ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    it isn't love?

    ลำดับตอนที่ #2 : แรกเจอ

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 49


    +กระเป๋าทุกใบถูกนำมาวางเรียงเอาไว้ในรถเบนซ์ หน้าคฤหาสหลังใหญ่อย่างเรียบร้อย อัชชารัชในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ ราคาแพงเดินคนขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย เขาเหลือบมองบ้านที่เขาอาศัยอยู่ทุกวันอย่างไร้อารม ก่อนจะหันหน้าเข้ามาในรถอย่างเดิม ถ้าจะบอกว่าเขาไม่อยากจากบ้านไปก็ไม่ใช่ ความรู้สึกของเขาตอนนี้มันยากที่จะบอกได้

    เขาหยุดอารมที่สับสนของตัวเองไว้เพียงแค่นั้นแล้วจึงนึกคำถามที่เขาจะถามบิดาขึ้นมาได้

    "วันนี้คุณพ่อไม่มีประชุมที่สภาหรอครับ"

    "ใช่สินะพ่อเองก็ลืมไปเลย ว่าต้องไปที่สภาเดี๋ยวพ่อโทรบอกคุณวัฒก็คงสิ้นเรื่องแล้วละ"

    "ผมว่าแล้วว่าคุณพ่อจะต้องลืม"

    พ.ต.อ วารุธ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพย์มือถือรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับกดหมายเลขที่ตนต้องการลงไป เขาฟังสัญญาณต่อสายอยู่สักพักก็มีเสียงตอบรับมาจากปลายสาย

    "สวัสดีครับคุณวุธ"

    "ครับคุณวัฒ พอดีผมจะโทรมาบอกว่าวันนี้ผมคงเข้าประชุมไม่ได้เพราะผมจะพาลูกชายไปส่งที่โรงเรียนใหม่ที่เชียงใหม่นะครับ "

    "ตอนนี้ผมมาส่งลูกสาวที่แอรี์พอต คงจะเข้าไปสภาช้านิดหน่อยนะครับ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับคุณวุธเดี๋ยวทางนี้ผมจะจัดการเอง"

    " ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องรบกวนด้วยนะครับ สวัสดีครับ"

    "ครับท่าน"

    การสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น อาวุธวางโทรศัพย์เข้าที่เดิมพร้อมกับบอกลูกชายว่า

    "ลูกสาวของคุณวัฒน่ะเขาก็อยู่ที่โรงเรียนเดียวกับแก แกอาจจะได้เจอเขานะ พ่ออยากให้แกรู้จักกับเขาไว้"

    "แล้วคุณวัฒเนี่ยเขาคือใครหรือครับ"

    "ก็รัฐมนตรีกระทรวงการคลังไงแกไม่รู้จักเหรอ"

    "โธ่คุณพ่อก็รู้ว่าผมไม่สนใจเรื่องการเมืองอยู่แล้วนี่ครับ"

    "แกหัดรู้ไว้บ้างก็ดีนะ คนใหญ่คนโตแบบเนี่ย ต่อไปถ้าแกรับช่วงธุรกิจต่อจากพ่อ จะได้มีผูใหญ่ไว้คอยหนุนหลัง"

    "ครับๆ"

    ในช่วงเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง วิวาตรีก็มานั่งอยู่บนรถตู้ของโรงเรียนที่ไปรับเธอมาจากสนามบินเพื่อมาส่งที่โรงเรียน วิวาตรีนั่งตัวตรงตามธรรมชาติที่เธอถูกฝึกมา เธอกำลังนึกอยู่ว่าคนที่นอนห้องเดียวกับเธอจะเป็นยังไงในปีนี้ เพราะโรงเรียนจะมีการสับเปลี่ยนห้องนอนอยู่ทุกปี แต่เท่าที่เธอได้ยินมาจากอาจารย์เพื่อนใหม่ของเธอนั้นเป็นเด็กใหม่

    มาจากกรุงเทพ  รถตู้โรงเรียนหยุดอยู่ที่หน้าหอพักสีขาวเหลืองที่เหมือนบ้านพักเสียมากกว่าอย่างช้าๆ คนขับรถเดินมาเปิดประตูให้หญิงสาวก่อนจะเดินไปยกกระเป๋าใบใหญ่ที่ท้ายรถ วิวาตรีออกเดินนำคนขับรถไปยังบ้านหอพักของหล่อน ในใจก็คิดว่าเพื่อนใหม่ของเธอคนนั้นจะมาถึงหรือยัง  เมื่อมาถึงหอพักคนขับรถวางกระเป๋าใบใหญ่ไว้ที่หน้าประตูไม้บานโตซึ่งถูกตบแต่งเอาไว้อย่างสวยงามแล้วก็จากไป วิวาตรีเอ่ยขอบคุณแล้วจึงเอื้อมมือมาหยิบกระเป๋าพร้อมกับเปิดประตูเข้าไปในห้อง เธอกวาดสายตามองห้องสีขาวที่มีเครื่องใช้ทุกอย่างครบครัน ทั้งโต๊ะทานอาหาร แจกันดอกไม้ รูปที่ประดับตบแต่งอยู่บนพนัง และที่สำคัญด้านหลังของเธอยังมีเครื่องครัวสำหรับทำอาหารง่ายๆอีกด้วย  เสียงเปิดประตูห้องที่ดังมาจากข้างในทำให้วิวาตรี หันหน้าไปมองยังต้นเสียง หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนท่าทางเรียบร้อยก้วาเท้าตรงมายังวิวาตรีพ้อมกับพูดว่า

    "สวัสดี"

    "เอ่อ สวัสดีจ๊ะ"  วิวาตรีพูดอย่างติดขัดเพราะตะลึงในความน่ารักแบบใสๆของคนตรงหน้าก่อนจะตั้งสติได้ว่าตนกำลังจ้องหน้าเธออยู่ จึงเป็นฝ่ายถามก่อนว่า

    "   อืม เธอชื่ออะไรเหรอ เราชื่อ สองอยู่หอเดียวกับเธอ"

    "มินญา เรียกว่ามิ้นก็แล้วกันนะ"

    "ถ้าเธอมีอะไรให้เราช่วยก็บอกนะเดี๋ยวเราจะไปจัดของก่อน"

    "อืม"

     วิวาตรีเดินเข้ามายังห้องสีชมพูที่ว่างเปล่าพร้อมกับกระเป๋าสองเธอวางมันลงแล้วค่อยๆเปิดมันออก สองหยิบเสื้อผ้าออกมาวางเรียงไว้บนเตียงจนถึงชุดสุดท้ายซึ่งเป็นชุดบัลเล่ของเธอ วิวาตรีรู้สึกว่าไม่อยากจะจัดของในเวลานี้จึงถือชุดสีชมพูเดินตรงไปยังห้องน้ำ ไม่นานเธอก็เดินออกมาในชุดวอมสีน้ำตาลเข้มข้างในมีชุดบัลเล่สวมอยู่   มินญาเดินตรงไปยังตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำ้หลังจากที่จัดข้าวของกองโตของเธอได้เพียงครึ่งเดียว มินญาหันไปมองเพื่อนร่วมหอที่อยู๋ในชุด

    วอ์มในมือถ์อรองเท้าแตะเอาไว้ก่อนจะถามว่า

    "สองจะไปไหนเหรอ"

    "อ๋อจะไปซ้อมบัลเล่ที่ห้องซ้อมนะ มิ้นจะไปดูไหม"

    "ไม่เป็นไรไปรบกวนเปล่าๆพอดี มิ้นก็ยังจัดของไม่เสร็จด้วยแหละ"

    "ถ้างั้นเราไปนะ แล้วเจอกัน"

     วิวาตรีเดินออกมาหยุดอยู่ที่หน้าหอพักแล้วใส่รองเท้าแตะ เดินอย่างสง่างามไปยังตึกสีเขียวเข้ม

    ประตูไม้ของห้องซ้อมถูกเปิดออก หญิงสาวค่อยๆเดินเข้าไปในห้องที่มีไว้ใช้สารพัดประโยชน์ ทั้งเต้น เรียนการแสดง และที่วิวาตรีใช้มันซ้อมบัลเล่  ชุดวอร์มถูกถอดวางเอาไว้ที่โต๊ะข้างหลังสุดของห้อง สองใส่ซีดีเพลงโปรดของเธอเข้าไปในเครื่องเล่นซีดีเครื่องใหญ่ที่ด้านซ้ายมือของห้อง  เสียงเพลงอันนุ่มนวลและจังหวะที่ไพเราะบวกกับท่าทางเต้นบัลเล่ที่อ่อนช้อยทำให้บรรยากาศของห้องดูมีสีสัน งดงามอย่างไม่น่าเชื่อ

     อีกด้านหนึ่งของโรงเรียนอัชชารัชเดินออกมานอกหอพักของเขาหลังจากพบว่าคนที่นอนห้องเดียวกับเขายังมาไม่ถึง เขาเดินชมสถานที่ใหม่ซึ่งเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่มากกว่าบ้านของเขาเสียอีกอย่างเพลิดเพลิน อาชเดินมาถึงตึกสูงใหญ่ที่เขาคาดว่ามันคือตึกเรียน เขาก้าวเท้าย่ำไปบนพื้นกระเบื้องสีเทาผ่านห้องต่างๆมากมาย  ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัดเสียงดนตรีที่ดังมาจากห้องถัดไปบังคับให้อาช เดินตรงไปยังต้นเหตุของเสียง ประตูบานใหญ่ที่ปิดไม่สนิททำให้เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความเย็นที่มาจากแอร์ข้างในห้อง เสียงเพลงยังคงบรรเลงไปเรื่อยๆ อาชยื่นหน้าเข้าไปมองผ่านช่องประตูที่แง้มเอาไว้ ภาพของหญิงสาวในชุดบัลเล่สีชมพูอ่อนโลดเล่นอยู่บนพื้นห้องในท่าบัลเล่ที่อ่อนช้อย แม้ว่าห้องนั้นจะเป็นห้องที่ตบแต่งอย่างเรียบง่ายแต่กลับดูสวยงามยามที่เธอผู้นี้กำลังเต้นบัลเล่ ในขณะที่วิวาตรีผู้นั้นหมุนตัวจำเป็นที่จะต้องใช้สมาธิอย่างมาก ทำให้เธอมิได้สนใจกับพื้นกระเบื้องที่แตกออก เธอสะดุดกระเบื้องแล้วล้มลง แทบจะในเวลาเดียวกัน อาชวิ่งตรงเข้ามาพยุงเธอด้วยความตกใจสุดขีดจึงกล่าวไปว่า

    "เป็นอะไรมากรึเปล่า"

    "ก็เจ็บ ขาอ่ะ" สองพูดด้วยอาการงงๆว่าเขามาได้อย่างไร

    "สงสัยข้อเท้าคงจะพลิก อย่างนี้คงต้องไปห้องพยาบาลแล้วล่ะ แล้วเอ่อ"

    "สองฉันชื่อสอง"สองตอบอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร

    "แล้วเธอพอจะลุกไหวไหม"

    วิวาตรีพยายามยันตัวขึ้นจากพื้นแต่เป็นเพราะอาการเจ็บของขาที่พลิกเธอจึงล้มลงไปอีก

    "โอ๊ย"

    "มาฉันช่วยดีกว่านะ"

    อาชค่อยๆพยุงร่างบางออกไปข้างนอกอย่างเบามือ

    "แล้วห้องพยาบาลอยู๋ที่ไหนล่ะ"

    "เดี๋ยวฉันบอกนายเอง"

    "แล้วนี่นายมาแอบดูฉันตั้แต่เมื่อไหร่กัน"

    "ฉันไม่ได้แอบดูซะหน่อย ก็แค่ผ่านมาเห็นก็เลยแวะดูต่างหาก"

    "อย่างนั้นนะแหละที่เขาเรียกกันว่าแอบดู นี่ๆถึงแล้ว"

    อาชเปิดประตูเขาไปในห้องสีขาวที่มีอุปกรณ์การแพทย์อยู่เกลื่อนกลาดไปหมด แต่เขากลับมองไม่เห็นอาจารย์หรือพยาบาลสักคนจึงหันไปถามหญิงสาวข้างๆ

    "ทำไมถึงไม่มีใครอยู่เลยล่ะ"

    "สงสัยคงจะพักกินข้าวกันหมดละมั๊ง"

    "มาเดี๋ยวฉันจะทำให้แผลให้เธอเอง ฉันเคยเรียนมาจากวิชาลูกเสือนะ"

    "แล้วอย่างเนี๊ยฉันจะไว้ใจให้นายทำแผลให้ฉันได้เหรอ"

    "ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มาเร็ว"

    "อย่าทำขาฉันหักล่ะ"

    "รู้แล้ว"

    "โอ๊ย เจ็บนะนายจับเบาๆหน่อยไดมั๊ย"

    "ก็พยายามอยู่เธอก็อดทนหน่อยสิ"

    ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บก็จริงแต่เมื่อวิวาตรีหันไปเห็นใบหน้า ที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ เธอจึงจำเป็นต้องนั่งเงียบๆ

    "อ่ะเสร็จแล้ว ฉันไปก่อนนะ"

    ในที่สุดการทำแผลก็สิ้นสุดลงวิวาตรีพยุงตัวขึ้นช้าๆเดินตามคนตัวสูงใหญ่ที่เดินนำหน้าเธอออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกนบอกว่า

    "นายชื่ออะไรหรอ คือฉันยังไม่รู้ชื่อนายเลยน่ะ"

    "อาช"

    "ฉันขอบใจนายมากนะอาช ขอบคุณจริงๆ"

    ขณะที่เธอพูดอัชชารัชมิได้ตอบกล่าวสิ่งใดเพียงแต่หยุดฟังแล้วเดินจากไปเท่านั้น ทิ้งให้คนเจ็บเดินตามมาข้างหลังเพียงลำพัง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×