ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์ลวง...บ่วงเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #4 : บอกลา

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 56


    หนึ่งอาทิตย์ที่แสนเหนื่อยล้าของปารลีสิ้นสุดลง เมื่อคุณสุวิมลเดินทางกลับมาและเดินทางมาทำงานตามเป็นปกติ

    ภีร์มะเดินมาหยุดอยู่บริเวณเยื้องโต๊ะทำงานของมารดา  ที่เป็นกระจกใสบานใหญ่พร้อมก้มมองนิ่งอยู่กับภาพที่ชินตาของเขาในทุกพักกลางวัน คือชายหนุ่มท่าทางสุภาพ แต่งกายด้วยชุดทำงานภูมิฐาน มารอรับ ปารลีไม่ไกลจากตัวตึกนัก  จากที่เห็นไกล ๆ เขาพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงมีรูปร่าง หน้าตาหล่อเหลา เอาการจึง ทำให้บรรดาพนักงานสาว ๆ พากันมองปารลีด้วยความอิจฉาเธอเสียหนักหนา

     

    ผู้ชายคนนั้นเป็นใครหรือครับ ภีร์มะเอ่ยถามมารดา เมื่ออยู่กันตามลำพังภายในห้อง

     

    ใครกัน...อ๋อ พ่อเอกวุธ  ทำไมเหรอ มารดามองตามสายตาลูกชายก่อนจะเห็นร่างสูงของ เอกวุธ ที่ยืนรอที่ประจำ บริเวณที่เขาจะมารับปารลี

    เปล่าผมแค่สงสัย  ว่าหมอนั่นไม่มีงานมีการทำหรือไง  ถึงได้มารอรับเลขาของแม่ได้ทุกวัน

    แหม ตาภีมปากร้ายจริงนะเรา  เห็นหนูป่านเคยเล่าให้ฟังว่าพ่อเอกวุธทำงานเป็นสถาปนิก  บริษัทก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก  ตอนนี้คงเป็นช่วงทำคะแนน แม่เห็น ฝ่ายนั้นตามจีบตั้งแต่เรียนมหาลัย  หนูป่านก็ยังไม่ยอมใจอ่อนซักทีท่านเอ่ยตามที่เห็นและรับรู้ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวทั้งคู่มาโดยตลอด 

    ไม่ใจอ่อน  แต่ก็ยังไปไหนมาไหนกับเขาแบบนี้..เหรอครับภีร์มะนึกดูแคลนหญิงสาวที่กำลังก้าวขึ้นรถพร้อมนั่งเคียงคู่ไปกับชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    น่าตีนักเชียว ลูกคนนี้  แม่เป็นคนบอกหนูป่านเอง  ว่าให้โอกาสพ่อเอกวุธก่อน ..เพราะบางที  การที่ได้ศึกษาและเรียนรู้กันไป โดยที่ทั้งคู่มีพื้นฐานความรู้สึกดี ๆ ต่อกันวันหนึ่งมันอาจจะเปลี่ยนเป็นความรักก็ได้  อีกอย่างแม่ก็เห็นว่าพ่อเอกวุธเขาก็เป็นคนดี เสมอต้นเสมอปลาย  แล้วก็คบกันอยู่ในกรอบที่ดี ถ้าทั้งคู่ตกลงปลงใจกันได้ แม่จะดีใจมาก”  ผู้เป็นแม่เฝ้าดูอาการของภีร์มะเงียบ ท่านรู้เรื่องที่บุตรชายร้ายกาจและหาเรื่องกลั่นแกล้งปารลี  แต่ท่านก็มั่นใจว่าปารลีจะสามารถจัดการกับลูกชายตัวแสบของท่านได้

     

    ว่าแต่เราเถอะ เท่าที่ได้ยินมาว่า ขนาดกลับมาแล้ว บรรดาแฟนคลับก็ไม่ลดลงเลยนะ  แม่ขอเถอะไอ้เรื่องสาว ๆ เรื่องเที่ยวเนี่ยเพลา ๆ ลงบ้างเถอะ ภีร์มะแกล้งถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะโอบกอดมารดาอย่างเอาใจพร้อมกับเอ่ยเสียงอ้อน

     

    โธ่คุณแม่คร๊าบ..ทำไมไม่เชื่อใจลูกชาย  แต่ไปเชื่อที่คนอื่นฟ้องละครับ

     

    คนอื่นนะใครย่ะ พ่อตัวดีคุณสุวิมลดักคออย่างหมั่นไส้

     

    ก็ยัยเลขาตัวแสบ ของคุณแม่นะสิครับ

     

    อย่างหนูป่านนะเหรอจะบอก แม่รู้ของแม่ก็แล้วกัน  เอาล่ะเรื่องนั้นพอก่อน..ตอนนี้งานถึงไหนแล้ว  ภีร์มะเอ่ยเกี่ยวกับงานให้มารดาฟังคร่าวๆ พร้อมกับแจ้งมารดาเกี่ยวกับปัญหาภายภายในเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้รับฟังจากบรรดาสาว ๆ ที่เคยไปทานข้าวช่วงพักกลางวันอยู่บ่อยครั้ง

     

    แหมไม่เสียแรงที่แม่ไว้วางใจให้หนูป่านดูแลเรา

     

    โธ่คุณแม่ครับ  ทำไมไม่คิดว่าเป็นเพราะผมเก่งบ้างล่ะครับภีร์มะเอ่ยอย่างตัดพ้อที่มารดายกความดีความชอบทุกอย่างให้ปารลี

     

    แม่ไม่เถียงหรอก  เรื่องที่ลูกแม่เก่ง ฉลาด แต่เสียอยู่เรื่องเดียว..ขี้เกียจ  จับจด  ความอดทนต่ำ  ขี้โมโหท่านยังเอ่ยเรื่อง ๆ แต่ภีร์มะรีบห้ามเอาไว้เสียก่อนเมื่อยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเหมือนความดีของตนลดน้อยลงเรื่อย ๆ

    พอเถอะครับคุณแม่  เรื่องดี ๆที่คุณแม่พูดเมื่อครู่ผมจำไม่ได้แล้ว  ตอนนี้เรื่องแย่ ๆ มันกลบเสียไม่เหลือข้อดีเลย ภีร์มะโอดครวญ

     

    ไม่ต้องมาคร่ำครวญเลย  ..เดี๋ยวแม่จะปลอบใจโดยการเลี้ยงข้าวกลางวันก็แล้วกันคุณสุวิมลเอ่ยเสียงเรียบเรื่อยเพราะท่านนัดกับคุณวิไลว่าเที่ยงนี้จะพาบุตรทั้งสองฝ่ายไปทานอาหารกลางวันโดยที่ไม่บอกให้ทั้งคู่รู้เรื่องล่วงหน้า

    ถ้าผมบอกว่าไม่ไปละครับภีร์มะหยั่งเชิง  มารดาหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้  แต่ดวงตาของท่านกลับไม่ยิ้มเลย

    ก็ตามใจแม่ไม่บังคับหรอก ...แต่แม่จะไม่เลี้ยงข้าวแกอีกเลย   ภีร์มะไม่ได้คัดค้านอีก ชายหนุ่มเดินตามหลังท่านออกไปจากห้องทำงานอย่างว่าง่าย

    วันนี้เป็นโอกาสทองในการยั่วโมโหปารลีหลังจากที่ต้องรามือไป เพราะมารดาเดินทางกลับมา... แต่วันนี้มารดาจะเข้าบริษัทแค่ช่วงเช้า เขาจึงอารมณ์ดีและตามใจมารดาเป็นพิเศษเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่จะได้ใช้ในครึ่งวันหลังกับปารลี

     

    ตลอดหลายอาทิตย์ที่ได้ทำงานร่วมกัน เขาไม่ปฏิเสธเรื่องที่ปารลี ทำงานเก่ง  คล่องแคล่ว รวมถึงการอธิบายงานต่าง ๆ ก็เข้าใจง่าย  รวมทั้งเธอยังได้รับความไว้วางใจจากบริษัทคู่ค้าเป็นอย่างดี ถ้าตัดเรื่องความไม่พอใจส่วนตัว เขาคิดว่าเธอเป็นผู้ร่วมงานที่ดีมาก  แต่สิ่งที่เธอเก่งไม่แพ้เรื่องทำงานคือการต่อปากต่อคำและกวนอารมณ์ให้เขาต้องขุ่นเคืองทุกครั้งที่ทั้งคู่ต้องลับฝีปากกัน

     

    ท่าทางอาหารมื้อนี้จะหวาน...น่าดู  ภีร์มะเอ่ยขึ้นลอย ๆ 

                มือที่กำลังพิมพ์จดหมายสรุปรายงานการประชุมชะงักไปครู่  ก่อนจะทำงานต่อโดยไม่สนใจเสียงที่ดังมาตามลม  เธออุตส่าห์ทำงานอย่างสบายใจมาหลายวันแต่กลับต้องมาปวดหัวทันทีที่อยู่กันตามลำพัง อยู่ที่บ้านก็ยังพอหลบเลี่ยงได้ แต่เมื่ออยู่ในห้องทำงาน เธอก็ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาทำงานและ พยายามอดทนเก็บความไม่พอใจเอาไว้

                “ผมถามไม่ได้ยินหรือไงภีร์มะเอ่ยเสียงเข้มขึ้น  ปารลีเงยหน้าขึ้นจากงานตรงหน้า  ดวงตากลมโตมองสบตาคมอีกฝ่ายนิ่ง พร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ

     

                “ได้ยินค่ะ  ..แต่ไม่รู้ว่าคุณถามใคร

                “แล้วในนี้มีกันอยู่แค่สองคนแล้วผมจะถามใครได้อีก

                “ขออนุญาติไม่ตอบค่ะ ภีร์มะเริ่มสนุกเมื่อเห็นใบหน้าเรียบสนิทเริ่มแดงระเรื่อขึ้นด้วยความโกรธ เขาก็ไม่ใช่คนชอบต่อล้อต่อเถียงแต่ทำไมกับปารลีแล้วเขาถึงชอบยั่วให้เธอโกรธเสียทุกครั้งไป แล้วถ้าเธอโกรธจนปากอิ่มเม้มแน่นเพื่อระงับความโกรธแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกพอใจมากขึ้น

     

                “ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นอันยุติเสียงพิพาทของหญิงสาวภายในห้องที่ยังส่งสายตาจับจ้องกันโดยไม่วางตา

                “เชิญค่ะ ปารลีเอ่ยกับคนที่อยู่นอกห้องทำงาน พร้อมกับก้มลงทำงานในมือของตนต่ออย่างไม่สนใจชายหนุ่มอีกต่อไป

                “โกโก้ร้อนค่ะคุณป่าน  ส่วนนี่กาแฟร้อนของคุณภีม จะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าค่ะ แม่บ้านเดินเข้ามาภายในห้องทำงาน พร้อมกับวางเครื่องดื่มให้ทั้งสองคน ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเมื่อทั้งสองต่างก็ปฏิเสธ

                นับตั้งแต่แม่บ้านเดินออกจากห้องทำงานไป ปารลีแทบไม่ได้อยู่อย่างสงบเมื่อภีร์มะหางานให้เธอไม่หยุด  แม้รายละเอียดงานบางอย่างเธอได้ทำสรุปให้เขาไปบ้างแล้วแต่พ่อตัวดียังต้องการข้อมูลโดยละเอียด  ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นคือเขา ไม่ต้องการรับเอกสารที่แนบส่งให้ทางเมลล์ แต่กลับต้องการเอกสารที่เป็นตัวกระดาษและทันทีที่เธอนำแฟ้มหนา ๆ มาวางไว้ตรงหน้าเขากลับไม่สนใจเอกสารที่บอกว่าต้องการมากมายนั้นและให้เธอนำกลับไปเก็บที่ห้องข้อมูลทันที

                “อ้าว..เรียบร้อยแล้วเหรอ แก

                “ใช่ ขอบคุณมากนะฟ้าที่ ช่วยหาเอกสารให้  แล้วขอโทษด้วยที่ทำให้ลำบากต้องรื้อเอกสารกองเบ้อเริ่ม ปารลีส่งยิ้มให้อย่างรู้สึกผิด เพราะนึกเห็นใจอีกฝ่ายที่ต้องเป็นฝ่ายรื้อเอกสารให้ มิหนำซ้ำเธอยังต้องเก็บเอกสารกองโตตรงหน้าเพียงลำพัง

     

                “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เองถ้าต้องการอะไรเพิ่มก็บอกแล้วกัน ....ว่าแต่เมื่อเที่ยงเพื่อนเห็นนะจ๊ะว่าที่แฟนมารับอีกแล้วสิน่าอิจฉา ชะมัด  นฤมล สาวสวยประจำแผนกเอกสาร(เพราะทั้งห้องมีเธอเพียงคนเดียว) เอ่ยอย่างล้อเลียน

                “อย่ามาแซวเลย  เราตกลงเป็นแค่พี่น้องเรียบร้อยแล้ว ปารลีเปรยขึ้น  พร้อมกับดวงตากลมโตที่เศร้าลงไป เมื่อนึกถึงใบหน้าเจ็บปวดของเอกวุธ  เธอรู้ว่าเขาเป็นคนดี และรักเธอจากใจจริงแต่มันจะดีกว่าเขามากกว่าถ้าชายหนุ่มได้มีโอกาสพบกับคนที่รักเขา และดูแลเขามากกว่าคนที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถรักเขาในฐานะคนรักได้เช่นเธอ

                “จริงเหรอ อย่างนี้ฟ้าก็มีโอกาสแล้วละสิ นฤมลเอ่ยเสียงใสพร้อมกับเงียบลงเมื่อเห็นว่า ปารลีเองก็ไม่ได้รู้สึกดีกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

    ว่าก็ว่าเถอะ ฉันละเสียดายแทนจริง ๆ ทั้งหล่อ  หน้าที่การงานดีเวอร์  แล้วก็รักแกมากขนาดนั้น  ปล่อยให้หลุดมือได้ยังไงยัยป่าน  ในที่สุด นฤมลก็ห้ามใจไม่อยู่ บ่นอย่างนึกเสียดาย

                “ไม่รู้สิ..ป่านแค่ไม่อยากทำร้ายพี่วุธไปมากกว่านี้  จะให้เขารอแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ทำไม ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าความรู้สึกที่มีต่อเขาคงไม่เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นแน่ปารลีเอ่ยอย่างที่ใจคิด  เธอไม่เห็นประโยชน์ที่เธอจะรั้งและยื้อเวลาเหล่านี้เอาไว้เพียงเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะผิดหวัง

                .....บางทีการปล่อยให้เขาผิดหวังเสียตั้งแต่ตอนนี้ อีก ไม่นานเอกวุธคงได้พบเจอกับคนที่ดี ที่พร้อมจะยืนอยู่ข้างเขาในฐานะคนรักไม่ใช่เธอที่ไม่ว่ายังไงเธอก็รู้สึกกับเขาได้เพียงผพี่ชายที่ดีเท่านั้น

     

                “ความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้นี่นะ..ว่าแต่ป่านบอกยัยวิหรือยัง  ปารลีส่ายหน้าช้า ๆ เธอไม่รู้ว่าจะบอกวิรดีอย่างไรดีเพราะเธอเป็นคนที่ ให้การสนับสนุนเธอและเอกวุธมากกว่าใคร

     

                “เอาละ ๆ เปลี่ยนโหมดเถอะ  ฉันไม่ค่อยชินอาการแบ็ตหมดอย่างนี้ของแกเลย  เอาอย่างนี้ดีมั๊ยเย็นนี้เราไปหาอะไรกินกันแล้วก็ชวนยัยวิไปด้วย ปารลียิ้มให้เพื่อน

                “อือ..เย็นนี้เจอกัน ไว้จะรีบเคลียร์งาน

               

                “เดี๋ยวป่าน..ฟ้าฝากความคิดถึงไปให้ผู้ช่วยสุดหล่อด้วยนะ  ปารลีเบ้หน้าให้กับประโยคที่ได้ยินทันที พร้อมกับตอบกลับก่อนเดินออกจากห้องไป

     

                “หล่อตายล่ะ ...ไม่รับฝากใด ๆ ทั้งสิ้น ...จบนะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×