คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แรกเจอ
+กระเป๋าทุกใบถูกนำมาวางเรียงเอาไว้ในรถเบนซ์ หน้าคฤหาสหลังใหญ่อย่างเรียบร้อย อัชชารัชในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ ราคาแพงเดินคนขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย เขาเหลือบมองบ้านที่เขาอาศัยอยู่ทุกวันอย่างไร้อารม ก่อนจะหันหน้าเข้ามาในรถอย่างเดิม ถ้าจะบอกว่าเขาไม่อยากจากบ้านไปก็ไม่ใช่ ความรู้สึกของเขาตอนนี้มันยากที่จะบอกได้
เขาหยุดอารมที่สับสนของตัวเองไว้เพียงแค่นั้นแล้วจึงนึกคำถามที่เขาจะถามบิดาขึ้นมาได้
"วันนี้คุณพ่อไม่มีประชุมที่สภาหรอครับ"
"ใช่สินะพ่อเองก็ลืมไปเลย ว่าต้องไปที่สภาเดี๋ยวพ่อโทรบอกคุณวัฒก็คงสิ้นเรื่องแล้วละ"
"ผมว่าแล้วว่าคุณพ่อจะต้องลืม"
พ.ต.อ วารุธ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพย์มือถือรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับกดหมายเลขที่ตนต้องการลงไป เขาฟังสัญญาณต่อสายอยู่สักพักก็มีเสียงตอบรับมาจากปลายสาย
"สวัสดีครับคุณวุธ"
"ครับคุณวัฒ พอดีผมจะโทรมาบอกว่าวันนี้ผมคงเข้าประชุมไม่ได้เพราะผมจะพาลูกชายไปส่งที่โรงเรียนใหม่ที่เชียงใหม่นะครับ "
"ตอนนี้ผมมาส่งลูกสาวที่แอรี์พอต คงจะเข้าไปสภาช้านิดหน่อยนะครับ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับคุณวุธเดี๋ยวทางนี้ผมจะจัดการเอง"
" ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องรบกวนด้วยนะครับ สวัสดีครับ"
"ครับท่าน"
การสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น อาวุธวางโทรศัพย์เข้าที่เดิมพร้อมกับบอกลูกชายว่า
"ลูกสาวของคุณวัฒน่ะเขาก็อยู่ที่โรงเรียนเดียวกับแก แกอาจจะได้เจอเขานะ พ่ออยากให้แกรู้จักกับเขาไว้"
"แล้วคุณวัฒเนี่ยเขาคือใครหรือครับ"
"ก็รัฐมนตรีกระทรวงการคลังไงแกไม่รู้จักเหรอ"
"โธ่คุณพ่อก็รู้ว่าผมไม่สนใจเรื่องการเมืองอยู่แล้วนี่ครับ"
"แกหัดรู้ไว้บ้างก็ดีนะ คนใหญ่คนโตแบบเนี่ย ต่อไปถ้าแกรับช่วงธุรกิจต่อจากพ่อ จะได้มีผูใหญ่ไว้คอยหนุนหลัง"
"ครับๆ"
ในช่วงเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง วิวาตรีก็มานั่งอยู่บนรถตู้ของโรงเรียนที่ไปรับเธอมาจากสนามบินเพื่อมาส่งที่โรงเรียน วิวาตรีนั่งตัวตรงตามธรรมชาติที่เธอถูกฝึกมา เธอกำลังนึกอยู่ว่าคนที่นอนห้องเดียวกับเธอจะเป็นยังไงในปีนี้ เพราะโรงเรียนจะมีการสับเปลี่ยนห้องนอนอยู่ทุกปี แต่เท่าที่เธอได้ยินมาจากอาจารย์เพื่อนใหม่ของเธอนั้นเป็นเด็กใหม่
มาจากกรุงเทพ รถตู้โรงเรียนหยุดอยู่ที่หน้าหอพักสีขาวเหลืองที่เหมือนบ้านพักเสียมากกว่าอย่างช้าๆ คนขับรถเดินมาเปิดประตูให้หญิงสาวก่อนจะเดินไปยกกระเป๋าใบใหญ่ที่ท้ายรถ วิวาตรีออกเดินนำคนขับรถไปยังบ้านหอพักของหล่อน ในใจก็คิดว่าเพื่อนใหม่ของเธอคนนั้นจะมาถึงหรือยัง เมื่อมาถึงหอพักคนขับรถวางกระเป๋าใบใหญ่ไว้ที่หน้าประตูไม้บานโตซึ่งถูกตบแต่งเอาไว้อย่างสวยงามแล้วก็จากไป วิวาตรีเอ่ยขอบคุณแล้วจึงเอื้อมมือมาหยิบกระเป๋าพร้อมกับเปิดประตูเข้าไปในห้อง เธอกวาดสายตามองห้องสีขาวที่มีเครื่องใช้ทุกอย่างครบครัน ทั้งโต๊ะทานอาหาร แจกันดอกไม้ รูปที่ประดับตบแต่งอยู่บนพนัง และที่สำคัญด้านหลังของเธอยังมีเครื่องครัวสำหรับทำอาหารง่ายๆอีกด้วย เสียงเปิดประตูห้องที่ดังมาจากข้างในทำให้วิวาตรี หันหน้าไปมองยังต้นเสียง หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนท่าทางเรียบร้อยก้วาเท้าตรงมายังวิวาตรีพ้อมกับพูดว่า
"สวัสดี"
"เอ่อ สวัสดีจ๊ะ" วิวาตรีพูดอย่างติดขัดเพราะตะลึงในความน่ารักแบบใสๆของคนตรงหน้าก่อนจะตั้งสติได้ว่าตนกำลังจ้องหน้าเธออยู่ จึงเป็นฝ่ายถามก่อนว่า
" อืม เธอชื่ออะไรเหรอ เราชื่อ สองอยู่หอเดียวกับเธอ"
"มินญา เรียกว่ามิ้นก็แล้วกันนะ"
"ถ้าเธอมีอะไรให้เราช่วยก็บอกนะเดี๋ยวเราจะไปจัดของก่อน"
"อืม"
วิวาตรีเดินเข้ามายังห้องสีชมพูที่ว่างเปล่าพร้อมกับกระเป๋าสองเธอวางมันลงแล้วค่อยๆเปิดมันออก สองหยิบเสื้อผ้าออกมาวางเรียงไว้บนเตียงจนถึงชุดสุดท้ายซึ่งเป็นชุดบัลเล่ของเธอ วิวาตรีรู้สึกว่าไม่อยากจะจัดของในเวลานี้จึงถือชุดสีชมพูเดินตรงไปยังห้องน้ำ ไม่นานเธอก็เดินออกมาในชุดวอมสีน้ำตาลเข้มข้างในมีชุดบัลเล่สวมอยู่ มินญาเดินตรงไปยังตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำ้หลังจากที่จัดข้าวของกองโตของเธอได้เพียงครึ่งเดียว มินญาหันไปมองเพื่อนร่วมหอที่อยู๋ในชุด
วอ์มในมือถ์อรองเท้าแตะเอาไว้ก่อนจะถามว่า
"สองจะไปไหนเหรอ"
"อ๋อจะไปซ้อมบัลเล่ที่ห้องซ้อมนะ มิ้นจะไปดูไหม"
"ไม่เป็นไรไปรบกวนเปล่าๆพอดี มิ้นก็ยังจัดของไม่เสร็จด้วยแหละ"
"ถ้างั้นเราไปนะ แล้วเจอกัน"
วิวาตรีเดินออกมาหยุดอยู่ที่หน้าหอพักแล้วใส่รองเท้าแตะ เดินอย่างสง่างามไปยังตึกสีเขียวเข้ม
ประตูไม้ของห้องซ้อมถูกเปิดออก หญิงสาวค่อยๆเดินเข้าไปในห้องที่มีไว้ใช้สารพัดประโยชน์ ทั้งเต้น เรียนการแสดง และที่วิวาตรีใช้มันซ้อมบัลเล่ ชุดวอร์มถูกถอดวางเอาไว้ที่โต๊ะข้างหลังสุดของห้อง สองใส่ซีดีเพลงโปรดของเธอเข้าไปในเครื่องเล่นซีดีเครื่องใหญ่ที่ด้านซ้ายมือของห้อง เสียงเพลงอันนุ่มนวลและจังหวะที่ไพเราะบวกกับท่าทางเต้นบัลเล่ที่อ่อนช้อยทำให้บรรยากาศของห้องดูมีสีสัน งดงามอย่างไม่น่าเชื่อ
อีกด้านหนึ่งของโรงเรียนอัชชารัชเดินออกมานอกหอพักของเขาหลังจากพบว่าคนที่นอนห้องเดียวกับเขายังมาไม่ถึง เขาเดินชมสถานที่ใหม่ซึ่งเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่มากกว่าบ้านของเขาเสียอีกอย่างเพลิดเพลิน อาชเดินมาถึงตึกสูงใหญ่ที่เขาคาดว่ามันคือตึกเรียน เขาก้าวเท้าย่ำไปบนพื้นกระเบื้องสีเทาผ่านห้องต่างๆมากมาย ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัดเสียงดนตรีที่ดังมาจากห้องถัดไปบังคับให้อาช เดินตรงไปยังต้นเหตุของเสียง ประตูบานใหญ่ที่ปิดไม่สนิททำให้เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความเย็นที่มาจากแอร์ข้างในห้อง เสียงเพลงยังคงบรรเลงไปเรื่อยๆ อาชยื่นหน้าเข้าไปมองผ่านช่องประตูที่แง้มเอาไว้ ภาพของหญิงสาวในชุดบัลเล่สีชมพูอ่อนโลดเล่นอยู่บนพื้นห้องในท่าบัลเล่ที่อ่อนช้อย แม้ว่าห้องนั้นจะเป็นห้องที่ตบแต่งอย่างเรียบง่ายแต่กลับดูสวยงามยามที่เธอผู้นี้กำลังเต้นบัลเล่ ในขณะที่วิวาตรีผู้นั้นหมุนตัวจำเป็นที่จะต้องใช้สมาธิอย่างมาก ทำให้เธอมิได้สนใจกับพื้นกระเบื้องที่แตกออก เธอสะดุดกระเบื้องแล้วล้มลง แทบจะในเวลาเดียวกัน อาชวิ่งตรงเข้ามาพยุงเธอด้วยความตกใจสุดขีดจึงกล่าวไปว่า
"เป็นอะไรมากรึเปล่า"
"ก็เจ็บ ขาอ่ะ" สองพูดด้วยอาการงงๆว่าเขามาได้อย่างไร
"สงสัยข้อเท้าคงจะพลิก อย่างนี้คงต้องไปห้องพยาบาลแล้วล่ะ แล้วเอ่อ"
"สองฉันชื่อสอง"สองตอบอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
"แล้วเธอพอจะลุกไหวไหม"
วิวาตรีพยายามยันตัวขึ้นจากพื้นแต่เป็นเพราะอาการเจ็บของขาที่พลิกเธอจึงล้มลงไปอีก
"โอ๊ย"
"มาฉันช่วยดีกว่านะ"
อาชค่อยๆพยุงร่างบางออกไปข้างนอกอย่างเบามือ
"แล้วห้องพยาบาลอยู๋ที่ไหนล่ะ"
"เดี๋ยวฉันบอกนายเอง"
"แล้วนี่นายมาแอบดูฉันตั้แต่เมื่อไหร่กัน"
"ฉันไม่ได้แอบดูซะหน่อย ก็แค่ผ่านมาเห็นก็เลยแวะดูต่างหาก"
"อย่างนั้นนะแหละที่เขาเรียกกันว่าแอบดู นี่ๆถึงแล้ว"
อาชเปิดประตูเขาไปในห้องสีขาวที่มีอุปกรณ์การแพทย์อยู่เกลื่อนกลาดไปหมด แต่เขากลับมองไม่เห็นอาจารย์หรือพยาบาลสักคนจึงหันไปถามหญิงสาวข้างๆ
"ทำไมถึงไม่มีใครอยู่เลยล่ะ"
"สงสัยคงจะพักกินข้าวกันหมดละมั๊ง"
"มาเดี๋ยวฉันจะทำให้แผลให้เธอเอง ฉันเคยเรียนมาจากวิชาลูกเสือนะ"
"แล้วอย่างเนี๊ยฉันจะไว้ใจให้นายทำแผลให้ฉันได้เหรอ"
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มาเร็ว"
"อย่าทำขาฉันหักล่ะ"
"รู้แล้ว"
"โอ๊ย เจ็บนะนายจับเบาๆหน่อยไดมั๊ย"
"ก็พยายามอยู่เธอก็อดทนหน่อยสิ"
ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บก็จริงแต่เมื่อวิวาตรีหันไปเห็นใบหน้า ที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ เธอจึงจำเป็นต้องนั่งเงียบๆ
"อ่ะเสร็จแล้ว ฉันไปก่อนนะ"
ในที่สุดการทำแผลก็สิ้นสุดลงวิวาตรีพยุงตัวขึ้นช้าๆเดินตามคนตัวสูงใหญ่ที่เดินนำหน้าเธอออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกนบอกว่า
"นายชื่ออะไรหรอ คือฉันยังไม่รู้ชื่อนายเลยน่ะ"
"อาช"
"ฉันขอบใจนายมากนะอาช ขอบคุณจริงๆ"
ขณะที่เธอพูดอัชชารัชมิได้ตอบกล่าวสิ่งใดเพียงแต่หยุดฟังแล้วเดินจากไปเท่านั้น ทิ้งให้คนเจ็บเดินตามมาข้างหลังเพียงลำพัง
ความคิดเห็น