ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์ลวง...บ่วงเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #3 : ยกที่สอง

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 56


    คุณภีมยอมลุกจากที่นอนแล้วหรือค่ะ คุณป่านหญิงสาวพยักหน้าน้อย ๆ  ด้วยอาการรีบร้อน 

    คุณป่าน.....ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าแดงขนาดนี้ละค่ะ  ปารลีรีบยกมือกุมหน้าตัวเองเองรู้สึกได้ว่ากำลังร้อนผ่าวราวกับว่าเธอมีไข้

    ปะ..เปล่า หรอกค่ะ ป่านไปเตรียมตัวก่อนนะคะ ปารลีเอ่ยขอตัว ก่อนจะรีบเข้าห้อง พร้อมกับปิดประตูทันที

    ผู้ชายบ้า น่าจะเอาไม้ตียุงช๊อตให้สูญพันธ์นัก.. ปารลีก่นด่าเขาก่อนที่จะโมโหตัวเองที่ไม่สามารถสลัดภาพร่างกายเปล่าเปลือยของภีร์มะได้  ทุกภาพยังคงชัดเจนอยู่ในความคิด ราวกับการกรอภาพซ้ำไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน ท้ายที่สุดปารลีก็ต้องอารมณ์เสียไปตลอดทั้งวันกับใบหน้ายียวนกวนอารมณ์และไม่สะทกสะท้านของภีร์มะที่อีกฝ่ายดูจะอารมณ์ดีกว่าทุก ๆ วัน

     

    “วันนี้ดูหงุดหงิดกว่าทุกวันนะ” เสียงทุ้มเปรยขึ้น ทำลายความเงียบ

     ปารลีข่มใจทำงานของตนต่อโดยไม่ใส่ใจกับภีร์มะอีก แต่เหมือนกับอาการสงบของเธอจะไม่สามารถสยบความต้องการยั่วโมโหของภีร์มะได้ เพราะเขาเดินตรงมาที่โต๊ะของเธอพร้อมกับยืนกอดอกนิ่งอยู่เบื้องหน้า

    “ทำไมเหรอโชว์ของผม  มันทำให้คุณหวั่นไหวขนาดนั้นเลยเหรอ” ปารลีหน้าแดงก่ำเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า

    “นี่คุณ...อย่ารบกวนเวลาทำงานได้หรือเปล่าค่ะ”

    “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะ” ปารีวางมือจากเอกสารตรงหน้าพร้อมกับเงยหน้ามองสบตาคมตรงหน้า

    “อย่าสำคัญตัวผิดไปเลยค่ะ..ต่อให้ต้องเห็นคุณเป็นชีเปลือยอีกซักกี่ครั้ง  ฉันก็ไม่รู้สึกอะไร้ทั้งนั้น.....มันก็แค่ผู้ชายเปลือย” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างยียวนพร้อมกับเอ่ยถาม

     

    “เหรอ..แล้วนี่คุณหน้าแดงทำไมยอมรับมาเถอะว่าหวั่นไหว” ดวงตาสีมรกตพราวระยับพร้อมกับจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา

    ปารลีมองตอบนิ่ง  ปากอิ่มเม้มแน่น  เธอไร้คำพูดที่จะตอบโต้เขา เพราะเธอไม่ชินที่จะรับมือกับผู้ชายแบบเขา  ภีร์มะยืนอยู่เบื้องหน้า พร้อมกับโน้มตัวค้ำโต๊ะเธอไว้  ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้อย่างยียวน

    “อย่างคุณนะเหรอค่ะ นอกจากความรู้สึกเหนื่อยใจแล้ว ก็ไม่มีความรู้สึกอื่นใดอีก.” ภีร์มะเริ่มอารมณ์ขุ่นมัว  ก่อนจะกลับไปทำงานตามเดิมด้วยความรู้สึกหงุดหงิด

    เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองดีเลิศเลอ แต่ก็มั่นใจว่าตนมีเสน่ห์มากพอที่จะทำให้สาว ๆ ใจสั่น ชายหนุ่มจึงไม่สบอารมณ์กับท่าทีของปารลีที่แสดงออกว่าเขาเองไม่ได้แตกต่างคนอื่นๆ เมื่อความมั่นใจของตนเองถูกอีกฝ่ายบั่นทอนจึงทำให้ภีร์มะเริ่มรู้สึกขุ่นเคืองจนหาเรื่องรวนหญิงสาวตลอดทั้งวันพร้อมกับวางแผนที่จะหาทางปั่นหัวปารลีอีกครั้งในช่วงเย็น

     

    “คุณภีมละคะ”ปารลีเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าภีร์มะยังไม่กลับบ้านหลังจากเวลาล่วงเลยไปจนดึกดื่นและมีเพียงลุงมีที่กลับถึงบ้านเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนใกล้เที่ยงคืน

    “เอ่อ...คือว่า” ลุงมีอึกอักเพราะไม่รู้ว่าจะบอกปารลีว่าอย่างไรว่าภีมะบอกให้ลุงมีเดินทางกลับเพียงลำพังโดยทิ้งเขาไว้ที่ผับแห่งหนึ่งไม่ไกลนัก

    “ลุงคะ พรุ่งนี้คุณภีมยังต้องทำงานนะคะ  แล้วป่านนี้ยังกลับไม่ถึงบ้าน พรุ่งนี้จะไปทำงานไหวหรือเปล่า” ร่างเล็กกอดอกแน่นพร้อมกับจ้องมองท่านอย่างคาดคั้นจนลุงมีเริ่มอัดอัด

    “คุณท่านอุตส่าห์ไว้ใจให้พวกเราดูแลคุณภีมแล้วเราจะปล่อยให้คุณภีมเรื่อยเปื่อยแบบนี้ไม่ได้นะคะ ลุงรู้ใช่หรือเปล่าค่ะ  ว่าคุณภีมอยู่ที่ไหน พาป่านไปหน่อยได้หรือเปล่าค่ะ” ลุงมีทำได้เพียงอึดอัด เมื่อคุณภีมก็ทำราวกับจะยั่วโมโหปารลีเพราะหลังจากที่ให้เขาพาไปร้านอาหารเรียบร้อยแล้วแทนที่เขาจะรีบกลับบ้านแต่ภีร์มะเลือกที่จะนั่งรอเวลาจนมืดค่ำและให้เขาพาไปยังผับแห่งหนึ่งราวกับอีกฝ่ายรู้ว่าปารลีจะต้องเป็นเดือดเป็นร้อนและต้องไปตามเขากลับ

     

             ***************************************************************************

     

     “คุณป่าน....จะดีหรือครับ” ลุงมีเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก เมื่อหญิงสาวทำท่าจะเดินเข้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรี ที่บัดนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งชาย หญิง ที่เริ่มคุมสติไม่อยู่ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เสียเป็นส่วนใหญ่

    “ลุงว่า  คุณป่านรอข้างนอกดีกว่า เดี๋ยวลุงเข้าไปรับคุณภีมเอง”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขืนให้ลุงไปคนเดียว คุณภีมของลุงก็คงไม่ยอมกลับง่าย ๆ หรอกค่ะ เอาเป็นว่าเราไปด้วยกันนี่แหละค่ะ ” ปารลีเสนอทางออกให้กับทั้งสองฝ่าย

    ชายหญิงต่างวัยเดินเข้าไปภายในความมืดที่ส่งเสียงอึกทึกของเพลงจังหวะเร้าใจ และบรรดานักท่องราตรีแน่นขนัดภายในทีขยับกายตามจังหวะของดนตรีที่ปารลีกลับรู้สึกว่าเสียงที่ดังอยู่นั้นเริ่มส่งผลให้เธอรู้สึกว่าขยับของตนกำลังเต้นตุบด้วยความปวดหัว

    แต่ท่ามกลางความมืดมิดนั้นปารลีกลับมองหาภีร์มะได้อย่างไม่ยากเย็นแม้แต่น้อย เพราะเพียงแค่เดินเข้าไปดวงตาหวานสะดุดก็เข้ากับผู้หญิงกลุ่มใหญ่ห้า ถึง หกคนยืนและนั่งล้อมรอบภีร์มะราวกับฮาเร็มย่อม ๆ

    ปารลีเดินตรงไปยังบริเวณที่ภีร์มะนั่งอยู่ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่เบื้องหน้าเขา ร่างสูงไม่มีท่าทีสะทกสะท้านกับท่าทีของเธอแม้แต่น้อย

    “ใครค่ะ  เมียพี่หรือเปล่า” หนึ่งในบรรดาสาว ๆ ที่นั่งเคียงข้างเขาเอ่ยขึ้น

    “ไม่ใช่หรอกครับ” ภีร์มะส่งสายตาท้าทายมาให้ผู้มาถึงราวกับว่าเขาเดาเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้าไว้แล้ว

    “ไม่ใช่เมีย..แล้วเขาใช่แฟนของพี่หรือเปล่า” อีกหนึ่งสาวเอ่ยถามบ้างพร้อมกับจ้องมองผู้มาใหม่อย่างไม่ค่อยพอใจนัก

    “เปล่าครับ” เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นอย่างถูกใจ ที่ได้ฟังคำตอบ

    “ถ้าอย่างนั้นเป็นน้องสาว..หรือเป็นญาติอะไรทำนองนี้หรือเปล่าค่ะ”
    คำถามเอ่ยขึ้นอีกครั้งจากหญิงสาวที่นั่งแนบชิดและแนบร่างอวบอัดบดเบียดร่างสูงของภีร์มะ


    “เปล่าอีกนั่นแหละครับ”

     “อ้าวเหรอค่ะ...นี่หล่อนเมียก็ไม่ใช่ แฟนก็ไม่ใช่...แม้แต่ญาติก็ไม่ใช่ แล้วจะมายืนจ้องทำไมย่ะ อยากมีเรื่องหรือไง” สาวคนเดิมเอ่ยอย่างไม่พอใจที่เห็นสาวสวยตรงหน้าจ้องมองเธออย่างเอาเรื่อง

    “แล้วนี่เป็นคุณหนูบ้านไหนกันจ๊ะ  มาเที่ยวผับถึงได้พาผู้ปกครองมาด้วย” เสียงหัวเราะครื้นเครงดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าข้างกายปารลีมีชายสูงวัยยืนคอยระมัดระวังด้วยความเป็นห่วง อยู่ด้านหลัง

    ปารลลีจ้องมองภีร์มะนิ่งโดยไม่สนใจคำพูดใด ๆ จากบรรดดาสาว ๆ เหล่านั้นที่ลอยมาแม้แต่น้อย

    “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับพวกเธอช่วยเงียบด้วย “ สายตาดุส่งไปยังสาว ๆ พวกนั้นอย่างไม่เกรงกลัวเสียงอึกทึกที่ดังขึ้นยังมุมห้องส่งผลให้เสียงเพลงค่อย ๆ เบาลงเพราะเกรงว่าทั้งสองฝ่ายจะมีเรื่อง  ทุกสายตาเริ่มค่อย ๆ จับจ้องมายังที่สาวสวยยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าบุรุษรูปงามที่รายล้อมไปด้วยหญิงสาวอย่างสนใจ

    “คุณจะกลับได้หรือยังค่ะ..” เสียงเย็นเอ่ยกับภีร์มะที่ยังนั่งนิ่งโดยไม่คิดจะห้ามสาว ๆ ในฮาเร็มของเขาที่ทำท่าราวกับจะมีเรื่องกับปารลีทุกขณะ

    “ถ้าผมอยากกลับผมก็จะกลับเอง” ภีร์มะไม่ได้สนใจบรรดาหญิงสาวที่ยืนรายรอบเขาแม้แต่น้อย เขาแค่ต้องการสร้างความหนักใจให้กับปารลีบ้างเท่านั้นและตั้งแต่เข้าเขายังไม่ได้แตะเครื่องดื่มเลยแม้แต่น้อยและบรรดาสาว ๆ เหล่านี้เขาก็ไม่ได้เป็นคนเชิญชวนแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขา

    “คุณเล่นสนุกจนพอใจหรือยังค่ะ..สะใจหรือเปล่าที่ปล่อยให้ลุงมีต้องคอยเป็นห่วงไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะต้องคอยตามรับตามส่งคุณ..” เสียงจอแจเมื่อครู่เงียบสนิททันที  แม้แต่ เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มเมื่อครู่ก็ราวกับเงียบเสียงลงไปพร้อมกับสายตาทุกคู่จับจ้องมายังผู้หญิงตัวเล็ก ๆกับชายชราที่กำลังเผชิญหน้ากับ คนกลุ่มใหญ่

    “ถ้าคุณไม่พอใจฉัน หรือว่าอยากทำให้ฉันลำบากใจ  ก็มาลงที่ฉันสิ ..อย่าทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนไปด้วยเลย..ที่สำคัญ กรุณาอย่าทำตัวแย่ ๆ ให้คุณท่านลำบากใจไปมากกว่านี้เลย”

    “.......” ภีร์มะนิ่งอึ้งทันที กับสิ่งที่ได้ยิน

    “คุณทำทุกอย่างเพียงเพื่อต้องการสนองความพึงพอใจส่วนตัว เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าการกระทำของตัวเองต้องสร้างความเดือดร้อนให้ใครบ้าง...แม้แต่รับผิดชอบวินัยของตัวเองคุณยังทำไม่ได้..ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณท่านถึงได้เป็นห่วงความเป็นไปของบริษัท..ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำอยู่เป็นสิ่งที่ต้องการฉันก็ไม่ห้าม..เชิญคุณสนุกกับบรรดาฮาเร็มเก็บตกพวกนี้ตามสบายนะคะ..คุณภีร์มะ ลุงค่ะเรากลับกันเถอะค่ะพรุ่งนี้เราต้องไปทำงานแต่เช้า”  ปารลีหันหลังให้กับภีร์มะและสาว ๆ กลุ่มใหญ่ที่เงียบกริบ

    “เอ่อ...คุณป่านครับ  ไม่แรงไปหรือครับ” ลุงมีเอ่ยด้วยความหวั่นใจและเป็นห่วง ภีร์มะเมื่อเดินออกมาภายนอก

    “ป่านทราบค่ะว่ามันแรง  แต่คนอย่างเขาพูดดี ๆ ไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ..อีกอย่างป่านสัญญากับคุณท่านไว้แล้วว่าจะทำให้คุณภีมเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาให้ได้..เพราะฉะนั้นไม่ว่าต้องทำยังไงป่านก็จะทำทั้งนั้น” ปารลีเอ่ยอย่างพยายามปลอบใจตัวเอง ก่อนจะเดินไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ห่างนัก 

    ในระหว่างที่ปารลีปิดประตูรถร่างเล็กก็ต้องสะดุ้งเมื่อประตูรถถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของภีร์มะที่ก้าวเข้ามานั่งตอนหลังเคียงคู่เธอ

    “ออกรถสิครับ” ภีร์มะเอ่ยกับลุงมีที่นั่งนิ่งและจ้องมองภีร์มะราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะขับรถไปด้วยความรู้สึกกดดันเพราะกลัวว่าทั้งคู่จะมีปัญหากันภายในรถ แต่ผิดคาดเพราะต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบจนถึงบ้านคชาบดินทร์ ก็แยกย้ายจากกันโดยไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างที่ลุงมีหวาดกลัว

     

    หลังเหตุการณ์คืนนั้น ปารลีหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับภีร์มะทั้งที่บ้านและที่ทำงาน แต่ชายหนุ่มก็ทำให้เธอสบายใจขึ้นบ้าง ตรงที่เขาตั้งใจเรียนรู้งาน ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ แต่เรื่องกวนโมโหของเขาก็ยังคงไม่ลดน้อยลงไป  โดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ แค่ไม้ตียุง อันเล็ก ๆ เริ่ม กำราบเขาไม่อยู่ และอีกฝ่ายก็มีวิธีกำราบเธอเสียอยู่หมัด  เพราะปารลีต้องหนีออกจากห้องนอนของเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำเกือบทุกเช้า  ยังโชคดีที่ยังเป็นสภาพกึ่งเปลือยบ้าง  ชุดชั้นในตัวเดียวบ้าง  หรือร้ายที่สุดก็ผ้าขนหนูผืนเดียวไม่ใช่ร่างกายเปลือยเปล่าเช่นวันก่อน

    วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ ปารลีต้อง รู้สึกแปลกใจที่เห็นภีร์มะตั้งใจฟังสิ่งที่เธออธิบายและช่วงงานต่าง ๆ ก็คืบหน้าไปมากราวกับว่าอีกฝ่ายผ่านงานเหล่านั้นอยู่เป็นประจำ..แล้วเหตุการณ์ที่ผ่านมาคืออะไร ปารลีเฝ้าหาคำตอบให้กับตัวเองด้วยคำถามและข้อสงสัยที่เพิ่มขึ้นมากขึ้นทุกวัน  หญิงสาวเผลอจ้องมองไปยังร่างสูงที่กำลังตั้งใจอ่านเอกสารตรงหน้านิ่งโดยที่ไม่รู้ตัว

    “หลงความหล่อผมเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นส่งผลให้ปารลีได้สติและถอนสายจากีกฝ่ายทันที

    “หลงตัวเองชะมัด” ปารลีเถียงเขาในใจ

    “เอ๊ะ  หรือว่าเริ่มหวั่นไหวแล้ว” ปารลีจ้องมองอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ

    “ฉันเคยบอกไปแล้วไงค่ะ  ว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณทั้งนั้น  แล้วก็เลิกซักทีนะคะกับการแสดงโชว์ในทุก ๆ เช้าฉันเริ่มเบื่อขึ้นทุกวัน ขอย้ำอีกครั้งนะคะ ต่อให้คุณจะเป็นชีเปลือยอีกซักกี่รอบฉันก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น” ปารลีเอ่ยยืดยาว ทั้งที่ความจริงในทุกเช้าเธอต้องตั้งสติและทำใจอย่างหนักกับการปลุกเขาให้ตื่นจากที่นอน และการเห็นเขาเปลือยไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสักนิด

    ภีร์มะเริ่มรู้สึกขุ่นมัวขึ้นมาอีกครั้งกับคำพูดของหญิงสาว โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงต้องการเอาชนะเธอในทุก ๆ เรื่อง  ชายหนุ่มละมือจากงานตรงหน้าก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานและเดินอ้อมไปอีกด้านที่มีหญิงสาวนั่งก้มหน้าทำงานของจนโดยไม่สนใจเขาอีก

    ร่างสูงหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหญิงสาวก่อนจะดึงเอกสารออกจากมือนุ่ม

    “เอ๊ะ!!” ปารลีร้องประท้วงเมื่อสมุดบันทึกในมือถูกภีร์มะแย่งไป

    “เหรอ...แล้วถ้าแบบนี้ละ”  มือหนารั้งร่างของเธอให้ยืนขึ้น ใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้ก่อนมือหนาจะเชยคางมนขึ้นมาพร้อมกับประทับจูบลงบนปากอิ่มเชือดเฉือนนั้นทันที  หญิงสาวนิ่งอึ้งกับการกระทำที่คาดไม่ถึงของเขา  มือเรียวพยายามผลักไสเขาสุดแรงแต่เพราะมีเก้าอี้ขวางอยู่จึงทำให้ขยับตัวลำบาก มือหนาข้างข้างหนึ่งยึดบ่าเธอไว้แน่น ส่วนอีกข้างรั้งท้ายทอยเธอไม่ให้ขยับหนีได้อย่างที่ต้องการ

    “......” เสียงร้องประท้วงดังอยู่ในลำคอเมื่อตั้งสติได้  ริมฝีปากร้อนของอีกฝ่ายพยายามรุกเร้าและบังคับให้เธอตอบรับจุมพิตของเขา ความร้อนแรงจากริมฝีปากหนาลามเลียขึ้นทุกขณะ จนหญิงสาวตื่นตระหนกด้วยหัวใจที่เต้นระทึก

    “ก๊อก..ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้อง ปารลีผลักภีร์มะเต็มแรงพร้อมกับถอยห่างจากร่างสูง  ดวงตาหวานตื่นตระหนกจ้องมองภีร์มะนิ่งก่อนจะเดินสวนแม่บ้านที่เดินเข้ามาภายในห้อง

     “โก้โก้ร้อนของคุณป่าน  กาแฟของคุณภีม.. รับอะไรเพิ่มหรือเปล่าค่ะ”

    “ไม่ค่ะ  ขอบคุณนะคะ” ปารลี พยายามบังคับเสียงของตนไม่ให้สั่นพร้อมกับเอ่ยปฏิเสธ ใบหน้าใสแดงระเรื่อ  ดวงตาหวานเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาเพราะความโกรธร่างสูงที่ยืนหันหลังอยู่มุมห้องทำงาน

    ปารลียืนสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องน้ำนานแค่ไหนเธอก็ไม่อาจบอกตัวเองได้ ดวงตาบวมช้ำจ้องมองตัวเองในกระจกนิ่งโชคดีที่วันนี้ช่วงบ่ายเธอต้องออกไปธุระให้คุณท่านข้างนอกจึงไม่ต้องทนเห็นหน้าคนที่ทำให้เธอต้องเจ็บใจอยู่ในขณะนี้

    “เรื่องแค่นี้เธอจะหวั่นไหวทำไม...” ปารลียกแขนขึ้นเช็ดปากอิ่มของตนแรง ๆ อีกหลายครั้งก่อนจะบริภาษ ตัวต้นเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความแค้นเคือง เมื่อภีร์มะทำอย่างที่เธอต่อว่าเขาเอาไว้จริง ๆ

    ..หากเขาไม่พอใจเธอก็ลงที่เธอ และอย่าทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน

    และครั้งนี้เขาก็ไม่ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนจริง ๆ เพราะคนที่ต้องเดือดร้อนกับการกระทำของเขามากที่สุด ก็คือปารลีเพราะแม้แต่ตอนนี้เธอยังไม่สามารถลบความร้อนที่เขาฝากเอาไว้ออกไปจากความทรงจำได้เลยแม้แต่น้อย

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×