานป่าว"
"งานเสร็จก็กลับ"
"แล้วเสร็จเมื่อไหร่"
"ตอบไม่ได้โว้ย! อย่าโวยวายได้มั้ย กินข้าวเสร็จแล้วก็ไปกินน้ำ"
แบคฮยอนยกร่างไปเปิดตู้เย็นก่อนจะหยิบขวดน้ำออกมากระดกจนน้ำไหลย้อยจากมุมปาก วางขวดทิ้งไว้บนโต๊ะให้เป็นภาระของชานยอลอีกตามเคย
ชานยอลทำหน้าเหมือนหมาป่ากำลังจะกลายร่างขณะยืนล้างจาน ถึงแม้ลึกๆแล้วจะหมั่นไส้นิสัยแบคฮยอนแต่ก็ไม่อยากดุด่าเพราะป๊ากับม๊าไม่อยากให้ทะเลาะกัน เกรงท่านเป็นกังวลว่าลูกชายทั้งสองจะเข้ากันไม่ได้
"จะออกไปร้านยา เอาอะไรไหม?"
"ฝากซื้อวิตามินซีมาอมเล่นหน่อย"
"เปิดเสียงโทรศัพท์ด้วย เผื่อใครมีธุระ จะได้รับสายชาวบ้านเขาบ้าง"
"รู้แล้วน่า" แบคฮยอนปัดมือไล่คนขี้บ่นอย่างรำคาญก่อนจะหันไปสนใจหนังฆาตกรรมในจอแก้วต่อ
ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูรั้วปิดลงแบคฮยอนก็ดีดตัวขึ้นจากโซฟาย่องเข้าไปในห้องนอนพี่ชาย หยิบกุญแจดอกเล็กจากลิ้นชักบนโต๊ะเพื่อไขเปิดกล่องใต้เตียง
คนตัวเล็กมือไม้สั่นเมื่อได้สัมผัสซองหนังสีดำที่วางอยู่ตรงกลางกล่องบุด้วยผ้าสักหลาดสีแดงเลือดหมู ลักษณะเป็นแท่งที่ภายนอกเป็นเหมือนปากกาทั่วไปแต่จริงๆแล้วด้านในสามารถบรรจุกระสุนได้สิบนัด และมันก็ใช้คร่าชีวิตคนมาแล้วนับไม่ถ้วน
"เวอร์น่าแบคฮยอน ปืนนี้ยังไม่เคยใช้ฆ่าใครเลยนะ"
"เห้ย! ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ" ของในมือร่วงหล่นลงที่เดิม
"กูได้ยินความคิดมึงตั้งแต่ตอนกินข้าวละ เก็บปืนเดี๋ยวนี้"
"ขอยืมหน่อยดิ นะนะ"
"จำไม่ได้หรอว่าก่อนเข้าโรงเรียนสัญญาว่าอะไร"
"แต่พี่ชานยอล…" น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงเตรียมงัดลูกไม้เดิมมาใช้
"เก็บ" แต่ชานยอลก็สามารถควบคุมสติตัวเองได้ดี
"ก็ได้ ไม่ยุ่งก็ได้" อย่าเผลอนะ
"กูได้ยิน"
"โถ่เว้ย!!"
แบคฮยอนเดินเข้าห้องนอนตัวเองที่อยู่ถัดไปแล้วต่อยอัดหมอนระบายอารมณ์ เก็บตัวอยู่อย่างเงียบเชียบหวังให้คนที่อยู่อีกห้องตามมาง้อ แต่เวลาล่วงเลยไปจนมื้อเที่ยงก็ยังไม่มีวี่แววของใครทั้งนั้น
"ชานยอล"
โผล่หัวกลมๆออกมาจากช่องระหว่างประตู สาดส่ายตาไปยังโซฟาหน้าทีวีก็ไม่เห็น ในครัวก็ไม่มี
"พี่ชานยอล"
ย่องออกมายืนแนบหูกับประตู เงี่ยฟังเสียงข้างในห้องนอนก็ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเครื่องทำความร้อน
"ปาร์คชานยอล" ประตูไม่ได้ล็อค
ภายในห้องนอนว่างเปล่าไร้เงาของคนเป็นพี่ คนตัวเล็กไม่รอช้ารีบลากกล่องจากใต้เตียงเพื่อหยิบเอาของด้านในไปเก็บไว้ในห้องตัวเองอย่างแนบเนียน
มีโน้ตแผ่นเล็กวางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา เป็นลายมือหวัดของพี่ชายตัวสูงที่เขาจำได้ดี ข้างกันเป็นพลาสเตอร์และถุงยาแก้ปวดวางไว้พร้อมกับน้ำเปล่า
แบคฮยอนหยิบเศษกระดาษขึ้นมาอ่านได้ใจความว่า ‘ห้ามออกไปมีเรื่องที่ไหน อยู่บ้านเป็นเด็กดีซะบ้าง กับข้าวอยู่ในตู้เย็นแล้วเอาออกมาเวฟกินได้เลย อย่าลืมกินยา เปลี่ยนพลาสเตอร์ด้วยไม่งั้นขอให้หน้าเน่า ห้ามซักผ้าเด็ดขาดเพราะฝนจะตก ถ้าโทรมาบอกให้ไปประกันตัวจะฟ้องป๊า เชื่อฟังด้วย’
"ใครเขากินน้ำจากแก้วกันล่ะ เหอะ"
แบคฮยอนทำตามที่ชานยอลเขียนบอกไว้ในโน้ตทุกอย่างแต่เขาเบื่อ เบื่อ เบื่อจนอยากจะบ้าตาย
สุดท้ายคนตัวเล็กก็ทนไม่ไหวลุกไปหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือก่อนจะโทรนัดเพื่อนสนิทให้ไปเจอกันที่ร้านกาแฟหน้าโรงเรียน
วันนี้ฟ้าไม่ค่อยโปร่งอย่างที่ปาร์คชานยอลบอกจริงๆนั่นแหละ เมฆครึ้มก้อนเบ้อเริ้มปกคลุมทั่วเมือง วันนี้จะต้องเฉอะแฉะไปทั้งวัน
"ฮัลโหลเซฮุน”
[เห้ยแบคฮยอน! กูไปหามึงไม่ได้แล้วว่ะ กูลืมไปว่าวันนี้แม่จะเข้ามาหา โทษทีนะเว้ย เจอกันวันจันทร์]
แบคฮยอนยังไม่ทันได้ตอบกลับเซฮุนก็วางสายไปซะแล้ว
"เป็นงี้ตลอดเลย" แงงงงงงง
แต่เขายังเหลือเพื่อนอีกคน…
นั่งรอด้วยหัวใจตุ๊มๆต่อมๆเพราะกลัวว่าเพื่อนจะเบี้ยวนัดอีก ขอให้ฝนอย่าตกตอนที่ไอ้คยองซูกำลังจะออกมาจากบ้านเลย สาธุ~
"หน้าบูดเป็นตูด"
"ในที่สุด…"
"เห้ย! เป็นไรวะแบคฮยอน เบะปากทำไม"
"กูคิดว่ามึงจะเบี้ยวนัดกูเหมือนที่ไอ้เซฮุนทำไง"
"โอ๋" คยองซูดึงเพื่อนเข้ามากอดปลอบเบาๆ มันคงเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับคนภายนอกมากถ้าไม่รู้ว่าขอบกางเกงของทั้งสองคนเหน็บมีดขนาดพอดีมือไว้อยู่
ระแวกนี้มีโรงเรียนช่างกลอยู่สองแห่ง และห่างออกไปไม่มากนักก็มีโรงเรียนก่อสร้างที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีกหนึ่งแห่ง เพราะฉะนั้น…การที่จะออกมาใช้ชีวิตอยู่นอกรั้วบ้านหรือนอกรั้วโรงเรียนนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
แต่ก็อย่างว่า พวกเขาเป็นเพียงแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ผ่านไปได้ด้วยดี
"ใครใช้ให้มึงแปะพลาสเตอร์ลายเสือดาวแบบนี้วะ"
"ก็ไอ้ชานยอลมันซื้อมาวางไว้อ่ะ กูจะไม่แปะก็แช่งให้กูหน้าเน่าอีก"
"ทนดูไม่ได้ว่ะ เดี๋ยวกูไปซื้ออันใหม่มาแปะให้มึงดีกว่า"
คยองซูลุกขึ้นโดยไม่ลืมหยิบกระเป๋าสตางค์ของแบคฮยอนออกไปด้วย ก่อนจะกลับมาพร้อมกับพลาสเตอร์ยาและวิตามินซีในมือ
นั่งลงที่ว่างข้างๆใช้มือดึงอันเก่าที่แก้มออกแล้วแปะอันใหม่ลงไปอย่างเบามือ "เออ ค่อยดูได้ขึ้นมาหน่อย"
ลูบพลาสเตอร์สีใสให้ติดแน่นจนแบคฮยอนหลุดสูดปาก จะว่าไปคยองซูเองก็มีรอยแผลถลอกที่หัวเข่าเหมือนกัน แต่หายห่วงได้เลยเพราะแม่เขาเป็นพยาบาล
"แล้วจะเอายังไงต่อ"
"คือไร?"
"กูกับมึงนี่ไง จะเอายังไงต่อ"
แบคฮยอนยิ้มแหยเพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหนต่อดี ยิ่งเวลานี้ข้างนอกฝนกำลังลงเม็ดอยู่ด้วย แต่จะให้นั่งอยู่ในร้านกาแฟจนเย็นก็กลัวว่ารากจะงอกเอาซะก่อน
"กูรู้ละ …ขอยืมโทรศัพท์หน่อย" คยองซูยื่นโทรศัพท์มือถือให้ไปแบบงงๆ
ในระหว่างที่นั่งมองเพื่อนรอปลายสายรับ คยองซูก็มองเห็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งเข้าไปในโรงเรียนที่อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนเขา
สะกิดหน้าขาแบคฮยอนยิกๆ "ตามไปดูกัน"
"ไม่เอาอ่ะ นั่งเหอะๆ" ดึงแขนเพื่อนให้นั่งลงที่เดิมพร้อมกับเสียงปลายสายตอบรับ
[ฮัลโหล แฮ่กๆๆ]
"นี่กูเอง"
[แบคฮยอนหรอ แปปนะ เดี๋ยวโทรกลับ] เป็นอีกครั้งที่ปลายสายตัดไปทั้งที่แบคฮยอนยังไม่ทันโต้แย้ง
"แต่กูว่ากูเห็นปาร์คชานยอลนะ"
คนตัวเล็กถึงกับอ้าปากหวอที่ชานยอลกล้าตัดสายเขาทิ้ง อย่างนั้นเลยรีบวางโทรศัพท์คยองซูลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบของตัวเองขึ้นมาแล้วกระหน่ำส่งข้อความเพื่อกร่นด่ามนุษย์พี่ชายโดยไม่สนใจที่เพื่อนข้างๆพูด
"กลับกันเถอะ"
"อ้าว แต่เมื่อกี้กูเห็น…" คยองซูยังคงติดใจกับกลุ่มวัยรุ่นก่อนหน้านี้ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อแบคฮยอนไม่ชอบสายฝน
"กูบอกว่าไม่อยากไปไง อยากกลับแล้ว ง่วง ฮ้าววววว~" ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นก่อนจะเปิดปากหาวหวอดอย่างไม่เกรงใจใคร
"ก็ได้ๆ แต่นั่นพี่ชายมึงนะ"
"ส่งข้อความไปด่านิดด่าหน่อยมันไม่รู้สึกหรอก" เหมือนทั้งสองคนจะเข้าใจแตกต่างกัน ทำให้บทสนทนาจบลงแค่นั้นและต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน
แบคฮยอนเกลียดสายน้ำที่ทำให้ผมปรกหน้าและแนบลู่ไปกับศีรษะ เกลียดน้ำที่กระเซ็นจากส้นรองเท้าจนเปรอะขา เกลียดที่มันมาบดบังรัศมีในการมองเห็น ทำให้รถติด ทำให้ออกไปไหนลำบาก ทำให้อดซักผ้า เกลียด…
เข้ามาในบ้านก็รีบหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำทันที หลังจากนั้นก็ลากตะกร้าผ้าในห้องตัวเองและชานยอลออกมาซัก
เขาไม่ลืมว่าฝนกำลังตกอยู่ แต่แบคฮยอนเกลียด เกลียดที่ชานยอลนิสัยไม่ดี เกลียดที่ชานยอลตัดสายและไม่ยอมโทรมาง้อภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงที่เขานั่งโง่รออยู่หน้าบ้านทั้งที่ตัวเปียก
"จะโทรไปฟ้องม๊าว่ามึงมันนิสัยไม่ดี คอยดูนะ ฮึ่ย!"
บ่นจบเสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น คนตัวเล็กที่กำลังใช้เท้าขยี้ในกะละมังกางเกงก็รีบวิ่งออกไปเปิดประตู
ชานยอลในสภาพลูกหมาตกน้ำดันแบคฮยอนให้หลบจากประตูเพื่อตรงดิ่งไปทางห้องน้ำ แต่เขาไม่รู้ว่ารอยเท้าที่เปื้อนฟองผงซักฟอกมันเลอะเทอะเต็มบ้าน
"แบคฮยอน ทำอะไรของมึงเนี่ย!"
"ซักผ้า" ร่างเล็กเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่ชายที่ลื่นล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น
"ไม่เห็นหรอว่าฝนมันตก"
"เห็น" และยกมือขึ้นกอดอกอย่างวางมาด
"แล้วไม่เห็นโน้ตที่วางเอาไว้หรอ"
"เห็น"
"แล้วทำไมถึงยัง…!" คนตัวสูงถอนหายใจแรงก่อนจะยันตัวลุกขึ้นเผชิญหน้า "นี่ไม่ฟังกันเลยใช่มั้ย!"
แบคฮยอนทำเพียงเงียบและสบตาสู้เพื่ออยากกวนอารมณ์
"ก็บอกแล้วไงว่าจะโทรกลับ ทำไมไม่รับสายล่ะ" คราวนี้ถึงคราเหวอของแบคฮยอนบ้าง
"นี่! นี่แอบฟังความคิดกันอีกแล้วใช่มั้ย?" เขารีบวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และมันก็มีสายที่ไม่ได้รับของชานยอลเมื่อตอนเขากำลังอาบน้ำอยู่
แบคฮยอนไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์ตามที่ชานยอลสั่ง แต่ก็นั่นแหละ…ยังไงมันก็นานเกินหนึ่งชั่วโมงไปแล้ว
เชอะ
"ของมึงไม่ต้องแอบก็ได้ยิน"
"ได้ไงอ่ะ"
"นั่นสิ ไม่รู้เหมือนกัน"
"งี้ความคิดกูก็ไม่ปลอดภัยแล้วอ่ะดิ ไม่ได้การละ อย่างนี้ต้องเก็บ"
ชานยอลหลุดหัวเราะให้ความคิดบ้าๆของน้องชายก่อนจะประทับฝ่ามือลงบนหัวกลมเบาๆ "เก็บเลยนะ เก็บให้มิดชิดล่ะ"
"ตบหัวกูทำไมเล่า"
"แล้วก็ช่วยตากผ้าด้วย เดี๋ยวกูเข้าไปซักให้"
แบคฮยอนรู้สึกหายโกรธได้นิดหน่อยหลังจากเห็นมิสคอล เขาเดินไปเคาะประตูห้องน้ำก่อนจะเข้าไปช่วยพี่ชายซักผ้าและช่วยกันตากไว้กลางบ้าน
"เหม็นอับกันล่ะทีนี้"
คนตัวเล็กทำเป็นไม่สนใจและเดินไปนั่งบนโซฟา
"น้องใครวะเนี่ย หา" ชานยอลเดินตามไปขยี้หัวทุยของเด็กชายขี้น้อยใจ
"อย่ามายุ่งกับหัวกูนะ ไอ้ชานยอล"
"เรียกพี่ก่อนสิ"
"ไอ้ชานยอล"
"เรียกพี่เดี๋ยวนี้" ชานยอลนั่งทับหน้าขาจนแบคฮยอนจมหายไปกับโซฟาได้ยินเพียงเสียงอู้อี้
"ไอ้เหี้ยชานยอล หนัก"
"พี่"
"พี่ชานยอล ผมหนัก"
"แค่นั้นแหละ" แล้วชานยอลก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเองอย่างอารมณ์ดี
เขาเป็นคนผิดแปลกจากมนุยษ์ธรรมดาเพราะสามารถได้ยินเสียงความคิดของคนที่เขาสบตาด้วยได้ แต่พักหลังมานี้ความคิดของแบคฮยอนก่อกวนเขาตลอดเวลาเพียงแค่อยู่ใกล้กัน
ชานยอลนอนนิ่งๆเพื่อฟังความคิดของน้องชายตัวเอง มันได้ยินไม่ชัดนักเวลาแบคฮยอนนั่งดูทีวีอยู่หน้าโซฟา แต่เมื่อคนตัวเล็กเข้าไปในห้องนอน ทุกความคิดของเขาจะถูกคนเป็นพี่รับรู้หมด
นั่นเป็นสิ่งที่ชานยอลอยากจะบ้าตายมากที่สุดในโลก เพราะแบคฮยอนเป็นคนชอบคิดชอบจินตนาการ และตอนนี้แบคฮยอนกำลังคิดว่าตัวเองวิ่งอยู่กลางถนนเพื่อต่อสู้กับโรงเรียนคู่อริและในมือเขากำลังถือปืนปากกาที่แอบขโมยไปได้เมื่อตอนเที่ยง… เดี๋ยวนะ!
ชานยอลหมุนตัวตกลงมาบนพื้น ลากกล่องเก็บปืนออกมาจากใต้เตียงก่อนจะพบว่าข้างในนั้นมันว่างเปล่า
"จนได้นะ"
เขาเดินเข้าไปใกล้กำแพงฝั่งห้องแบคฮยอนก่อนจะกำหมัดแล้วก็ลดมือลง ทำอย่างนั้นอยู่หลายรอบจนคิดว่าถ้าแบคฮยอนมันกล้าใช้ปืนจริงๆความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องก็คงขาดสะบั้น
เอาเป็นว่าเขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าปืนด้ามนั้นมันไปอยู่ที่แบคฮยอนแล้วละกัน
และคืนนั้นเกือบทั้งคืนชานยอลก็โดนเสียงความคิดของแบคฮยอนก่อกวน เพิ่งรู้ว่าคนตัวเล็กเป็นคนขี้กังวลขนาดไหนก็วันนี้แหละ แบคฮยอนกำลังสู้กับตัวเองว่าจะเอาปืนมาคืนหรือจะเอามันไปใช้ดี
ชานยอลกดโทรศัพท์เพื่อดูรูปหน้าจอ "น่ารักจริงๆ"
เป็นรูปครอบครัวที่ถ่ายไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นทั้งเขาและแบคฮยอนยังอยู่ในอ้อมกอดของป๊ากับม๊า โดยที่ด้านหลังเป็นฉากของงานแต่งงาน
ไม่ว่าจะเป็นด้วยเวรหรือกรรมที่ทำให้ชานยอลผิดแปลกไปจากคนปกติ แต่เขาจะใช้ความสามารถนี้เพื่อปกป้องคนที่เขารัก
เป็นเช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวายอย่างสม่ำเสมอ โชคดีที่วันนี้เซฮุนอาสาขับรถยนต์มารับเพื่อเป็นการง้อจากการยกเลิกนัดไปเมื่อวันก่อน และก่อนออกจากบ้านชานยอลก็กำชับนักกำชับหนาว่าให้พกร่มติดตัวไปด้วย แต่แบคฮยอนก็คือแบคฮยอน
"ขี้เกียจ"
เมื่อถึงคาบวิชาเลขที่อาจารย์สอนสนุกจนเสียงลมพัดใบไม้ดังแทรกผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง คนตัวเล็กจึงแอบออกมาจากห้องเรียนระหว่างที่อาจารย์ก้มลงไปหยิบปากกาไวท์บอร์ด
"วันนี้คยองซูโดดเรียนว่ะ ฟ้องแม่มึงดีกว่า" ข้างกายเขาคือเพื่อนไซส์ไล่เลี่ยกัน
"เบอร์ป๊ามึงวันก่อนเมมว่าอะไรน้าาาาา" คยองซูแกล้งหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อจนแบคฮยอนต้องตะครุบเก็บเอาไว้กับตัวเอง "ก็กลัวเหมือนกันนั่นแหละว้า"
"ทางที่ดีเราอย่าให้ครอบครัวรู้เรื่องโดดเรียนเลยดีกว่าเนอะ" คยองซูส่งยิ้มเห็นด้วยอย่างเยือกเย็นจนแบคฮยอนขนลุกเกรียว
พากันไปนั่งบนดาดฟ้าของตึกเรียน มีเด็กกลุ่มเล็กกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่อีกมุมหนึ่ง แต่เมื่อเห็นประธานช่าง เด็กพวกนั้นก็รีบทิ้งบุหรี่และใช้ปลายเท้าขยี้จนไฟดับทันที
อันที่จริงแบคฮยอนก็ไม่ได้ต่อว่าที่เด็กเหล่านี้จะสูบบุหรี่ เพียงแต่เขาเคยเตือนตอนประชุมช่างว่าไม่ชอบและถ้าเป็นไปได้ก็อย่าไปยุ่งกับของไม่ดี แต่เด็กๆคิดไปเองว่าแบคฮยอนจะลงโทษถ้าเห็นใครสูบบุหรี่ ตลก
"พี่ชายมึงเป็นไงบ้าง"
"พี่ชายกู ปาร์คชานยอลน่ะหรอ"
"ก็เออดิ มึงมีพี่ชายกี่คนล่ะ"
"ชานยอลมันทำไม?"
"ก็ไอ้กลุ่มเมื่อวันก่อนที่กูเห็นที่ร้านกาแฟไง ไม่ใช่พี่ชายมึงหรอกหรอ"
แบคฮยอนส่ายหน้าช้าๆ "ไม่รู้ ไม่เห็นมันพูดอะไรเลย"
"กูว่าคงมีเรื่องกับพวกไอ้เจ๊กอ่ะ เห็นพวกชุดดำมาป้วนเปี้ยนหน้าโรงเรียนอยู่พักนึงละ"
คนตัวเล็กรู้สึกใจไม่ดีเลยลองส่งข้อความไปถามชานยอลว่าทำอะไรอยู่ แต่คำตอบที่ได้ก็กวนส้นตีนเหมือนปกติ คนตัวสูงคงจะกำลังโดดเรียนเหมือนเขานั่นแหละ
ผล็อยหลับอยู่บนดาดฟ้ากันไปทั้งคู่ ลำบากเซฮุนต้องขึ้นมาตามลงไปกินมื้อเที่ยงอีกจนได้
เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากข้างในโรงอาหาร เด็กทุกคนต่างหลีกทางเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนกำลังเดินเข้ามา ดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับชายชุดดำ
"ว่าไง?"
"แค่เข้ามาสำรวจ ว่ายังเป็นเด็กดีเหมือนที่เคยบอกไว้หรือเปล่า"
"แล้วเป็นยังไงล่ะ"
"ก็ดีนี่ ดูแลที่นี่ได้ดีเหมือนกันนะแบคฮยอน นึกว่าจะดีแต่ปากซะอีก"
"อย่างอื่นก็ดีนะ ลองไหมล่ะ?"
ทั้งสองคนยืนขึ้นพร้อมกับเดินออกมาเผชิญหน้ากันตรงทางเดิน ก้าวเท้าเข้าหากันช้าๆเหมือนหนังจีนกำลังภายใน จนเหลือช่องว่างระหว่างกันเพียงแค่ก้าวเดียว
คนรอบข้างหายใจถี่กระชั้นและพร้อมที่จะหยิบเอาอาวุธในกระเป๋าตัวเองออกมาเพื่อต่อสู้ หากชายชุดดำทำร้ายประธานช่างไฟของโรงเรียน โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาทั้งสองคนกำลังแอบยิ้มให้กัน
"ลองได้แน่หรอ"
"อย่ามัวแต่พูดเลยดีกว่า"
แน่นอนว่าทันทีที่ร่างของแบคฮยอนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด ทุกคนที่ยืนรายล้อมต่างก็ชูอาวุธขึ้นมาพร้อมกันจนคยองซูกับเซฮุนเกือบห้ามปรามไม่ทัน อีกนิดเดียวไม้ทีก็จะฟาดแสกหน้าพี่จุนมยอนอยู่แล้วถ้าเซฮุนไม่ยื่นมือออกไปรับไว้ก่อน
คิมจุนมยอน…ประธานช่างไฟเมื่อสองปีที่แล้ว คนที่ฝากฝังการเป็นผู้นำไว้กับแบคฮยอนรุ่นน้องคนสนิท ก่อนที่ตัวเองจะจบออกไปจากที่นี่
และตำแหน่งประธานช่างสองปีซ้อนก็แสดงให้เห็นแล้วว่าแบคฮยอนสามารถดูแลทุกคนได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะเป็นแค่ตำแหน่งเล็กๆภายในโรงเรียนแต่ก็ทำให้เขาภาคภูมิใจในตัวเองทุกครั้งที่มีใครเอ่ยถึง
"ใจเย็นเด็กๆ นี่พี่จุนมยอนรุ่นพี่พวกเราเอง"
แบคฮยอนแนะนำรุ่นพี่ให้รุ่นน้องรู้จักก่อนจะสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมของตัวเองต่อ
โดยปกติแล้วรุ่นน้องจะต้องรู้จักประธานนักเรียน ประธานช่าง รวมถึงคณะกรรมการของทุกฝ่าย หรือแม้แต่หัวหน้าห้องของแต่ละชั้นปีจากบอร์ดหน้าตึกเรียน
แต่คิมจุนมยอนเป็นข้อยกเว้น…เพราะรูปเขามักจะถูกฉีกทิ้งทุกครั้งตั้งแต่วันแรกที่เริ่มติดบอร์ด แต่ก็เป็นเพราะฝีมือของเพื่อนสนิทที่ชอบแกล้งเขาเท่านั้น ทำให้ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีใครจำใบหน้าของรุ่นพี่คนนี้ได้สักเท่าไหร่
"จริงๆแล้วที่มาวันนี้เพราะจะมาเตือน ปีสุดท้ายแล้วนะแบคฮยอน พวกมึงสองตัวก็ด้วย" จุนมยอนหันไปบอกคยองซูกับเซฮุนที่นั่งข้างกัน
"ครับพี่"
"ได้ข่าวว่าพวกไอ้เจ๊กเริ่มส่งหน่วยสอดแนมกันแล้ว ดูแลตัวเองกันให้ดีล่ะ"
"ผมสั่งให้พวกผู้ชายผลัดเวรกันเฝ้าหน้าประตูแล้วครับ"
"อย่าให้เรื่องนี้มากระทบเรื่องเรียนนะ กูนี่รู้ซึ้งละตั้งแต่วันนั้น" จุนมยอนลอบถอนหายใจเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาชวดทุนมหาลัยเพราะต้องเข้าโรงพยาบาลหลังจากมีเรื่องกับโรงเรียนฝั่งตรงข้าม
คุยกันได้ไม่นานก็ถึงชั่วโมงเรียนจุนมยอนเลยขอตัวกลับไปทำงาน และเซฮุนก็จำเป็นต้องเดินแยกออกมาอีกทางเพราะเขาไม่ได้เรียนแผนกเดียวกันกับทั้งสองคน
ประธานของแต่ละแผนกจะมีประชุมกันทุกวันจันทร์หลังเลิกเรียน แบคฮยอนจึงสั่งให้เพื่อนทั้งสองกลับไปก่อน
และเมื่อถึงเวลาเลิกประชุมฝนก็ตั้งเค้ามาแต่ไกล ลมพัดปะทะใบหน้าจนรู้สึกถึงความเย็นที่บาดผิวหนัง เขาจำเป็นต้องยืนหลบฝนตรงป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนอยู่พักใหญ่เพื่อรอให้ฝนซา
อยู่ๆก็มีร่มคันใหญ่มากางบนหัวแล้วดึงให้เดินไปด้วยกัน
"อย่าโวยวาย เด็กมองใหญ่แล้ว"
"มึงใส่ชุดนักเรียนมึงมา เด็กไม่มองก็แปลกแล้ว"
"คงไม่ได้คิดว่ามึงจะโดนฉุดไปฆ่าหรอกใช่ไหม"
"ก็ไม่แน่ รีบไปเหอะ" แบคฮยอนดันไหล่ให้ชานยอลเดินเลี้ยวเข้าซอย
เพราะชุดนักเรียนต่างสถาบันเลยทำให้มีคนมองแบบสนอกสนใจเป็นพิเศษ โรงเรียนของแบคฮยอนไม่ค่อยมีเรื่องกับโรงเรียนที่ชานยอลเรียนอยู่
ที่หนึ่งในเรื่องความยิ่งใหญ่ยังคงต้องยกให้โรงเรียนช่างก่อสร้างที่มีชื่อเสียงมานานกว่าห้าสิบปี ส่วนโรงเรียนช่างกลของแบคฮยอนเป็นเพียงแค่โรงเรียนเล็กๆที่ชอบมีเรื่องกับโรงเรียนฝั่งตรงข้ามมากกว่า
"เด็กคนนั้นเป็นสาววาย" ชานยอลขยับร่มให้ร่างเล็กมองเด็กผู้หญิงปีสองในเครื่องแบบเดียวกับแบคฮยอนระหว่างที่เดินสวนกัน
"นี่ เธอน่ะ…จองอาใช่ไหม?" จองอาเหรอหราเมื่อเห็นว่าคนๆนั้นคือแบคฮยอน "ฉันกับไอ้บ้านี่เป็นพี่น้องกัน อย่าคิดจะจิ้นเชียวนะ ไม่งั้นโดนเตะแน่!" เธอรีบพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินก้มหน้าก้มตาจากไปอย่างเร็วที่สุด
"ทำลายความสุขน้องเขาทำไมเล่า"
"มึงไม่รู้หรอกว่ายัยเด็กพวกนี้ปากสว่างมากแค่ไหน พรุ่งนี้ต้องมีข่าวซุบซิบแน่นอน"
ไม่นานนักทั้งคู่ก็เดินมาถึงบ้าน แบคฮยอนรีบชิงเข้าห้องน้ำก่อนคนแรกทันที ซึ่งเอาจริงแล้วชานยอลก็ไม่คิดจะแย่งน้องอยู่แล้วเพราะรู้ว่าถ้าทำอย่างนั้นแบคฮยอนจะต้องโวยวายบ้านแตก
ในระหว่างที่รอคนตัวเล็กอาบน้ำชานยอลก็แอบได้ยินความคิดไร้สาระของน้องชาย แบคฮยอนกังวลเกี่ยวกับแก๊งเจ๊กที่เริ่มออกอาละวาดและคิดหาวิธีที่จะกำจัดพวกมันไปให้พ้นทาง แต่ละวิธีของมันนี่…สาบานเหอะว่าอยู่โรงเรียนแล้วมีคนเคารพ
"ชานยอลลลลล หยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อยยยยย" แบคฮยอนโผล่หน้าออกมาตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนที่นั่งอยู่หน้าโซฟา
"อ้อนวอนก่อนสิ"
"เร็วๆได้ป่ะ หนาว"
"อ้อนวอน"
"พี่ชานยอลคร้าบบบบบ ช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวให้ผมหน่อยนะ นะนะ นะคร้าบบบบบ"
ชานยอลแกล้งดันประตูเบาๆระหว่างที่ยื่นผ้าเช็ดตัวให้ เขาเลยโดนคนตัวเล็กปิดประตูหนีบแขนเข้าจังๆ
"เมื่อกลางวันม๊าโทรมาบอกว่าอาทิตย์นี้จะเข้ามาหา"
"จริงดิ ฝากบอกม๊าหน่อยว่ากูอยากกินกิมจิฝีมือม๊า" แบคฮยอนพันผ้าขนหนูผืนเดียวเดินไปทั่วก่อนจะหยุดเลือกเสื้อผ้าที่ตากไว้กลางบ้าน หยิบเสื้อนอนตัวใหญ่มาสวมและกางเกงบอลยางยืดมาใส่
พอนึกถึงกิมจิฝีมือผู้หญิงที่สวยที่สุดในบ้านน้ำลายก็เริ่มสอ ท้องมันก็เกิดอาการประท้วงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขายังไม่ได้กินข้าวเลยสักมื้อ
พอคิดอีกทีเขาต้องรีดน้ำหนักสี่กิโลที่ขึ้นมาจากตอนปิดเทอมให้ได้
แต่สุดท้ายก็ทนความหิวไม่ไหวเลยต้องเร่งเร้าให้คนพี่ช่วยทำมื้อเย็นจนต้องเข้าไปเป็นลูกมืออยู่ในครัว
"ได้ข่าวว่าไปมีเรื่องกับพวกไอ้เจ๊กหรอ?" แบคฮยอนทำลายความเงียบของตัวเองหลังจากที่ช่วยล้างจานไปได้เพียงครึ่งใบ
"รู้ได้ไง"
"ตอบมาเหอะน่า"
"อือ" ตอบพลางยักคิ้วข้างเดียวก่อนจะคว่ำจานที่คนตัวเล็กส่งให้
"แต่วันนั้นมึงบอกว่าจะไปทำงานไม่ใช่หรอ"
"ก็ทำงานอยู่ดีๆพวกไอ้เจ๊กก็โผล่มานี่นา"
"แล้วเป็นไง ฆ่าใครได้บ้าง"
"ฆ่าใคร? กูไม่ใช่ทีมฆ่า กูเป็นทีมพลอยเฉยๆ"
"ทำไมไม่ฆ่าพวกมันวะ รอให้มันมาฆ่าพวกเราก่อนหรอ"
"พูดง่ายเหมือนตบยุงเลยนะแบคฮยอน" ชานยอลเริ่มดันร่างเล็กออกเพื่อล้างจานแทนที่ "แล้วหยุดไอ้ความคิดบ้าๆนั่นได้แล้ว มึงมีเฮลิคอปเตอร์รึไง?"
"ก็…ก็เผื่อไว้ไง โรยตัวลงมาจากบนฟ้าเท่จะตาย"
"เหอะ ไปนอนซะจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ห้ามคิดอะไรไร้สาระอีก เข้าใจไหม?"
"งืม" แบคฮยอนเช็ดมือกับชายเสื้อแล้วเดินเข้าห้องนอนไป
เช้าวันนี้เริ่มต้นด้วยความหม่นหมอง แบคฮยอนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก่อนจะรู้ว่าฝนกำลังตก เพราะสวรรค์ไม่เป็นใจให้ก้าวเท้าออกจากบ้าน คนน้องเลยมานอนเหยียดอยู่บนโซฟา
ต่อให้วันนี้มีสอบแต่ถ้าฝนกระหน่ำตกลงมาแบบนี้ ร่างเล็กไม่มีทางที่จะเดินกางร่มไปเรียนแน่นอน จะยอมวิ่งไปหกล้มหัวเข่าถลอกบนถนนหน้าบ้านเพื่อขอสอบย้อนหลัง
แต่โชคดีที่วันนี้มีเรียนแค่วิชาเบาๆ แถมยังมีชั่วโมงว่างเยอะอีกต่างหาก
"ไปส่งไหม?" ชานยอลเดินมานั่งเบียดบนโซฟาเดียวกัน
"เกรงใจ"
"ดูแล้วคงจะตกทั้งวัน"
"ก็จะนอนอยู่บ้านทั้งวัน"
"งั้นตามสบาย" ชานยอลยันตัวยืนขึ้นเต็มความสูง หยิบเสื้อกันฝนมาใส่และสวมหมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัย "เฝ้าบ้านดีๆนะจ๊ะ"
"ตั้งใจเรียนล่ะ" แบคฮยอนเดินไปส่งคนพี่หน้ารั้วเพื่อรอปิดประตู มือเล็กโบกหยอยๆจนรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ลับตาไปเร็วกว่าปกติเพราะสายฝน
กว่าจะผ่านไปแต่ละนาทีมันช่างยาวนานจนอดรนทนไม่ไหว ต้องส่งข้อความไปชวนชาวบ้านชาวช่องเขาคุย
BaekYeol
AM 10:10 เบื่อ
ChanHyun
AM 10:11 เรียนแปป
BaekYeol
AM 10:11 ไม่อยากคุยก็บอก
แบคฮยอนนอนจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่พักใหญ่แต่ก็ไร้การตอบรับ ทั้งที่เจ้าของไอดีก็อ่านมันแล้ว
ChanHyun
PM 12:02 อยากคุยๆ
BaekYeol
PM 12:02 ไม่อยากคุยแล้ว
ChanHyun
PM 12:03 เห้ย อย่างอนดิ
PM 12:03 แป๊กกกกก อย่างอน
PM 12:03 อ่านไม่ตอบ ไม่น่ารักเลย
PM 12:04 แป๊กจ๋า ง้อนะ เดี๋ยวซื้อของกินไปฝาก
PM 12:05 เอาอะไรดี?
PM 12:05 มันบดอบชีสร้านหน้าหมู่บ้าน?
PM 12:05 พุดดิ้งฟักทองซอยสอง?
PM 12:06 ชาเขียววิปครีมเค้กซอยสี่?
PM 12:06 หนมปังไส้ข้าวโพดซอยหก?
PM 12:06 กล้วยทอดซอยสิบ?
PM 12:06 ซอยสิบสองมีอะไรอร่อยวะแป๊ก?
BaekYeol
PM 12:07 สลัดแซลม่อน
ChanHyun
PM 12:07 หายงอนแล้วช้ะ?
BaekYeol
PM 12:08 ยัง
PM 12:08 ซื้อไก่ทอดท้ายซอยมาด้วย
ChanHyun
PM 12:08 เอาหมดทุกอย่างเลยหรอ?
BaekYeol
PM 12:09 อือ
ChanHyun
PM 12:09 ได้ครับ ^_____^
แบคฮยอนเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนเพื่อเก็บชุดนักเรียนไว้ใส่ในวันพรุ่งนี้ ใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็ออกมานั่งหน้าทีวีที่เดิม
มีสายไม่ได้รับจากคยองซูประมาณแปดสาย… แปดสายภายในเวลาไม่ถึงสามนาทีเนี่ยนะ?
[ฮัลโหล]
"ไฟไหม้ที่ไหนหรอ?"
[ทำไมไม่มาเรียน]
"ฝนตก"
[เกิดเรื่องแล้วรู้ไหม]
"มีไรวะ?"
แบคฮยอนรีบใส่รองเท้าวิ่งออกมาจากบ้าน ตอนนี้เขาไม่สนว่าเม็ดฝนจะกระหน่ำใส่ร่างกายหนักหน่วงแค่ไหน เพราะปลายทางเขาคือห้องเรียนชั้นสามของตึกสองภายในโรงเรียน
และเมื่อมาถึงที่หมาย…เหตุการณ์มันกลับร้ายแรงกว่าที่คิดเอาไว้
ร่างของรุ่นน้องปีหนึ่งชุ่มไปด้วยสีแดงสดเหมือนโดนสาดกายด้วยเลือด เสียงหายใจโรยรินดังผะแผ่วจนหัวใจเต้นหวิว
"ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาล!" แบคฮยอนหัวเสียเมื่อเห็นว่าชีวิตทั้งชีวิตของคนๆหนึ่งถูกเมินเฉย
"ผม…ผมไม่อยากไป…เองครับ พี่อย่าโกรธ…พวกเขา"
"ไม่ นายจะต้องไม่เป็นอะไร"
"ผมรู้…ผม…รู้ตัว…" หางตาของเด็กหนุ่มชื้นไปด้วยหยดน้ำตา "พวกไอ้เจ๊ก…ระวัง…มันอยากได้…หัวหน้า…"
อกแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงจนแผ่นหลังแทบไม่ติดพื้น แบคฮยอนจับมือรุ่นน้องไว้แน่นจนในที่สุดเปลือกตาก็ปิดสนิทและลมหายใจสุดท้ายก็หยุดลง …จบสิ้นแล้วซึ่งความทรมานทั้งหมดในชีวิต
นี่ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่พวกเขาต้องพบเจอ เพราะทุกชีวิตย่อมมีจุดจบที่แตกต่างกันออกไป จบ… เพื่อเริ่มต้นใหม่
TBC.
#หัวไม้ชานแบค
ง่อวววววววววววววววววว
ความคิดเห็น