ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    it isn't love?

    ลำดับตอนที่ #3 : ความสัมพันธ์

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 49


    วิวาตรีล้มตัวลงนอนบนเตียงหนาตรงหน้าด้วยหลังจากอาบน้ำด้วยความอ่อนเพลีย  เพราะกว่าที่เธอจะจัดของกองโตของเธอจนเสร็จ ก็ได้เวลาทานอาหารเย็นพอดี ร่างบางพลิกตัวไปมาอยู่บนที่นอน สายตาเหม่อไปที่เพดาน นายนั่น เขาเป็นคนอย่างไรกันแน่นะ ดูๆไปเหมือนว่าจะใจดี เพราะแววตาที่ดูห่วงใยและอุตส่าห์มาช่วยเราแต่พอเราขอบคุณเขากลับไม่หันมามองแม้แต่นิดเดียวแถมยังปล่อยให้เราทิ้งท้ายเดินอยู่คนเดียว อย่างนี้จะให้คิดอย่างไร ฉันจะต้องรู้จักนายให้มากว่านี้ให้ได้ นายอาช

    อัชชารัชกำลังมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนใหม่ของเขา แปลกที่เขาไม่รู้สึกกลัวแต่กลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังรอเขาอยู่

    เขามาหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้บานใหญ่ ของชั้นม3 มือใหญ่เอื้อมไปเปิดมันอย่างช้าๆ บานประตูไม้ถูกเปิดออก ภาพของผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้าที่กำลังมองเขาอยู่ ทำให้เขาแทบจะล้ม นี่มิ้นมาอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ อาชไม่รู้จริงๆว่าเขาควรจะทำตัวอย่างไร จึงเพียงแต่ยิ้มออกไป เขาก้าวเท้าชาๆของเขาอย่างยากเย็น ที่ว่างเพียงที่เดียวของห้องนี้คือตรงหัวมุมห้อง

    อาชนั่งลงข้างร่างบางในชุดยูนิฟอร์มที่ต่างจากบัลเล่เมื่อวานโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เขาไม่อยากจะพูดอะไร และก็มิได้สนใจว่าคนที่นั่งข้างๆจะมีอารมย์อย่างไร เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขานั่งอยู่ในห้องแห่งนี้ อาชตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงๆหนึ่งเรียกเขา

    อัชชารัช และมินญา จะมาเป็นสมาชิกในห้องของพวกเราอีกคนหนึ่งนะจ๊ะขอให้ทุกคนช่วยเหลือเพื่อนด้วย

    หญิงวัยกลางคนกับแว่นตาที่หนาเบอะบ่งบอกว่าเธอรับราชการงานครูมาหลายปี เธอพูดด้วยน้ำเสียงแห่งความเมตตา และพยายามต้อนรับเด็กใหม่คนพิเศษทั้งสองอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาพูดเรื่องหมายกำหนดการและข้อมูลการเรียนทั่วไปที่จะมีขึ้นในปีนี้ ไม่นานนักก็ได้เวลาเรียนวิชาแรก วิวาตรีหิ้วกระเป๋าใบโตของเธอ ขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันมามองคนข้างๆแม้แต่นิดเดียว ในขณะนั้นเส๊ยงที่เธอคุ้นเคยก็ดังขึ้น

    วิวาตรี เดี๊ยวคอยดูแลอาชเขาด้วยนะ เขายังใหม่ไม่รู้ว่าห้องอะไรเป็นห้องอะไร พาเขาไปด้วย

    ก็ได้ค่ะ เธอตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

    ถ้าฉันได้ยินว่าอัชชารัชไม่เข้าห้องเรียนไหนละก้อ เธอต้องรับผิดชอบนะ

    อาจารย์บุญศรีพูดสั่งก่อนจะเดินออกไป ตอนนี้เสียงที่เคยดังวุ่นวายในห้องกลับเงียบสนิทลงจนวิวาตรีได้ยินเสียงหายใจของตนเอง เขายังคงนั่งอยู่ในท่าเดิมเหมือนคนที่ไร้สติ วิวาตรีจึงเดินเข้าไปหาก่อนจะพูดออกไปว่า

    นี่นาย ไปเรียนได้แล้ว ฉันสายแล้วนะ

    สิ่งที่เธอได้ตอบกลับมาจากเขานั้นมีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น

    นายประสาทไปแล้วหรือไง นั่งเงียบอยู่ได้ลุกขึ้นสิวิวาตรีเอื้อมมือไปฉุดมือใหญ่พร้อมกับลากเขาไปข้างหน้า คนตัวใหญ่กว่าปล่อยตัวไปตามแรงลากของหญิงสาวอย่างว่าง่าย อัชชารัชพบว่าตัวเองมาอยู่ในสวนแห่งหนึ่งกับหญิงสาวร่างบางที่พยายามลากจูงเขามาอย่างยากลำบาก เขานั่งลงตรงโต๊ะหินอ่อนกลางสวนหย่อมอันกว้างขวางของโรงเรียนที่เขาไม่คุ้นเคย ตอนนี้เขาต้องการเพียงใครสักคนที่เข้าใจ ช่วยปลอบโยน และให้กำลังใจ ความเงียบถูกทำลายลงระหว่างคนทั้งสองเมื่อหญิงสาวนั่งลงข้างๆร่างสูงก่อนจะเอ่ยคำถามออกมาอย่างยากเย็น

    นาย...มีอะไรที่ไม่สบายใจหรือเปล่า ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ฉันก็อยากช่วยนายนะอาช คืออย่างน้อยๆเราก็ยังเป็นเพื่อนกัน ถึงแม้ว่าฉันจะเพิ่งรู้จักกับนายแต่ฉันก็อยากจะเห็นเพื่อนใหม่ของฉันมีความสุข อัชชารัชใช้ความเงียบเป็นการบอกว่าเขากำลังฟังสิ่งที่เธอพูดอยู่  วิวาตรีจึงพูดต่อไป

    เวลาที่ฉันมีเรื่องอะไรทุกข์ใจอะนะ ฉันชอบมาเดินเล่นแล้วนั่งคิดอะไรคนเดียว ฉันว่านายอาจจะต้องการอะไรแบบนั้นก็ได้ เพื่อว่าอาจจะสบายใจขึ้นบ้าง ร่างบางเดินหันหลังมุ่งหน้าไปยังตึกสูงใหญ่ข้างหน้า แต่ทว่ามือใหญ่แข็งแรงนั้นกลับยื้อเอาไว้

    ฉันแค่มีเรื่องที่ลำบากใจนิดหน่อยนะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกและฉันก็ไม่ชอบอยู่คนเดียวเวลามีปัญหาเหมือนกับเธอด้วยทันทีที่เขาพูดจบคนที่ลากเขามาเมื่อกี้กลับถูกเขาลากแทน

    แต่เราจะหายไปแบบนี้ไม่ได้นะ เนี่ยมันเป็นวันแรกของปีนะ เขายังคงลากเธอต่อไปโดยไม่สนใจว่าเธอจะพูดอะไร

    นี่นายปล่อยฉันนะ นายจะพาฉันไปไหน

    ไปเที่ยวกัน

    นายจะบ้าแล้วหรอ ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย

    ก็เธอเป็นคนบอกว่าอยากเห็นฉันมีความสุขไม่ใช่เหรอ

    มันก็ใช่แต่ว่าไม่ใช่วิธีนี้เข้าใจไหม

    กว่าที่หญิงาสาวจะรู้ตัวอีกทีหลังจากเธอพูดจบก็พบว่าตัวเองมาอยู่ตรงหน้ารถสปอตคันหรูที่จอดอยบู่ในโรงรถของโรงเรียน          

    นี่นายจะไปจริงเหรอเนี่ย

    ก็จริงนะสิ ขึ้นรถได้แล้ว หญิงสาวยังคงยืนนิ่งทำท่าครุ่นคิด คนที่อยู่ในรถจึงเปิดประตูออกมาแล้วพลักเธอเข้าไปในรถ

    โอ๊ย ไม่ต้องผลักก็ได้นิ่

    อัชชารัชเดินอ้อมไปทางด้านหน้าของรถก่อนจะขึ้นนั่งที่คนขับและสตาร์จเครื่องเผื่อออกรถ  รถคันหรูค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากโรงจอดรถมุ่งหน้าตรงไปยังทางออกของโรงเรียน แต่เขาพึ่งจะสังเกตุเห็นว่ามันมีป้อมยามที่ถือว่าเคร่งครัดมากอยู่ตรงประตูทางออก คงไม่ต้องเดาว่าจะเป็นยังไงถ้ายามพวกนั้นเห็นเขาสองคนอยู่ในชุดนักเรียนเต็มเครื่องแบบนั่งอยู่ในรถ

    นี่เธอพอจะรู้ทางที่จะออกจากโรงเรียนทางอื่นบ้างไหม ที่มันไม่มีป้อมยามนะ

    ฉันว่าเรากลับไปเรียนต่อเถอะนะ

    โถ่เอ๊ย เธอจะช่วยฉันหน่อยไม่ได้หรือไง นะนะนะ ขอร้อง

    ก็ได้ ตรงไปแล้วก็แลี้ยวซ้ายจะมีประตูไม้สีเขียวอยู่

    อันเนี่ยนะเหรอ

    ใช่ อันเนี่ยแหละ แล้วจะนั่งเฉยทำไมเล่าไปเปิดสิ

    ความจริงเธอน่าจะไปเปิดนะฉันต้องขับรถต้องดูทางแต่เธอนะนั่งบอกทางเฉยๆเอง

    ก็แล้วใครเป็นคนอยากจะมาเล่า

    ก็ได้ๆนี่เห็นว่าเป็นผู้หญิงนะเนี่ยถึงยอม

    อาชเดินออกจากรถอย่างว่าง่าย เขาเดินไปเปิดประตูอย่างรีบร้อนแล้วจึงเดินกลับมานั่งในรถตามเดิม รถสปอตแล่นอย่างเร็วผ่านประตูออกไปอย่างเงียบๆ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่ไม่มีใครมาควบคุม

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×