คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1
บทที่1
ผมเป็นเด็กหนุ่มม.ปลายธรรมดา เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี ตัดผมรองทรง ผิวขาวตามเชื้อสายจีน หน้าตาธรรมดาค่อนไปทางหวาน ผมดำ ตาดำ ร่างกายก็สมส่วน ตามมาตรฐานชายไทย ไม่อ้วนไม่ผอมอะไร เป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาที่มีปัญหาในใจ แต่ก็เป็นเรื่องปกติทั่วไป ใช้ชีวิตปกติไปโรงเรียน เรียนหนังสือ เล่นกับเพื่อน เล่มเกม ใช้ชีวิตไปวันๆ จนกระทั้ง..เหตุการณ์หนึ่งได้เปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล
ก่อนอื่น ผมขอเล่าเรื่องราวของผมก่อนล่ะกัน ผมชื่อ กันต์ กันต์ที่แปลว่าที่รัก แต่ผมไม่ได้เป็นที่รักตามชื่อของผมหรอกนะครับ พ่อกับแม่ของผมหย่าร้างกันตอนผมอายุได้ 10 ปี
ผมอาศัยอยู่กับแม่ แม่ของผม ท่านเป็นหมอ มักจะงานยุ่งอยู่เสมอเลยไม่ค่อยมีเวลาให้ผม ผมถูกเลี้ยงด้วยเงิน ถ้าพูดแบบนั้นคงไม่ผิดเท่าไหร่ แต่ผมก็รักแม่ของผมมากๆ ท่านสอนให้ผมเป็นผู้ใหญ่แม้ผมจะทำไม่ค่อยได้ก็เถอะ ฮะ ฮะ
และท่านค่อนข้างเข้มงวดกับผมเสมอ จนบ้างครั้งผมก็แอบรู้สึกว่าผมไม่เคยทำอะไรถูกหรือดีเลยในสายตาท่าน แต่ก็ช่างเถอะ ผมชินเสียแล้ว
ที่จริงผมก็มีพี่ชายอีกคนนะครับ แต่เป็นพี่ชายต่างพ่อ พี่อายุห่างจากผม 6 ปี เราไม่สนิทกันเลยล่ะ แต่ก็พอมีคุยกันอยู่บ้างเหมือนกับแค่คนรู้จักกัน
พี่โดนแม่ทิ้งให้อยู่กับพ่อของพี่ตั้งแต่เด็กๆเหมือนกัน แต่พี่ก็ติดต่อกับแม่อยู่เสมอ แม้ไม่บ่อยก็ตาม พี่ของผมเป็นคนที่เก่งมากๆ พี่สอบติดคณะแพทย์ด้วยคะแนนอันดับ 1 พี่เป็นคนขยัน ต่างกับผมที่ติดเล่นและค่อนข้างขี้เกียจ แม่มักจะชมพี่เสมอๆ แม้ท่านไม่ได้พูดว่าทำไมผมเหลวไหลต่างจากพี่ ทำไมผมไม่เก่งเหมือนพี่ แต่ท่านก็จะพูดถึงความขยันและความเก่งของพี่ให้ผมฟังเสมอแทน และมักจะเคี่ยวเข็นให้ผมเรียนเก่งๆทั้งที่ไม่ว่าผมจะพยายามแค่ไหนก็ไม่เคยเทียบพี่ชายได้ ในด้านการเรียน ผมไม่โดดเด่นในด้านไหนเลย เลยไม่ค่อยจะถูกแม่ชมเท่าไหร่
อ่ะ! อย่าเพิ่งคิดว่าผมจะเกลียดพี่นะครับ ผมชื่มชมและภาคภูมิใจที่มีพี่ชายแบบนั้นสุดๆเลยล่ะ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าผมอิจฉาพี่ชาย ผมอยากจะเก่ง อยากขยัน อยากให้แม่ชมผมเหมือนที่ชมพี่ และที่สำคัญ ผมอยากเข้มแข็งแบบพี่ พี่เลือกจะไม่ใส่ใจความแตกแยก ไม่เก็บเรื่องราวของแม่มาคิดให้เศร้าใจ ไม่มานั่งเหงาแบบผม
ส่วนพ่อของผม ตั้งแต่แยกทางกัน ท่านไม่เคยติดต่อมาหาผมเลยแม้แต่น้อย ผมเองก็จำไม่ค่อยได้แล้วว่าพ่อหน้าตายังไง
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจำได้ไม่เคยลืม ก็คือ..คำว่า “รัก” ที่พ่อเคยพูดกับผมไว้ก่อนจะเลิกกับแม่ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมเกิดมา ที่พ่อบอกรักผม และเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน ผมรู้ดีว่าคำพูดนั้น เป็นเพียงคำพูดที่ท่านพูดเพียงเพื่อรั้งไม่ให้พวกผมไป เพราะถ้าพวกผมไปท่านจะลำบาก พ่อไม่เคยรักใคร ไม่สิ ท่านแค่รักตัวเองมากกว่าใครๆทั้งหมดเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้น ถึงผมจะรู้ จะเข้าใจดี แต่ก็ไม่เคยลืมคำๆนี้ได้เลย ผมแสดงว่าผมไม่เป็นอะไร ทำตัวเข้มแข็ง แต่ในใจผมรู้ดี ผมอยากจะอยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้าพร้อมตา ผมรักท่านทั้งสองมาก ผมรู้ว่าขืนดันทุรังให้พวกเราอยู่ด้วยกันก็มีแต่จะทำร้ายกันไปมากกว่านี้ ผมจึงทำเป็นเข้มแข็ง แล้วก็อยู่กับแม่ โดยไม่ว่าอะไรทั้งนั้น
ผมยึดแม่เป็นหลักสุดท้าย ผมไม่เหลือใครนอกจากแม่ ผมคิดแบบนั้น..เราอยู่ด้วยกันสองคน จนกระทั้ง ผมอายุ 15 ปีแม่ก็มีแฟนใหม่ เขาเข้ามาในฐานะพ่อเลี้ยงของผม เขาเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่งเลย ผมรู้และเข้าใจดี เพื่อความสุขของแม่
ผมจึงยอมอีกครั้งที่ให้เขาก้าวเข้ามาในชีวิต ผมคิดว่าผมจะเปิดใจยอมรับและเข้ากับเขาได้ แต่ผมคิดผิด สุดท้ายผมก็ทำใจไม่ได้ ผมเริ่มน้อยใจ เริ่มคิดว่าเขากำลังแย่งแม่ของผมไป เวลาของแม่ที่ให้ผมน้อยอยู่แล้วยิ่งน้อยลงไป จนทุกวันนี้ผมคุยกับท่านไม่เคยเกินวันล่ะ ครึ่งชั่วโมง ไม่สิ ส่วนใหญ่ผมได้คุยกับพวกท่านแค่ไม่ถึง 10 ประโยคด้วยซ้ำ
มันก็เพราะผมเอง ผมเริ่มเก็บตัว ไม่เข้าหาพวกท่าน เพราะเวลาผมอยู่ ผมรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นส่วนเกิน และผมมักจะทำตัวไม่ดี ผมไม่ชอบตัวเองในตอนนั้นมาก เลยเลือกที่จะถอยออกมา เพื่อไม่ไปทำลายความสุขของทั้งสองคน อ่า...นี่ผมเล่าเรื่องอะไรไม่รู้มานานเกินแล้วสินะ เอาล่ะ
เรื่องราวของเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล..เริ่มขึ้นเมื่อ ตอนที่ผมอายุ 17 ปีใหม่ๆ ผมต้องย้ายบ้านเป็นครั้งที่ 13 ในช่วงเวลา 17 ปี ที่ผมเกิดมา ผมต้องย้ายบ้านบ่อยๆไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ก็เพราะแบบนั้นผมเลยไม่มีเพื่อนสมัยเด็กหรือเพื่อนสนิทเลยสักคน จนผมเองก็ไม่รู้วิธีผูกมิตรกับเพื่อนบ้าน ผมหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน อยู่กับตัวเอง อยู่ตัวคนเดียวเสมอ..
บ้านใหม่สวยและน่าอยู่มาก เป็นบ้านหลังกลางๆสไตล์ยุโรปสีขาว มีสวนดอกไม้สวยๆอยู่ข้างหลังบ้าง และมีต้นดอกแก้วที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอม ชวนหลงใหล ผมชอบธรรมชาติและงานศิลปะ พอเห็นบ้านทำให้ผมแทบอยากจะเอาเฟรมผ้าใบกับสีน้ำมานั่งวาดรูปมากๆ แต่ก่อนที่ผมจะได้ทำ แม่ของผมที่เป็นหญิงสาววัยกลางคน ที่ดูดีและมาดเนียบก็เดินเข้ามาหาผมซะก่อน ท่านทำหน้าไม่ชอบใจพลางดุผมด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“กันต์ทำไมยังไม่ไปเก็บของในห้อง? แม่บอกแล้วใช่ไหมว่ามันรก อย่าให้แม่บ่นมากได้ไหม ช่วยแม่หน่อยสิ แม่เหนื่อยรู้ไหม”
“อ่า..ครับๆ”
ผมรับคำแล้วรีบหลบไปเก็บห้อง ห้องของผมเป็นห้องสีขาวนวลเล็กๆบนชั้นสอง มีระเบียงติดกับสวนหลังบ้าน เป็นห้องที่ผมถูกใจสุดๆเลยล่ะ ผมเริ่มลงมือเก็บของจนเสร็จ เวลาก็ผ่านไป ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มเสียแล้ว ผมเริ่มรู้สึกหิว เลยเดินลงมาข้างล่าง ก็พบกระดาษโน๊ตที่แม่ตั้งไว้ว่า
แม่ไม่อยู่นะ ออกไปข้างนอกกับแด๊ด ไม่ต้องรอ หาอะไรกินเลย แม่ตั้งเงินไว้ให้แล้ว
อ่า..แด๊ดก็คือพ่อเลี้ยงของผมเอง ท่านเป็นคนต่างชาติน่ะ
ผมหยิบเงินขึ้นมาใส่กระเป๋าด้วยความเซ็งและเบื่อ ก็ผมขี้เกียจเดินออกไปนี่ ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย แล้วอีกอย่างผมอยากวาดรูปสวนด้วย แต่ถ้าออกไป กว่าจะถึงบ้าน คงค่ำแล้ว แต่เอาเถอะ ดีกว่าไม่มีอะไรกิน
ผมเดินออกจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปเซเว่นหาอะไรประทังท้อง ผมเลือกจะหยิบนมช็อกโกแลตมาหนึ่งขวด และสปาเก็ตตี้เซเว่นหนึ่งกล่อง ส่งให้พี่พนักงานเซเว่นคนสวยอุ่นให้แล้วหยิบขนมกาแฟ ชาอีกพอควร ผมจ่ายเงินเสร็จก็เดินออกมาพลางดูดนมช็อกโกแลตขวดใหญ่อย่างมีความสุข ผมเดินเรื่อยๆมาจนถึงบ้าน แต่ก่อนจะเข้าบ้านผมก็เลือบไปเห็นป่าสวยๆด้านหลังเสียก่อน
ไหนๆก็ออกจากบ้านแล้วเข้าไปสำรวจสักหน่อยดีกว่า เอาไว้เป็นที่สถิตเวลาผมอยากอยู่คนเดียวในบรรยากาศที่ไม่ใช่บ้าน ผมตัดสินใจเดินตรงไปทางด้านป่า ผมฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ รอบข้างตัวมีบรรยากาศเงียบสงบและมีกลิ่นอายของธรรมชาติ ทำให้นึกอยากพกดินสอกับสมุดสเก็ตมาด้วย ผมเดินเรื่อยๆ จนรอบตัวเริ่มเปลี่ยนไป ผมเริ่มรู้สีกแปลกๆ ก็เลยหันมองไปรอบข้าง ผมว่าผมเข้ามาในป่าไม่ลึกนะ แต่ทำไม รอบตัวผมมันเหมือนอยู่กลางป่าก็ไม่รู้
เดินกลับดีกว่า
ผมหันหลังไปเพื่อจะเดินกลับ ก็เห็นในสิ่งที่ทำเอาผมแทบเสียสติ ก็แทนที่จะเป็นทางเข้าป่าที่เข้ามา กลับกลายเป็นเมืองนะสิ!! แถมเป็นเมืองแฟนตาซีซะด้วย
รู้ได้ไงน่ะเหรอ ว่าแฟนตาซี ลองเห็นคนขี่มังกรบินเหนือหัว แถมด้วยผู้คนใส่ชุดแปลกๆ อ้อ ไม่นับพวกเอ่อ...คนหูสัตว์ เห็นอย่างนี้ คุณยังจะคิดไหมครับ!! ว่าไม่แฟนตาซีน่ะ นี่ผมฝันไปรึเปล่าเนี้ย
ผมบีบแก้มตัวเองดูก็เจ็บสุดๆ แสดงว่าไม่ฝัน อ้าว!! แล้วผมมาที่นี้ได้ยังไง แล้วผมจะกลับยังไง
ตอนที่ผมกำลังยืนงงอยู่ ก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งที่ใส่ชุดขาวแถมมีเสื้อคลุมปิดหน้าปิดตาสีขาวสว่างแสบตาเข้ามาหาผมพลางก้มลงเหมือนจะทำความเคารพอีก... ใครก็ได้ บอกผมทีว่านี่ เกิดอะไรขึ้น!?
ผมถูกคนพวกนั้นลากมากอย่างมึนๆจนถึงปราสาทแสนหรูหรา กลางเมือง ลากเข้าไปในห้องโถงขนาดใหญ่ ผมได้แต่เดินตามพวกเขาแบบมึนๆเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกบวกกับยังช็อคที่เห็นอะไรแฟนตาซีสุดๆ ผู้คนในห้องโถงใหญ่นั้นหันมามองผมอย่างตกใจ ก่อนจะชี้ไม้ชี้มือมาที่ผม พลางพูดจาอะไรไม่รู้มากมาย ที่ผมจับความได้แค่ว่า ผมเป็นคนในคำทำนายที่ถูกส่งมาเพื่อเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท ว๊อท! ใครก็ได้ ช่วยบอกผมที นี่มันเรื่องอะไรกัน~~
ความคิดเห็น