ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฺBeauty Prince ยัยอสูรตัวร้ายกับเจ้าชายโฉมงาม

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 01 : ศตรูหน้าหวาน

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 52


     



    ตอนที่ 01 ศัตรูหน้าหวาน




     

                มีแต่คนบอกว่าฉันน่ะหวังในสิ่งที่สูงเกินไป

    แต่ผิดด้วยเหรอ...ที่ฉันอยากจะสวยบ้าง

                    เฮ้! ยัยขี้เหร่เสียงแหลมๆดังขึ้นมาจากด้านหลัง ฉันที่กำลังล้างมืออยู่กลอกตาขึ้นมองเพดานแล้วก็หันไปด้านหลัง ปรากฏเป็นร่างสามร่าง พวกเธอคือผู้หญิงสามคนที่แต่งตัวจี๊ดชนิดดาราญี่ปุ่นยังอาย หน้าก็โบ๊ะหนาซะเหมือนงิ้ว

                    ทำไม! มองหน้าหาเรื่องเหรอ!!”

                    โถ~ซ็อกเกอร์ แค่เรามาทัก ยัยนี่ก็กลัวจนหัวหดแล้ว ผู้หญิงตัวสูงๆ สัดส่วนได้รูปราวกับนางแบบจีบปากจีบคอพูดพร้อมหันไปพยักพเยิดกับเพื่อนข้างๆ ที่แต่งหน้าหนากว่าใครเพื่อน

    จ้ะ เมคอัพก็ว่างั้น เราอย่าไปหาเรื่องเขาเลย หน้าตาก็ขี้เหร่ ต๊าย ดูสายตาที่มองมาสิ หยาบกระด้าง! ไร้สมบัติผู้ดี!!!”

                    ฮ่าๆๆๆๆๆ

                    มีแต่พวกตัวร้ายงี่เง่าๆในหนังตลกเท่านั้นล่ะที่หัวเราะมุกแป้กๆของพวกตัวเอง

                    ซู่...

                    เสียงของเหลวกระทบกับใบหน้าพาให้ชาไปทั้งตัว ฉันค่อยๆยกมือขึ้นลูบผมและดวงหน้าที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ...ในห้องส้วม แม่สามสาวพวกนั้นยิ้มเยาะแล้วก็ขว้างขันใส่หน้าฉัน ดีที่ว่าฉันยังหลบทัน

                    บ้าจริง...อย่านิ่งสิ สู้สักหน่อยสิเพชรนิล...

                    ฉันไม่ฟังที่แกพูดหรอก! ยัยอัปลักษณ์!!!”

                    พวกนั้นกระแทกประตูห้องน้ำหญิงใส่ฉันแล้วก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ฉันจ้องหน้าตัวเองในกระจกอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนกระทั่งตระหนักได้ว่าสิ่งที่ควรทำคือ...ล้างหน้าเสียก่อน

                    ทำไม

    ฉันกำหมัดแน่น...เงยหน้าขึ้นมองคนในกระจก

                     แล้วจึงเห็นดวงหน้าด่างเป็นหย่อมๆและขรุขระเพราะสิวเสี้ยนที่เลี่ยงไม่ได้เพราะฉันเป็นคนผิวมัน แค่ผมฟูเป็นรังนก เบาไร้น้ำหนัก และเพราะผมที่ต้องเอาลงมาปิดบังความขี้เหร่ทำให้หน้าคล้ายผีจูออน แค่แต่งตัวทึนทึกไม่เคยแตะเครื่องสำอาง แค่ปากแบะเป็นปลากะโห้กับมีถุงใต้ตาบวมช้ำ...แค่นั้นเอง

                    มันทำให้ฉันต้องโดนกลั่นแกล้งขนาดนี้ด้วยเหรอ

                    ฉัน...ผิดอะไรนักหนาล่ะ





     

                กรี๊ดดด!!! ไทเปมาอ่ะแก...อั่ก! แกตบฉันทำไมวะ

                ฉันทำเป็นเสมองทางอื่นไม่รู้ไม่ชี้เมื่อไอ้เพื่อนรักหันมาโวยหาคนผิดที่ตบหลังมันซะจุก พอตัวการอย่างฉันแกล้งเป็นก้มลงกินข้าวก็เลยได้แต่มุ่ยหน้า แล้วคนอย่างนางสาวเพชรนิลเรอะจะสน

                    หลังจากผ่านการชำระหน้าด้วยน้ำในส้วม -_- ดีที่ยัยพวกนั้นยังมีจิตสำนึกพอไม่ตักน้ำในโถขึ้นมา และใช้น้ำในถังแทน แต่ถึงกระนั้นฉันควรจะดีใจมั้ยล่ะ? ต้องเดินตัวเปียกไปขอผ้าเช็ดตัวของพวกนักกีฬาห้องพละ! พอเช็ดตัวจนแห้งออกมาโรงอาหารก็ต้องเจอกับ ไทเปที่เพื่อนฉันกรี๊ดแทบเป็นแทบตายอีก!

                    จะให้ไปฟ้องอาจารย์...ก็จัดการได้พักเดียวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวยัยพวกนั้นก็มาแกล้งฉันอีก ฉันก็รู้อยู่ว่าสู้พวกนั้นไม่ได้ แม้แต่ไอ้เพื่อนซี้ของฉันที่นั่งบ่นอยู่ข้างๆยังไม่กล้ายุ่งเลย แต่ปากฉันมันก็ยังทำงานได้ไม่เลือกที่ อดจะต่อว่าพวกนั้นกลับไปไม่ได้ พอมันเป็นแบบนี้ฉันจึงต้องยอม...เลิกแล้วต่อกัน

                    คนข้างๆพูดขึ้นมาถึงบุคคลที่สามอีกคนหนึ่ง เมื่อไหร่แกจะเลิกอิจฉาเขาวะ

                    เมื่อเขาเลิกสวยไง

                    รอแกเลิกขี้เหร่ก่อนเถอะงั้น

                    ก็แปลว่าตานั่นมีโอกาสเลิกสวย

                    พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นเหอะจ้ะ แม่คนสวย...สวยตายอ่ะ!” ป๊อกกี้ อ้อ ชื่อเพื่อนฉันเองล่ะ พูดพลางยกมือขึ้นขยับแว่น แม่นี่ที่จริงก็พอจะน่ารักอยู่เหมือนกัน ตากลมๆ ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ แต่เป็นคนมองแล้วค่อนข้างเชยสุดๆ เรียนเก่งมาก แล้วก็พูดมากด้วย แถมกรี๊ดไทเปอีกต่างหาก

    มันกระแอมไอ ชาติหน้าตอนบ่ายๆนู่นแกจะสวย เรื่องแรกที่แกควรทำเกี่ยวกับความดูดีของแกคือหัวแก ทำไมไม่ไปยืดถาวรซะ มันทำให้แกแบบ...แกดูแบบ...

                    “-_- มันแพง และจะทำให้ผมเสียกว่าเดิม

    เออ ช่างมัน ประเด็นนั้นตัดไปไอ้กี้ยกมือขึ้นนวดขมับ ประเด็นต่อจากนี้คือ ดูแกสิ! คนเราจะดูดีได้นอกจากสวยแล้วมันมีต้องมีจิตใจที่ใสสะอาดนะ แต่แกมันอิจฉาริษยาเค้าไปทั่ว

                    ไม่ได้ไปทั่วซะหน่อย...

                    เออ เห็นริษยาอยู่คนเดียว แต่ก็ขั้นจะเป็นจะตาย

                    แกก็ดูหน้าหมอนั่นเซ่!” ฉันพูดพอให้ได้ยินกันสองคนแล้วก็บุ้ยหน้าไปยังผู้มาใหม่

                    ปรากฏเป็นร่างของนักเรียนชาย...ผู้โดดเด่นราวแสงอาทิตย์ยามเช้า และเจิดจ้ายิ่งกว่าใครๆ ท่วงท่าการเดินสง่างามยิ่งกว่าเจ้าชายที่สาวน้อยสาวใหญ่ฝันหา เส้นผมสีดำที่มีสีน้ำตาลทองแซมประปรายถูกมัดรวบตึงทิ้งหน้าม้าไว้พองามยาวสลวยถึงกลางหลัง ใบหน้าเรียวได้รูปประกอบด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนเรียบเฉยหากแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ประกอบกับริมฝีปากอวบเอิบอิ่มทำให้เขาดู...สวย

                    ใช่ -_-^บอกไม่ผิด ผู้ชายหน้าสวย

    คิดพลางทุบโต๊ะดังปังส่งผลให้คนหน้าสวยสะดุ้งน้อยๆพองามด้วยท่าทางราวพญาหงส์ ทำเอาคนทั้งโรงอาหารหัวใจหยุดเต้น เขาปรายดวงตามองมาทางฉันแล้วก็เดินจากไปนิ่งๆ

                    กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!” ไอ้กี้ทั้งร้องทั้งขยุ้มตัวฉัน

                    เป็นอะไรวะ

                    แก๊ >O< เห็นเขามองเรามั้ย! เห็น เขา มอง เรา มั้ย!”

                    ฉันก็มีตานะพูดพลางกลอกตาไปมา อยู่ห้องเดียวกับหมอนั่นมาปีหนึ่งแล้วยังไม่เลิกบ้า

                    ...=_= ก็ถึงจะอยู่ห้องเดียวกันแต่ก็แทบไม่ได้คุยกันเลยนี่นา

                    ฉันเบ้หน้าแล้วพูดไปอีกเรื่อง คิดว่าตัวเองสวยนักสิ

                    เอ๊ะ แกนี่ป๊อกกี้ยกมือขึ้นเท้าเอวแบบชักอารมณ์บ่จอย ฝ่ายฉันก็เมินหน้าไปทางอื่นแบบพวกคนพาล ใครใช้ให้แม่นั่น เอ๊ย ตานั่นเกิดมาสวยกว่าฉันล่ะ

                    คือแกอิจฉาที่เค้าสวยกว่าแกว่างั้น

                    อืม!”

                    เวรกรรมล่ะเพชร มันหัวเราะหึๆ งั้นแกก็ต้องอิจฉาคนทั้งโลกล่ะ

                    ไอ้กี้!”

                    ยังไงเขาก็มาจากโรงเดียวกับพวกเรานะเว่ย ป๊อกกี้ไม่วายโน้มน้าวต่อ อยู่มาด้วยกันตั้งแต่ชั้นประถม ตอนขึ้นมัธยมฉันกะว่าจะได้จากกับเขาแล้ว *O* แต่ที่ไหนได้...พรหมลิขิตกลับทำให้เราได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แถมยังเป็นเพื่อนที่ต้องอยู่ร่วมห้องกันไปอีกสองปีต่างหาก เป็นพรหมลิขิตจริงๆให้ตาย

                    พรมเช็ดเท้าสิ เบื่อหน้าจะตายอยู่แล้วว่าแล้วฉันก็ก้มหน้าก้มตาไถกำปั้นลงกับโต๊ะ

                    ป๊อกกี้ผู้คลั่งไคล้ไทเปหนักๆอยู่พักหนึ่ง (ตอนนี้ก็ยังหนัก...แต่เบาลงบ้างแล้ว) เคยเล่าว่าแม่ของไทเปเป็นช่างเสริมสวยซึ่งอยากได้ลูกสาวผมยาวๆเพื่อที่ตนจะได้ทำผมให้ทุกวัน พอเห็นว่าออกมาเป็นลูกชายก็ยังบังคับให้ไทเปไว้ผมยาวอีก...พอมาบวกกับหน้าตาแล้วก็รูปร่างบางๆแล้ว ไทเปดูไม่ค่อยต่างจากผู้หญิงเท่าไหร่ และเพราะที่นี่คือโรงเรียนนานาชาติ การไว้ผมยาวแบบผู้หญิงสำหรับผู้ชายจึงไม่มีปัญหา

    แต่ถึงจะถูกเลี้ยงมาแบบผู้หญิงยังไง เขาก็ไม่เคยออกอาการสาวแตกแบบจังๆสักครั้ง

                    ยกเว้นไอ้การหยิ่ง การเชิด การที่ชอบเหลือบหางตามองที่ฉันเกลียดสุดๆนั่นแหละ

    แต่เรื่องราวที่ทำให้ฉันเกลียดเขาจนถึงบัดนี้จริงๆก็คือ...

                    ตอนนั้นฉันอยู่ปอสาม...เป็นธรรมดาที่จะเกิดป๊อปปี้เลิฟขึ้นกับเด็กผู้หญิงสดใสคนหนึ่งอย่างฉัน เตรียมช็อกโกแล็ตมาก็เป็นอาทิตย์เพื่อที่จะยื่นให้เด็กชายผู้น่ารักในวันนั้น แต่ T^T เด็กชายผู้น่ารักคนนั้นกลับเดินหนีฉัน (อันที่จริงมองไม่เห็นหัวฉันด้วยซ้ำ) และเอาช็อกโกแล็ตไปให้ไทเป!

                    ตอนแรกฉันก็กะว่าคงจะรอดพ้นจากตานี่หลังจบประถมหกนั่นล่ะ แต่พอขึ้นมอหนึ่งมาก็ดันหนีไม่พ้นกันอีก แถมมอสี่ยังได้มาเรียนอยู่สายเดียวกันห้องเดียวกันซะอย่างนั้น เห็นหน้ากันทุกวันก่อนเข้าเรียน ระหว่างเรียนและหลังเลิกเรียน...สวรรค์ TOT...โธ่...

                    พูดซะน่าเกลียด -_- จะว่าไปผู้ชายหน้าสวยคนเก่าของเราก็จบไปแล้วนะ ท่าทางกำลังจะเดินไปคว้าฝันเป็นมิสทิฟฟานี่ซะด้วย แกว่าไทเปจะมีโอกาส...

                    หยุดอยู่ตรงนั้น ใช้สมองส่วนไหนคิดให้ไอ้ขี้เหร่นั่นจะได้ตำแหน่งแบบพี่เค้า

                    เอ้า ป๊อกกี้ชักยั๊วะ แต่พลันก็ยิ้มกว้าง จากนั้นไอ้ดวงตาที่มีเลศนัยนั่นก็เสมองมาทางฉัน ช่วยไม่ได้นี่ก็ไทเปเขาโดดเด่นสุดๆแล้ว ขนาดผู้หญิงส่วนใหญ่ยังดูจืดเลยเมื่อเทียบกับเขา

                    อืม รวมทั้งแกด้วย

                    ไม่ปฏิเสธ^^” ไอ้กี้ทำหน้าตาเพ้อฝัน เพราะถ้าไม่สวยเริ่ดก็ไม่ใช่ไทเปที่เรารู้จักน่ะซี่

                    หมอนั่นไม่มีทางได้ตำแหน่งนั่นหรอก ปีนี้น่ะนะ เจ๊ที่เป็นหัวหน้าชมรมเชียร์ก็มาแรงโว้ย แซงตานั่นอยู่แล้นนน ถึงเขาจะสวยแต่ก็ไม่สวยที่สุดร้อก

                    ไม่แน่เฟ้ย ป๊อกกี้เหล่ตามามองฉัน “>_<อย่างน้อยๆแฟนคลับของไทเปก็เชียร์ๆกันอยู่ ประชากรแฟนคลับที่ว่าเนี่ยเยอะมากย่ะ เกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของโรงเรียนเชียวนะเออ

                    แกคิดว่าปีนี้เขาจะได้แน่ๆเลยใช่มั้ย

                    ถูกกกก

                    ฉันลุกขึ้นยืนแล้วก็ยกนิ้วชี้หน้าป๊อกกี้อย่างมุ่งมั่น ถ้าตานั่นได้ตำแหน่งผู้ชายที่สวยที่สุดในโรงเรียน ฉันขอเป็นผู้หญิงที่ไม่สวยที่สุดในโรงเรียนเองแบบไม่ต้องถูกโหวตเลย สาบาน!!”

    เพื่อยืนยันคำนั้นฉันจึงสะบัดส้อมซึ่งมีไส้กรอกอยู่ชิ้นหนึ่งเสียบอยู่ขึ้นเป็นการแสดงความมุ่งมั่น จากนั้นจึงขยับส้อมลงมา ทำท่าจะเอาไส้กรอกเข้าปากด้วยท่าทางจริงจังแต่แล้วก็พบว่า...มันหายไป

    พะ เพชร ระหว่างที่ฉันกำลังมองส้อมไร้ไส้กรอกอย่างงงๆอยู่นั้นป๊อกกี้ก็ขยับปากพะงาบๆส่งเสียงออกมา ฉันเอียงคอมองมันแล้วก็เอ่ยถาม เป็นอะไร -_- ติดอ่างกะทันหันเรอะ

    สะ สะ ไส้กรอกแก...

    เหวยยย ไส้กรอกฉันหายไปไหนวะ

    ปังงง...

    เอิ๊ก O_O ฉันสะดุ้งโหยงทันทีที่มีชามก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่งกระแทกวางลงตรงหน้า เหลือบตามองไอ้เพื่อนรักที่ค้างเป็นหินไปแล้วก็ย้ายสายตามามองชามก๋วยเตี๋ยวแทน

    เฮ้ย! มีไส้กรอกในชามก๋วยเตี๋ยวด้วย...คนบ้าอะไรกินก๋วยเตี๋ยวใส่ไส้กรอก?

    ของเธอจริงเหรอ เสียงห้าวๆพลันดังขึ้นจากด้านหลัง แม้จะนุ่มนวลแต่ก็ห้วนพิลึก แล้วทำบ้าอีท่าไหนมันถึงมาจุ่มอยู่ในชามก๋วยเตี๋ยวของฉัน

    ...ว่าไงนะ

    ฉันขมวดคิ้วหน้ายุ่งแล้วหมุนคอกลับไปมองผู้ชายข้างหลัง จากอาการเฉื่อยๆมึนๆตอนแรกพลันหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อดวงตาสบเข้ากับดวงหน้าของใครอีกคน

    ไทเป...

    คิ้วเรียวเหนือดวงตากลมสวยขมวดผูกเป็นปม รู้จักฉันได้ยังไง

    อ้าว ป๊อกกี้อุทานเสียงดัง ก็เราเรียนอยู่ห้องเดียวกันนี่

    ทำไมฉันจำไม่ได้

    อย่ามากวนประสาทนะ! แล้วไส้กรอกอะไร ล้อเล่นรึไงฉันตวาดเข้าให้

    ส่วนไทเปยกมือขึ้นมาเท้าโต๊ะใกล้ๆฉัน ใบหน้าเหมือนกำลังสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่าง

    ล้อเล่นอะไร เธอนินทาฉันไม่พอยังชูไอ้ส้อมบ้าๆนั่นแถมส่งไส้กรอกมาลงชามก๋วยเตี๋ยวฉันอีก ถามจริงๆเถอะ ฉันเคยไปฆ่าญาติคนไหนของเธอตายเหรอ หรือว่าเธอมันพวกอาฆาตแค้น เกลียดขี้หน้าคนอื่นแบบไร้เหตุผล แต่ไม่ว่ายังไง...เธอก็ต้องจ่ายฉันมายี่สิบบาท

    อะไรนะ ฉันจ้องใบหน้ามุ่ยๆของไทเปแบบไม่เชื่อ

    เขา...ขะ เขาได้ยินที่ฉันนินทาด้วยเหรอ ไม่จริงงง แล้วๆ อะไรนะ...ยี่สิบบาทเรอะ?

    ยี่สิบบาท? นายคิดว่านายเป็นพระเอกหนังเกาหลีรึไงถึงได้มาไถตังค์ผู้หญิงน่ะหา!”

    คงจะใช่... ไทเปพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาอีกนิดหนึ่ง ถ้าเธอสวยกว่านี้

    ว้ากกกกกกกกกกกกกก...

    ฉันลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยขึ้น เออ! ฉันมันไม่สวย และก็ไม่ได้อยากเสียเวลาเถียงกับนายหรอกนะ แค่อยากรู้ว่าไส้กรอกซึ่งยังไม่เฉียดฉันเลยแม้แต่ลมหายใจมันจะเป็นอะไรถ้านายกินมันเข้าไปหรือโยนมันทิ้ง

    สกปรก พูดพลางจิกสายตามองอย่างแม่เลี้ยงใจร้ายในเรื่องซินเดอเรลล่า

    ถ้าฉันอารมณ์ร้อนซักหน่อยคงยกมือตบตานี่ปากฉีกไปแล้ว

    แกตายแน่ไอ้เพชรป๊อกกี้กระชากคอเสื้อฉันเข้าไปหาแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว

    ถึงฉันจะรู้สึกดีมากๆที่ได้เห็นหน้าเจ้าหญิงไทเปชัดขนาดนี้และได้คุยกับเขาในรอบหลายๆเดือน แต่ด้วยสำนึกของความเป็นเพื่อน ฉันว่าไม่ให้ไทเปมาซะจะยังดีกว่า

    นึกว่าฉันอยากให้เขามาเรอะ กระซิบตอบรอดไรฟันแล้วก็ปัดมือป๊อกกี้ออกจากคอเสื้อ ก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเมื่อไทเปขยับกระแทกชามก๋วยเตี๋ยวลงกับโต๊ะอีกรอบหนึ่ง

    โหดเป็นบ้า -_- หน้าหวานๆแท้ๆ

                    ยี่ สิบ บาท!”

                    “>O< ก็เดี๋ยวสิ ควักตังค์อยู่น่ะเห็นไหม

                    ห้ามตวาดฉันนะ!”

                    TT_TT อะไรเล่า...

    ฉันเหลือบตาขึ้นมองไทเปทีหนึ่งจึงขยับมือล้วงกระเป๋าเอาเงินออกมา ไอ้หน้าเลือด...บ้านก็ไม่ได้ยากจนซักหน่อย จะเอาเงินไปทำอะไรตั้งยี่สิบบาท T^T กินข้าวได้มื้อหนึ่งเชียวนะ

                    แหม สกปรกเรอะ มาทำเป็นดีดดิ้ง...เฮ้ยO_O”

                    ไทเปขยับมือโบกแบงก์ยี่สิบที่เคยอยู่ในมือฉันไปมา ขอบคุณ

                    ดะ เดี๋ยวสิ! นั่นเงินฉัน...

                    ตอนนี้มันเป็นของใครล่ะ?

    ท่ามกลางความอึ้งและทึ่งไทเปก็เดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย ฉันแอบมองเห็นหมอนั่นหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดธนบัตรด้วย โถ่เอ๊ย ถ้ามันน่ารังเกียจขนาดนั้นก็ไม่ต้องเอาเซ่

                    อ๊ายยยยยยยย

    ป๊อกกี้กระโดดเข้ามาขยุ้มตัวฉันเป็นหนที่สองของวันทันทีที่เห็นไทเปเดินออกไปจากโรงอาหารแล้ว ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งนิ่งให้มันทารุณกรรมอย่างนั้นด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ

    ไอ้เราก็นึกว่าเดินออกไปแล้ว ใครจะรู้ว่ายืนอยู่ข้างหลัง แถมยังฟังฉันนินทาตัวเองอีก

    ปั้ดโธ่โว้ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×