คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความสัมพันธ์
วิวาตรีล้มตัวลงนอนบนเตียงหนาตรงหน้าด้วยหลังจากอาบน้ำด้วยความอ่อนเพลีย เพราะกว่าที่เธอจะจัดของกองโตของเธอจนเสร็จ ก็ได้เวลาทานอาหารเย็นพอดี ร่างบางพลิกตัวไปมาอยู่บนที่นอน สายตาเหม่อไปที่เพดาน นายนั่น เขาเป็นคนอย่างไรกันแน่นะ ดูๆไปเหมือนว่าจะใจดี เพราะแววตาที่ดูห่วงใยและอุตส่าห์มาช่วยเราแต่พอเราขอบคุณเขากลับไม่หันมามองแม้แต่นิดเดียวแถมยังปล่อยให้เราทิ้งท้ายเดินอยู่คนเดียว อย่างนี้จะให้คิดอย่างไร ฉันจะต้องรู้จักนายให้มากว่านี้ให้ได้ นายอาช
อัชชารัชกำลังมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนใหม่ของเขา แปลกที่เขาไม่รู้สึกกลัวแต่กลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังรอเขาอยู่
เขามาหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้บานใหญ่ ของชั้นม3 มือใหญ่เอื้อมไปเปิดมันอย่างช้าๆ บานประตูไม้ถูกเปิดออก ภาพของผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้าที่กำลังมองเขาอยู่ ทำให้เขาแทบจะล้ม นี่มิ้นมาอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ อาชไม่รู้จริงๆว่าเขาควรจะทำตัวอย่างไร จึงเพียงแต่ยิ้มออกไป เขาก้าวเท้าชาๆของเขาอย่างยากเย็น ที่ว่างเพียงที่เดียวของห้องนี้คือตรงหัวมุมห้อง
อาชนั่งลงข้างร่างบางในชุดยูนิฟอร์มที่ต่างจากบัลเล่เมื่อวานโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เขาไม่อยากจะพูดอะไร และก็มิได้สนใจว่าคนที่นั่งข้างๆจะมีอารมย์อย่างไร เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขานั่งอยู่ในห้องแห่งนี้ อาชตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงๆหนึ่งเรียกเขา
“อัชชารัช และมินญา จะมาเป็นสมาชิกในห้องของพวกเราอีกคนหนึ่งนะจ๊ะขอให้ทุกคนช่วยเหลือเพื่อนด้วย”
หญิงวัยกลางคนกับแว่นตาที่หนาเบอะบ่งบอกว่าเธอรับราชการงานครูมาหลายปี เธอพูดด้วยน้ำเสียงแห่งความเมตตา และพยายามต้อนรับเด็กใหม่คนพิเศษทั้งสองอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาพูดเรื่องหมายกำหนดการและข้อมูลการเรียนทั่วไปที่จะมีขึ้นในปีนี้ ไม่นานนักก็ได้เวลาเรียนวิชาแรก วิวาตรีหิ้วกระเป๋าใบโตของเธอ ขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันมามองคนข้างๆแม้แต่นิดเดียว ในขณะนั้นเส๊ยงที่เธอคุ้นเคยก็ดังขึ้น
“วิวาตรี เดี๊ยวคอยดูแลอาชเขาด้วยนะ เขายังใหม่ไม่รู้ว่าห้องอะไรเป็นห้องอะไร พาเขาไปด้วย”
“ก็ได้ค่ะ” เธอตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“ถ้าฉันได้ยินว่าอัชชารัชไม่เข้าห้องเรียนไหนละก้อ เธอต้องรับผิดชอบนะ”
อาจารย์บุญศรีพูดสั่งก่อนจะเดินออกไป ตอนนี้เสียงที่เคยดังวุ่นวายในห้องกลับเงียบสนิทลงจนวิวาตรีได้ยินเสียงหายใจของตนเอง เขายังคงนั่งอยู่ในท่าเดิมเหมือนคนที่ไร้สติ วิวาตรีจึงเดินเข้าไปหาก่อนจะพูดออกไปว่า
“นี่นาย ไปเรียนได้แล้ว ฉันสายแล้วนะ”
สิ่งที่เธอได้ตอบกลับมาจากเขานั้นมีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น
“ นายประสาทไปแล้วหรือไง นั่งเงียบอยู่ได้ลุกขึ้นสิ”วิวาตรีเอื้อมมือไปฉุดมือใหญ่พร้อมกับลากเขาไปข้างหน้า คนตัวใหญ่กว่าปล่อยตัวไปตามแรงลากของหญิงสาวอย่างว่าง่าย อัชชารัชพบว่าตัวเองมาอยู่ในสวนแห่งหนึ่งกับหญิงสาวร่างบางที่พยายามลากจูงเขามาอย่างยากลำบาก เขานั่งลงตรงโต๊ะหินอ่อนกลางสวนหย่อมอันกว้างขวางของโรงเรียนที่เขาไม่คุ้นเคย ตอนนี้เขาต้องการเพียงใครสักคนที่เข้าใจ ช่วยปลอบโยน และให้กำลังใจ ความเงียบถูกทำลายลงระหว่างคนทั้งสองเมื่อหญิงสาวนั่งลงข้างๆร่างสูงก่อนจะเอ่ยคำถามออกมาอย่างยากเย็น
“นาย...มีอะไรที่ไม่สบายใจหรือเปล่า ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ฉันก็อยากช่วยนายนะอาช คืออย่างน้อยๆเราก็ยังเป็นเพื่อนกัน ถึงแม้ว่าฉันจะเพิ่งรู้จักกับนายแต่ฉันก็อยากจะเห็นเพื่อนใหม่ของฉันมีความสุข อัชชารัชใช้ความเงียบเป็นการบอกว่าเขากำลังฟังสิ่งที่เธอพูดอยู่ วิวาตรีจึงพูดต่อไป
“เวลาที่ฉันมีเรื่องอะไรทุกข์ใจอะนะ ฉันชอบมาเดินเล่นแล้วนั่งคิดอะไรคนเดียว ฉันว่านายอาจจะต้องการอะไรแบบนั้นก็ได้ เพื่อว่าอาจจะสบายใจขึ้นบ้าง” ร่างบางเดินหันหลังมุ่งหน้าไปยังตึกสูงใหญ่ข้างหน้า แต่ทว่ามือใหญ่แข็งแรงนั้นกลับยื้อเอาไว้
“ฉันแค่มีเรื่องที่ลำบากใจนิดหน่อยนะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกและฉันก็ไม่ชอบอยู่คนเดียวเวลามีปัญหาเหมือนกับเธอด้วย”ทันทีที่เขาพูดจบคนที่ลากเขามาเมื่อกี้กลับถูกเขาลากแทน
“แต่เราจะหายไปแบบนี้ไม่ได้นะ เนี่ยมันเป็นวันแรกของปีนะ” เขายังคงลากเธอต่อไปโดยไม่สนใจว่าเธอจะพูดอะไร
“นี่นายปล่อยฉันนะ นายจะพาฉันไปไหน”
“ไปเที่ยวกัน”
“นายจะบ้าแล้วหรอ ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย”
“ก็เธอเป็นคนบอกว่าอยากเห็นฉันมีความสุขไม่ใช่เหรอ”
“มันก็ใช่แต่ว่าไม่ใช่วิธีนี้เข้าใจไหม”
กว่าที่หญิงาสาวจะรู้ตัวอีกทีหลังจากเธอพูดจบก็พบว่าตัวเองมาอยู่ตรงหน้ารถสปอตคันหรูที่จอดอยบู่ในโรงรถของโรงเรียน
“นี่นายจะไปจริงเหรอเนี่ย”
“ก็จริงนะสิ ขึ้นรถได้แล้ว” หญิงสาวยังคงยืนนิ่งทำท่าครุ่นคิด คนที่อยู่ในรถจึงเปิดประตูออกมาแล้วพลักเธอเข้าไปในรถ
“โอ๊ย ไม่ต้องผลักก็ได้นิ่”
อัชชารัชเดินอ้อมไปทางด้านหน้าของรถก่อนจะขึ้นนั่งที่คนขับและสตาร์จเครื่องเผื่อออกรถ รถคันหรูค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากโรงจอดรถมุ่งหน้าตรงไปยังทางออกของโรงเรียน แต่เขาพึ่งจะสังเกตุเห็นว่ามันมีป้อมยามที่ถือว่าเคร่งครัดมากอยู่ตรงประตูทางออก คงไม่ต้องเดาว่าจะเป็นยังไงถ้ายามพวกนั้นเห็นเขาสองคนอยู่ในชุดนักเรียนเต็มเครื่องแบบนั่งอยู่ในรถ
“นี่เธอพอจะรู้ทางที่จะออกจากโรงเรียนทางอื่นบ้างไหม ที่มันไม่มีป้อมยามนะ”
“ฉันว่าเรากลับไปเรียนต่อเถอะนะ”
“โถ่เอ๊ย เธอจะช่วยฉันหน่อยไม่ได้หรือไง นะนะนะ ขอร้อง”
“ก็ได้ ตรงไปแล้วก็แลี้ยวซ้ายจะมีประตูไม้สีเขียวอยู่”
“อันเนี่ยนะเหรอ”
“ใช่ อันเนี่ยแหละ แล้วจะนั่งเฉยทำไมเล่าไปเปิดสิ”
“ความจริงเธอน่าจะไปเปิดนะฉันต้องขับรถต้องดูทางแต่เธอนะนั่งบอกทางเฉยๆเอง”
“ก็แล้วใครเป็นคนอยากจะมาเล่า”
“ก็ได้ๆนี่เห็นว่าเป็นผู้หญิงนะเนี่ยถึงยอม”
อาชเดินออกจากรถอย่างว่าง่าย เขาเดินไปเปิดประตูอย่างรีบร้อนแล้วจึงเดินกลับมานั่งในรถตามเดิม รถสปอตแล่นอย่างเร็วผ่านประตูออกไปอย่างเงียบๆ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่ไม่มีใครมาควบคุม
ความคิดเห็น