คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ใกล้ชิด
ช่วงเย็น..
“แล้ว..คุณเลขาของลุงละครับ” ภีร์มะถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าวันนี้ไม่มีหญิงสาวเดินทางกลับพร้อมกันเช่นเคย
“วันนี้คุณป่านไปทานข้าวกับเพื่อน ๆ นะครับ”
“แล้วลุงรู้หรือเปล่าครับว่าที่ไหน” ลุงมี บอกร้านประจำที่ปารลีและเพื่อน ๆ มักจะไปกันเป็นประจำ ให้ชายหนุ่มทราบ ภีร์มะฟังเงียบ ๆ พร้อมกับสอบถามสถานที่คร่าว ๆ
“ผมนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ...ลุงกลับบ้านไปก่อนนะครับ นี่ค่ารถ...ฝากบอกคุณแม่ด้วยว่าผมจะรีบกลับ” ชายหนุ่มขอให้ลุงมีลงกลางทางพร้อมกับโทรหาเพื่อนของตนและรีบขับรถไปรับอีกฝ่ายทันที
ลุงมีรับคำพร้อมนั่งรถแท๊กซี่กลับไปยังบ้านคชาบดินทร์ ด้วยความรู้สึกสงสัยไปตลอดทาง…
“นึกยังไงวะ ไอ้คุณภีม ...ถึงได้พาข้ามาเลี้ยงข้าวที่นี่นะ”
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่แวะมาดูพฤติกรรมเด็กในบ้าน” ภีร์มะเอ่ยขึ้นลอย ๆ สายตาคมกวาดตามองรอบ ๆ ร้าน เพื่อมองหาปารลี เขาให้เหตุผลในการตามเธอมาในครั้งนี้เพื่อจะจับตาดูเธอและรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมให้มารดาเขารับทราบเพื่อที่ท่านจะได้รู้ว่าแม่เลขา นั้นไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่ท่านคิด
“แม่เลขาหน้าตาย ที่แกเคยเล่าให้ฉันฟังหรือเปล่า..” อำนาจนาจ ถามขึ้นเมื่อภีร์มะ เลือกโต๊ะได้เรียบร้อยแล้ว ภีร์มะพยักหน้ารับช้า ๆ จึงทำให้ชายหนุ่มชะเง้อมองตามสายตาคมของภีร์มะที่มองตรงไปยังผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่กำลังพูดคุยกันอยู่ บริเวณศาลา ริมบึงน้ำ
สวนอาหารแห่งนี้ ตั้งอยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองมากนัก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแผ่นน้ำ และมีบัวหลากสี ปลูกอยู่เต็มพื้นที่ ด้านหน้ามีสวนเล็ก ๆ และปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่รายล้อม อย่างร่มรื่น นอกจากโต๊ะที่มีการจัดวางไว้บนแพขนาดใหญ่หลายสิบโต๊ะ และ เรียงรายอยู่ บริเวณสวนด้านหน้าสำหรับคนที่ไม่ถูกกับอาการโคลงเคลงของแพแล้ว ยังมีแพที่ทำศาลาเล็ก ๆ สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว อีก 5-6 หลัง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีปารลีนั่งอยู่
“ไอ้ภีมเด็กในบ้านแกนี่ คนไหนวะ..” อำนาจถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะ สามสาวที่นั่งอยู่บริเวณศาลานั้น ต่างก็ตรงข้ามกับจินตนาการที่เคยได้ยินมาจากภีร์มะ โดยเฉพาะ สาวเสื้อขาวที่ตราตรึงให้เขาจ้องมองจนไม่อาจละสายตาได้
“คนเสื้อขาว”
“จริงดิ..ทั้งสวย น่ารัก ไม่เห็นเหมือนที่แกเคยเล่าให้ฟังเลย” อำนาจเอ่ยเสียงเพ้อ ก่อนจะหันไปทำตาขวางให้กับเพื่อนของตน
“ไอ้ต้น แกคงต้องไปตัดแว่นหรือไม่ก็ไปเช็คสมองแล้วล่ะ ที่มองว่ายัยนั่น น่ารัก แสบก็ที่หนึ่ง ปากก็จัดอย่างกับอะไรดี” ภีร์มะนึกวีรกรรมแต่ละอย่างที่หญิงสาวทำกับตนแล้วก็นึกค้านความคิดของเพื่อนขึ้นมา
“แหม..ไอ้คุณภีมแล้วปากแกนี่ก็ใช่ย่อยนะ ฉันว่าที่แกอคติกับเขาคงเป็นเพราะ เจอคนที่รู้ทันแกอะดิ เรื่องของแกกับเขาช่างมันเถอะ...แกไม่ชอบเขาก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะต้องไม่ชอบเขาไปด้วยนี่...มีเรื่องจะถาม” ท่าทางกระดี๊กระด๊าของอำนาจทำให้ภีร์มะเริ่มอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นเรื่อย ๆ
“อะไร..” ภีร์มะตอบกลับอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“คุณเลขาเขามีแฟนรึยังว่ะ”
“ทำไม?? อย่าบอกนะว่า..แกสนใจ” ภีร์มะเอ่ยขึ้นหลังจากที่นิ่งเงียบไปนานหลังจากที่ได้ยินคำถาม สายตาคมทอดมองไปยังกลุ่มหญิงสาวที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส
“ไม่ใช่แค่สนใจ แต่ฉันตกหลุมรักเลยล่ะ ... ตกลงว่ามีหรือยัง” ชายหนุ่มละสายตาจากปารลี พร้อมกับส่งสายตาเข้มให้เพื่อนสนิท
“นี่แกเอาจริงเหรอ”
“เอาจริงดิ”
“ท่าจะบ้านะแกเนี่ย..ไม่รู้หรอกว่ามีแฟนหรือยัง แต่เห็นว่ามีคนที่ตามจีบอยู่...” ภีร์มะเอ่ยอย่างตัดรำคาญพร้อมกับจ้องมองไปยังใบหน้าใส ที่กำลังหัวเราะน้อย ๆ กับเพื่อน ๆ
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็มีสิทธิ์อะดิ..คุณภีร์มะครับ แนะนำคุณเลขาให้ผมหน่อยสิ”
“ไว้วันหลังก็แล้วกันวันนี้ไม่มีอารมณ์” ภีร์มะเอ่ยเสียงเข้ม เขาไม่รู้ว่าเพื่อนสนิท เห็นดีอะไรในตัวของปารลี และรู้สึกหงุดหงิดที่อำนาจแสดงอาการชื่นชมคู่อริเสียเต็มประดา
“เออไอ้ขี้งก ..ฉันไม่ง้อแกก็ได้”
ในขณะที่ภีร์มะกำลังลอบสังเกตุปารลีอยู่นั้น ถัดไปไม่ไกลจากที่พวกเธอนั่งอยู่ มีร่างสูงของเอกวุธเดินตรงเข้ามาหา พร้อมกับนั่งร่วมโต๊ะ ภีร์มะแค่นยิ้ม กับภาพตรงหน้าพร้อมเอ่ยกับเพื่อนรัก
“แกคงกินแห้วแล้วล่ะ โน่น เจ้าของเขามาแล้ว” อำนาจมองตามสายตาของเพื่อนรักอีกครั้งก่อนจะหยุดลงที่ร่างของชายหนุ่มหนึ่งเดียวในศาลานิ่ง
“อุปสรรคเล็กน้อยน่า...ถ้าเกิดว่าหมอนั่นยังไม่ได้เป็นแฟนฉันก็ยังมีสิทธิ์ จริงมั๊ย”
“เออ..เชิญบ้าให้พอนะ..ขี้เกียจยุ่ง” ภีร์มะตัดบทก่อนจะค่อย ๆ จัดการกับอาหารตรงหน้า ไม่สนใจเสียงเจื้อยแจ้วของเพื่อนที่ยังคงชื่นชมปารลีไม่หยุด
ล่วงเลยเข้าสู่หัวค่ำ กลุ่มของปารลีต่างก็เตรียมตัวเดินทางกลับ ภีร์มะเดินตามร่างเพรียวของปารลีที่เดินตรงไปยังห้องน้ำ ที่ตั้งอยู่บริเวณหลังร้าน โดยบอกกับอำนาจเพียงว่าให้เดินทางกลับเองเนื่องจากเขามีเรื่องต้องจัดการ แม้อีกฝ่ายจะบ่นอุบแต่ก็กลับทันที เพราะอำนาจต้องเดินทางไปต่างจังหวัดตั้งแต่เช้า
“หน้าระรื่นเชียวนะ” ปารลีชะงักเท้าที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถทันที เมื่อได้ยินเสียงเข้มดังอยู่เบื้องหลัง
“ค่ะ” เสียงใสตอบรับทันที เธอไม่ทราบว่าภีร์มะมาอยู่ที่ร้านประจำของเธอได้อย่างไร และที่สำคัญวันนี้เธอก็เหนื่อยเกินกว่าจะต่อปากต่อคำกับเขา
“ยอมรับทันทีเชียวนะ”
“ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่คะ จะปฎิเสธทำไม..แค่นี้ใช่หรือเปล่าคะ ดิฉันรีบ คนอื่น ๆ รออยู่” ว่าจะไม่ถือสาแต่ปารลีก็อดไม่ได้ที่จะยียวนเขาบ้าง
“แล้วคุณจะเดินตามมาทำไม” ปารลีเอ่ยเสียงเขียวเมื่อเห็นภีร์มะเดินตามเธอมาไม่ห่าง
“อย่าหลงตัวเองนักเลย ผมแค่จะรับน้องวิไปส่งที่บ้าน”
“ไม่เป็นไรค่ะ.พวกเรากลับกันเองได้..” ปารลีเอ่ยปฏิเสธ แต่มือถือของตนกลับดังขึ้นพร้อมกับเสียงปลายสาย ของคุณท่านที่แจ้งให้ทราบว่าท่านต้องการให้ภีร์มะ พาวิรดี ไปส่งที่บ้านให้ได้
“พอคุณแม่ทราบว่าผมเจอน้องวิที่นี่ ท่านก็บังคับว่าผมต้องพาน้องวิไปส่งให้ถึงบ้านเท่านั้น” ภีร์มะนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ มารดากำชับแล้วกำชับอีกเรื่องที่ให้เขาพาวิรดี กลับไปส่งบ้านความจริงคิดจะปฏิเสธและกลับบ้านเงียบ ๆ แต่พอเห็นท่าทีเป็นห่วงเพื่อนนักหนาของปารลีเขาก็นึกอยากหาเรื่องปั่นหัวเธอทันที
“.......” หญิงสาวทำได้เพียงนิ่งเงียบ ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน เพราะประวัติของอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยน่าไว้ใจนัก แต่จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะหากภีร์มะเป็นคนเอ่ยปากที่จะไปส่งวิรดีเอง บางทีอาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้ทั้งสองได้เริ่มสร้างไมตรีที่ดีต่อกัน..
“อ้าว..สวัสดีค่ะคุณผู้ช่วย ทำไมถึงมากับยัยป่านได้ค่ะนี่” นฤมลร้องทักเมื่อเห็นภีร์มะเดินมาพร้อมกับปารลี
“บังเอิญเจอกันที่หน้าห้องน้ำจ้ะ..”
“สวัสดีค่ะ พี่ภีม” วิรดีทำความเคารพอีกฝ่ายด้วยความนอบน้อม
“วิ..รู้จักคุณผู้ช่วยด้วยเหรอ.” นฤมลถามอย่างแปลกใจ
“ก็พี่ภีมเขา....” วิรดีกำลังจะบอกกับนฤมลเรื่องที่ภีร์มะเป็นบุตรชายของคุณสุวิมลแต่ปารลีเอ่ยเลี่ยงเป็นเรื่องอื่นแทน
“พอดีเราบังเอิญเจอกันตอนเลี้ยงรับรองลูกค้าเมื่ออาทิตย์ก่อน วิเป็นตัวแทนของคุณหญิงวิไล ก็เลยได้รู้จักกัน จ้ะ” นฤมลพยักหน้ารับโดยไม่ได้ติดใจอีก
“เอ่อพี่วุธค่ะ นี่คุณภีมค่ะ” ทั้งสองทักทายกันตามมารยาท เอกวุธจ้องมองร่างสูงนิ่งความรู้สึก หวั่นไหวบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ..เมื่อเห็นเดินเคียงข้างมากับผู้หญิงที่ตนเองหมายปอง..เขาไม่รู้ว่า ผู้ชายตรงหน้าเป็นใคร แต่ท่าทีหยิ่งทนงและแววตาเข้มที่คมประกายกล้าราวกับท้าทายนั้นก็ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย
วิรดีรลี รั้งแขนปารลี ให้ห่างออกมาจากคนอื่น ๆ ที่กำลังพูดคุยทักทายกัน โดยมีนฤมลเป็นสื่อกลาง
“ป่าน คุณแม่โทรมาบอกว่าให้เรากลับพร้อมพี่ภีม...เราไม่กล้ากลับกันตามลำพัง...ป่านไปกับวินะ” วิรดี กระซิบเสียงเบา ปารลีเห็นสีหน้าวิตกกังวลของเพื่อนเธอก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับ
“ซุบซิบอะไรกันจ๊ะ..สาว ๆ ไม่กลับบ้านหรือไง” นฤมลเดินตรงเข้ามาหา พร้อมกับอีกสองหนุ่ม
“กลับสิ..พี่วุธค่ะ ป่านกับวิจะกลับกันเอง ฝากไปส่งยัยฟ้าที่บ้านด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องลำบากหรอก พี่ไปส่งทุกคนได้สบายอยู่แล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณป่าน อยู่บ้านเดียวกับผม เอ๊ย อยู่ทางเดียวกัน..” ปารลีหันขวับนึกอยากทุบคนปากเสียให้หายโมโห ทั้งที่ชายหนุ่มเป็นคนบอกให้เธอเก็บเรื่องของเขาเป็นความลับแต่กลับพูดจาให้คนอื่นสงสัย
“ส่วนคุณวิบ้านก็อยู่ไม่ไกลกันมาก คุณวุธจะได้ไม่ต้องลำบากย้อนไปย้อนมา” แม้เอกวุธจะรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้เป็นคนไปส่งปารลี แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเองก็ต้องการเช่นนั้นเขาจึงไม่ได้เอ่ยคัดค้านอีกและแยกตัวกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดและสับสน เพราะแม้เขาจะทำใจเรื่องที่ถูกเธอปฏิเสธแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าปารลีเดินเคียงคู่คนอื่น เขาก็ห้ามความรู้สึกหวั่นไหวของตนเองไม่ได้
ความคิดเห็น