คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ
บทนำ
สายโซ่กระทบกันดังเกรกกรากตลอดโถงทางเดินไม้อันมืดมิดไร้แสงอวลนวลจากศศิธร กระทั่งหมู่ดาราพราวระยิบก็ต่างหลบกายเร้นใต้กลีบเมฆอย่างหวาดกลัว จิ้งหรีดเรไรตัวกระจ้อยหวีดร้องระงมขลับให้บรรยากาศยามรัตติกาลโศกศัลย์วังเวง
เกลียวกระแสลมเย็นยะเยือกโชยกรีดผ่านผิวขาวนวลเนียน ส่งผลให้ต้นสนสูงชะสูงโคลงไหวสะท้อนเป็นเงาพาดทับบนผืนหญ้า กิ่งก้านสาขาเสียดสีจนเกิดเสียงหวีดหวิวแว่วตามระลอกวาโย
เสียงแผ่นไม้ลั่นแผ่วตามจังหวะก้าวเดินอันบางเบาดุจภูตพราย เจ้าของผิวขาวเนียนน่าอภิรมย์ หากชืดเย็นราวกับไร้วิญญาณ โสตประสาทแว่วเสียงครืดคราดคล้ายสายโซ่สั่นกระทบดังไม่ไกล และชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อร่างนั้นสาวเท้าเข้ามาใกล้ประตูเรือนไม้สุดปลายโถงทางเดิน
เรือนไม้ที่ถูกปิดตาย
มือเย็นชืดหยิบกุญแจดอกหนึ่งเพื่อไขแม่กุญแจสภาพเก่าขึ้นสนิม ก่อนปลดโซ่ขนาดเล็กซึ่งคล้องรัดบานที่จับแน่นหนา ร่างโปร่งออกแรงผลักมัน ประตูไม้ครูดพื้นก่อให้เกิดเสียงแหลมเล็กบาดแก้วหู สภาพภายในห้องอันมืดสลัวและเย็นเฉียบ มีเตียงสี่เสาประดับม่านผ้าแพรขาวสะอาดและเครื่องอำนวยความสะดวกเพียงไม่กี่ชิ้น
หึหึ...
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำแว่วตามสายลม ดุจลอยล่องมาจากที่ไหนสักแห่งอันไกลโพ้น ใต้เงาสลัวนวลลางของแสงจันทร์ซึ่งทอดสายยาวผ่านช่องหน้าต่างโบราณ ร่างๆ หนึ่งนั่งหันหลังทอดกายพิงพนักเก้าอี้ม้าโยกไม้รูปทรงโบราณในเงามืด โซ่เหล็กเสียดสีพื้นไม้ดังเกรกกราก ทุกคราที่เจ้าของร่างผู้ครองเก้าอี้ขยับกาย
ลมหนาวพัดตีบานประตูไม้จนเกิดลั่น ละอองเย็นแทรกซึมเข้าสู่ทุกอณูร่างกาย ก่อให้เกิดความหนาวสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง ฉับพลัน เก้าอี้ม้าโยกก็หยุดเคลื่อนไหว เสียงโซ่เหล็กเงียบสงัดไป คงเหลือเพียงซึ่งความเงียบงันใต้เงาผืนรัตติกาลอันมืดมิด ซึ่งทุกสรรพสิ่งคล้ายถูกกลืนหายไปกับมัน
“ท่าน...” ถ้อยกระซิบเรียก
หากร่างสูงแกร่งยังคงนิ่งงันดั่งไม่ปรารถนารับรู้สิ่งใด ความเงียบสงัดโรยตัวเนิ่นนาน จวบจนร่างนิ่งงันค่อยๆ หันมาทีละน้อย แสงจันทร์นวลฉาบชโลมทั่วกายา เผยให้เห็นภาพบางสิ่งอันน่าสะพรึงยิ่งกว่า
บุรุษในเสื้อปิดคอแขนยาวกลัดกระดุมทองเม็ดใหญ่ สวมโจงกระเบนสีกากีเขม่นมองกลับ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด และปูดบวมก่ำคล้ายคนร่ำไห้ ขณะเดียวกันก็ล้ำลึกและมืดมิดดุจก้นมหาสมุทร ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่า คือปลายแขนเสื้อขาวสะอาดถูกแต่งแต้มด้วยริ้วรอยด่างดวงของเลือด ซึ่งไหลทะลักจากปากแผลเปิดเป็นสายยาวตั้งแต่ข้อพับด้านในจรดปลายข้อมือ หยดแหมะลงสู่พื้นราวกับชะลอมรั่ว ดวงหน้าคมคายซีดขาว ไร้เลือดฝาดโดยสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะดูอย่างไร ภาพตรงหน้านี้ก็ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับ ‘มนุษย์’ แม้แต่น้อย
หากแต่ผู้มาเยือนกลับมองมันด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ทุกข์ร้อน
“เอ็ง! ไอ้ชาติหมา!” เสียงเย็นก้องสะท้อนในโสตประสาท แต่ครั้นเหลียวมองอีกครั้ง กลับพบเพียงความเปลี่ยวเปล่าบนเก้าอี้ม้าไม้ โดยปราศจากร่างในห้วงคำนึง
ชั่วครู่ต่อมา ดวงตาสีนิลคู่ระยับเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ เมื่อร่างทั้งร่างก็ถูกแรงมหาศาลโถมเข้าใส่จนล้มกระแทกกับผืนเตียง พร้อมกับนิ้วยาวแข็งแกร่งและเย็นเฉียบที่ตวัดโอบรอบลำคอ บีบคั้นหวังปลิดลมหายใจ ดวงตาแดงที่มีเส้นเลือดปูดโปนสะท้อนประกายเคียดแค้น ร่างเย็นซีดพยายามแกะมือที่บีบรัดลำคอออกหากยิ่งขัดขืน แรงบีบคั้นบริเวณต้นคอยิ่งเพิ่มมาขึ้นตาม จนลมหายใจโรยรินขาดห้วงเป็นพักๆ
ร่างสูงแสยะยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ ปลายจมูกคมสันกดประชิดดวงหน้าฝ่ายนั้น ถลึงตาจ้องอย่างแค้นเคือง
“จักฆ่าเอ็ง ข้าจะฆ่าเอ็ง จักทำให้เอ็งทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตาย! เอ็งจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เอ็งเคยทำไว้กับข้า วิญญาณของข้าจักตามจองล้างจ้องผลาญเอ็งทุกชาติไป!” อันเป็นคำปฏิญาณด้วยแรงชิงชัง
เสียงหัวเราะร่วนต่ำ ราวกับคนเสียสติสะท้อนกึกก้องและซ้ำซากอยู่ในหัว มือขาวซีดตะเกียกตะกายปัดป่ายไปทั่ว หวังดิ้นรนให้หลุดพ้นจากเงื้อมือมัจจุราช แต่ทุกอย่างล้วนสูญสิ้นอย่างเปล่าประโยชน์โดยแท้ ร่างโปร่งสำลักไอโครกๆ สายน้ำตาใสระรื่นไหลอาบแก้มเป็นทางด้วยหวาดกลัวและสับสน
“เอาสิ... ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่า มนุษย์ใจทรามเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานอย่างเอ็งจักมีปัญหาดิ้นรนไปอีกนานเท่าใด”
เขาออกแรงบีบขยำลำคอแน่นจนร่างโปร่งกระตุกสั่น ลมหายใจแผ่วๆ พลันขาดห้วงอันตรธานหาย หากความทุกข์ทรมานยังฉายชัดในดวงตาชุ่มน้ำที่เบิกถลน
ริมฝีปากบิดรอยยิ้มเยือกเย็น “จงจำใส่กะโหลกเอาไว้ ตราบใดที่ความแค้นยังมิได้รับการชำระ ตราบนั้นสัตว์นรกอย่างเอ็งจักมิมีวันได้ลิ้มรสชาติของความสุขเช่นกัน!”
ความคิดเห็น