คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [R∞M8] วันที่ฉันป่วย
สนทนา : มาเปิดห้องใหม่แล้วจ้า ช่วงนี้มาแบบเป็นกระไสยแต่คาดว่าหลังจากเปิดห้องนี้คงหายกันไปนาน? วันนี้หลายๆคนคงได้ดื่มด่ำกับความงามของจันทรุปราคาทั้งที่บ้านและที่เขาใหญ่ สำหรับคนที่มีโอกาสได้ไปมันใหญ่มากได้ข่าวว่าศิลปินเราเขามีโมเม้นต์น่ารักๆใครไปก็เก็บความประทับใจแล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ ขอให้ฟินกับการอ่านค่ะ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ แล้วพบกันใหม่อย่างที่ใจต้องการค่ะ^^
ชั่ววินาทีหลังได้รับรู้ข่าวคราวของใครบางคนผ่านทางโทรศัพท์ ราวกับทุกอย่างรอบกายหยุดนิ่งมีเพียงเสียงที่ดังอื้ออึงอยู่ในความคิดคล้ายๆว่าเลือดไม่ไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกายตัวมันเย็นๆแขนขาอ่อนแรงหัวใจเบาหวิวไร้ซึ่งน้ำหนักดังกับว่ากำลังจะหลุดลอยออกไปจากร่าง ริมฝีปากบางขยับเอ่ยเรียกชื่อของใครอีกคนออกมาอย่างเลื่อนลอย
"นัท"
.
..
...
ทันทีที่ก้าวลงจากรถโดยสารที่จอดนิ่งบริเวณที่รับส่งผู้โดยสารด้านหน้าของอาคารหลังใหญ่ที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน ขาเรียวยาวออกตัววิ่งอย่างไม่คิดชีวิตฝ่าฝูงชนจำนวนมากแต่ก็ต้องชะลอความเร็วลงเพื่อไม่ให้ชนเข้ากับคนที่เดินสัญจรไปมาหรือวัตถุสิ่งของที่วางตั้งไว้ ไม่นานนักเจ้าของเรียวขายาวที่ตอนนี้อ่อนล้าเต็มทนเนื่องจากออกแรงวิ่งขึ้นบันไดหลายชั้นเพราะไม่อยากเสียเวลารอลิฟท์หรือเบียดเสียดผู้คนก็พาตนเองมาถึงยังจุดหมายอย่างทันท่วงที
.
"อ่าว! ซิน!" คนร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจเมื่อพบกับใบหน้าสวยที่วิ่งหน้าตาตื่นแล้วทรุดลงตรงหน้าเขาร่างทั้งร่างสั่นไหวเนื่องจากอาการเหนื่อยหอบบวกกับแรงสั่นเทิ้มน้อยๆที่คาดว่าเป็นผลมาจากการร้องไห้ เห็นดังนั้นคนที่ยืนมองอยู่จึงรีบเข้าไปพยุงตัวอีกคนให้ลุกขึ้นแล้วจึงพาไปนั่งพักยังเก้าอี้ที่วางตั้งเรียงเป็นแถบยาว
"นะ..นัท" น้ำเสียงหวานแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยอย่างยากลำบากสายน้ำตาพลางทอดตัวไหลลงผ่านแก้มเนียน
"เอ่อ... ยังไม่ออกมาเลย ใจเย็นนะ ถึงมือหมอแล้ว ไม่ต้อ..."
"ญาติคุณโชติวุฒิค่ะ"
"ฮะ/ครับ"
ยังไม่ทันที่อีกคนจะพูดจบประโยค ทันใดนั้นหญิงสาวรูปร่างเล็กในชุดเครื่องแบบสีขาวสะอาดใบหน้าครึ่งล่างถูกปกคลุมด้วยผ้าปิดปากก็ส่งเสียงเรียกชื่อของคนคุ้นเคยที่ตอนนี้ทำเอาหัวใจของเขาร้าวไปทั้งดวง คนทั้งสองรีบขานรับพร้อมเดินตรงเข้าไปหาคุณพยาบาล
"คนไข้ปลอดภัยดีค่ะ คุณหมอให้พักที่นี่หนึ่งคืนถึงกลับบ้านได้ค่ะ"
"โห~ เชี่ยนัทแม่มเล่นของชัวร์! ขนาดขับชนรถสิบล้อ แม่มรอดมาได้ ... ตอนแรกเราว่าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตว่ะ ฮ่าๆ" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยพูดทีเล่นทีจริงกับคนร่างบางที่ยืนยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจสุดขีดคราบน้ำตายังคงแห้งกรังอยู่บนใบหน้า แต่แล้วเสียงแหลมของคุณพยาบาลก็ดังขึ้นอีกครั้งขัดจังหวะคนที่กำลังยืนยิ้มสบตากันต้องหันไปให้ความสนใจ
"ตำรวจบอกว่าคนไข้ขับชนรถสิบล้อที่จอดอยู่อ่ะค่ะเลยบาดเจ็บแค่เล็กน้อย แรงกระแทกของแอร์แบ็กทำให้หัวไหล่ข้างขวาหลุดแล้วก็หมดสติไป สองสามอาทิตย์นี้คงต้องใช้ผ้าคล้องแขนไปก่อนแล้วก็ทำกายภาพควบคู่ไปด้วย งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ... เชิญญาติติดต่อห้องพักด้านนี้เลยค่ะ"
สิ้นคำแถลงไขของคุณพยาบาลคนทั้งสองเป็นต้องปล่อยหัวเราะออกมาอันที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าขำเยาะเย้ยไอ้คนเจ็บหรืออย่างไรเพียงแต่หัวเราะออกมาก็ด้วยความสบายใจมากกว่าที่ได้รู้ว่าคนที่พวกเขาห่วงจะเป็นจะตายนั้นบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
...
..
.
"โอ๊ย!" เพราะมัวแต่ดีใจที่ได้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาอาศัยอยู่ในรังแสนรักของตนดังเดิม คนเจ็บจึงไม่ทันระวังหัวไหล่เจ้ากรรมข้างที่บาดเจ็บชนเข้าให้กับขอบประตูแข็ง
"นี่~ ระวังหน่อยสิ ไม่ได้สำเหนียกเลยว่าตัวเองแขนเดี้ยงน่ะ" น้ำเสียงหวานเอ่ยปรามคนใจร้อนที่ไม่ค่อยระมัดระวังตัว
"ตอกย้ำกันเข้าไป... น่าจะตายไปเลยเนอะ"
"เราว่าจริงๆแอร์แบ็กมันน่ากระแทกตรงปากมากกว่านะ หมาที่อยู่ข้างในมันจะได้ตาย"
"ตายจริงแล้วอย่ามาร้องไห้หากัน"
"ไม่สักนิด"
"..."
หลังจากที่คนฝีปากคมทั้งคู่ต่อปากต่อคำกันเสียนานในที่สุดบทสนทนาก็สิ้นสุดลงเมื่อคนยียวนเป็นฝ่ายที่ยอมเลิกราไปก่อน บรรยากาศเริ่มตรึงเครียดเมื่อคนผมสั้นแสดงท่าทีเมินเฉยและเอ่ยคำพูดตัดพ้อกันเมื่อสักครู่ คนผมยาวจึงข่มอารมณ์ตนให้เป็นปกติยอมเดินคนละครึ่งทางในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาอีกคนมักเป็นฝ่ายยอมอ่อนลงให้แก่เขาก่อนเสมอ งั้นครั้งนี้เห็นแก่คนเจ็บยอมเสียฟอร์มง้อเขาหน่อยก็แล้วกัน
"นัท~ นี่~ ... นัท!"
"..."
เสียงหวานใสเอ่ยเรียกอีกคนอย่างออดอ้อนแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบกลับใดๆหรือแม้แต่จะหันมาเหลียวมองกันสักนิด ง้อให้ก็แล้วแต่คนทำใจแข็งก็ยังไม่ยอมสนใจว่าแล้วคนตัวเล็กที่เริ่มหมดความอดทนจึงเรียกจิกด้วยเสียงดังและสูงปรี๊ดทำเอาเจ้าของชื่อที่นั่งเก็กหน้าขรึมอยู่เป็นอันต้องสะดุ้งสุดตัว คนร่างบางเห็นแล้วก็อดที่จะอมยิ้มกับหน้าตาขวัญเสียของอีกคนไม่ได้ก็พอเข้าใจอยู่ว่าสภาพที่น่าอึดอัดเช่นนี้คงทำให้อีกคนนั้นหงุดหงิดไม่ใช่น้อย ว่าแล้วจึงพาตัวเองเดินเข้าไปใกล้คนที่นั่งหน้าหงอยอยู่ตรงปลายเตียงจากนั้นจึงค่อยๆทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นพรมเบื้องล่างตรงหน้าของคนเจ็บแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างท้าวคร่อมคนร่างหนานั้นไว้พร้อมกับใบหน้าที่ยื่นเข้าใกล้จนกระทั่งหน้าผากมนของคนทั้งคู่สัมผัสกัน ดวงตากลมใสมองลึกเข้าไปในสายตาคมของคนตรงหน้าที่สะท้อนให้เห็นภาพของเขาแต่เพียงผู้เดียวพลางเอ่ยคำพูดเอาใจ
"ก็ไอ้ตัวข้างในตาย... แต่... ตัวข้างนอกยังอยู่นิ่"
"... หลอกด่าอ๋อ?" เมื่อได้รับท่าทีเอาใจจากอีกคนคนปากแข็งจึงยอมเอ่ยปากพูดในที่สุด
"ทีนี้ฉลาด"
"เล่นกับหมาหมาเลียปากนะ"
"ฮะๆ"
ไม่ทันที่ริมฝีปากหนาจะได้ฉกชิมลิ้มรสความหวานชื่นจากริมฝีปากบางมือเรียวก็รีบยกขึ้นปิดปากของอีกฝ่ายทำให้คนฉวยโอกาสต้องเสียดายหัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม แต่แล้วก็กลับเป็นคนที่แสนเล่นตัวเสียเองที่มอบจูบยั่วเย้าอีกคนผ่านฝ่ามือเล็กของตนที่ทาบทับอยู่บนริมฝีปากหนาแล้วแหงนหน้าปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
.
..
...
"ไหล่หลุดไม่ได้เป็นง่อย แค่นี้ต้องป้อน" น้ำเสียงใสเอ่ยขึ้นอย่างประชดประชันคนเจ็บที่ทำตัวสำออยออดอ้อนเขาไม่เข้าท่า
"อิ่มแล้ว!" พอได้ยินดังนั้นใบหน้าคมก็ชักสีหน้าพร้อมเอ่ยถ้อยคำกับอีกคนด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
"แตะไม่ได้นะ... งอนอีกแล้ว~"
"มีสิทธิ์ด้วยหรอ" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างตัดพ้อพลางสะบัดใบหน้าหนีจากคนตรงหน้า จริงอยู่ใช่ว่าตัวเขานั้นจะอาการหนักถึงขึ้นไม่สามารถทำอะไรเองได้ เพียงแต่ในเวลาเช่นนี้เขาก็แค่ต้องการให้อีกคนคอยดูแลใส่ใจห่วงใยอยู่ข้างๆกันก็เท่านั้นเอง
"ทำตัวให้น่ารักหน่อย ไม่งั้น ไม่เลี้ยงนะ!" ท่าทางเช่นเด็กเอาแต่ใจเรียกความเอ็นดูจากคนบอบบางได้ ปลายนิ้วเล็กสัมผัสไล้บนโครงหน้าคมอย่างยั่วเย้าแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากคนใบหน้าหล่อเหลา จากที่ลูบไล้เบาๆจึงเปลี่ยนเป็นออกแรงหยิกบนแก้มตอบนั่นด้วยความหมั่นไส้ คนถูกกระทำเป็นต้องพ่นลมหายใจออกมาเฮือกยาว
"เฮ้อ~"
.
..
...
ร่างของคนสองคนที่นั่งเคียงคู่กันบนเตียงนอนหลังกว้างคนหนึ่งนั้นกำลังง่วนอยู่กับการกดรีโมตเปลี่ยนช่องนู้นทีนี้ทีเพื่อหาโปรแกรมน่าสนใจ ส่วนอีกคนก็นั่งคอพับคออ่อนกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา จนกระทั่งร่างบางรู้สึกถึงแรงกระแทกตามมาด้วยความหนักอึ้งบริเวณต้นแขกซีกซ้ายของตนจึงทำให้เขานั้นต้องละสายตาจากภาพในจอทีวีเบื้องหน้าเหลียวมองบุคคลที่บัดนี้เปลือกตาปิดสนิทและใช้เขาต่างหมอนหนุน
"นัท นัท~" เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่ออีกคนพร้อมด้วยมือเล็กที่สะกิดปลุกคนที่กำลังหลับตาพริ้ม
"อืม~" แม้ว่าจะส่งเสียงตอบกลับแต่เจ้าตัวนั้นก็ยังคงหลับหูหลับตาต่อไป
"อย่าเพิ่งหลับ... นัท~" คนร่างเล็กยังไม่ล้มเลิกความพยายาม จากที่สะกิดก็ออกแรงเขย่าคนขี้เซาให้ฟื้นลืมตา
"ได้เวลาอาบน้ำหมาแล้ว!" เสียงหวานเอ่ยอย่างเด็ดขาดเรียกสติคนที่ได้ยินเป็นต้องรีบเด้งตัวขึ้นดวงตาคมลึกเบิกกว้าง ข้อความนั้นเล่นเอาซะเขาตื่นเต็มตาหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
.
หลังจากที่คะยั้นคะยอกันอยู่พักใหญ่คนดื้อด้านก็ตั้งหน้าตั้งตาจะหลับต่ออยู่ลูกเดียวทำให้คนตัวเล็กต้องออกแรงยื้อยุดฉุดกระชากกันจนกระทบเทือนกระเทือนหัวไหล่ที่ยังไม่หายดีให้ได้เจ็บตัวเพิ่มขึ้นไปอีกแต่ในที่สุดคนตัวบอบบางก็สามารถพาคนตัวเขื่องมาถึงยังห้องน้ำได้เล่นเอาแทบหมดแรง
"จะไม่อาบได้ไง สกปรก! เมื่อวานตอนอยู่โรงบาลก็ไม่ได้อาบ"
"ค่อยอาบพรุ่งนี้ก็ได้ ง่วงแล้ว!" คนใบหน้าสวยเริ่มจับสังเกตได้ถึงอาการงอแงผิดปกติของอีกคนใบหน้าหล่อเหลาที่ปกติแล้วออกจะเหลืองซีดตอนนี้กลับขึ้นสีชมพูระเรื่อ
"ฮ่าๆ ... เขินเรางั้นหรอ?"
"..." คนถูกตั้งคำถามไม่เอ่ยคำตอบแต่สีหน้าและแววตานั้นเลิกลักชวนให้คนมองอยู่กั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว
"ก็เหมือนกันจะอายทำไม" ริมฝีปากสวยขยับเอ่ยคำพูดแขนเรียวเล็กทั้งสองยกขึ้นคล้องลำคอหนามือพลางค่อยๆปลดผ้าคล้องแขนออกอย่างระมัดระวัง คนที่ได้รับการปรนนิบัตินั้นเฝ้าดูการกระทำของอีกคนอย่างไม่กระพริบตา จากนั้นนิ้วมือเล็กก็ทำหน้าที่แกะกระดุมเสื้อเชิร์ตสีดำตัวโก้ของอีกคนจนครบทุกเม็ดเผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อที่เรียงรายบนลำตัวแกร่ง ถึงจุดนี้คนที่ก้มหน้าก้มตาถอดเสื้อผ้าเขาก็ถึงคราวเลือดสูบฉีดขึ้นใบหน้าบ้าง ดวงหน้าหล่อเห็นเช่นนั้นก็เผยยิ้มเจ้าเลห์ขึ้นมาทันที เมื่อเสื้อตัวหล่อหลุดพ้นร่างกายท่อนบนแล้วก็ถึงคิวของกางเกงยีนส์ ร่างบางยังคงทำใจกล้าปลดเปลื้องอาภรณ์ของอีกคนต่อไป เสียงก้อนน้ำลายหนืดถูกกลืนลงคอเอื้อกใหญ่พร้อมกับฝ่ามือหนาที่ตะคุบบนมือเล็กที่เตรียมพร้อมปลดกระดุมกางเกงของเขาออกเต็มที
"เอ่อ ซิน" คนร่างเล็กไม่ฟังคำทักท้วงและตั้งใจแกะกระดุมกางเกงออกทีละเม็ดช้าๆจนหมด คนตัวบางพอรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ติดขัดของอีกฝ่าย ร่างเล็กนั้นย่อตัวลงดวงตากลมพยายามเสมองไปทางอื่นแล้วจัดการดึงกางเกงลงมากองที่ข้อเท้าทั้งสองข้าง ถือว่าเป็นโชคดีของเขาที่อีกคนเลือกที่จะใส่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวสั้นแทนกางเกงชั้นในไม่งั้นอะไรๆก็คงลำบากกวา่นี้ มือหนานั้นรีบฉุดกระชากแขนอีกคนให้ลุกขึ้นเร็วไวน้ำเสียงสั่นไหวถูกกล่าวออกมา
"พะพอแล้ว... ทำเองได้แล้ว ขอบคุณนะ" ว่าจะแกล้งหยอกคนใจกล้าให้อายม้วนแต่สุดท้ายก็เป็นเขาที่กลัวใจตัวเองเสียมากกว่า ถ้าเริ่มแล้วอาจยากที่จะหยุดสถานการณ์ล่อแหลมเกินไป! ผ่านไปนานพอควรกว่าเขาจะจัดการกับตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยได้จะว่าไปก็ลำบาก จะทำแต่ละอย่างทีทุลักทุเลอยู่ไม่น้อยแขนเจ้ากรรมก็มาเจ็บเอาข้างที่ถนัดคงต้องหวังพึ่งคนน่ารักไปอีกพักใหญ่ คิดแล้วก็หวั่นใจเกรงว่าตัวเองจะควบคุมสติอารมณ์ไม่ได้อย่างเช่นเมื่อกี้ ไอ้อะไรๆของเขาก็แลดูว่าจะประสาทสัมผัสไวขืนอีกคนอยู่นานกว่านี้หน่อยคงจะเห็นอะไรที่มันไม่ค่อยหน้าดู
"อาบนานไปไหม?" เสียงหวานเอ่ยทักทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิดออก
"อะอ่าว นี่กลับไปอาบมาแล้วหรอ?"
"นอนเถอะ ง่วงจะแย่" คนตัวเล็กตอบเสียงหงุงหงิงแล้วรีบเดินนำขึ้นไปนอนบนเตียง คนร่างหนาที่มองอยู่เป็นต้องมึนงงจากนั้นจึงเดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนเคียงข้างคนที่แย่งพื้นที่บนเตียงเขา หลังจากจัดตัวเองให้เข้าที่แล้วร่างเล็กข้างกายก็เบียดเข้าหากัน แขนเรียวเอื้อมโอบข้ามร่างกายสมส่วมใบหน้าสวยซุกเข้าที่ซอกคออุ่นจนคนที่ถูกกระทำเริ่มรู้สึกถึงความครุกลุ่นที่ก่อตัวขึ้น
"หอมแล้ว" ไม่ว่าเปล่าปลายจมูกสวยยังฟังลงบนผิวแก้มหยาบแล้วสูดกลิ่นอย่างชื่นใจ หอมตรงนั้นทีตรงนี้ทีมือเล็กเริ่มสะเปะสะปะไปทั่วกายเขาไม่อยู่กับที
"ซะ... ซิน" น้ำเสียงทุ้มแห่งผ่าวบวกด้วยลมหายใจที่ติดขัด ราวกับว่าอีกคนนั้นก็หมดความอดทนเต็มทีข้อศอกแหลมชันขึ้นก้าวขาคร่อมลำตัวของคนที่นอนเบิกตากว้าง
"ที่เป็นแบบวันนี้... น่ารักมากรู้ไหม" พอสิ้นคำพูดคนที่อยู่ด้านบนก็ก้มลงซุกไซร้ใบหน้าสวยเข้าที่ลำคอยาวของอีกคนจากซ้ายไปขวาเวียนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้น
"เดี๋... อื้ม~" ครั้นคนด้านใต้จะเอ่ยพูดอะไรริมฝีปากเล็กก็จัดการประกบลงกลืนคำพูดของคนเบื้องล่างทันที เรียวลิ้นเล็กที่ลุกล้ำภายในสลับกับดูดดึงริมฝีปากอวบอิ่มของคนข้างใต้สร้างความปั่นป่วนในช่องท้องของคนถูกรุกไล่ได้อย่างยิ่ง คนด้านบนไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดยังคงต้อนเขาให้จนมุมจนกระทั่งเจ้าตัวเป็นฝ่ายยอมผละออกเพื่อสูดอากาศหายใจ
"เกิดจะมากุ๊กกิ๊กอะไรตอนนี้... มันไม่ถนัดนะ"
ดวงตาหยาดเยิ้มที่จ้องมองมาทำเขาแทบคลั่งแม้จะอยู่ท่ามกลางความมืดแต่ในสายตาของเขาภาพของอีกคนชัดเจนเหลือเกินสีหน้าแบบนี้คงไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยๆ ริมฝีปากบางสวยส่งยิ้มให้กันอย่างยั่วเย้าจนเขาต้องเป็นฝ่ายกดท้ายทอยอีกคนนั้นให้มารับสัมผัสต่อเสียเอง ช่างเป็นจูบที่เร่าร้อนพาลให้ร่างกายลุกเป็นไฟอยากจะหลอมละลายคนช่างยั่วให้อ่อนระทวย คนที่ยังอยู่ด้านล่างใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้รับความกระทบกระเทือนแทรกเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางพลางลูบไล้ผิวเรียบลื่นอย่างเพลินมือจนสะดุดเข้ากับบางอย่าง
"อืม~" เสียงร้องครางในลำคอดังขึ้นเมื่อเขาสัมผัสถูกจุดรวมความรู้สึกของอีกคน นิ้วด้านออกแรงบีบเค้นบริเวณนั้นจนคนที่ถูกปรนเปรอต้องถอนจูบออก แหงนหน้าหอบหายใจส่งเสียงหวานออกมา
"อ๊า~ อึก... อ๊า~" คนที่อยู่ด้านบนยิ่งรู้สึกก็ยิ่งกดย้ำร่างกายตนถูไถลงบนกายแกร่งเบื้องล่างมากขึ้น คนข้างใต้ละมือออกจากอกของอีกคนแล้วเกี่ยวรัดลำตัวบางพยายามจะพลิกตัวกลับให้ตนอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า ในตอนนี้ดูเหมือนว่าสภาพแขนของเขาจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป แต่คนผมยาวกลับไม่ยอมออกแรงยื้อตัวเองไว้ให้อยู่ตำแหน่งเดิม
"อย่าดื้อสิเด็กน้อย" เสียงหวานเอ่ยกระซิบข้างใบหูหนาแล้วจัดการปล้ำจูบอีกฝ่ายต่อไป เสียงของความเปียกชื้นที่น่าอายกับร่างของคนสองคนที่กอดรัดกันบนเตียงจนผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่หมอนผ้าห่มตกกระจัดกระจายเพราะมันแต่เมามันส์กับรสจูบคนทั้งสองจึงไม่ทันระวังร่างของคนทั้งคู่จึงหล่นลงจากเตียงพร้อมกับเสียงร้องที่ดังลั่นไปทั่วทั้งชั้น
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก"
.
..
...
"ดีแค่ไหนที่ไม่พิการ"
"ต้องให้เล่าไหมว่าใครเริ่ม"
"ยังจะปากดีนะนัท!"
อยู่ๆก็หาเรื่องให้ต้องกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง คนฝีปากคมทั้งสองต่างรับคมเขี้ยวของกันและกันขณะนั่งรอจ่ายยา
"ไปสิ! ถึงคิวแล้ว" น้ำเสียงใสปนดุกล่าวพร้อมทำหน้าพยักเพยิดให้คนกวนประสาทไปรับยา คนร่างสูงลุกขึ้นยืนพลางทำท่าเบะปากล้อเลียนคนที่นั่งอยู่ทำให้ได้รับแววตาคาดโทษที่ส่งกลับมา
.
"นัท! นิ่งๆได้ไหม คนมองแล้ว!" น้ำเสียงหวานใสเอ่ยอย่างหงุดหงิดก็ไอ้คนเจ็บเกิดจะมาปวดอะไรกันตอนนี้บอกให้อดทนกลับไปเข้าห้องน้ำที่หอก็บอกไม่ไหว เขาทั้งสองเลยต้องมาตกอยู่ในสภาพน่าอับอาย ถึงจะห้องน้ำชายก็เถอะแต่จากสายตาคนที่พบเห็นเขาก็คงคิดว่าผู้ชายสองคนจะมายืนจับยืนล้วงอะไรกันตรงนี้ ไอ้คนตัวสูงก็ไม่หยุดยุกยิกเลยโดนซัดเข้าให้ป๊าบใหญ่
"โอ้ย!"
"เสร็จยังเนี่ย!"
"เออ!"
"เบาๆสิ" พอขึ้นเสียงก็ได้ขนมตุ๊บตั๊บไปรับประทานอีกก้อนเบ้อเริ่ม คนผมยาวง่วนกับกาติดกระดุมรูดซิบให้อีกคน เปิดโอกาสให้ฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่นานลุกขึ้นมาต่อสู้ ฝ่ามือใหญ่ที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการทำภารกิจส่วนตัวบีบเข้าที่ดวงหน้างามเล่นเอาอีกฝ่ายตาโต
"อี๋! ไอ้เชรี่ยนัท! มือไม่ล้างมาจับหน้ากู! ไอ้ทุเรศ!"
"ฮ่าๆ" พอได้รับพรจากคนฝีปากคมมาชุดใหญ่เขาจึงต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจพร้อมกับกล่าวประโยคทิ้งท้ายให้คนฟังต้องเลือดสูบฉีดขึ้นใบหน้า
"เอาหน่า~ คุ้นเคยกับมันไว้ จากนี้คงได้พบเจอกันเป็นประจำ ฮ่าๆ"
-end of chapter8-
ความคิดเห็น