ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วรรณคดี

    ลำดับตอนที่ #2 : ดอกไม้ 2

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 49


    กุหลาบมอญ

    ดอกเกลื่อนดกกลาดหนักหนา

    กาหลงกุหลาบกระดังงา

    การะเกดกรรณิการ์ลำดวน…"

    วรรณคดี : "รามเกียรติ์"

    ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

    ชื่อพฤกษศาสตร์ : Rosa damascema, Mill.

    ชื่อสามัญ : Damask Rose, Persia Rose, Mon Rose

    ชื่อวงศ์ : Rosaceae

    กุหลาบมอญเป็นไม้ดอกประเภทไม้พุ่มผลัดใบ ลำต้นตั้งตรง กิ่งก้านมีหนาม พุ่มสูงประมาณ ๒ - ๓ เมตร อายุยืน แข็งแรง เป็นไม้ที่ต้องการแสงแดดจัดอย่างน้อยวันละ ๖ ชั่วโมง จึงควรปลูกในที่โล่งแจ้งแต่ควรเป็นที่อับลม ขึ้นได้ในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์พอ ชอบน้ำ แต่ไม่ชอบน้ำขัง ดินจึงต้องระบายน้ำได้ดี ชอบอากาศร้อนในตอนกลางวัน และอากาศเย็นในตอนกลางคืน กุหลาบมอญนี้ถือได้ว่าเป็นกุหลาบพื้นเมืองของไทย ใบเป็นใบประกอบชนิดขนนก มีหูใบ ๑ คู่ มีใบย่อย ๓ - ๕ ใบ ในก้านช่อใบหนึ่ง ๆ ใบจัดเรียงแบบสลับ ใบมีสีเขียวเข้มเป็นมัน มีรอยย่นเล็กน้อย ขอบใบเป็นจักละเอียด เส้นกลางใบด้านท้องใบมีหนามห่าง ๆ ดอกมีลักษณะค่อนข้างกลม กลับดอกเรียงซ้อนกันหลายชั้น วนออกนอกเป็นรัศมีโดยรอบ ดอกมีสีชมพูอ่อน สีชมพูเข้ม ดอกมักออกเป็นช่อ ทางปลายกิ่ง กลีบดอกมีลักษณะปลายแหลมเรียว การขยายพันธ์ใช้วิธีตอนกิ่ง

     

    กระถิน

     


    กระทุ่มกระถินกลิ่นเร้า รื่นข้างทางจร…"

    วรรณคดี : "นิราศสุพรรณ"

    ผู้ประพันธ์ : สุนทรภู่

    ชื่อพฤกษศาสตร์ : Leucaena glauca, Benth.

    ชื่อสามัญ : Lead Tree, Horse Tamarind

    ชื่อวงศ์ : Leguminosae

    ชื่ออื่น ๆ : ตอเบา

    กระถินเป็นไม้พุ่ม ขึ้นได้ในดินทั่วไป นิยมปลูกกันเป็นแนวรั้วบ้าน ยอดอ่อนและฝัก ใช้รับประทานเป็นผักสด มีกลิ่นคล้ายชะอม ใบใช้ป่นเป็นอาหารสัตว์ได้ ใบเป็นใบประกอบมีใบย่อยเล็กละเอียดลักษณะคล้ายใบมะขาม ดอกเป็นดอกรวม กลมโตเท่าผลมะไฟ ลักษณะเป็นฝอยฟูสีขาวคล้ายดอกกระทุ่ม ฝักมีลักษณะแบน ยาว ผักยาวประมาณ ๔ นิ้ว กว้างประมาน ครึ่งนิ้ว ภายในมีเมล็ดลักษณะแบนคล้ายเมล็ดแตงกวา เรียงอยู่ข้างในฝัก ตามยาว การขยายพันธุ์ ใช้เมล็ดปลูก สรรพคุณทางสมุนไพร ใช้แก้ท้องร่วง สมานแผล ห้ามเลือด

    ซ่อนกลิ่น

     


    ตาดว่าตาดพัสตรา หนุ่มเหน้า

    สลาสิงเล่ห์ ซรองสลา นุชเทียบ ถวายฤๅ

    สวาดิดังเรียมสวาดิเจ้า จากแล้วหลงครวญ ฯ …"

    วรรณคดี : "ลิลิตตะเลงพ่าย"

    ผู้ประพันธ์ : สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส

    ชื่อพฤกษศาสตร์ : Polisanthes tuberosa, L.

    ชื่อสามัญ : Tuberose

    ชื่อวงศ์ : Amaryllidaceae

    ชื่ออื่น ๆ : ซ่อนชู้

    ซ่อนกลิ่นเป็นพันธุ์ไม้ที่มีหัวอยู่ในดิน ใบสีเขียวสดเรียวยาวมีหน่อออกกลายเป็นหัว เป็นไม้ตัดดอกที่ใช้กันมากในทางศาสนา เพราะมีสีขาวบริสุทธิ์ และกลิ่นหอมเย็น ไม่นิยมนำมาจัดแจกันดอกไม้ นอกจากใช้บูชาพระ ใช้ใส่แจกันหน้าแท่นบูชาศพ ซ่อนกลิ่นขึ้นได้ดีในดินร่วนโปร่ง ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุมาก ถ้าดินเหนียวแข็ง หรือดินน้ำท่วม ต้นจะแคระแกรนไม่แตกกอ ใบเล็กผอมยาว ช่อดอกเล็กผอมสั้น การขยายพันธุ์ ใช้วิธีแยกหัวปลูก


    ดองดึง

     



    สุพรรณิกากากระทึง ดอกราชพฤกษ์ซึกไทรไตร ฯ …"

    วรรณคดี : กาพย์ห่อโคลง " นิราศธารทองแดง"

    ผู้ประพันธ์ : เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ "เจ้าฟ้ากุ้ง"

    ชื่อพฤกษศาสตร์ : Gloriosa superba, L.

    ชื่อสามัญ : Glory Lily, Climbing Lily, Superd Lily, Turk's Cap

    ชื่อวงศ์ : Liliaceae

    ชื่ออื่น ๆ : ดาวดึงส์ ว่านก้ามปู หัวขวาน พันมหา บ้องขวาน ผะขาโก้ง คมขวาน

    ดองดึงเป็นไม้ล้มลุก ลำต้นอยู่ใต้ดิน มีลักษณะเดียวกับเหง้ากระชาย สีขาวครีม รูปร่างคล้ายหัวขวาน ส่วนที่เป็นหัวหรือไหลเป็นสีขาวนมสด ชอบดินร่วนปนทราย เจริญเติบโตได้ในที่มีแสงแดดจัดและแดดร่มรำไร ดองดึงเป็นพืชเถาเลื้อย ก้านใบที่โผล่ขึ้นเหนือดิน ลักษณะเป็นเถากลมขนาดเล็ก แต่เหนียวเลื้อยเกาะได้สูง ๑ - ๓ เมตร เถาเป็นข้อปล้องเห็นได้ชัด เมื่อดอกโรยจะติดผลเป็นรูปกระสวย ๓ เส้า ติดกันหมด ลักษณะและขนาดคล้ายผลตะลิงปลิง เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑.๕ ซ.ม. มีสีเขียว เมื่อแก่จัดเป็นสีน้ำตาล มีเมล็ดเรียงอยู่ภายใน เส้าละ ๒ แถว แถวละ ๕ - ๘ เมล็ด มีขนาดและสีคล้ายเมล็ดข้าวโพด การขยายพันธุ์ ใช้วิธีเพาะเมล็ด

     

     

    ดาวเรื่อง

     


    กุหลาบกนาบทั้งสองทาง

    เบงระมาดยี่สุ่นกาง

    กลีบบานเพราเหล่าดาวเรือง ฯ …"

    วรรณคดี : กาพย์ห่อโคลง " นิราศธารทองแดง"

    ผู้ประพันธ์ : เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ "เจ้าฟ้ากุ้ง"

    ชื่อพฤกษศาสตร์ : Tagetes spp.

    ชื่อสามัญ : Marigolds

    ชื่อวงศ์ : Compositae

    ชื่ออื่น ๆ : คำปู้จู้

    ดาวเรืองเป็นไม้ล้มลุก ลำต้นทรงพุ่มสูงประมาณ ๔ ฟุต ปลูกง่ายขึ้นในดินเกือบทุกชนิด ทนทานต่อความแห้งแล้ง ใบเป็นฝอย มีกลิ่นหอมฉุน ดาวเรืองที่พบเห็นและปลูกกันมากในปัจจุบันมี ๕ ชนิด คือ ๑. Tagetes erecta เป็นดาวเรืองชนิดต้นสูง ดอกใหญ่ ซ้อน ทรงดอกกลมโต พันธุ์ที่นิยมกันคือ เทตรา เบอร์พี พริมโรส เลมอนบอล ๒. Tagetes patula ลำต้นเตี้ย มีทั้งดอกซ้อนและไม่ซ้อน พันธุ์ที่นิยม คือ นอติมาเรียตตา บัฟเฟิลด์เรด ๓. Triploid marigolds เป็นลูกผสมระหว่าง ๒ ชนิดแรก ได้แก่พันธุ์นักเกท ๔. Tagetes tenuifolia pumila เป็นดาวเรืองชนิดพุ่มเตี้ย สูงประมาณ ๗ - ๑๐ นิ้ว ดอกกลีบชั้นเดียว มีขนาดเล็ก นิยมปลูกตามขอบแปลง หรือสวนหิน ๕. Tagets\es filifolia pumila เป็นดาวเรืองที่มีใบสวยงาม พุ่มต้นแน่นเหมาะสำหรับปลูกตามขอบแปลง การขยายพันธุ์ ใช้วิธีเพาะเมล็ดแล้วย้ายปลูก สรรพคุณด้านสมุนไพร ใช้ดอกผสมกับข่าและสะค้าน รับประทานแก้ฝีลมที่มีอาการปวดในท้อง ต้นใช้เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้จุดเสียดและปวดท้อง

     

    แค



    เกล็ดแก้วกันตราไตรตร่าง

    ตะเคียนแคข่อยขานาง

    ขวิดขวาดปริงปรางประยงค์…"

    วรรณคดี : "รามเกียรติ์"

    ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

    ชื่อพฤกษศาสตร์ : Sesbania grandiflora, (L.) Poir.

    ชื่อสามัญ : Sesban

    ชื่อวงศ์ : Leguminosae

    แคเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นเป็นพุ่ม ขึ้นได้ในดินทุกชนิดไม่ชอบน้ำขัง และปลูกได้ทุกฤดู เจริญเติบโตได้ดี โดยไม่ต้องการบำรุงรักษาแต่อย่างใดแต่ควรเอาใจใส่ระยะแรกปลูก ใบเป็นใบประกอบ แตกจากลำต้นเป็นแบบสลับ ประกอบด้วยใบย่อย ๑๐ - ๓๐ คู่ ใบย่อยแต่ละใบยาวไม่เท่ากัน มีขนาดยาวประมาณ ๓ - ๕ ซ.ม. กว้าง ๑๔ ม.ม. ตัวใบรูปขอบขนานเรียว ปลายใบมนหรือเว้ามีติ่งเล็กน้อย ผิวใบมีขนเล็กน้อย ดอกออกเดี่ยวหรือเป็นช่อ ๒ - ๓ ดอก มีทั้งชนิดสีขาว และสีแดง แต่ละดอกยาวประมาณ ๔ - ๘ ซ.ม. ฝักมีลักษณะแบน ปลายฝักแหลม ยาวประมาณ ๒๐ - ๕๐ ซ.ม. กว้าง ๔ - ๙ ม.ม. ภายในมีเมล็ด ๑๕ - ๕๐ เมล็ด การขยายพันธุ์ ใช้เมล็ดปลูก สรรพคุณทางสมุนไพร ใช้เปลือกปิ้งไฟต้มกับน้ำปูนใส หรือน้ำดื่มแก้อาการท้องเดิน ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใบแก้ไข้เปลี่ยนฤดู


    พิกุล




    ร่มหูกวางกวางเฝือฝูงกวางป่า

    อ้อยช้างช้างน้าวเป็นราวมา

    สาลิกาจับกิ่งพิกุลกิน…"

    วรรณคดี : "ขุนช้างขุนแผน"

    ผู้ประพันธ์ : สุนทรภู่

    ชื่อพฤกษศาสตร์ : Mimusope elengi, L.

    ชื่อสามัญ : Bullet Wood

    ชื่อวงศ์ : Sapotaceae

    พิกุลเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง กิ่งก้านค่อนข้างแจ้ แบน คล้ายต้นหว้า มีพุ่มใบแน่น เหมาะสำหรับปลูกไว้บังแดดตอนบ่าย ดอกมีกลิ่นหอม ใบเป็นใบเดี่ยว สีเขียวเข้ม ปลายแหลมมน มีขนาดใบกว้างประมาณ ๗ ซ.ม. ยาวประมาณ ๑๕ ซ.ม. เส้นกลางใบด้านท้องใบนูน ก้านใบยาวประมาณ ๓ ซ.ม. ดอกออกเป็นช่อ เป็นกระจุก ดอกมีขนาดเล็กกว้างประมาณ ๑ ซ.ม. กลีบดอกเล็กแคบยาวเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ มองดูริมดอกเป็นจักเล็ก ผลกลมโตคล้ายละมุดสีดา แต่เล็กกว่าเล็กน้อย ผลสุกสีแดงแสด ใช้รับประทานได้ รสฝาดหวานมัน การขยายพันธ์ ใช้เพาะเมล็ด หรือ ตอนกิ่ง ทางด้านสมุนไพร เปลือกใช้ต้มเอาน้ำอมเป็นยากลั้วล้างปาก แก้ปากเปื่อย ปวดฟัน ฟันโยกคลอน เหงือกบวม เป็นยาคุมธาตุ ดอกแห้งใช้ป่นทำยานัตถุ์ แก้ไข้ ปวดศรีษะ เจ็บคอ แก้ปวดตามร่างกาย แก้ร้อนใน เมล็ดตำละเอียดปั้นเป็นยาเม็ดสวนทวาร

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×