คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ยกที่หนึ่ง
บ้านคชาบดินทร์ คึกคักเป็นพิเศษ เพราะนอกจากแขกของคุณท่านแล้ว บรรดาญาติสนิทที่ทราบข่าวต่างก็เดินทางมาเพื่อร่วมต้อนรับการกลับมาของภีร์มะ จนอาหารค่ำมื้อนี้ กลายเป็นงานเลี้ยงขนาดย่อม และต้องย้าย สถานที่จัดงานไปเป็นบริเวณสวนหน้าบ้านแทน
เสียงเครื่องยนต์ที่วิ่งเข้ามาภายในโรงจอดรถ ก่อนแขกคนสำคัญจะเดินตรงมายังบริเวณ พื้นที่จัดงาน โดยมีการจัดโต๊ะ เตรียมไว้สำหรับการเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ
ปารลี ต้อนรับแขกอยู่ด้านหน้าด้วยความขันแข็ง พร้อมกับส่งยิ้มให้เพื่อนรัก
“สวยจริงเชียวเพื่อนเรา ...สวัสดีค่ะ คุณแม่” ปารลีเอ่ยทักเพื่อนรัก พร้อมกับทำความเคารพผู้สูงวัยข้างกายอย่างนอบน้อม
“แล้วคุณมล กับตาภีมอยู่ที่ไหนละ หนูป่าน” ท่านเอ่ยถามถึงเพื่อนรักและว่าที่ลูกเขยในอนาคตทันที
“คุณท่าน รอคุณแม่อยู่ที่โต๊ะค่ะ เดี๋ยวป่านพาไปนะคะ”
“ไม่ต้องหรอก หนูป่าน ตามสบายนะ แม่ขอตัวก่อน” ท่านเดินแยกออกไปทิ้งให้สองสาวยืนคุยกันตามลำพัง
“เป็นยังไงบ้างไหวหรือเปล่า” วิรดี ลอบมองเพื่อนรักที่ยังคงยิ้มร่า เพราะเธอรู้ดีว่านอกจาก คุณสุวิมล แล้ว บรรดาญาติ คนอื่น ๆ ไม่มีใครต้อนรับ ปารลี เนื่องจากประมุขของบ้านให้ความเมตตากับเธอมากกว่าลูกหลานแท้ ๆ ของตัวเอง จึงสร้างความไม่พอใจ ให้กับญาติ ๆ เหล่านั้น จนบางครั้ง ปารลีต้องเผชิญกับคำพูดที่คอยถากถางและประชดประชันอยู่เสมอ
“สบายมากจ๊ะ ตอนนี้ยิ่งสนุกใหญ่เพราะมีคู่ปรับเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง.. คนอื่น ๆ มาแล้วก็ไป เขาจะด่าว่ายังไง ป่านก็แค่กองมันทิ้งเอาไว้ตรงนั้น แต่กับว่าที่สามีของวินี่ซิ ตามรังควาญเหมือนยังกะวิญญาณ” ปารีเอ่ยประชด
“โอ้ย” ปารลีร้องเบา ๆ เมื่อเพื่อนรักหยิกที่แขนอย่างหมั่นไส้ มารดาเปรยเรื่องที่ต้องการหมั้นหมายเธอกับภีร์มะมานานแล้ว ทั้ง ๆ ที่เธอปฏิเสธอยู่หลายครั้งแต่ท่านก็ไม่ยอมลดละความพยายาม แต่เพราะขัดท่านไม่ได้เธอจึงต้องมาร่วมทานมื้อค่ำที่นี่
“หมั่นไส้นักเชียว ใครเป็นว่าที่สามีกัน ก็รู้ว่าวิไม่ชอบก็ยังจะแซวอยู่ได้..นี่ป่านกับคุณภีมเป็นยังไงยังทะเลาะกันอยู่อีกเหรอ” ปารลีเบ้หน้าทันทีเมื่อเพื่อนรักเอ่ยถึงคู่อริคนสำคัญของตัวเอง ที่ปารลีมักจะโทรไปเล่าวีรกรรมที่ภีร์มะ ทำกับเธอในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาทิ้งเธอให้รอที่สนามบินและเรื่องอื่น ๆ ที่ทำกับเธอในที่ทำงาน
“ผู้ชายนิสัยแย่ หน้าตาก็งั้น ๆ จอมหาเรื่องก็ที่หนึ่ง คงจะมีทางได้ญาติดีกันหรอก”
“ใช่สิ ใครจะสู้พี่วุธของป่านได้ล่ะ” วิรดีเอ่ยถึง เอกวุธซึ่งเป็นรุ่นพี่ของพวกเธอสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และคอยให้ความช่วยเหลือพวกเธอในฐานะพี่รหัส ด้วยอายุที่ห่างกันสามปี ในสายตาของเธอนอกจากเขาจะเป็นชายหนุ่มรูปงาม และแสนดีแล้ว ความอบอุ่น ความมีน้ำใจของเขา ตั้งแต่รู้จักกันจนถึงปัจจุบัน ทำให้เธอตกหลุมรักเขาอย่างไม่รู้ตัว
แต่....วิรดีก็ทราบดีว่าในสายตาของเอกวุธ มีเพียง ปารลีเท่านั้น หญิงสาวจึงต้องคอยเก็บซ่อนความรู้สึกของตนเอาไว้เพราะรู้ว่าระหว่างเธอกับเอกวุธคงไม่มีทางสมหวังและเธอก็ยินดีหากทั้งสองตกลงปลงใจกันจริง ๆ ในเมื่อ พวกเขาต่างก็เป็นคนที่เธอรักทั้งคู่
“แน่นอนอยู่แล้ว” ปารลียิ้มรับอย่างภูมิใจ ไม่นานนักทั้งสอง พากันเดินเข้าไปยังบริเวณงานอีกครั้ง ร่างสูงของภีร์มะ ยืนเด่นอยู่ข้างกายประมุขของบ้าน ที่ทำการแนะนำว่าที่ลูกสะใภ้ให้รู้จักกับบุตรชายของตนพร้อมกับเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้ทำความคุ้นเคยกันทันที
เสียงพูดคุย ยังคงดังอยู่เบื้องหลังแต่ปารลีกลับแยกตัวออกมาพร้อมกับเดินเข้าห้องครัว
“อ้าวคุณป่าน ต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าค่ะ” เสียง ป้าแช่มเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องครัว
“เปล่าหรอกค่ะ ป่านแค่หิวน้ำ” เสียงใสเอ่ยตอบ ความจริงแล้วเธอเพียงต้องการพักอารมณ์ของตัวเองจากคำพูดถากถางที่ดังมาตามลมของแขกบางคนเท่านั้น
สอพลอ ขี้ประจบ ทุก ๆ คำที่มันตอกย้ำความรู้สึกนั้นเธอไม่อยากจำเท่าไหร่นัก แต่น่าแปลก ถ้อยคำเหล่านั้นมันกลับหยั่งรากลึกในทุกอนูความคิดชนิดที่เธอแกะเท่าไหร่ก็ไม่หลุดเสียที
ภายนอกเธอทำได้เพียงรับฟังคำพูดเหล่านั้นด้วยอาการสงบ เพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้กับผู้มีพระคุณและพวกเขาก็เป็นผู้อาวุโสกว่าเธอจะคิดว่าเป็นคำสอนเพื่อเตือนสติด้วยความหวังดี
“ ไม่ต้องคิดมากนะคะคุณป่าน คนเรามีปากเขาจะพูดอะไรก็พูดได้ แค่คุณท่านและพวกเรารู้ว่าคุณป่านเป็นคนดี และไม่ได้เป็นเหมือนที่พวกเขากล่าวหาก็พอแล้ว” หญิงสาวยิ้มรับบาง ๆ
“ขอบคุณนะคะ ป่านไม่คิดมากหรอก เพียงแต่ไม่อยากทำให้บรรยากาศของงานกร่อยเพราะป่าน อีกอย่าง..นั่งทานข้างในดีกว่า ป่านชอบน้ำพริกผักต้ม รสจัด กับปลาทูทอดของป้า มากกว่าอาหารฝรั่งรสเลี่ยนข้างนอกเสียอีก” ปารลีปากหวานเอาใจจนคนถูกชมรีบตักข้าวสวยร้อน ๆ ให้เสียพูนจาน
“พอแล้วค่ะ ขืนทานขนาดนั้น ป่านคงท้องแตกพอดี” เธอรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าคนบ้ายอ ยังไม่หยุดตักข้าวให้เสียทีแต่ยังไม่ทันที่ปารลีจะเริ่มทานคำแรกร่างสูงของภีร์มะก็เดินตรงเข้ามาในครัวพร้อมกับเอ่ยเสียเข้ม
“อยู่นี่เองหรือ” มือเรียวชะงักมือที่กำลังตักข้าวเข้าปากทันที
“.......” ปารลีเงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองสบตาคมนิ่ง
“ผมอยากได้น้ำแตงโมปั่น ..ซักแก้ว” เสียงทุ้มตอบกลับ
“เอ่อ..เดี๋ยวป้ายกไปให้นะคะคุณ ภีม” ป้าแช่มมองคนโน้นที คนนี้ที อย่างอึดอัด เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่าง ภีร์มะกับปารลี พวกเขาถึงได้มีท่าทีมึนตึงใส่กันเสียทุกครั้งที่พบหน้า
“ป้าทานข้าวต่อเถอะครับ ...ปล่อยให้หนูป่านของป้าทำดีกว่า” ร่างสูงเอ่ยห้ามเมื่อเห็นว่าแม่บ้านกุลีกุจอเพื่อเตรียมเครื่องดื่มที่เขาต้องการ
“แต่ว่า...” ป้าแช่มอึกอักเพราะสงสารหนูป่านที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง แต่ก็ไม่กล้าพูดค้านอย่างเต็มปากนัก เพราะคุณภีมก็เป็นสุดที่รักของตนที่ดูแลมาแต่อ้อนแต่ออกและไม่เคยขัดใจเขาได้เลย
“ไม่เป็นไรค่ะ ป้าแช่ม เดี๋ยวป่านทำเอง...ไปทานข้าวเถอะค่ะ” หญิงสาวรีบจัดแจงตามที่ ภีร์มะต้องการเพื่อตัดปัญหา
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” หลังจากเวลาผ่านไปสักครู่ ปารลีวางแก้วน้ำแตงโมปั่น สีแดงฉ่ำ น่าทานตรงหน้า ชายหนุ่ม แต่เขากลับยืนนิ่งพร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ
“ช่วยยกตามมาด้วย” ภีร์มะเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเดินนำ เธอออกไปจากห้องครัว
“..แก้วน้ำใบติ๊ดเดียว..ก็ถือเองไม่ได้” ปารลีบ่นอุบอิบ และถือแก้วน้ำเดินตามร่างสูงไป
“บ่นอะไร” ภีร์มะถามขึ้นเมื่อเห็นจากหางตาว่าหญิงสาวกำลังบ่นอุบ
“เปล่านี่คะ”
“ก็ผมได้ยิน” ภีร์มะหยุดเดินทันที พร้อมกับหันกลับมาจ้องหน้าเธออีกครั้ง
“ถ้าได้ยินแล้วจะถามทำไม..” ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเปิดศึกย่อม ๆ คุณสุวิมลที่กำลังเดินตามหาบุตรชาย และหญิงสาวก็เอ่ยทักขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเสียอีก
“มาแล้วหรือหนูป่าน ฉันให้ตาภีมไปตามตัวตั้งนาน ทำไมเพิ่งมาละจ๊ะ”
ปารลีขมวดคิ้วมุ่น พร้อมจ้องมองไปยังร่างสูงด้วยความแปลกใจ เพราะชายหนุ่มไม่ได้บอกเธอว่า คุณท่านเรียกหา
“ผมให้เขาทำน้ำแตงโม มาเพิ่มให้คุณแม่ครับ เลยช้าไปหน่อย ..คุณแม่ไม่น่าลำบากต้องเดินมาตามเลย กลับไปที่โต๊ะดีกว่าครับ ” ร่างสูงโอบประคองร่างของมารดาพร้อมกับพาท่านเดินกลับไปยังบริเวณสวนหน้าบ้านอีกครั้ง
ประมุขของบ้านยิ้มอย่างเป็นสุขกับการเอาอกเอาใจของบุตรชาย โดยมีปารลีเดินตามหลังมาพร้อมกับจ้องมองร่างสูงนิ่งอย่างเคลือบแคลง
“แหมตาภีมนี่ช่างรู้ใจแม่ไปซะทุกอย่าง ดูเถอะวิไล เราก็คิดว่าหายไปไหนเสียตั้งนานที่แท้ก็ไปหาเครื่องดื่มมาให้” ท่านเอ่ยเอาใจ บุตรชายทันทีเมื่อถึงโต๊ะ
“นั่นสิจ๊ะ ...นอกจากหน้าตาจะหล่อเหลาแล้วยังช่างเอาอกเอาใจอย่างนี้ใครได้เป็นคู่ครองคงมีความสุขน่าดู จริงหรือเปล่ายัยวิ” ปาร ลีลอบมองเพื่อนรักที่ดูอึดอัดใจ กับการแสดงออกของท่านทั้งสองที่พยายามจับคู่ให้เพื่อนรักของตน อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งวิรดีทำได้เพียงยิ้มจืด ๆ ตอบกลับมารดาเท่านั้น
“หนูป่านมานั่งตรงนี้มา” สิ้นเสียงของท่าน ปารลี รู้สึกได้ถึงท่าทางไม่พอใจและสายตาที่แสดงความไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน จากน้องสาวทั้งสามคนของคุณสุวิมลที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ก่อนหน้า และแม้แต่ร่างสูงที่ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่ข้างกายก็ชำเลืองมองเธอด้วยความหงุดหงิด
“ไม่เป็นไรค่ะคุณท่าน..ป่านนัดกับป้าแช่มว่าจะไปนั่งทานข้าวด้วยกันที่ครัว แค่แวะเอาน้ำมาเสิร์ฟให้คุณท่านเท่านั้น”
“ไว้วันหลังเถอะจ๊ะ วันนี้อุตส่าห์เป็นวันพิเศษที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งที หนูก็เป็นเหมือนลูกหลานของฉันคนนึงจะหนีไปนั่งในครัวได้ยังไงกัน” คำพูดที่แสดงออกถึงความเมตตาของท่าน ทำให้ปารลีแทบน้ำตาเอ่อด้วยความตื้นตัน แต่เพราะรู้ว่ายังไม่อีกหลายคนที่ไม่ต้องการให้เธอนั่งร่วมโต๊ะ รวมทั้งบุตรชายของท่านด้วยเธอจึงทำได้เพียงเอ่ยปฏิเสธอีกครั้ง
“ขอโทษจริง ๆ นะคะ ..ป่านต้องรีบเตรียมเอกสารการประชุมสำหรับพรุ่งนี้ ค่ะ ” หญิงสาวเอ่ย เสียงเบากับคุณท่านเพียงลำพัง ปารลีไม่เคยคิดจะเอาเรื่องงานมาเป็นข้ออ้างในการหนีปัญหา เพียงแต่ไม่ต้องการให้คุณท่านรู้สึกหนักใจกับสถานการณ์ที่เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ
“ถ้าเขาเล่นตัวนัก ก็อย่าไปขัดใจเขาเลยครับคุณแม่” ภีร์มะเอ่ยขึ้นลอย ๆ พร้อมกับจ้องมองเธอนิ่ง
ดวงดากลมโต ของปารลี ฉายวาบด้วยความขุ่นเคืองทันที เพราะต้องการขัดใจเขา เธอจึงเปลี่ยนใจกะทันหัน พร้อมกับนั่งลงตามที่นั่งที่ท่านได้เตรียมไว้
“เห็นทีป่านต้องนัดกับป้าแช่มวันหลังแล้วละคะ” ปารลีเอ่ยอย่างนอบน้อม กับคุณสุวิมล พร้อมส่งยิ้มหวานกวาดไปทั่วโต๊ะ ก่อนที่จะหยุดนิ่งอยู่ที่ภีร์มะ โดยไม่ใส่ใจท่าทีขุ่นเคืองของเขาที่นั่งลงอีกข้างมารดาอย่างขัดใจที่ไม่สามารถกวนอารมณ์เธอได้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอมีความสุขและอยู่อย่างสุขสบายภายใต้การดูแลของคุณสุวิมล ท่านให้โอกาส ให้ชีวิตใหม่ แม้แต่งานที่ทำทุกวันนี้เธอก็ได้รับความไว้วางใจจากท่านให้รับตำแหน่งเลขา แม้ในขณะนั้นเธอจะอ่อนด้อยประสบการณ์ในทุก ๆ ด้านก็ตาม
เธอรู้มาโดยตลอดว่ามีญาติหลายคนที่ไม่พอใจและต้องการให้เธอออกไปจากที่นี่ เพราะความกลัวความใกล้ชิดที่มีระหว่างทั้งคู่ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน จะทำให้ท่านรักและเอ็นดูเธอมากกว่า ลูก หลานคนอื่น ๆ ยิ่งท่านแสดงออกว่าเป็นห่วงและใส่ใจต่อเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ได้รับสายตาดูแคลนและคำพูดถากถางมากขึ้นเท่านั้น ที่ผ่านมาปารลีไม่เคยใส่ใจเพราะเป็นห่วงประมุขของบ้าน แต่มาวันนี้เมื่อบุตรชายของเขากลับมาแล้ว เธอคงต้องคิดเรื่องที่จะออกไปจากบ้านหลังนี้อย่างจริงจังเสียที แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น เธอต้องช่วยนายของตนในการปรับปรุงนิสัยเรื่อยเปื่อยของลูกชายเจ้านายเสียก่อน ซึ่งงานนี้คุณสุวิมลพร้อมสนับสนุนเธออย่างเต็มที่
“งานนี้เราต้องเจอกันซักตั้งแล้วนายภีร์มะ” ปารลี หมายมั่นอยู่ภายในใจเมื่อภารกิจการจับคู่ระหว่างภีร์มะกับเพื่อนรัก และปฏิบัติการปฏิวัติพฤติกรรมเรื่อยเปื่อยของเขาสำเร็จ เธอก็จะไปจากที่นี่ทันที
**********************************************
ปารลีต้องเหนื่อยหนักกว่าเดิมเมื่อคุณสุวิมลต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งในครั้งนี้เธอไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย เนื่องจากท่านต้องการให้เธออยู่ช่วยสอนงานภีร์มะ
หญิงสาวไม่รู้ว่าเป็นเพราะภีร์มะหมดความสนใจในงานหรือเพราะเขาต้องการยั่วโมโหเธอกันแน่ เพราะจากที่เคยตื่นแต่เช้าเมื่อตอนที่มารดายังอยู่ เขาก็เริ่มตีรวนโดยการตื่นสาย และงานที่เธอพยายามอธิบายก็ทำเหมือนไม่เข้าใจ
ช่วงเย็นเป็นเวลาที่เธอสบายใจขึ้นบ้างเพราะภีร์มะ จะต้องไปสังสรรค์กับเพื่อนเก่าทุกเย็นกว่าจะกลับก็ดึกดื่น เธอจึงมีเวลาส่วนตัวเพื่อพักความเหนื่อยล้าทั้งทางใจและทางกายเพื่อเติมพลังให้กับตัวเอง ยกเว้นบางวันที่เขาเมามากขนาดที่ป้าแช่มรับมือไม่ไหวต้องให้เธอไปช่วยเท่านั้น
สิ่งที่เริ่มมีปัญหากับงานของเธอ คือการที่มีสาว ๆ เข้ามาวอแวกับเขามากยิ่งขึ้นทั้ง ภายในบริษัท และบรรดาคู่ขาเก่าที่เพิ่งทราบเรื่องที่เขากลับมาเมืองไทยต่างก็โทรเข้ามาวุ่นวายกันไม่เว้นวันจนบางครั้งเธอแทบทำงานไม่ได้เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าภีร์มะเป็นใคร เพราะฉะนั้นบรรดาสายที่ต้องการคุยกับลูกชายของเจ้าของบริษัท จึงส่งตรงมาถึงเธอจนแทบไม่ได้หยุดหย่อน
“เป็นยังไงบ้างค่ะป้าแช่ม” ปารลีเอ่ยถามเมื่อเห็นแม่บ้านเดินลงมาจากห้องภีร์มะที่อยู่ชั้นบนด้วยใบหน้าผิดหวัง
“ไม่ยอมลุกจากที่นอนเลยค่ะ ..แล้วคุณภีมยังบอกอีกว่า” แม่บ้านมีท่าทีอึกอักแต่ไม่ยอมพูดเสียที
“มีอะไรค่ะ”
“คุณภีมบอกว่า ..ห้ามไม่ให้ป้าเข้าไปในห้องอีกค่ะ ..แล้วก็บอกว่าให้คุณป่านเป็นคนเข้าไปปลุกเองค่ะ” หญิงสาวพนักหน้ารับรู้ พร้อมกับคิดหนักกับอาการพาลของภีร์มะที่ดูเหมือนจะหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ
“มีอะไรก็ไปทำเถอะค่ะ..เดี๋ยวป่านจัดการทางนี้เอง”
“ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง หลังจากที่ปารลีทำใจหน้าห้องนอนของชายหนุ่ม อยู่นาน
หญิงสาวเปิดประตูค้างเอาไว้ ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินเข้าไปภายในห้อง บนเตียงกว้างมีร่างสูงนอนคลุมโปงนิ่งอยู่ ปารลีเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะทำใจกล้าเอ่ยเรียก
“คุณภีร์มะ..ลุกได้แล้วค่ะ สายมากแล้ว”
“คุณภีร์มะค่ะ” หญิงสาวร้องเรียกอยู่หลายครั้งแต่ชายหนุ่มยังคงนอนนิ่ง มือเรียวค่อย ๆ รั้งผ้าห่มผืนหนาแต่อีกฝ่ายยังคงยื้อยุด และส่งเสียงในลำคอราวกับรำคาญเธอเสียเต็มประดา
“นี่คุณ..จะลุกขึ้นดี ๆ มั๊ย” ปารลีเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง หลังจากที่ยื้อยุดกับภีร์มะ จนตัวเองเริ่มหอบ
ป้าแช่มมายืนรีรอ อยู่หน้าห้องนอนด้วยความเป็นห่วงปารลี หญิงสาวกวักมือเรียกอีกฝ่ายพร้อมกับกระซิบกระซาบกันอยู่ครู่ ก่อนป้าแช่มจะกระวีกระวาดรีบลงไปเตรียมของที่ปารลีต้องการ
ร่างที่แกล้งหลับสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกเหมือนถูกกระแสไฟไหลเวียนไปทั่วบริเวณฝ่าเท้า พร้อมกับร้องลั่นเมื่อเห็นไม้ตียุงไฟฟ้าที่อยู่ในมือปารลี
“นี่..เธอคิดจะทำอะไรหา !!! มันอันตรายนะ” ภีร์มะร้องห้ามเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าจะใช้มันทำร้ายเขาอีกครั้ง ร่างสูงใต้ผ้าห่มนั้น ด้านบนเปลือยเปล่าแผงอกกว้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามกระเพื่อมขึ้นลงตามการหายใจหอบถี่ด้วยความโกรธจัด
“แล้วคุณจะลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวได้หรือยัง ถ้ามัว แต่โอ้เอ้ ..ฉันจัดการขั้นเด็ดขาดแน่ อย่าลืมว่าคุณท่านมอบหมายให้ฉันจัดการกับคุณ..ได้เต็มที่ นี่เห็นแก่ที่คุณเป็นลูกชายคนเดียวนะฉันถึงปราณี” ปารลีเสียงเข้ม ทั้ง ๆ ที่เริ่มรู้สึกขัดเขินกับร่างเปลือยท่อนบนของภีร์มะ
“โอเค..โอเค ผมจะรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วยืนอยู่ทำอะไรอีกล่ะ หรืออยากเห็นผมโป๊ได้นะผมไม่ถือ”เพราะความโมโหและอยากเอาคืน มือหนาถอดกางเกงนอน ออกจากตัวอย่างที่ปากพูดทันที ผิดกับปารลียืนนิ่งไปอึดใจด้วยความตกใจ ก่อนจะร้องเสียงหลง พร้อมกับปิดหน้าปิดตาวิ่งออกไปจากห้องทันที
“กรี๊ด ไอ้บ้า..ไอ้โรคจิต ไอ้คนลามก ที่นี่เมืองไทยนะจะมาแก้ผ้าโชร์แบบนี้ได้ยังไง” ใบหน้าใสแดงก่ำ พร้อมกับเดินกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองด้วยใบหน้าร้อนผ่าว พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวกระหน่ำไม่หยุด เธอไม่ได้อ่อนต่อโลกมากมายและพอจะทราบดี เรื่องลักษณะทางกายภาพ ของบุรุษเพศ แต่การที่ต้องมาเห็นเต็มสองตาในระยะประชิดเช่นนี้มันก็ยากเกินกว่าจะทำใจได้
ความคิดเห็น