ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ได้พบเธอ [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.พ. 62


      บทที่ 3

     
    "ยินดีที่ได้พบ เทวีแห่งนภา ว่าที่พระชายาแห่งข้า"
    "ห๊ะ!0_0"
                   ผมยืนตะลึงกับคำพูดของเขา เดี่ยวนะ  เขารู้ได้ไงว่าผมเป็นเทวีอะไรนั้น แถมที่บอกว่า 'แห่งข้า'นี่ หมายถึง เขาคือ องค์รัชทายาท!? เอาจริงดิครับ?
                   เขาแย้มริมฝีปากหัวเราะผมเบาๆ แต่ท่วงท่านั้นกลับมีเสน่ห์ จนหน้าหมั่นไส้ ขอตะกุยหน้าสักทีได้ไหมครับ?
    "เจ้าเป็นคนที่คิดอะไรก็แสดงทางสีหน้าหมดเลยนะ ใช่ ข้าคือ องค์รัชทายาท และที่ข้ารู้ว่าเจ้าคือ ว่าที่พระชายาของข้า ก็เพราะ ตามคำทำนาย เทวีต้องมีปานรูปพระอาทิตย์ที่ต้นคอ ต้องมีกลิ่นกายหอมอบอุ่นเหมือนแสงแดดยามอรุณ ซึ่งเจ้าตรงกับคำทำนายทุกประการ ที่สำคัญ เจ้ายังใส่ชุดเข้าพิธีเข้าเฝ้าแบบเต็มยศน่ะสิ"   
                   เขาบอกผมยิ้มๆ แววตาเป็นมิตร แต่คำพูดชวนตะกุยหน้าสุดๆ
     เออ! ผมลืมเปลี่ยนชุด จะบ้าตาย ไอ้กันต์เอ๊ย!! เอ็งมันเซ่อจริง
                   ผมตบหน้าผากตัวเองด้วยความเซ็งในความซื่อบื่อของตน ก่อนจะนึกได้ว่า ผมไม่มีปานนี่ แล้วไอปานกับกลิ่นที่เขาพูดถึงมันคืออะไรล่ะนั้น?
    "นี่ ผมไม่มีปานอะไรนั้นสักหน่อย แล้วก็ไอกลิ่นหอมที่นายว่ามันคืออะไร?"
    "ทำไมเจ้าจะไม่มีปานกันเล่า? ก็ที่ต้นคอเจ้านั้นไง ส่วนกลิ่นหอม ก็ตัวของเจ้าไงที่หอมระรื่นใจ"
                   แววตาของเขาตอนที่พูดมันอ่อนโยน และหวาบวาม คือถ้าผมเป็นผู้หญิงก็คงละลายแทบเท้าเขาแล้วล่ะ แต่เสียใจ ผมเป็นผู้ชาย เพราะงั้น ผมเลยรู้สึกขนลุกขนพองอยู่เนี้ยยยยยย
     "ว่าแต่ ทำไมนาย เอ่อ ท่าน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ล่ะ?"
     "ข้าเพียงแค่มาเดินเล่น แล้วเจ้าล่ะ กำลังหนีรึ?"
                   ง่ะ รู้ได้ไงฟ๊ะ!
     "ผมเปล่า... เอ่อ จริงๆก็หนีแหละ ก็ใครมันจะไปอยู่ล่ะ จู่ๆก็โดนจับให้เป็นพระชายา ผมเป็นผู้ชายนะ ผู้ชายอ่ะ ได้ยินไหม ผู้ชายที่ไหนจะยอมแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันเองเล่า โหยยยย แค่คิดก็..หยึย หยะแหยงง่ะ"
                   ผมพูดพลางลูบแขนตัวเองไปด้วย ไม่เอาเด็ดขาดอ่ะ อ๊ะ! พอผมหันไปมองเขาก็ดันเห็นเขาทำหน้าไม่ดีอยู่ เอ่อ นี่ผมพลาด พูดอะไรแย่ๆไปสินะ อ้า... ทำไมไงดีล่ะนั้น
    "การต้องเป็นพระชายาของข้า มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยรึ เจ้ารังเกียจข้าถึงเพียงนั้นเลยรึ"
                   เห้ย! พูดธรรมดาก็ได้ ไม่ต้องส่งสายตาตัดพ้อขนาดนั้น โห เล่นเอาผมไปไม่เป็น ใจอ่อนเลยเนี้ย
    "เอ่อ คือ...ผมไม่หมายความว่าแบบนั้น ไม่ได้รังเกียจ อ่า...จะว่าไงดี ตั้งตัวไม่ทันมั้ง"
                   ผมพยายามจะอธิบายแต่ไม่รู้จะใช้คำไหนดี ก็คิดดูสิ ผมเป็นเด็กผู้ชายหน้าจืดธรรมดาๆ ที่ไม่เคยจีบสาวสักคน อยู่ๆก็หลุดมาโลกแฟนซี อยู่ๆก็โดนบอกให้แต่งงานกับผู้ชาย แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นถึงองค์รัชทายาทสุดหล่อ ที่กำลังส่งสายตาตัดพ้อให้ผมอยู่เนี้ย ใครมันจะรับไหวล่ะโว้ยย!!
    "เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไม่เร่งรัด ถ้าเจ้าไม่พร้อม ข้าจะไปทูลเสด็จพ่อเองว่าให้เลื่อนพิธีอภิเษกออกไปก่อน ดีหรือไหม?" 
                   เขาพูดพลางยิ้มใจดีให้ผม เอาจริงๆนะถ้าผมเป็นเหมือนพวกตัวเอกในนิยายแฟนซีหลุดโลก คงหลงเขาไปแล้วล่ะ คนบ้าอะไร หล่อ ดูอ่อนโยน แถมเป็นถึงองค์รัชทายาท แต่เผอิญผมดันเป็นแค่คนธรรมดา เลยแค่เผลอรู้สึกดีนิดหน่อย ที่มีคนมาใส่ใจความรู้สึกเราแบบนี้ แถมผมเองก็ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ไม่รู้ว่าเขา จริงๆแล้วเป็นคนยังไง อาจจะเป็นมีด้านมืด เป็นพวกซาดิส หรือตีสองหน้า หรือพวกเลือดเย็นไรงี้แอบซ่อนอยู่ก็ได้ ใครจะไปรู้ ก่อนผมจะฟุ้งซานไปมากกว่านี้ เขาก็พูดขึ้น
     "กันต์ ข้าว่าเราควรจะไปพบเสด็จพ่อและเสด็จแม่ข้าได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเจ้าจะดูไม่ดีนะ"
     "เออะ นั้นสิ จริงด้วย งั้นไปกันเถอะครับ อ๊ะ...เอ่อคือ แหะๆๆ ทะทางไหนเหรอครับ?"
     "ฮะๆ ทางนี้" เขาหัวเราะ แล้วจูงมือผมเดิน 
                   คือ บอกเฉยๆก็ได้มั้ง ไม่ต้องจูงมือก็ได้ จะบอกโดนแตะอั้งก็พูดได้ไม่เต็มปาก ก็แบบเขาดูเป็นธรรมชาติมาก คงแค่กลัวผมหลงมั้ง เออ ใช่ก็สวนมันกว้างนี่เนอะ 
                     ระหว่างที่ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปลื่อย เราก็มาถึงหน้าห้องท้องพระโรงแล้ว เขาปล่อยมือแล้วช่วยผมจัดเสื้อผ้า ก่อนจะยิ้มให้ผม คนบ้าอะไรยิ้มเรี่ยราดขนาดนี้ แต่ดันไม่น่าเกลียดอ่ะ อิจฉาว่ะ ยิ้มแล้วแม่งดันดูดีอีกเนี้ยสิ เฮ้อ~
     "ไปเถอะ"
                        เขาเดินนำเข้าไป ในท้องพระโรงกว้างมีผู้คนมากมายรอการมาถึงของผมกับองค์รัชทายาทอยู่ บนเก้าอี้บัลลังก์ทำจากทอง บุด้วยผ้าหนังอย่างดีที่ตั้งตระหง่าน มีชายกลางคนหน้าตาหล่อเหลาราวเทพเซียน ถึงมีร่องรอยตามวัยอยู่บ้างก็ไม่ทำให้เขาดูสง่างามน้อยลง อ่า..สมกับเป็นพระราชาและพ่อลูกกับคนเป็นองค์รัชทายาท ส่วนข้างๆพระราชา ก็มีหญิงสาวที่หน้าตาน่ารัก ดูงดงามบอบบางเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง ถ้าดูจากตำแหน่งการนั่งแล้วคงเป็นพระราชินี แต่ดูแล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นแม่คนได้ ดูเด็กมาก เอ๊ะ!หรือไม่ใช่แม่แท้ๆนะ อืมๆๆ เป็นไปได้ ถัดจากราชินี ทางด้านขวาก็มีชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม หน้าคล้ายกับพระราชาเล็กน้อย ท่าทางดูดีมีออร่าถึงจะไม่เท่าคนข้างๆผมก็เถอะ แต่คงเป็นองค์ชาย ไม่ก็เชื้อพระวงค์สักคน   ส่วนทางซ้ายของพระราชาก็มีผู้ชายอีกคนที่น่าจะมีอำนาจ ดูหน้าตาเขร่งขรึม แต่ออกแนวเจ้าเล่ห์ไปนิด ข้างๆกันก็มีคุณธารายืนอยู่ ทุกคนหันมามองผมแบบสำรวจ องค์รัชทายาทแตะหลังผมนิดๆเป็นเชิงให้ผมเดินไปข้างหน้า ก่อนจะเดินไปยืนตรงหน้าพระราชา แล้วคุกเข่า ทำให้ผมต้องรีบตามไปคุกเข่าข้างๆเขา
    "ถวายบังคม พะยะคะ เสด็จพ่อ ลูกต้องขออภัยที่มาช้า พอดีลูกไปเจอว่าที่พระชายาระหว่างทาง เลยเสียเวลาสนทนากันเล็กน้อยน่ะพะยะคะ"
    "เอาเถอะ ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะ รังสิมันต์ เจ้าก็ด้วยนะ กันต์"
    "ขอบพระทัยพะยะคะ" ผมและองค์รัชทายาทที่เพิ่งรู้ว่าชื่อ รังสิมันต์พูดพร้อมกัน 
    "กันต์ เจ้าเข้ามาใกล้เราหน่อยสิ ให้เรากับราชินีได้เห็นเจ้าชัดๆ"พระราชาตรัสกับผมพลางแย้มยิ้มให้อย่างใจดี อ่า..นี่สินะลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อกับลูกยิ้มแบบเดียวกันเด๊ะ 
                   ผมเดินเข้าไปใกล้พระราชา ให้พระองค์ทอดพระเนตรให้ถนัด พระราชาและพระราชินียิ้มรับด้วยความดีใจ ทั้งสองพระองค์ดูใจดีมาก จนผมเผลอผ่อนคลายลง 
    "เอาล่ะ เราว่าเราจะจัดงานอภิเษกให้พวกเจ้าภายในอาทิตย์หน้า พวกเจ้าว่าเช่นไรบ้าง?"
                   ห๊ะ!!! What!? อาทิตย์หน้า บ้าไปแล้ว ผมตกใจจนเผลอทำหน้าเหวอออกไป แต่องค์รัชทายาทกลับดูมีสติ พลางควบคุมสีหน้าให้ดูสงบได้อย่างหน้าประหลาด เขาไม่ตกใจหรืออะไรบ้างเลยหรือไงนะ
    "ขอประทานอภัยพะยะคะ เสด็จพ่อ ลูกว่างานอภิเษกควรเลื่อนออกไปก่อนพะยะคะ"
    "ทำไมเล่ารังสิมันต์ เทวีในคำนายมาถึง เราก็ควรจัดงานให้เร็วที่สุดมิใช่หรือ เจ้าจะบ่ายเบี่ยงทำไม" 
    ตอนแรกผมคิดว่าพระราชาจะโกธรที่องค์รัชทายาทขัดพระทัยเสียอีก โชคดีที่ดูแล้วพระองค์ไม่ได้โกธรอะไร แค่ตรัสถามถึงเหตุผลเท่านั้น
    "ลูกมิได้บ่ายเบี่ยงพะยะคะ เพียงแค่ กันต์เพิ่งมาถึง ยังคงสับสนหลายๆอย่าง อาจจะปรับตัวได้ยากหากเร่งรีบเกิน อีกทั้งเราควรให้เวลากันต์ได้ศึกษาความเป็นอยู่ของอาณาจักร ได้ทำความรู้จักการวางตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาของลูก จะได้มิเป็นที่ครหาของผู้อื่นได้พะยะคะ" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ทั้งๆที่เขากำลังช่วยผมอยู่ ทำไมผมรู้สึกเหมือนโดนว่าเรื่องการวางตัวเลยนะเนี้ย ฮะๆๆ
    "ก็จริง อย่างที่เจ้าว่า แล้วเจ้าละ ต้องการเช่นไร กันต์?"ผมที่อ้าปากค้างอยู่รีบหุบปากควบคุมสีหน้า แล้วตอบพระราชาไปอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่ในเมื่อองค์รัชทายาทอุสาห์ช่วยผมขนาดนี้ จะให้ผมเงียบอยู่ไม่ได้
    "คระ..เอ่อ พะยะคะ กระหม่อมเห็นด้วยกับองค์รัชทายาทพะยะคะ กระหม่อมไม่เคยได้ใช้ชีวิต เอ่อ..ในพระราชวังมาก่อน เลยไม่ค่อยรู้เรื่องมารยาทหรือคำพูดจาเท่าไหร่ อาจเป็นที่ครหาได้อย่างที่องค์รัชทายาทพูด เอ๊ย ตรัสพะยะคะ"
    พอพระราชาได้ยินดังนั้น พระองค์ก็เงียบแล้วมองสำรวจผมสลับกับองค์รัชทายาทสักพัก ดูเหมือนพระองค์พอจะเข้าใจความรู้สึกของผมกับเขาที่ยังตั้งตัวไม่ได้ ไม่ได้สนิทใจกันจนจะแต่งงานกันได้ 
     "เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นเราจะเลื่อนการอภิเษกออกไปอีก 1 ปี ในระหว่างนั้นเราจะให้เจ้ากับกันต์หมั้นกันไว้ก่อน อีกอย่างรังสิมันต์ เจ้าต้องเป็นคนสอนการเป็นอยู่ การวางตัวทุกสิ่งให้กับกันต์ด้วยตนเอง เช่นนี้ดีหรือไหม" พระราชาทรงตรัสด้วยท่าทางใจดี ทำให้ผมผ่อนคลายลง สงสัยพระองค์คงอยากให้ผมกับเขาสนิทกันมากขึ้น ไม่ก็กลัวผมหนี เลยส่งเขามาประกบผม 
    "วันนี้พอแค่นี้เถอะ กันต์เพิ่งมาถึงคงจะเหนื่อยและอยากพักเต็มที ข้าเองก็คงต้องขอตัวไปทำราชกิจต่อ รังสิมันต์เจ้าพากันต์ไปพักเถิด พวกเจ้าก็เช่นกัน เราจะทำงาน พวกเจ้าที่มาแค่อยากดูหน้าลูกสะใภ้เรา กลับไปได้แล้ว อ้อ แต่ท่านนักบวชธารา ท่านอยู่ก่อน เรามีเรื่องจะหารือด้วย"พระราชาตรัสกับองค์รัชทายาทก่อนจะ หันไปส่งกับพวกขุนนางที่ยืนอยู่
    "พะยะคะ"ทุกคนขานรับคำตรัสของพระราชาก่อนจะทยอยกันออกจากห้องไป องค์รัชทายาทพาผมเดินไปที่ห้องที่จัดไว้ให้ผมพัก 
    "เอ่อ...องค์รัชทายาท คือ ผมมีเรื่องอยากจะถาม..."เขาหยุดเดินแล้วหันมาหาผม พลางทำหน้าหล่อใส่ผม
    "เรียกข้า รังสิมันต์เถอะ และเจ้าไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับข้าหรอกนะ" ผมสะดุ้งนิดๆที่เขายิ้มใส่พลางให้ผมเรียกชื่อของเขาเฉยๆอย่างนั้น
    "ครับ..เอ่อ ผมถามจริงๆนะ รังสิมนต์ไม่รู้สึกแปลกๆบ้างเหรอที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายอย่างผม หรือที่นี้ผู้ชายแต่งงานกันได้เป็นเรื่องปกติ"
    "ไม่หรอก ที่นี้ชายแต่งกับหญิง การที่ชายจะแต่งกับชายไม่ใช่เรื่องที่แพร่หลายเท่าใดนัก"
    "อ้าว! แล้วทำไมทุกคนดูไม่คัดค้านที่ผมที่เป็นผู้ชายต้องแต่งงานกับรังสิมันต์เลยล่ะ รังสิมันต์เองก็เถอะ แล้วยิ่งรังสิมันต์เองต้องขึ้นเป็นพระราชาด้วยอีก ไหนจะเรื่องลูกที่จะต้องสืบทอดอีก ผมท้องไม่ได้หรอกนะ แล้ว แล้ว..."ก่อนที่ผมจะความมโนไปไกลกว่านี้ รังสิมันต์ก็หัวเราะขึ้น 
    "หัวเราะทำไมเนี้ย ผมจริงจังนะครับ!!"
    "ฮะ ฮะ ฮะ ข้าขออภัย ไม่มีใครคัดค้านหรอก ในเมื่อเจ้าคือเทวีแห่งนภาในคำทำนาย ผู้ที่จะนำพารุ่งโรจน์ให้แก่อาณาจักรแห่งนี้ ส่วนข้านั้น.."เขาหยุดพูดเพียงเท่านั้น เนื่องจากระหว่างที่คุยกัน เราก็มาถึงหน้าห้องของผมแล้ว เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผม ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงแผ่ว แต่ทว่าชัดเจนมากในความรู้สึกของผม
    "ข้าจะคัดค้านด้วยเหตุใด ในเมื่อข้าเต็มใจ และรอคอยเจ้ามาตลอด...กันต์ ผู้เป็นที่รักแห่งข้า" พอพูดจบเขาก็ยิ้มกระชากใจอีกหนึ่งที ก่อนจะทิ้งให้ผมยืนเอ๋ออยู่หน้าห้องไปอีกหลายนาที
    WHAT!!! ใครก็ได้บอกผมที นี่ผมโดนว่าที่สามีจีบอยู่เหรอครับ?! 
    ........................................
    รังสิมันต์เต๊าะเบาๆไปที และต่อจากนี้พระเอกเราจะค่อยๆเต๊าะน้องกันต์ไปเรื่อยๆ จนกว่าน้องจะใจอ่อน 555
     
                               *** เรากลับมาแล้วค่ะ หลังจากหายไปหลายปี เรามีเรื่องให้ทำให้คิดจนไม่ได้แต่งนิยายต่อเลย ตอนนี้เราเคลียร์ตัวเองได้แล้ว เลยว่าจะมาแต่งเรื่องนี้ต่อ เรารู้สึกผิดที่หายไป ตอนแรกก็ไม่กล้ามาแต่งต่อ แต่เราเสียดายเรื่องนี้ และยังลังเลอยู่ เพราะการที่เราหายไปนาน เราโตขึ้นเจอเรื่องอะไรเยอะแยะ ทำให้มุมมองบางอย่างเราเปลี่ยนไป 
    ถ้าเราแต่งต่อ สำนวนกับโครงเรื่องจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย
                                  เราต้องขอโทษนักอ่านทุกท่านนะคะ ยังมีใครรอที่จะอ่านเรื่องนี้อยู่หรือเปล่า(ถึงแม้มันจะผ่านมานานมากก็เถอะ55) ถ้ายังมีคนสนใจนิยายเรื่องนี้ คอมเม้นต์ให้เรารู้หน่อยนะคะ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×