ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Part Angel

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2 : ฟ้า

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 55


           “คุณก็เป็นพวกชาวมีปีกใช่ไหม

           “หา?”

     

    บทที่2 : ฟ้า

     

           ทางเท้าปูด้วยคอนกรีตเต็มไปด้วยคราบควันที่ถูกปล่อยจากท่อไอเสียของรถยนต์จำนวนมากที่วิ่งผ่านในแต่ละวัน ตอนนี้บอสพาเด็กสาวเมื่อครู่กลับมาที่เดิมแล้ว ที่ที่เขาควรจะตกหัวทิ่มลง เด็กชายเดินไปเก็บกระเป๋าเดินทางของโรงเรียนที่โยนทิ้งไปก่อนหน้านี้ มือของเขาล้วงไปหยิบก้อนหินบางอย่างในกระเป๋าออกมา มันเปล่งออร่าสีม่วงออกมาน่าขนลุก

           “ว่าแล้วเชียวหินเวทมนตร์ระงับศาสตรา’” บอสทำหน้าขยะแขยง หินเวทมนตร์นี้สามารถหาได้ง่ายทั่วไปตามตลาดมืดบนสวรรค์ มันจะเปล่งพลังงานทางกายภาพบางอย่างออกมา ทำให้ผู้ที่พกไว้จะไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้จนกว่ามันจะสลายหายไปหมดทั้งก้อน ใช่แล้ว การกางปีกออกของชาวสวรรค์นั้นก็ต้องใช้พลังงานเวทมนตร์ที่มีอยู่ในตัวด้วยเช่นกัน

           “เอ่อ คือเด็กสาวเดินเข้ามาข้างหลังบอสที่กำลังวุ่นวายอยู่กับหินเวทย์

           “อ๋อ เออใช่เด็กชายเกือบจะลืมเธอเสียแล้ว เธอน่ะ บอกว่าตั้งแต่เกิดมาบนโลกนี้ก็มีปีกอยู่แล้วสินะ

           “ใช่ ฉันสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของตัวเองมากตั้งแต่เกิด ฉันเกิดมาอย่างโดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ ไม่มีทั้งพ่อและแม่ตั้งแต่จำความได้บอสรีบเก็บหินเวทย์เข้ากลับในกระเป๋าทันที และเตรียมท่าตั้งใจฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อไปนี้ ตั้งแต่จำความได้ ฉันคลานอยู่บนถนนที่ประเทศไทยนี้เพียงลำพัง ฉันคลานไปเรื่อยๆทุกวันๆอย่างไร้จุดหมาย ถึงแม้จะไม่ได้กินข้าวหรือน้ำเลยแต่ฉันก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ เวลามีสิ่งใดจะมาทำอันตรายกับตัวฉันมันมักจะเกิดม่านพลังล่องหนบางอย่างขึ้นและผลักสิ่งนั้นกระเด็นออกไป

           “ไม่น่าเชื่อว่าจะมีชาวสวรรค์มาอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์แบบนี้ด้วย บอสทำท่าคิดอะไรสักอย่างขณะที่เด็กสาวกำลังเล่าต่อ

           “วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสือเรียนที่ถูกทิ้งไว้ที่กองขยะ ก็มีชายคนหนึ่งมาคุยอะไรบางอย่างกับฉัน ฉันจำเรื่องราวในช่วงนั้นไม่ได้ แล้วจากนั้นชายคนนั้นก็พาภรรยาของตัวเองมารับฉันไปเป็นลูกบุญธรรม สองสามีภรรยาคู่นี้ไม่สามารถที่จะมีลูกได้เพราะโรคประจำตัวทั้งสองฝ่าย ทั้งสองทำงานเป็นนักวิจัยของแล็บนิติวิทยาศาสตร์ ค่าใช้จ่ายสำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั้นไม่ยากเกินตัว ฉันจึงได้เข้าไปเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวนี้ พวกเราอยู่กันสามคนอย่างมีความสุข

           “แต่แล้ววันหนึ่ง พ่อเลี้ยงของฉันก็ถูกฆาตกรรมโดยโจรกลุ่มหนึ่งที่พ่อเคยทำแล็บคดีเกี่ยวข้องด้วย และแม่ก็ตายไปด้วยโรคประจำตัวซึ่งทิ้งห่างกันไปไม่นาน ในคืนนั้นโจรกลุ่มเดิมที่เคยสังหารพ่อก็เข้ามาหวังจะฆ่าฉันด้วยเหตุผลบางอย่าง ตัวฉันซึ่งหลบอยู่ในห้องที่มีทางออกเดียวแอบได้ยินแผนการ จึงได้เพียงแค่ภาวนา ตอนนั้นแหละที่ปีกของฉันถูกปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งแรก

           เล่าจบบอสที่ฟังอยู่อย่างใจจดใจจ่อก็ทำหน้าเศร้า เด็กสาวเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามพูดแก้สถานการณ์

           “เอ้อ แต่ไม่เป็นไรหรอก ถึงพ่อแม่ที่แท้จริงจะหายสาบสูญหรือพ่อแม่เลี้ยงจะตายไป แต่ฉันก็ยังมีกลุ่มเพื่อนที่เป็นพวกมีปีกเหมือนกันอยู่ ฉันไม่เป็นไรหรอก

           เด็กสาวยิ้มออก ใบหน้าเวลายิ้มของเธอช่างงามนัก หาสิ่งใดในจักรวาลนี้หาเปรียบได้ยากเหลือเกิน

           “แล้วทำไมเธอถึงเล่าเรื่องสำคัญแบบนี้ให้ฉันฟังล่ะบอสถาม

           “ฉันเชื่อใจนายนะ ชาวมีปีกไม่มีคนที่ไม่ดีหรอก เพื่อนของฉันทุกคนก็เป็นแบบนั้นเด็กสาวยิ้มน่ารักแล้วยื่นมือไปหาบอสฉันชื่อฟ้า ยินดีที่ได้รู้จักนะ ชาวมีปีกตัวจริงเธอพูดพลางหัวเราะ

           “ฉันชื่อบอส ชื่อจริงชื่อจาฏุพจน์บอสยื่นมือไปจับ เขารู้สึกว่ามีขาวๆของฟ้าช่างเป็นสิ่งที่อบอุ่นที่สุด ขอบคุณที่เชื่อใจฉันนะ แล้วก็แนะนำเพื่อนๆชาวมีปีกของเธอให้ฉันรู้จักด้วยล่ะ

           เด็กชายจาฏุพจน์ เด็กชาวสววรค์ผู้ที่ลงมาบนพื้นโลกวันนี้เป็นวันแรก เขารู้สึกดีจริงๆที่ได้เพื่อนคนแรกเป็นคนดี และจากคำที่ฟ้าได้พูดแล้ว เพื่อนๆของฟ้าเองก็น่าจะเป็นคนดีเช่นกัน ที่ว่าโลกมนุษย์เต็มไปด้วยสิ่งที่เป็นมลพิษ บางทีความคิดของชาวสวรรค์อาจจะผิดก็ได้

           “เอชื่อนายเนี่ยก็เป็นภาษาไทยนี่นา บนสวรรค์ก็มีภาษาไทยด้วยเหรอ ฟ้าถามคำถามขึ้นระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินทัวร์กรุงเทพมหานคร

           “ได้ไง รู้หรือเปล่าว่าจริงๆแล้วบนสวรรค์จะมีดาวอยู่เจ็ดดวง มีชื่อดาวแตกต่างกันไป เช่น เอเชีย ออสเตรเลีย ฉันเองอยู่ในดาวเอเชีย แต่ด้วยความที่ชาวสวรรค์อยากให้มนุษย์มีตัวเองเป็นผู้นำ จึงส่งผู้นำของแต่ละดาวลงมาตั้งชื่อแผ่นดินแต่ละแผ่นดินตามชื่อดาวแล้วบันทึกความทรงจำของมนุษย์ยุคแรกๆว่าพวกตนเป็นผู้ค้นพบและก่อตั้งทั้งทวีปและภาษา อย่างเช่นภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่นี้ ที่ประเทศของฉันก็เรียกอีกชื่อหนึ่ง ไม่ได้เรียกว่าภาษาไทยบอสอธิบายประวัติศาสตร์

           “โห งั้นก็เหมือนกับพวกเราถูกหลอกมาตลอดเลยงั้นสิฟ้าทำท่าตกใจ บอสได้แต่ยิ้มนิดๆ

    เกือบสองชั่วโมงที่ผ่านมาฟ้าได้พาบอสไปทัวร์ตามสถานที่สำคัญและย่านต่างๆที่ได้รับความนิยมสูงในยุคนี้ ฟ้าเป็นคนคุยสนุกทีเดียว บอสคิดเช่นนั้น ที่ผ่านมาฟ้าเล่าไปว่าเธอเป็นนักเรียนที่มีคะแนนสอบอันดับต้นๆของโรงเรียนและชอบวิทยาศาสตร์เป็นที่สุด บอสคิดว่าเธอคงเข้ากับเขาได้ดีเพราะเขาเองก็เป็นพวกบ้าเรียนเช่นกัน หากแต่จะเข้ากันไม่ได้ก็คงเป็นเรื่องวิชาที่ชอบ

           “เคยมีนักคณิตศาสตร์ชื่อดังคนหนึ่งพูดไว้ว่า เป็นการง่ายที่จะหลอกล่อผู้คนด้วยคณิตศาสตร์’ ” บอสกล่าว

           “มีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งเคยพูดไว้ว่า แต่จะง่ายกว่ามากหากจะหลอกคนด้วยวิทยาศาสตร์’ ” ฟ้ายิ้มท้วง บอสถึงกับทำหน้าเซ็ง

           “เฮ้อ…”

           ตอนนี้ทั้งสองเดินมาถึงย่านวัยรุ่นแห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นสี่แยกขนาดใหญ่ซึ่งโซนที่ติดกับถนนสี่แยกทั้งสี่ฝั่งก็เต็มไปด้วยวัยรุ่นที่เดินกระจัดกระจายเต็มไปหมด

           “ที่นี่มีชื่อว่าย่านเวหาชิบูยะเป็นที่ที่นิยมที่สุดสำหรับวัยรุ่นในยุคนี้เลยล่ะฟ้าแนะนำแล้วยังเล่าต่ออีกว่าที่นี่ถูกสร้างเป็นย่านสำหรับวัยรุ่นซึ่งลอกเลียนแบบมาจากย่านชิบูยะของญี่ปุ่น หลังจากเดินไปได้สักหน่อยบอสก็ตื่นตาตื่นใจกับเวทีการแสดงมากมาย มีตั้งแต่วงดนตรีนักเรียนไปจนถึงวงดนตรีดังๆของประเทศไทย ที่นี่เต็มไปด้วยตึกอาคารสูงมากมายซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่ขายของสำหรับวัยรุ่น แต่คนละอย่าง เช่น บางตึกขายแผ่นภาพยนตร์แผ่นเพลง บางอาคารขายเสื้อผ้าแบรนด์เนม แต่วัยรุ่นส่วนมากมักจะมาเดินกันตรงลานหน้าอาคารมากกว่า เพราะจะมีขายเสื้อผ้าแฮนด์เมดราคาถูก

           “ดูสิๆ ท่าทางตื่นเต้นเป็นบ้านนอกเขากรุงเลย บนสวรรค์ไม่มีแบบนี้ล่ะสิฟ้าแซวบอสที่ตอนนี้กำลังไปให้ความสนใจกับสร้อยข้อมือหนังสลักลายอักขระอย่างออกหน้าออกตา

           หลังจากเดินฝ่าฝูงชนที่กำลังเดินช๊อปปิ้งมาเป็นเวลาสองชั่วโมง ฟ้าก็ลากบอสไปที่ตึกทรงกระบอกสูงแห่งหนึ่ง เป็นตึกเรียบๆที่ถูกทาด้วยสีขาวทั้งอาคาร ตรงหน้าประตูไม่ติดกระจกมีตัวอักษรสีทองเรียบๆติดไว้ว่า วอร์สบอร์น

           “ที่นี่แหละที่ฉันชอบมากที่สุดพูดจบเธอก็ดึงแขนบอสเข้าไปข้างใน

           ภายในอาคารเรียบๆกลับเต็มไปด้วยบันไดและชั้นหนังสือ ทุกซอกทุกๆมุมในอาคารแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยหนังสือ ทั้งที่วางเรียงวนอย่างสวยงาม หรือวางตามชั้นติดผนัง จนกระทั่งพวกหนังสือที่อยู่บนชั้นที่ถูกห้อยลงมาจากบนหลังคาและนอจากนี้ สถานที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยราวบันได ไม่ว่าจะเป็นบันไดวน บนไดปกติ หรือบันไดลิง ถ้านับเฉพาะบันไดในตึกนี้น่าจะได้เกือบสองร้อยราว ทุกอย่างถูกอัดกันอย่างลงตัวเป็นร้านหนังสือทรงระบอกนี้

           “นี่มันวิเศษมาก!”บอสอุทานด้วยความตกตะลึง ถึงแม้ว่าห้องสมุดที่เอเธเซียจะกว้างใหญ่ไพศาลและมีหนังสือมากกว่าในนี้หลายร้อยเท่า แต่ดูเหมือนบอสจะติดใจในร้านที่ดูลึกลับแบบนี้มากกว่า เขาวิ่งไปทั่วร้านด้วยความตื่นเต้น รวบรวมหนังสือที่เล่าถึงวิทยาการใหม่ๆที่มนุษย์สร้างขึ้นมาทั้งหมด

           “เวลาฉันมีเรื่องกลุ้มใจไม่สบายใจฉันมักจะมานั่งอยู่ที่นี่คนเดียวตั้งแต่เด็กฟ้ามองไปรอบอาคาร ชั้นสามสิบไต่บันไดลิงขึ้นไปอีกนิดหน่อยมีซอกเงียบๆพอให้ปลีกตัวจากสังคมได้ดีทีเดียว

           “ฉันอยากได้หนังสือพวกนี้แฮะบอสแบกหนังสือเกือบยี่สิบเล่ม แต่ละเล่มทั้งเก่าทั้งหนามาวางตั้ไว้บนโต๊ะไม้กลางลานที่ชั้นล่าง เดี๋ยวฉันไปแลกเงินก่อนนะ

           “ยืมฉันก่อนก็ได้ฟ้าดึงแขนเสื้อบอสไว้

           “โห ใจดีจัง แต่มันเยอะมากเลยนะ

           “ไม่เป็นไรหรอกคิดดอกเบี้ยร้อยละห้าสิบ ไม่จำกัดวัน ฟ้ายังคงยิ้มน่ารัก แต่คำพูดที่พูดออกมาเมื่อครู่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน บอสได้แต่แอบคิดในใจ

           ไหนว่าไม่ชอบคณิตฟะ

           ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อน บอสเดินตามฟ้าไป ณ สถานที่สุดท้ายที่พวกเขาจะไปกันในวันนี้ ที่นี่ใกล้กับเวหาชิบูยะ เดินมาเพียงแค่ห้านาทีก็ถึง เป็นเหมือนลานโล่งที่ถูกล้อมด้วยกรงเหล็กแต่มีทางเข้า ข้างในไม่มีอะไรนอกจากถังน้ำมันเหล็กสนิมเขรอะที่เหมือนถูกนำมาทิ้งไว้

           “ที่นี่แหละ ที่พวกเขา เพื่อนชาวมีปีกของฉันอยู่ฟ้าแนะพลางชี้นิ้วเข้าไปข้างใน ข้างในมีกลุ่มเด็กชายหญิงเกาะกลุ่มกันอยู่ เหมือนทำอะไรลับล่อๆ เมื่อชายคนหนึ่งเห็นฟ้ามาก็รีบวิ่งออกมาหา

           “อ้าว คุณฟ้า จะมาก็ไม่บอกกันก่อนแหมๆ ยินดีต้อนรับครับชายคนนี้ยิ้มให้ฟ้า แต่ดูเหมือนมีเลศนัย

           “พวกนี้เป็นพวกชาวมีปีกแบบฉันนี่แหละ ทำความรู้จักกันไว้นะ เดี๋ยวฉันไปโทรศัพท์ข้างนอกเดี๋ยวมาฟ้าทิ้งให้บอสอยู่คนเดียวแล้วเดินไปโทรศัพท์ข้างนอก

           “อาสวัสดี พวกนายคงเป็นชาว…” บอสทักทายไปยังไม่ทันได้พูดจบ

           “แกเองก็คงอยากได้ผลประโยชน์จากยัยนั่นเหมือนกันสินะชายคนนั้นถามบอส แต่บอสดูเหมือนจะไม่เข้าใจคำถามสักเท่าไหร่

           “หมายความว่ายังไง

           “เฮอะ ไม่ต้องมาทำเป็นแอ๊บคนดีหรอกว่ะ คนที่ทนคบกับคนบ้าที่ฝันเฟื่องว่าตัวเองมีปีกอย่างกับในหนังได้ก็มีแต่คบเพื่อต้องการผลประโยชน์เท่านั้นแหละกลุ่มเพื่อนของชายคนนี้พากันหันมาทางบอสแล้วยิ้มอย่างน่ากลัว บอสเพิ่งสังเกตว่ากลุ่มนี้มีแต่คนไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น ทั้งรอยสัก บุหรี่ และท่าทางนักเลงๆนั่น

           ตอนนี้สมองของบอสเริ่มประมวลผลได้ว่าคนพวกนี้กำลังหลอกฟ้าว่าตัวเองก็มีปีกเช่นกันกับฟ้าแล้วได้ผลประโยชน์บางอย่าง เขาจึงคิดหาวิธีถามดู

           “เออว่ะ ฉันเองก็อยากได้ผลประโยชน์จากเธอเหมือนกันว่ะ ลองเล่าให้ฟังทีดิ๊ว่าถ้าฉันทำแบบพวกแกจะได้สิทธิพิเศษอะไรบ้างบอสหลอกถามแย็บๆไป

           “ยัยนั่นน่ะเป็นแค่เด็กเรียนไร้เดียงสาที่วันๆเอาแต่หมกอยู่กับหนังสือ แถมยังเป็นคนบ้าที่บอกว่าตัวเองมีปีกอีกต่างหากชายคนนี้หันไปหาพรรคพวกที่นั่งอยู่ข้างหลัง เพื่อนๆของเขาหัวเราะเสียงดังลั่น ถ้าคบกับยัยนี่ก็จะสามารถหลอกใช้ให้ทำงานที่ครูสั่งได้ แถมเวลาไม่มีเงินก็ขอได้แบบง่ายๆซะด้วย แกก็รู้นี่หว่า กับคนบ้าน่ะถ้าบอกว่าตัวเองเป็นพวกเดียวกัน มันก็จะดีใจแทบดิ้น แล้วจะมอบผลประโยชน์ให้ทุกอย่างเลย ใช่มั้ยพวกเราชาวมีปีกพรรคพวกเริ่มหัวเราะดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าแกอยากหลอกใช้ยัยนั่น แกก็แค่บอกว่ามีปีกงอกออกมาจากหลังได้แกก็จะได้ทุกอย่างที่ต้องการ

           ตอนนี้บอสเข้าใจเรื่องทุกอย่างดีแล้ว เขากัดฟันและกำมือแน่นไม่แพ้กัน คนพวกนี้ช่างเลวทรามเหลือเกิน

           “ตัวฉันเองเกิดมาไม่มีพ่อแม่ แต่ก็ยังมีน้องสาวคอยอยู่ข้างๆ คอยให้กำลังใจกันเสมอมาบอสพูดเสียงต่ำ พวกนั้นหันมา ฉันเคยอิจฉาคนอื่นๆ เคยคิดว่าตัวเองลำบากที่สุดที่ตัวเองไม่มีพ่อแม่ ไม่มีคนให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาแต่ทุกๆครั้งที่กลับบ้านไปแล้วเจอหน้าน้องสาวก็จะทำให้ฉันมีกำลังใจ สู้ชีวิตเพื่อเธอต่อไปเสียงของเขาเริ่มสั่นขึ้น แต่กับฟ้าแล้ว ไม่มีทั้งพ่อแม่พี่น้องหรือญาติที่ไหน เคยมีพ่อแม่บุญธรรมก็ยังต้องพรากจากกันอีก เธอจึงอ่อนไหวในเรื่องผู้คนที่เข้ามาในชีวิตเธอมากบอสเงียบอยู่ชั่วครู่แล้วก็ตะโกนออกมาดังลั่น

           “แต่พวกแกกลับใช้เรื่องนี้หลอกเธอแล้วหาผลประโยชน์เข้าตัวเองงั้นเหรอ!”

           บอสฟิวส์ขาด เขากางปีกออกเพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ฟ้าพูดนั้นเป็นความจริง แสงสว่างถูกเค้นออกมาจากปีกส่องสว่างจนต้องยกมือขึ้นมาบังไว้ ชายคนที่คุยกับบอสตกตะลึงและก้าวถอยหลัง พรรคพวกของเขาก็มีท่าทีไม่ได้ต่างกัน

           “ว้อยยยยยย

           บอสกระพือปีอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งตรงไปยังชายที่อยู่ใกล้ที่สุดพร้อมส่งหมัดขวาออกไปที่ใบหน้าของเขา ถึงแรงหมัดจะน้อยนิดแต่ด้วยแรงพุ่งตัวที่รวดเร็วส่งชายคนนี้ลอยกระเด็นออกไปไกลลิบ

           “ไหน ใครจะเป็นรายต่อไป

           บอสถามด้วยท่าทางน่ากลัว พรรคพวกที่เหลือพากันวิ่งหนีหายแตกตื่นไปกันหมด บ้างก็วิ่งไปซุบซิบนินทาไปว่าเขาเป็นปีศาจชัดๆ

           นาทีต่อมาฟ้าได้กลับเข้ามาจากการโทรศัพท์พบว่าไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากบอสที่ยืนกำหมัดกางปีกอยู่

           “พวกนั้นไม่ใช่ชาวสวรรค์ พวกมันแค่หลอกใช้เธอ คนฉลาดอย่างเธอน่าจะรู้อยู่แล้วนะบอสยิงคำถามออกไป อยู่ดีๆฟ้าก็น้ำตาเอ่อล้นออกมา มากจนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในจิตใจของเด็กสาว

           “ฉันคิดว่ามันก็น่าจะเป็นอย่างนี้แหละ แต่ฉันก็พยายามจะปลอบตัวเอง ฉันใช้ชีวิตเหมือนตัวประหลาดตลอดเวลาทั้งชีวิตที่ผ่านมา ฉันอยากมีใครสักคนที่เป็นเหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นเรื่องโกหกก็ตามฟ้าพูดไปพร้อมสะอื้นไป

           บอสพอเข้าใจรสชาติของชีวิตที่โดดเดี่ยวอยู่บ้าง แต่เหมือนฟ้าจะมีชีวิตแบบนั้นที่หนักกว่าอยู่หลายเท่า เด็กชายเดินเขาไปใกล้แล้วสวมกอดฟ้าเข้าไปโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายตั้งตัว

           “เธอบอกว่าเธอเชื่อใจฉันไม่ใช่เหรอ ก็ฉันเป็นเพื่อนของเธอนี่นาบอสพูดพลางกอดเด็กสาวไม่ปล่อย แล้วดูเหมือนไหล่ของเขาจะเปียกไปด้วยน้ำตาของฟ้าเต็มไปหมด ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวแล้วนะ

           เป็นครั้งแรกที่ฟ้ามีคนที่ไว้ใจได้ในชีวิต ช่างเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นเหลือเกิน ตอนนี้เธอค้นพบความสุขของมิตรภาพที่แท้จริงแล้ว

           “จ๊ะ

     

    ติดตามชมตอนต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×