คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 01 : ศตรูหน้าหวาน
ตอนที่ 01 ศัตรูหน้าหวาน
มีแต่คนบอกว่าฉันน่ะหวังในสิ่งที่สูงเกินไป
แต่ผิดด้วยเหรอ...ที่ฉันอยากจะสวยบ้าง
“เฮ้! ยัยขี้เหร่” เสียงแหลมๆดังขึ้นมาจากด้านหลัง ฉันที่กำลังล้างมืออยู่กลอกตาขึ้นมองเพดานแล้วก็หันไปด้านหลัง ปรากฏเป็นร่างสามร่าง พวกเธอคือผู้หญิงสามคนที่แต่งตัวจี๊ดชนิดดาราญี่ปุ่นยังอาย หน้าก็โบ๊ะหนาซะเหมือนงิ้ว
“ทำไม! มองหน้าหาเรื่องเหรอ!!”
“โถ~ซ็อกเกอร์ แค่เรามาทัก ยัยนี่ก็กลัวจนหัวหดแล้ว” ผู้หญิงตัวสูงๆ สัดส่วนได้รูปราวกับนางแบบจีบปากจีบคอพูดพร้อมหันไปพยักพเยิดกับเพื่อนข้างๆ ที่แต่งหน้าหนากว่าใครเพื่อน
“จ้ะ เมคอัพก็ว่างั้น เราอย่าไปหาเรื่องเขาเลย หน้าตาก็ขี้เหร่ ต๊าย ดูสายตาที่มองมาสิ หยาบกระด้าง! ไร้สมบัติผู้ดี!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“มีแต่พวกตัวร้ายงี่เง่าๆในหนังตลกเท่านั้นล่ะที่หัวเราะมุกแป้กๆของพวกตัวเอง”
ซู่...
เสียงของเหลวกระทบกับใบหน้าพาให้ชาไปทั้งตัว ฉันค่อยๆยกมือขึ้นลูบผมและดวงหน้าที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ...ในห้องส้วม แม่สามสาวพวกนั้นยิ้มเยาะแล้วก็ขว้างขันใส่หน้าฉัน ดีที่ว่าฉันยังหลบทัน
บ้าจริง...อย่านิ่งสิ สู้สักหน่อยสิเพชรนิล...
“ฉันไม่ฟังที่แกพูดหรอก! ยัยอัปลักษณ์!!!”
พวกนั้นกระแทกประตูห้องน้ำหญิงใส่ฉันแล้วก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ฉันจ้องหน้าตัวเองในกระจกอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนกระทั่งตระหนักได้ว่าสิ่งที่ควรทำคือ...ล้างหน้าเสียก่อน
ทำไม
ฉันกำหมัดแน่น...เงยหน้าขึ้นมองคนในกระจก
แล้วจึงเห็นดวงหน้าด่างเป็นหย่อมๆและขรุขระเพราะสิวเสี้ยนที่เลี่ยงไม่ได้เพราะฉันเป็นคนผิวมัน แค่ผมฟูเป็นรังนก เบาไร้น้ำหนัก และเพราะผมที่ต้องเอาลงมาปิดบังความขี้เหร่ทำให้หน้าคล้ายผีจูออน แค่แต่งตัวทึนทึกไม่เคยแตะเครื่องสำอาง แค่ปากแบะเป็นปลากะโห้กับมีถุงใต้ตาบวมช้ำ...แค่นั้นเอง
มันทำให้ฉันต้องโดนกลั่นแกล้งขนาดนี้ด้วยเหรอ
ฉัน...ผิดอะไรนักหนาล่ะ
“กรี๊ดดด!!! ไทเปมาอ่ะแก...อั่ก! แกตบฉันทำไมวะ”
ฉันทำเป็นเสมองทางอื่นไม่รู้ไม่ชี้เมื่อไอ้เพื่อนรักหันมาโวยหาคนผิดที่ตบหลังมันซะจุก พอตัวการอย่างฉันแกล้งเป็นก้มลงกินข้าวก็เลยได้แต่มุ่ยหน้า แล้วคนอย่างนางสาวเพชรนิลเรอะจะสน
หลังจากผ่านการชำระหน้าด้วยน้ำในส้วม -_- ดีที่ยัยพวกนั้นยังมีจิตสำนึกพอไม่ตักน้ำในโถขึ้นมา และใช้น้ำในถังแทน แต่ถึงกระนั้นฉันควรจะดีใจมั้ยล่ะ? ต้องเดินตัวเปียกไปขอผ้าเช็ดตัวของพวกนักกีฬาห้องพละ! พอเช็ดตัวจนแห้งออกมาโรงอาหารก็ต้องเจอกับ ‘ไทเป’ ที่เพื่อนฉันกรี๊ดแทบเป็นแทบตายอีก!
จะให้ไปฟ้องอาจารย์...ก็จัดการได้พักเดียวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวยัยพวกนั้นก็มาแกล้งฉันอีก ฉันก็รู้อยู่ว่าสู้พวกนั้นไม่ได้ แม้แต่ไอ้เพื่อนซี้ของฉันที่นั่งบ่นอยู่ข้างๆยังไม่กล้ายุ่งเลย แต่ปากฉันมันก็ยังทำงานได้ไม่เลือกที่ อดจะต่อว่าพวกนั้นกลับไปไม่ได้ พอมันเป็นแบบนี้ฉันจึงต้องยอม...เลิกแล้วต่อกัน
คนข้างๆพูดขึ้นมาถึงบุคคลที่สามอีกคนหนึ่ง “เมื่อไหร่แกจะเลิกอิจฉาเขาวะ”
“เมื่อเขาเลิกสวยไง”
“รอแกเลิกขี้เหร่ก่อนเถอะงั้น”
“ก็แปลว่าตานั่นมีโอกาสเลิกสวย”
“พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นเหอะจ้ะ แม่คนสวย...สวยตายอ่ะ!” ป๊อกกี้ อ้อ ชื่อเพื่อนฉันเองล่ะ พูดพลางยกมือขึ้นขยับแว่น แม่นี่ที่จริงก็พอจะน่ารักอยู่เหมือนกัน ตากลมๆ ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ แต่เป็นคนมองแล้วค่อนข้างเชยสุดๆ เรียนเก่งมาก แล้วก็พูดมากด้วย แถมกรี๊ดไทเปอีกต่างหาก
มันกระแอมไอ “ชาติหน้าตอนบ่ายๆนู่นแกจะสวย เรื่องแรกที่แกควรทำเกี่ยวกับความดูดีของแกคือหัวแก ทำไมไม่ไปยืดถาวรซะ มันทำให้แกแบบ...แกดูแบบ...”
“-_- มันแพง และจะทำให้ผมเสียกว่าเดิม”
“เออ ช่างมัน ประเด็นนั้นตัดไป” ไอ้กี้ยกมือขึ้นนวดขมับ “ประเด็นต่อจากนี้คือ ดูแกสิ! คนเราจะดูดีได้นอกจากสวยแล้วมันมีต้องมีจิตใจที่ใสสะอาดนะ แต่แกมันอิจฉาริษยาเค้าไปทั่ว”
“ไม่ได้ไปทั่วซะหน่อย...”
“เออ เห็นริษยาอยู่คนเดียว แต่ก็ขั้นจะเป็นจะตาย”
“แกก็ดูหน้าหมอนั่นเซ่!” ฉันพูดพอให้ได้ยินกันสองคนแล้วก็บุ้ยหน้าไปยังผู้มาใหม่
ปรากฏเป็นร่างของนักเรียนชาย...ผู้โดดเด่นราวแสงอาทิตย์ยามเช้า และเจิดจ้ายิ่งกว่าใครๆ ท่วงท่าการเดินสง่างามยิ่งกว่าเจ้าชายที่สาวน้อยสาวใหญ่ฝันหา เส้นผมสีดำที่มีสีน้ำตาลทองแซมประปรายถูกมัดรวบตึงทิ้งหน้าม้าไว้พองามยาวสลวยถึงกลางหลัง ใบหน้าเรียวได้รูปประกอบด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนเรียบเฉยหากแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ประกอบกับริมฝีปากอวบเอิบอิ่มทำให้เขาดู...สวย
ใช่ -_-^บอกไม่ผิด ผู้ชายหน้าสวย
คิดพลางทุบโต๊ะดังปังส่งผลให้คนหน้าสวยสะดุ้งน้อยๆพองามด้วยท่าทางราวพญาหงส์ ทำเอาคนทั้งโรงอาหารหัวใจหยุดเต้น เขาปรายดวงตามองมาทางฉันแล้วก็เดินจากไปนิ่งๆ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!” ไอ้กี้ทั้งร้องทั้งขยุ้มตัวฉัน
“เป็นอะไรวะ”
“แก๊ >O< เห็นเขามองเรามั้ย! เห็น เขา มอง เรา มั้ย!”
“ฉันก็มีตานะ” พูดพลางกลอกตาไปมา “อยู่ห้องเดียวกับหมอนั่นมาปีหนึ่งแล้วยังไม่เลิกบ้า”
“...=_= ก็ถึงจะอยู่ห้องเดียวกันแต่ก็แทบไม่ได้คุยกันเลยนี่นา”
ฉันเบ้หน้าแล้วพูดไปอีกเรื่อง “คิดว่าตัวเองสวยนักสิ”
“เอ๊ะ แกนี่” ป๊อกกี้ยกมือขึ้นเท้าเอวแบบชักอารมณ์บ่จอย ฝ่ายฉันก็เมินหน้าไปทางอื่นแบบพวกคนพาล ”ใครใช้ให้แม่นั่น เอ๊ย ตานั่นเกิดมาสวยกว่าฉันล่ะ”
“คือแกอิจฉาที่เค้าสวยกว่าแกว่างั้น”
“อืม!”
“เวรกรรมล่ะเพชร” มันหัวเราะหึๆ “งั้นแกก็ต้องอิจฉาคนทั้งโลกล่ะ”
“ไอ้กี้!”
“ยังไงเขาก็มาจากโรงเดียวกับพวกเรานะเว่ย” ป๊อกกี้ไม่วายโน้มน้าวต่อ “อยู่มาด้วยกันตั้งแต่ชั้นประถม ตอนขึ้นมัธยมฉันกะว่าจะได้จากกับเขาแล้ว *O* แต่ที่ไหนได้...พรหมลิขิตกลับทำให้เราได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แถมยังเป็นเพื่อนที่ต้องอยู่ร่วมห้องกันไปอีกสองปีต่างหาก เป็นพรหมลิขิตจริงๆให้ตาย”
“พรมเช็ดเท้าสิ เบื่อหน้าจะตายอยู่แล้ว” ว่าแล้วฉันก็ก้มหน้าก้มตาไถกำปั้นลงกับโต๊ะ
ป๊อกกี้ผู้คลั่งไคล้ไทเปหนักๆอยู่พักหนึ่ง (ตอนนี้ก็ยังหนัก...แต่เบาลงบ้างแล้ว) เคยเล่าว่าแม่ของไทเปเป็นช่างเสริมสวยซึ่งอยากได้ลูกสาวผมยาวๆเพื่อที่ตนจะได้ทำผมให้ทุกวัน พอเห็นว่าออกมาเป็นลูกชายก็ยังบังคับให้ไทเปไว้ผมยาวอีก...พอมาบวกกับหน้าตาแล้วก็รูปร่างบางๆแล้ว ไทเปดูไม่ค่อยต่างจากผู้หญิงเท่าไหร่ และเพราะที่นี่คือโรงเรียนนานาชาติ การไว้ผมยาวแบบผู้หญิงสำหรับผู้ชายจึงไม่มีปัญหา
แต่ถึงจะถูกเลี้ยงมาแบบผู้หญิงยังไง เขาก็ไม่เคยออกอาการสาวแตกแบบจังๆสักครั้ง
ยกเว้นไอ้การหยิ่ง การเชิด การที่ชอบเหลือบหางตามองที่ฉันเกลียดสุดๆนั่นแหละ
แต่เรื่องราวที่ทำให้ฉันเกลียดเขาจนถึงบัดนี้จริงๆก็คือ...
ตอนนั้นฉันอยู่ปอสาม...เป็นธรรมดาที่จะเกิดป๊อปปี้เลิฟขึ้นกับเด็กผู้หญิงสดใสคนหนึ่งอย่างฉัน เตรียมช็อกโกแล็ตมาก็เป็นอาทิตย์เพื่อที่จะยื่นให้เด็กชายผู้น่ารักในวันนั้น แต่ T^T เด็กชายผู้น่ารักคนนั้นกลับเดินหนีฉัน (อันที่จริงมองไม่เห็นหัวฉันด้วยซ้ำ) และเอาช็อกโกแล็ตไปให้ไทเป!
ตอนแรกฉันก็กะว่าคงจะรอดพ้นจากตานี่หลังจบประถมหกนั่นล่ะ แต่พอขึ้นมอหนึ่งมาก็ดันหนีไม่พ้นกันอีก แถมมอสี่ยังได้มาเรียนอยู่สายเดียวกันห้องเดียวกันซะอย่างนั้น เห็นหน้ากันทุกวันก่อนเข้าเรียน ระหว่างเรียนและหลังเลิกเรียน...สวรรค์ TOT...โธ่...
“พูดซะน่าเกลียด -_- จะว่าไปผู้ชายหน้าสวยคนเก่าของเราก็จบไปแล้วนะ ท่าทางกำลังจะเดินไปคว้าฝันเป็นมิสทิฟฟานี่ซะด้วย แกว่าไทเปจะมีโอกาส...”
“หยุดอยู่ตรงนั้น ใช้สมองส่วนไหนคิดให้ไอ้ขี้เหร่นั่นจะได้ตำแหน่งแบบพี่เค้า”
“เอ้า” ป๊อกกี้ชักยั๊วะ แต่พลันก็ยิ้มกว้าง จากนั้นไอ้ดวงตาที่มีเลศนัยนั่นก็เสมองมาทางฉัน “ช่วยไม่ได้นี่ก็ไทเปเขาโดดเด่นสุดๆแล้ว ขนาดผู้หญิงส่วนใหญ่ยังดูจืดเลยเมื่อเทียบกับเขา”
“อืม รวมทั้งแกด้วย”
“ไม่ปฏิเสธ^^” ไอ้กี้ทำหน้าตาเพ้อฝัน “เพราะถ้าไม่สวยเริ่ดก็ไม่ใช่ไทเปที่เรารู้จักน่ะซี่”
“หมอนั่นไม่มีทางได้ตำแหน่งนั่นหรอก ปีนี้น่ะนะ เจ๊ที่เป็นหัวหน้าชมรมเชียร์ก็มาแรงโว้ย แซงตานั่นอยู่แล้นนน ถึงเขาจะสวยแต่ก็ไม่สวยที่สุดร้อก”
“ไม่แน่เฟ้ย” ป๊อกกี้เหล่ตามามองฉัน “>_<อย่างน้อยๆแฟนคลับของไทเปก็เชียร์ๆกันอยู่ ประชากรแฟนคลับที่ว่าเนี่ยเยอะมากย่ะ เกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของโรงเรียนเชียวนะเออ”
“แกคิดว่าปีนี้เขาจะได้แน่ๆเลยใช่มั้ย”
“ถูกกกก”
ฉันลุกขึ้นยืนแล้วก็ยกนิ้วชี้หน้าป๊อกกี้อย่างมุ่งมั่น “ถ้าตานั่นได้ตำแหน่งผู้ชายที่สวยที่สุดในโรงเรียน ฉันขอเป็นผู้หญิงที่ไม่สวยที่สุดในโรงเรียนเองแบบไม่ต้องถูกโหวตเลย สาบาน!!”
เพื่อยืนยันคำนั้นฉันจึงสะบัดส้อมซึ่งมีไส้กรอกอยู่ชิ้นหนึ่งเสียบอยู่ขึ้นเป็นการแสดงความมุ่งมั่น จากนั้นจึงขยับส้อมลงมา ทำท่าจะเอาไส้กรอกเข้าปากด้วยท่าทางจริงจังแต่แล้วก็พบว่า...มันหายไป
“พะ เพชร” ระหว่างที่ฉันกำลังมองส้อมไร้ไส้กรอกอย่างงงๆอยู่นั้นป๊อกกี้ก็ขยับปากพะงาบๆส่งเสียงออกมา ฉันเอียงคอมองมันแล้วก็เอ่ยถาม “เป็นอะไร -_- ติดอ่างกะทันหันเรอะ”
“สะ สะ ไส้กรอกแก...”
“เหวยยย ไส้กรอกฉันหายไปไหนวะ”
ปังงง...
เอิ๊ก O_O ฉันสะดุ้งโหยงทันทีที่มีชามก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่งกระแทกวางลงตรงหน้า เหลือบตามองไอ้เพื่อนรักที่ค้างเป็นหินไปแล้วก็ย้ายสายตามามองชามก๋วยเตี๋ยวแทน
เฮ้ย! มีไส้กรอกในชามก๋วยเตี๋ยวด้วย...คนบ้าอะไรกินก๋วยเตี๋ยวใส่ไส้กรอก?
“ของเธอจริงเหรอ” เสียงห้าวๆพลันดังขึ้นจากด้านหลัง แม้จะนุ่มนวลแต่ก็ห้วนพิลึก “แล้วทำบ้าอีท่าไหนมันถึงมาจุ่มอยู่ในชามก๋วยเตี๋ยวของฉัน”
...ว่าไงนะ
ฉันขมวดคิ้วหน้ายุ่งแล้วหมุนคอกลับไปมองผู้ชายข้างหลัง จากอาการเฉื่อยๆมึนๆตอนแรกพลันหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อดวงตาสบเข้ากับดวงหน้าของใครอีกคน
“ไทเป...”
คิ้วเรียวเหนือดวงตากลมสวยขมวดผูกเป็นปม “รู้จักฉันได้ยังไง”
“อ้าว” ป๊อกกี้อุทานเสียงดัง “ก็เราเรียนอยู่ห้องเดียวกันนี่”
“ทำไมฉันจำไม่ได้”
“อย่ามากวนประสาทนะ! แล้วไส้กรอกอะไร ล้อเล่นรึไง” ฉันตวาดเข้าให้
ส่วนไทเปยกมือขึ้นมาเท้าโต๊ะใกล้ๆฉัน ใบหน้าเหมือนกำลังสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่าง
“ล้อเล่นอะไร เธอนินทาฉันไม่พอยังชูไอ้ส้อมบ้าๆนั่นแถมส่งไส้กรอกมาลงชามก๋วยเตี๋ยวฉันอีก ถามจริงๆเถอะ ฉันเคยไปฆ่าญาติคนไหนของเธอตายเหรอ หรือว่าเธอมันพวกอาฆาตแค้น เกลียดขี้หน้าคนอื่นแบบไร้เหตุผล แต่ไม่ว่ายังไง...เธอก็ต้องจ่ายฉันมายี่สิบบาท”
“อะไรนะ” ฉันจ้องใบหน้ามุ่ยๆของไทเปแบบไม่เชื่อ
เขา...ขะ เขาได้ยินที่ฉันนินทาด้วยเหรอ ไม่จริงงง แล้วๆ อะไรนะ...ยี่สิบบาทเรอะ?
“ยี่สิบบาท? นายคิดว่านายเป็นพระเอกหนังเกาหลีรึไงถึงได้มาไถตังค์ผู้หญิงน่ะหา!”
“คงจะใช่...” ไทเปพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาอีกนิดหนึ่ง “ถ้าเธอสวยกว่านี้”
ว้ากกกกกกกกกกกกกก...
ฉันลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยขึ้น “เออ! ฉันมันไม่สวย และก็ไม่ได้อยากเสียเวลาเถียงกับนายหรอกนะ แค่อยากรู้ว่าไส้กรอกซึ่งยังไม่เฉียดฉันเลยแม้แต่ลมหายใจมันจะเป็นอะไรถ้านายกินมันเข้าไปหรือโยนมันทิ้ง”
“สกปรก” พูดพลางจิกสายตามองอย่างแม่เลี้ยงใจร้ายในเรื่องซินเดอเรลล่า
ถ้าฉันอารมณ์ร้อนซักหน่อยคงยกมือตบตานี่ปากฉีกไปแล้ว
“แกตายแน่ไอ้เพชร” ป๊อกกี้กระชากคอเสื้อฉันเข้าไปหาแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว
“ถึงฉันจะรู้สึกดีมากๆที่ได้เห็นหน้าเจ้าหญิงไทเปชัดขนาดนี้และได้คุยกับเขาในรอบหลายๆเดือน แต่ด้วยสำนึกของความเป็นเพื่อน ฉันว่าไม่ให้ไทเปมาซะจะยังดีกว่า”
“นึกว่าฉันอยากให้เขามาเรอะ” กระซิบตอบรอดไรฟันแล้วก็ปัดมือป๊อกกี้ออกจากคอเสื้อ ก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเมื่อไทเปขยับกระแทกชามก๋วยเตี๋ยวลงกับโต๊ะอีกรอบหนึ่ง
โหดเป็นบ้า -_- หน้าหวานๆแท้ๆ
“ยี่ สิบ บาท!”
“>O< ก็เดี๋ยวสิ ควักตังค์อยู่น่ะเห็นไหม”
“ห้ามตวาดฉันนะ!”
TT_TT อะไรเล่า...
ฉันเหลือบตาขึ้นมองไทเปทีหนึ่งจึงขยับมือล้วงกระเป๋าเอาเงินออกมา ไอ้หน้าเลือด...บ้านก็ไม่ได้ยากจนซักหน่อย จะเอาเงินไปทำอะไรตั้งยี่สิบบาท T^T กินข้าวได้มื้อหนึ่งเชียวนะ
“แหม สกปรกเรอะ มาทำเป็นดีดดิ้ง...เฮ้ยO_O”
ไทเปขยับมือโบกแบงก์ยี่สิบที่เคยอยู่ในมือฉันไปมา “ขอบคุณ”
“ดะ เดี๋ยวสิ! นั่นเงินฉัน...”
“ตอนนี้มันเป็นของใครล่ะ?“
ท่ามกลางความอึ้งและทึ่งไทเปก็เดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย ฉันแอบมองเห็นหมอนั่นหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดธนบัตรด้วย โถ่เอ๊ย ถ้ามันน่ารังเกียจขนาดนั้นก็ไม่ต้องเอาเซ่
“อ๊ายยยยยยยย”
ป๊อกกี้กระโดดเข้ามาขยุ้มตัวฉันเป็นหนที่สองของวันทันทีที่เห็นไทเปเดินออกไปจากโรงอาหารแล้ว ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งนิ่งให้มันทารุณกรรมอย่างนั้นด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ
ไอ้เราก็นึกว่าเดินออกไปแล้ว ใครจะรู้ว่ายืนอยู่ข้างหลัง แถมยังฟังฉันนินทาตัวเองอีก
ปั้ดโธ่โว้ย
ความคิดเห็น