คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ยกที่สอง
“คุณภีมยอมลุกจากที่นอนแล้วหรือค่ะ คุณป่าน” หญิงสาวพยักหน้าน้อย ๆ ด้วยอาการรีบร้อน
“คุณป่าน.....ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าแดงขนาดนี้ละค่ะ” ปารลีรีบยกมือกุมหน้าตัวเองเองรู้สึกได้ว่ากำลังร้อนผ่าวราวกับว่าเธอมีไข้
“ปะ..เปล่า หรอกค่ะ ป่านไปเตรียมตัวก่อนนะคะ” ปารลีเอ่ยขอตัว ก่อนจะรีบเข้าห้อง พร้อมกับปิดประตูทันที
“ผู้ชายบ้า น่าจะเอาไม้ตียุงช๊อตให้สูญพันธ์นัก..” ปารลีก่นด่าเขาก่อนที่จะโมโหตัวเองที่ไม่สามารถสลัดภาพร่างกายเปล่าเปลือยของภีร์มะได้ ทุกภาพยังคงชัดเจนอยู่ในความคิด ราวกับการกรอภาพซ้ำไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน ท้ายที่สุดปารลีก็ต้องอารมณ์เสียไปตลอดทั้งวันกับใบหน้ายียวนกวนอารมณ์และไม่สะทกสะท้านของภีร์มะที่อีกฝ่ายดูจะอารมณ์ดีกว่าทุก ๆ วัน
“วันนี้ดูหงุดหงิดกว่าทุกวันนะ” เสียงทุ้มเปรยขึ้น ทำลายความเงียบ
ปารลีข่มใจทำงานของตนต่อโดยไม่ใส่ใจกับภีร์มะอีก แต่เหมือนกับอาการสงบของเธอจะไม่สามารถสยบความต้องการยั่วโมโหของภีร์มะได้ เพราะเขาเดินตรงมาที่โต๊ะของเธอพร้อมกับยืนกอดอกนิ่งอยู่เบื้องหน้า
“ทำไมเหรอโชว์ของผม มันทำให้คุณหวั่นไหวขนาดนั้นเลยเหรอ” ปารลีหน้าแดงก่ำเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า
“นี่คุณ...อย่ารบกวนเวลาทำงานได้หรือเปล่าค่ะ”
“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะ” ปารีวางมือจากเอกสารตรงหน้าพร้อมกับเงยหน้ามองสบตาคมตรงหน้า
“อย่าสำคัญตัวผิดไปเลยค่ะ..ต่อให้ต้องเห็นคุณเป็นชีเปลือยอีกซักกี่ครั้ง ฉันก็ไม่รู้สึกอะไร้ทั้งนั้น.....มันก็แค่ผู้ชายเปลือย” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างยียวนพร้อมกับเอ่ยถาม
“เหรอ..แล้วนี่คุณหน้าแดงทำไมยอมรับมาเถอะว่าหวั่นไหว” ดวงตาสีมรกตพราวระยับพร้อมกับจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา
ปารลีมองตอบนิ่ง ปากอิ่มเม้มแน่น เธอไร้คำพูดที่จะตอบโต้เขา เพราะเธอไม่ชินที่จะรับมือกับผู้ชายแบบเขา ภีร์มะยืนอยู่เบื้องหน้า พร้อมกับโน้มตัวค้ำโต๊ะเธอไว้ ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้อย่างยียวน
“อย่างคุณนะเหรอค่ะ นอกจากความรู้สึกเหนื่อยใจแล้ว ก็ไม่มีความรู้สึกอื่นใดอีก.” ภีร์มะเริ่มอารมณ์ขุ่นมัว ก่อนจะกลับไปทำงานตามเดิมด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองดีเลิศเลอ แต่ก็มั่นใจว่าตนมีเสน่ห์มากพอที่จะทำให้สาว ๆ ใจสั่น ชายหนุ่มจึงไม่สบอารมณ์กับท่าทีของปารลีที่แสดงออกว่าเขาเองไม่ได้แตกต่างคนอื่นๆ เมื่อความมั่นใจของตนเองถูกอีกฝ่ายบั่นทอนจึงทำให้ภีร์มะเริ่มรู้สึกขุ่นเคืองจนหาเรื่องรวนหญิงสาวตลอดทั้งวันพร้อมกับวางแผนที่จะหาทางปั่นหัวปารลีอีกครั้งในช่วงเย็น
“คุณภีมละคะ”ปารลีเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าภีร์มะยังไม่กลับบ้านหลังจากเวลาล่วงเลยไปจนดึกดื่นและมีเพียงลุงมีที่กลับถึงบ้านเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนใกล้เที่ยงคืน
“เอ่อ...คือว่า” ลุงมีอึกอักเพราะไม่รู้ว่าจะบอกปารลีว่าอย่างไรว่าภีมะบอกให้ลุงมีเดินทางกลับเพียงลำพังโดยทิ้งเขาไว้ที่ผับแห่งหนึ่งไม่ไกลนัก
“ลุงคะ พรุ่งนี้คุณภีมยังต้องทำงานนะคะ แล้วป่านนี้ยังกลับไม่ถึงบ้าน พรุ่งนี้จะไปทำงานไหวหรือเปล่า” ร่างเล็กกอดอกแน่นพร้อมกับจ้องมองท่านอย่างคาดคั้นจนลุงมีเริ่มอัดอัด
“คุณท่านอุตส่าห์ไว้ใจให้พวกเราดูแลคุณภีมแล้วเราจะปล่อยให้คุณภีมเรื่อยเปื่อยแบบนี้ไม่ได้นะคะ ลุงรู้ใช่หรือเปล่าค่ะ ว่าคุณภีมอยู่ที่ไหน พาป่านไปหน่อยได้หรือเปล่าค่ะ” ลุงมีทำได้เพียงอึดอัด เมื่อคุณภีมก็ทำราวกับจะยั่วโมโหปารลีเพราะหลังจากที่ให้เขาพาไปร้านอาหารเรียบร้อยแล้วแทนที่เขาจะรีบกลับบ้านแต่ภีร์มะเลือกที่จะนั่งรอเวลาจนมืดค่ำและให้เขาพาไปยังผับแห่งหนึ่งราวกับอีกฝ่ายรู้ว่าปารลีจะต้องเป็นเดือดเป็นร้อนและต้องไปตามเขากลับ
***************************************************************************
“คุณป่าน....จะดีหรือครับ” ลุงมีเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก เมื่อหญิงสาวทำท่าจะเดินเข้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรี ที่บัดนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งชาย หญิง ที่เริ่มคุมสติไม่อยู่ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เสียเป็นส่วนใหญ่
“ลุงว่า คุณป่านรอข้างนอกดีกว่า เดี๋ยวลุงเข้าไปรับคุณภีมเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขืนให้ลุงไปคนเดียว คุณภีมของลุงก็คงไม่ยอมกลับง่าย ๆ หรอกค่ะ เอาเป็นว่าเราไปด้วยกันนี่แหละค่ะ ” ปารลีเสนอทางออกให้กับทั้งสองฝ่าย
ชายหญิงต่างวัยเดินเข้าไปภายในความมืดที่ส่งเสียงอึกทึกของเพลงจังหวะเร้าใจ และบรรดานักท่องราตรีแน่นขนัดภายในทีขยับกายตามจังหวะของดนตรีที่ปารลีกลับรู้สึกว่าเสียงที่ดังอยู่นั้นเริ่มส่งผลให้เธอรู้สึกว่าขยับของตนกำลังเต้นตุบด้วยความปวดหัว
แต่ท่ามกลางความมืดมิดนั้นปารลีกลับมองหาภีร์มะได้อย่างไม่ยากเย็นแม้แต่น้อย เพราะเพียงแค่เดินเข้าไปดวงตาหวานสะดุดก็เข้ากับผู้หญิงกลุ่มใหญ่ห้า ถึง หกคนยืนและนั่งล้อมรอบภีร์มะราวกับฮาเร็มย่อม ๆ
ปารลีเดินตรงไปยังบริเวณที่ภีร์มะนั่งอยู่ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่เบื้องหน้าเขา ร่างสูงไม่มีท่าทีสะทกสะท้านกับท่าทีของเธอแม้แต่น้อย
“ใครค่ะ เมียพี่หรือเปล่า” หนึ่งในบรรดาสาว ๆ ที่นั่งเคียงข้างเขาเอ่ยขึ้น
“ไม่ใช่หรอกครับ” ภีร์มะส่งสายตาท้าทายมาให้ผู้มาถึงราวกับว่าเขาเดาเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้าไว้แล้ว
“ไม่ใช่เมีย..แล้วเขาใช่แฟนของพี่หรือเปล่า” อีกหนึ่งสาวเอ่ยถามบ้างพร้อมกับจ้องมองผู้มาใหม่อย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“เปล่าครับ” เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นอย่างถูกใจ ที่ได้ฟังคำตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเป็นน้องสาว..หรือเป็นญาติอะไรทำนองนี้หรือเปล่าค่ะ”
คำถามเอ่ยขึ้นอีกครั้งจากหญิงสาวที่นั่งแนบชิดและแนบร่างอวบอัดบดเบียดร่างสูงของภีร์มะ
“เปล่าอีกนั่นแหละครับ”
“อ้าวเหรอค่ะ...นี่หล่อนเมียก็ไม่ใช่ แฟนก็ไม่ใช่...แม้แต่ญาติก็ไม่ใช่ แล้วจะมายืนจ้องทำไมย่ะ อยากมีเรื่องหรือไง” สาวคนเดิมเอ่ยอย่างไม่พอใจที่เห็นสาวสวยตรงหน้าจ้องมองเธออย่างเอาเรื่อง
“แล้วนี่เป็นคุณหนูบ้านไหนกันจ๊ะ มาเที่ยวผับถึงได้พาผู้ปกครองมาด้วย” เสียงหัวเราะครื้นเครงดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าข้างกายปารลีมีชายสูงวัยยืนคอยระมัดระวังด้วยความเป็นห่วง อยู่ด้านหลัง
ปารลลีจ้องมองภีร์มะนิ่งโดยไม่สนใจคำพูดใด ๆ จากบรรดดาสาว ๆ เหล่านั้นที่ลอยมาแม้แต่น้อย
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับพวกเธอช่วยเงียบด้วย “ สายตาดุส่งไปยังสาว ๆ พวกนั้นอย่างไม่เกรงกลัวเสียงอึกทึกที่ดังขึ้นยังมุมห้องส่งผลให้เสียงเพลงค่อย ๆ เบาลงเพราะเกรงว่าทั้งสองฝ่ายจะมีเรื่อง ทุกสายตาเริ่มค่อย ๆ จับจ้องมายังที่สาวสวยยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าบุรุษรูปงามที่รายล้อมไปด้วยหญิงสาวอย่างสนใจ
“คุณจะกลับได้หรือยังค่ะ..” เสียงเย็นเอ่ยกับภีร์มะที่ยังนั่งนิ่งโดยไม่คิดจะห้ามสาว ๆ ในฮาเร็มของเขาที่ทำท่าราวกับจะมีเรื่องกับปารลีทุกขณะ
“ถ้าผมอยากกลับผมก็จะกลับเอง” ภีร์มะไม่ได้สนใจบรรดาหญิงสาวที่ยืนรายรอบเขาแม้แต่น้อย เขาแค่ต้องการสร้างความหนักใจให้กับปารลีบ้างเท่านั้นและตั้งแต่เข้าเขายังไม่ได้แตะเครื่องดื่มเลยแม้แต่น้อยและบรรดาสาว ๆ เหล่านี้เขาก็ไม่ได้เป็นคนเชิญชวนแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขา
“คุณเล่นสนุกจนพอใจหรือยังค่ะ..สะใจหรือเปล่าที่ปล่อยให้ลุงมีต้องคอยเป็นห่วงไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะต้องคอยตามรับตามส่งคุณ..” เสียงจอแจเมื่อครู่เงียบสนิททันที แม้แต่ เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มเมื่อครู่ก็ราวกับเงียบเสียงลงไปพร้อมกับสายตาทุกคู่จับจ้องมายังผู้หญิงตัวเล็ก ๆกับชายชราที่กำลังเผชิญหน้ากับ คนกลุ่มใหญ่
“ถ้าคุณไม่พอใจฉัน หรือว่าอยากทำให้ฉันลำบากใจ ก็มาลงที่ฉันสิ ..อย่าทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนไปด้วยเลย..ที่สำคัญ กรุณาอย่าทำตัวแย่ ๆ ให้คุณท่านลำบากใจไปมากกว่านี้เลย”
“.......” ภีร์มะนิ่งอึ้งทันที กับสิ่งที่ได้ยิน
“คุณทำทุกอย่างเพียงเพื่อต้องการสนองความพึงพอใจส่วนตัว เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าการกระทำของตัวเองต้องสร้างความเดือดร้อนให้ใครบ้าง...แม้แต่รับผิดชอบวินัยของตัวเองคุณยังทำไม่ได้..ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณท่านถึงได้เป็นห่วงความเป็นไปของบริษัท..ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำอยู่เป็นสิ่งที่ต้องการฉันก็ไม่ห้าม..เชิญคุณสนุกกับบรรดาฮาเร็มเก็บตกพวกนี้ตามสบายนะคะ..คุณภีร์มะ ลุงค่ะเรากลับกันเถอะค่ะพรุ่งนี้เราต้องไปทำงานแต่เช้า” ปารลีหันหลังให้กับภีร์มะและสาว ๆ กลุ่มใหญ่ที่เงียบกริบ
“เอ่อ...คุณป่านครับ ไม่แรงไปหรือครับ” ลุงมีเอ่ยด้วยความหวั่นใจและเป็นห่วง ภีร์มะเมื่อเดินออกมาภายนอก
“ป่านทราบค่ะว่ามันแรง แต่คนอย่างเขาพูดดี ๆ ไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ..อีกอย่างป่านสัญญากับคุณท่านไว้แล้วว่าจะทำให้คุณภีมเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาให้ได้..เพราะฉะนั้นไม่ว่าต้องทำยังไงป่านก็จะทำทั้งนั้น” ปารลีเอ่ยอย่างพยายามปลอบใจตัวเอง ก่อนจะเดินไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ห่างนัก
ในระหว่างที่ปารลีปิดประตูรถร่างเล็กก็ต้องสะดุ้งเมื่อประตูรถถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของภีร์มะที่ก้าวเข้ามานั่งตอนหลังเคียงคู่เธอ
“ออกรถสิครับ” ภีร์มะเอ่ยกับลุงมีที่นั่งนิ่งและจ้องมองภีร์มะราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะขับรถไปด้วยความรู้สึกกดดันเพราะกลัวว่าทั้งคู่จะมีปัญหากันภายในรถ แต่ผิดคาดเพราะต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบจนถึงบ้านคชาบดินทร์ ก็แยกย้ายจากกันโดยไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างที่ลุงมีหวาดกลัว
หลังเหตุการณ์คืนนั้น ปารลีหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับภีร์มะทั้งที่บ้านและที่ทำงาน แต่ชายหนุ่มก็ทำให้เธอสบายใจขึ้นบ้าง ตรงที่เขาตั้งใจเรียนรู้งาน ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ แต่เรื่องกวนโมโหของเขาก็ยังคงไม่ลดน้อยลงไป โดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ แค่ไม้ตียุง อันเล็ก ๆ เริ่ม กำราบเขาไม่อยู่ และอีกฝ่ายก็มีวิธีกำราบเธอเสียอยู่หมัด เพราะปารลีต้องหนีออกจากห้องนอนของเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำเกือบทุกเช้า ยังโชคดีที่ยังเป็นสภาพกึ่งเปลือยบ้าง ชุดชั้นในตัวเดียวบ้าง หรือร้ายที่สุดก็ผ้าขนหนูผืนเดียวไม่ใช่ร่างกายเปลือยเปล่าเช่นวันก่อน
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ ปารลีต้อง รู้สึกแปลกใจที่เห็นภีร์มะตั้งใจฟังสิ่งที่เธออธิบายและช่วงงานต่าง ๆ ก็คืบหน้าไปมากราวกับว่าอีกฝ่ายผ่านงานเหล่านั้นอยู่เป็นประจำ..แล้วเหตุการณ์ที่ผ่านมาคืออะไร ปารลีเฝ้าหาคำตอบให้กับตัวเองด้วยคำถามและข้อสงสัยที่เพิ่มขึ้นมากขึ้นทุกวัน หญิงสาวเผลอจ้องมองไปยังร่างสูงที่กำลังตั้งใจอ่านเอกสารตรงหน้านิ่งโดยที่ไม่รู้ตัว
“หลงความหล่อผมเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นส่งผลให้ปารลีได้สติและถอนสายจากีกฝ่ายทันที
“หลงตัวเองชะมัด” ปารลีเถียงเขาในใจ
“เอ๊ะ หรือว่าเริ่มหวั่นไหวแล้ว” ปารลีจ้องมองอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ
“ฉันเคยบอกไปแล้วไงค่ะ ว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณทั้งนั้น แล้วก็เลิกซักทีนะคะกับการแสดงโชว์ในทุก ๆ เช้าฉันเริ่มเบื่อขึ้นทุกวัน ขอย้ำอีกครั้งนะคะ ต่อให้คุณจะเป็นชีเปลือยอีกซักกี่รอบฉันก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น” ปารลีเอ่ยยืดยาว ทั้งที่ความจริงในทุกเช้าเธอต้องตั้งสติและทำใจอย่างหนักกับการปลุกเขาให้ตื่นจากที่นอน และการเห็นเขาเปลือยไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสักนิด
ภีร์มะเริ่มรู้สึกขุ่นมัวขึ้นมาอีกครั้งกับคำพูดของหญิงสาว โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงต้องการเอาชนะเธอในทุก ๆ เรื่อง ชายหนุ่มละมือจากงานตรงหน้าก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานและเดินอ้อมไปอีกด้านที่มีหญิงสาวนั่งก้มหน้าทำงานของจนโดยไม่สนใจเขาอีก
ร่างสูงหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหญิงสาวก่อนจะดึงเอกสารออกจากมือนุ่ม
“เอ๊ะ!!” ปารลีร้องประท้วงเมื่อสมุดบันทึกในมือถูกภีร์มะแย่งไป
“เหรอ...แล้วถ้าแบบนี้ละ” มือหนารั้งร่างของเธอให้ยืนขึ้น ใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้ก่อนมือหนาจะเชยคางมนขึ้นมาพร้อมกับประทับจูบลงบนปากอิ่มเชือดเฉือนนั้นทันที หญิงสาวนิ่งอึ้งกับการกระทำที่คาดไม่ถึงของเขา มือเรียวพยายามผลักไสเขาสุดแรงแต่เพราะมีเก้าอี้ขวางอยู่จึงทำให้ขยับตัวลำบาก มือหนาข้างข้างหนึ่งยึดบ่าเธอไว้แน่น ส่วนอีกข้างรั้งท้ายทอยเธอไม่ให้ขยับหนีได้อย่างที่ต้องการ
“......” เสียงร้องประท้วงดังอยู่ในลำคอเมื่อตั้งสติได้ ริมฝีปากร้อนของอีกฝ่ายพยายามรุกเร้าและบังคับให้เธอตอบรับจุมพิตของเขา ความร้อนแรงจากริมฝีปากหนาลามเลียขึ้นทุกขณะ จนหญิงสาวตื่นตระหนกด้วยหัวใจที่เต้นระทึก
“ก๊อก..ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้อง ปารลีผลักภีร์มะเต็มแรงพร้อมกับถอยห่างจากร่างสูง ดวงตาหวานตื่นตระหนกจ้องมองภีร์มะนิ่งก่อนจะเดินสวนแม่บ้านที่เดินเข้ามาภายในห้อง
“โก้โก้ร้อนของคุณป่าน กาแฟของคุณภีม.. รับอะไรเพิ่มหรือเปล่าค่ะ”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ปารลี พยายามบังคับเสียงของตนไม่ให้สั่นพร้อมกับเอ่ยปฏิเสธ ใบหน้าใสแดงระเรื่อ ดวงตาหวานเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาเพราะความโกรธร่างสูงที่ยืนหันหลังอยู่มุมห้องทำงาน
ปารลียืนสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องน้ำนานแค่ไหนเธอก็ไม่อาจบอกตัวเองได้ ดวงตาบวมช้ำจ้องมองตัวเองในกระจกนิ่งโชคดีที่วันนี้ช่วงบ่ายเธอต้องออกไปธุระให้คุณท่านข้างนอกจึงไม่ต้องทนเห็นหน้าคนที่ทำให้เธอต้องเจ็บใจอยู่ในขณะนี้
“เรื่องแค่นี้เธอจะหวั่นไหวทำไม...” ปารลียกแขนขึ้นเช็ดปากอิ่มของตนแรง ๆ อีกหลายครั้งก่อนจะบริภาษ ตัวต้นเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความแค้นเคือง เมื่อภีร์มะทำอย่างที่เธอต่อว่าเขาเอาไว้จริง ๆ
..หากเขาไม่พอใจเธอก็ลงที่เธอ และอย่าทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน
และครั้งนี้เขาก็ไม่ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนจริง ๆ เพราะคนที่ต้องเดือดร้อนกับการกระทำของเขามากที่สุด ก็คือปารลีเพราะแม้แต่ตอนนี้เธอยังไม่สามารถลบความร้อนที่เขาฝากเอาไว้ออกไปจากความทรงจำได้เลยแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น