ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Singular Fiction] R∞M

    ลำดับตอนที่ #7 : [R∞M7] อดทนกับความเหงา

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 54


     สนทนา : ขอโทษค่ะสำหรับคนที่รออยู่ ตอนนี้ล่าช้าอย่างแรง แต่มาช้ายังดีกว่าไม่มาละเนอะ ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านทั้งที่เม้นต์และไม่ได้เม้นต์ ฮ่าๆ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ ^^

     

     

     

    "แมวแค่ตัวเดียวยังดูแลไม่ได้!" เสียงหวานใสเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราดและเอาแต่ใจกับคนเป็นแม่ที่กำลังถือสายอยู่ปลายทางอีกฝั่งหนึ่ง ไม่นานนักมือเรียวเล็กก็จัดการปาโทรศัพท์มือถือราคาหลายหมื่นบาทลงบนพื้นกระเบื้องแข็งอย่างไม่ใยดี คนร่างสูงที่ยืนเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่นานแล้วจำต้องรีบก้มตัวลงเก็บโทรศัพท์มือถือเครื่องใหญ่ราคาแพงขึ้นด้วยความเสียดายพลางพลิกไปมาเพื่อสังเกตหาร่องรอยหรือจุดที่เสียหายแต่โชคดีที่โทรศัพท์เจ้ากรรมตกลงบนพื้นพรมพอดิบพอดีจึงทำให้ไม่พบรอยขีดข่วนแต่อย่างใด คนร่างหนารีบรุดไปหาคนที่อารมณ์กำลังเดือดพล่านซึ่งยืนหันหลังให้กลับตนอยู่ไหลผอมบางนั้นสั่นไหวไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนตรงหน้าเขานั้นกำลังร้องไห้สาเหตุก็คงไม่พ้นเรื่องเดิมๆ ก็พักนี้ไอ้แมวดื้อมันติดเขาแจไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องผู้ปกครองท่านก็ทั้งคิดถึงทั้งเป็นห่วงบังคับให้กลับบ้านเท่าไรแต่เจ้าตัวก็ดื้อด้านไม่ยอมกลับพอลองถามถึงเหตุผลก็บอกแต่ว่า'ขี้เกียจ'

     

    "ซิน~" น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเรียกชื่ออีกคนมือหยาบทั้งสองข้างค่อยๆจับหันลำตัวบางให้พลิกกลับมาเผชิญหน้ากัน

    "ม๊าบอกว่าแสงดาวหาย ฮึก.. ไม่มากินข้าว2วันแล้ว ฮือ~" คนตัวเล็กที่ตอนนี้ยิ่งดููเล็กลงกว่าหลายเท่าว่าพลางปล่อยโฮออกมาชุดใหญ่ เห็นดังนั้นอีกคนไม่รอช้ารีบสวมอ้อมกอดแก่คนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นมือข้างหนึ่งโอบลำตัวบางๆนั่นไว้อีกข้างก็คอยลูบปลอบที่ศีรษะกลม

    "โอ๋~ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ชู่ว~"

    "ฮึก เรากลัวมันตาย ฮือ~"

    "พรุ่งนี้เรากลับบ้านกันนะ... กลับไปหาแสงดาวกัน" ยิ่งปลอบก็ดูเหมือนว่าอีกคนจะยิ่งปล่อยธารน้ำตาออกมามากขึ้น คนที่ซุกใบหน้าอยู่กับแผ่นอกแกร่งเอาแต่ส่ายหัวดุ๊กดิ๊กไปมาคนโอ๋เลยจนใจปล่อยให้คนขี้แยร้องไห้ให้พอใจกระทั่งหมดแรงจึงพาร่างนั้นเข้านอน

     

    "เออ... มึงช่วยกูที... ขอบใจมึงมาก แล้วเจอกัน อืม... บาย~" แสงแดดสว่างจ้าที่ส่องทะลุผ่านผ้าม่านสีครีมโปร่งแสงตกกระทบสู่เปลือกตาบวมฉึ่งที่ค่อยๆเปิดออกน้อยๆบวกกับน้ำเสียงของคนคุ้นเคยที่ตนนอนเบียดกายเพื่อขอแบ่งปันไออุ่นทำให้เขาฟื้นขึ้นจากนิทรา ร่างบางขยับตัวเล็กน้อยขับไล่อาการปวดเมื่อยเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงดิ้นเบาๆจากคนข้างกายคนที่ตอนนี้ดวงตาและร่างกายอ่อนล้าเนื่องจากมีเรื่องให้ต้องคิดหนักจนอดหลับอดนอนไปครึ่งค่อนคืนก็จูบซับที่หน้าผากของอีกคนพลางลูบไล้ที่หัวมนสวย

    "มอร์นิ่ง"

    "อือ~" คนขี้อ้อนยังคงนอนนิ่งฝังตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นเบียดลำตัวกับคนข้างกาย

    "ซิน... ซิน"

    "อือ~"

    "... นัท จะไม่อยู่หลายวัน"

    "..." ไม่มีเสียงตอบรับใดๆส่งกลับมาจากคนข้างกายกระทั่งเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ซึมผ่านเสื้อยืดตัวนิ่มค่อยๆขยายวงกว้างและแรงสั่นเทิ้มน้อยๆของคนที่ยังคงนอนแนบชิดกัน คนร่างหนาจึงพลิกตะแคงตัวหันหน้าเข้าหาคนน่าสงสารลำแขนแกร่งโอบประคองร่างเล็กทั้งร่างให้เข้าสู่อ้อมอกอุ่นวงแขนค่อยๆกระชับและรัดแน่นตอกย้ำให้อีกคนมั่นใจว่าเขาจะทิ้งไปไหนและไม่มีวันที่จะปล่อยมือจากคนตรงหน้านี้เด็ดขาด

    "...แปบเดียว ... แค่แปบเดียว นัทจะรีบกลับ อดทนนะคนดี" ริมฝีปากหนาจ่อชิดใบหูบางพร่ำบอกถ้อยคำแทนคำสัญญา เวลาที่คนบอบบางนี้ร้องไห้หัวใจของเขาราวกับถูกเสียดแทงด้วยของแหลมคมมันร้าวไปทั้งใจพาลให้ร่างกายแทบจะหมดเรี่ยวแรง ใจจริงเขาไม่อยากแม้แต่จะออกห่างจากอีกคนยิ่งในเวลาที่อ่อนแอเช่นนี้ช่างทำใจลำบากเหลือเกินที่จะต้องทิ้งอีกคนไปแม้ว่าจะชั่วครู่ชั่วยามก็ตาม หากเพราะเป็นธุระสำคัญเกี่ยวกับความเป็นความตายของญาติสนิทของเขาที่สร้างครอบครัวอยู่ต่างแดนมีเหตุให้ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยอาการสาหัสจำให้เขาและครอบครัวต้องรีบบินกระทันหันเพื่อให้ทันไปดูใจดีไม่ดีอาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่ได้บอกลากัน การจากลา...ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือตลอดกาลมักนำมาซึ่งความโศกเศร้าและอาวรณ์เสมอ

     

    .

     

    ..

     

    ...

     

    "ซิน... กินเยอะๆหน่อยสิ" น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นฉุดอีกคนให้หลุดพ้นจากห้วงภวังค์ เสียงนั้นเอ่ยอย่างนุ่มนวลคยั้นคะยอให้คนร่างกายผอมบางจัดการกับอาหารกลางวันตรงหน้าของตนให้หมด นี่ก็เข้าวันที่3แล้วที่เขาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ'จำเป็น' เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทตัวดีกับคนหน้าสวยตรงหน้าดำเนินไปถึงขั้นไหนหรือควรจะนิยามมันว่าอะไรแต่กับคนนี้ดูเหมือนว่าเพื่อนของเขาจะหวงและห่วงเสียเหลือเกิน จำได้ว่าเช้าตรู่วันหนึ่งจู่ๆไอ้เพื่อนตัวดีก็โทรปลุกเขาให้ตื่นจากความฝันแล้วเอาแต่พร่ำบอกว่ามีเรื่องสำคัญขอร้องอ้อนวอนเขาให้ช่วย พูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นจนเขาสร่างจากอาการเมาขี้ตา หลังจากคุยธุระกันรู้เรื่องเขาจึงรีบบึ่งรถไปยังสถานที่ที่คุ้นเคยเพื่อดูแลเทคแคร์คนผมยาวข้างห้องตามที่ไอ้เพื่อนคู่เวรคู่กรรมได้ฝากฝังไว้พร้อมแจกแจงหน้าที่ไว้ให้เสร็จสรรพ หาข้าวกลางวัน-เย็นให้กิน ช่วงนี้จะงองแงเป็นพิเศษให้พาไปหาอะไรทำหรือออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก ก่อนส่งเข้านอนจัดการล๊อคหน้าต่างประตูให้แน่นหนา แต่ถ้าได้โอกาสเมื่อไหร่ให้จับส่งผู้ปกครองที่บ้านเลย ฟังดูแปลกพิลึกเหมือนเลี้ยงอะไรสักตัว?

     

    "ไอ้นัทมันบ้ากามนะ กินน้อยงิจะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับมัน" คนที่มีใบหน้าคมเอ่ยอย่างหยอกเย้าเรียกรอยยิ้มจากริมฝีสวยนั้นได้

    "กินข้าวเสร็จอยากไปไหนรึป่าว?" เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากที่จัดการกับอาหารในจานของตนจนหมดเกลี้ยงพลางมองดูคนทำแก้มป่องที่เอาแต่อมอาหารไว้ในกระพุ้งแก้ม แต่แล้วราวกับคิดอะไรออกดวงตาที่แลดูปรือปรอยนั้นก็ฉายแววสุกประกายขึ้นมาทันทีใบหน้าหวานหันสะบัดมาทางเขากระทันหันเล่นเอาคนมาดเท่สะดุ้งตกใจเสียฟอร์มอยู่ไม่น้อย

     

    ...

     

    ..

     

    .

     

    "ขอโทษครับ... โทษฮะ" คนตัวสูงที่ยืนเกาะรั้วประตูอัลลอยด์บานใหญ่ตะโกนเรียกชายวัยกลางคนที่กำลังยุ่งอยู่กับการจัดแต่งพุ่มไม้ประดับต้นสวยที่วางเป็นระเบียบบริเวณพื้นที่กว้างหน้าบ้าน เสียงแว่วทำให้ชายผู้นั้นต้องหันหน้าตามไปยังแหล่งกำเนิดเสียงสายตาพลันสบเข้ากับเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ยืนเกาะประตูรั้วบ้านของเขาอยู่ ครั้นพอเดินเข้าไปใกล้จนเกือบติดขอบประตูเด็กหนุ่มคนนั้นจึงยกมือไหว้อย่างนอบน้อมใบหน้ายิ้มแหยก่อนจะเบี่ยงตัวให้พ้นจากบานประตูรถเปิดทางให้มองเห็นบุคคลที่นั่งปั้นหน้าตึงอยู่ข้างใน เห็นดังนั้นคนที่อยู่ภายในรั้วบ้านเป็นอันต้องรีบออกมายืนกอดอกทำหน้าเครียดอยู่ข้างๆรถยนต์คันงามสายตาจ้องเขม็งไปยังแขกผู้มาเยือนไม่วางตา

     

    .

     

    "แสงดาว~ แสงดาว~ เมี๊ยวๆ เมี๊ยวๆ" เสียงหวานเอ่ยเรียกหาทางสิ่งที่เป็นทั้งแมวและเพื่อนสนิทของเขาด้วยน้ำเสียงสั่นคลอ ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านขาเรียวยังไม่ได้หยุดพักคอยเดินไปตรงนู้นทีตรงนี้ทีแต่ก็ไร้วี่แววของเจ้าแสงดาว คนตัวสูงหลังจากที่โดนเจ้าของบ้านเรียกไปสอบสวนอยู่พักใหญ่ในที่สุดก็หลุดพ้นจากการตกเป็นผู้ต้องหาในคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวพรากลูกชาวบ้าน จากนั้นจึงพาตัวเองเดินตามคนที่หน้าตาอิดโรยขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้านจนมาถึงห้องขนาดกระทัดรัดสีขาวสะอาดตาซึ่งตัวเขาคาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของคนจอมเอาแต่ใจ คนที่เป็นเจ้าของห้องทิ้งตัวล้มลงนอนคว่ำหน้าบนเตียงนุ่มอย่างหมดแรง สายน้ำอุ่นพลางรินไหลจากดวงตาลงสู่พื้นเตียงนอนจนเปียกชื้น สักพักคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่ก็รับรู้ได้ถึงแรงอ่อนยวบบนฟูกนิ่มบริเวณข้างกายพร้อมกับฝ่ามืออุ่นของใครอีกคนสัมผัสลงบนศีรษะของเขาแล้วค่อยๆรูปไล้ไปมาราวกับต้องการจะปลอบประโลม ช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยพาลให้คิดถึงคนที่อยู่ไกลกันว่าแล้วน้ำตาก็ยิ่งพร่างพรูออกมา

    "เฮ่ย!" เสียงใหญ่ทุ้มร้องอุทานพร้อมด้วยสัมผัสที่เริ่มเปลี่ยนไปจากที่ลูบไล้ไปมากลับเริ่มรู้สึกเหมือนอีกคนกำลังใช้กำปั้นออกแรงคล้ายๆว่ากำลังไถศีรษะของเขา แต่เอ๊ะ! เสียงหายใจครืดๆนั้น

    "แสงดาว!" ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็พบเข้ากับร่างที่คุ้นตากำลังคลอเคลียและสนุกสนานกับการไล่ตะคุบผมสีเข้มของตน คนตัวเล็กรีบถดตัวลุกขึ้นนั่งวงแขนเรียวกวาดต้อนแมวตัวเปรียวเข้าสู่อ้อมกอดซึ่งมันเองก็แลดูชอบใจแลบลิ้นเล็กเลียแขนเจ้าของมันอย่างออดอ้อนนิ้วเรียวสวยเกาคอให้เจ้าเหมียวอย่างเอาใจจนสุดท้ายก็เคลิ้มหลับในอ้อมกอดอุ่นนั่น ร่างบางค่อยๆเขยิบตัวจนแผ่นหลังชิดหัวนอนแล้วจึงจัดตัวเองให้อยู่ในท่าที่สบาย ในระหว่างที่กำลังเพลินเพลิดอยู่กับการกล่อมเจ้าแสงดาวแต่แล้วก็รู้สึกได้ถึงวัตถุบางอย่างที่เคลื่อนเข้าใกล้ตัวพร้อมกับเสียงชัตเตอร์ที่ดังขึ้น

    "จะส่งไปให้พ่อมันดูน่ะ" ไม่มีคำต่อว่าใดๆจากคนถูกฉวยโอกาสกลับมีรอยยิ้มสวยที่ถูกส่งมาให้แทนคำตอบรับ ราวกับมีเวทมนต์ยิ้มสวยๆนั้นสะกดให้คนที่ได้รับต้องเคลิบเคลิ้มและหลุดยิ้มตาม

    "บาส ซิน กินข้าวลูก"

    "ฮะ/ฮะ" คนทั้งคู่ตะโกนขานรับแทบจะทันทีที่เสียงของหญิงสาวดังขึ้นอยู่บริเวณหน้าประตูห้อง คนที่เป็นเจ้าของห้องจึงค่อยๆประคองตัวให้ลุกขึ้นอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนตัวที่กำลังหลับสบายอยู่ในอ้อมอกแล้วจึงเป็นฝ่ายเดินนำแขกไปยังโต๊ะทานอาหารตัวใหญ่กลางบ้าน มือเล็กวางแมวตัวสวยลงกับพื้นแล้วเข้าประจำที่จากนั้นจึงหันไปฉุดคนที่ยืนเก้ๆกังๆให้นั่งลงยังเก้าอี้ว่างข้างกาย บรรยากาศแรกเริ่มระหว่างรับประทานอาหารนั้นอบอวลไปด้วยความอึดอัดทำเอาแขกผู้ร่วมโต๊ะอาหารกลืนข้าวแทบไม่ลง

    "ป๊า~ เลิกเก็กเถอะฮะ"

    "อ่าว คุณลูกนี่ หมดกัน~" เสียงหวานใสเอ่ยบอกกับคนเป็นพ่อที่ปกติแล้วนิสัยน่ารักแอ๊บแบ๊วเสียยิ่งกว่าตนพอมีคนมาบ้านเข้าหน่อย ไม่ใช่สิ! ต้องบอกว่า พอมีเพื่อนผู้ชายมาบ้านเข้าหน่อยไม่ได้ต้องทำขรึมตีหน้าโหดตลอด แต่ไม่นานนักหลังจากถูกคุณลูกที่รักขัดคอคุณพ่อจำต้องสลัดคราบคุณป๊าฟอร์มจัดทิ้งบรรยากาศในโต๊ะอาหารหลังจากนั้นจึงมีแต่เสียงหัวเราะและความครึกครื้นเฮฮาโดยเฉพาะตอนนี้แลดูว่าแขกจะเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับเจ้าของบ้านน่าดู จนเวลาล่วงเลยไปอย่างว่องไวท้องฟ้าเริ่มโพล้เพล้เหลือเพียงแสงสีส้มน้อยๆของดวงอาทิตย์

    "ซินไปแล้วนะฮะ"

    "โถ~ ไม่ค้างสักคืนหรอพ่อลูกชาย" เสียงทุ้มของชายวัยกลางคนดังขึ้นพลางใช้มือเกี่ยวหัวทุยของลูกชายจอมเอาแต่ใจเข้ามาสูดกลิ่นหอมฟอดใหญ่

    "ม๊าว่าที่แสงดาวมันไม่ยอมกลับบ้านเพราะมันน้อยใจแม่มันนี่แหละ"

    "ม๊าอ่าาา~" คนตัวเล็กเอ่ยน้ำเสียงน่าเอ็นดูแล้วเดินเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่

    "ไปๆ ขับรถมืดค่ำอันตราย"

    "ป๊า ม๊า หวัดดีฮะ"

    "ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ" ทั้งสองคนพากันเดินขึ้นรถยนต์คันหรูไปโดยมีทั้งพ่อและแม่ของคนร่างบางที่ยังคนยืนโบกมือส่งลูกชายสุดที่รักจนกระทั่งรถเคลื่อนลับตา

     

    .

     

    ..

     

    ...

     

    "โอเคขึ้นแล้วใช่ไหม?" เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นถึงสีหน้าที่แลดูสดชื่นของอีกคน

    "อื้ม~ ขอบใจ" น้ำเสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆที่ส่งไปให้ ดวงตาคู่กลมพลางจับจ้องไปยังบุคคลตรงหน้าไม่วางตา ครู่ใหญ่ที่ห้องทั้งห้องตกอยู่ภายใต้ความเงียบ สายตาที่ตั้งใจมองอย่างพิจารณาทำเอาคนถูกจ้องหน้าขึ้นสีไม่รู้ตัว

    "..."

    "เหมือนกันจังนะ"

    "หืม?"

    "บาสกับนัทน่ะ คล้ายๆกันเลย" คนร่างบางเอ่ยบอกอย่างอ้อมแอ้มในใจแอบเกรงว่าอีกคนจะรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของตน คนเราส่วนใหญ่ไม่ชอบการถูกเปรียบเทียบหรอกจริงไหม? จากที่เงียบไปพักหนึ่งจนทำเอาคนฉุดประเด็นใจเสียและแล้วคนหน้าตาหล่อเหลาก็ตอบกลับมาอย่างติดตลกทำเอาคนได้ยินต้องหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

    "อ๋อ~ ฮ่าๆ เนื้อคู่มั้ง"

    หึๆ ทั้งหน้าตา ท่าทาง คำพูด สรุป! มีอะไรบ้างไหมเนี่ยที่ไม่เหมือนกัน คนใบหน้าสวยเอ่ยอย่างยิ้มๆ

    ก็มีนะ คนใบหน้าคมบอกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเจ้าเล่ห์พลางค่อยๆเคลื่อนใบหน้าของตนเข้าใกล้คนที่บัดนี้นั่งด้วยความรู้สึกตะขิดตะขวงใจแต่ก็ทำใจกล้าไม่ลุกหนีไปไหนยังคงตั้งใจรอฟังคำตอบจากคนตรงหน้า กระทั่งริมฝีปากหนาที่เคลื่อนเข้ามาเกือบชิดใบหูบางจนสามารถรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ออกมาจากร่างกายของอีกคน

    ลีลาไง น้ำเสียงเซ็กซี่ชวนสยิวเอ่ยกระซิบบอกพอสิ้นคำตอบคนหน้าสวยได้ยินเพียงเสียงหัวใจของตนเองที่เต้นเร็วและรัวอย่างน่ากลัวส่งเสียงดังอึกทึกครึกโครมอยู่ภายข้างในจนตนเองยังแอบกลัวว่าคนกวนประสาทที่นั่งอยู่เบื้องหน้าจะรับรู้ได้ถึงอาการผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเขา

    ฮ่าๆ เราหมายถึง ลีลาการพูดน่ะ ไอ้นัทมันแรมต่ำพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง นี่อย่าบอกนะว่า… ” พูดยังไม่ทันจบประโยคก็โดนกำปั้นเล็กทุบเข้าให้อักใหญ่ที่กล้ามเนื้อแน่นตรงต้นแขนแต่ก็ไม่อาจทำให้คนร่างหนาสะดุ้งสะเทือนกลับยิ่งปล่อยเสียงหัวเราะออกมามากขึ้นเพราะรู้สึกได้ใจที่สามารถยั่วอารมณ์คนเอาแต่ใจได้ คนที่ถูกปั่นประสาทเป็นต้องพ่นลมหายใจออกมาเฮือกยาวด้วยความรู้สึกเพลียกับท่าทางเช่นเด็กชอบเอาชนะของคนตัวเขื่อง จากนั้นจึงเอ่ยขอตัวไปชำระล้างร่างกายเพื่อจะเข้านอนแต่ทันทีที่ลุกขึ้นฝ่ามือใหญ่เป็นอันรีบคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กพร้อมกับเอ่ยประโยคกับอีกคนด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังผิดกับเมื่อครู่

    ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าจะคิดว่าบาสเป็นใคร ไม่มีคำตอบรับใดๆจากคนที่ได้ยินมีเพียงรอยยิ้มบางเบาที่ประทับอยู่บนริมฝีปากสวย มือบางข้างที่ไม่ได้ถูกกอบกุมยกขึ้นสัมผัสบนฝ่ามืออุ่นที่ฉุดรั้งเขาไว้แล้วค่อยๆแกะออกอย่างไม่ให้คนหวังดีจะต้องเสียความรู้สึก จากนั้นจึงจัดแจงหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนเดินตรงลิ่วเข้าห้องน้ำไป ทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลงคนที่หัวใจสั่นคลอนต้องใช้บานประตูห้องน้ำต่างที่พิงเพื่อพยุงกายไม่ให้ทรุดลงไปกับพื้นเสียก่อน ดวงตากลมปิดลงพลางสะบัดหน้าขับไล่ความคิดและความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นน้อยๆในก้นบึ้งของจิตใจ จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อตัวเองเป็นพวกความรู้สึกไวและมักอ่อนไหวกับเรื่องพรรณนี้เสมอ จะต้องทำอย่างไรหัวใจจึงจะเข้มแข็งพอ เพราะความรู้สึกผิดต่ออีกคนจึงทำให้น้ำตาหยดน้อยพลอยร่วงไหลลง

     

    หลังจากจัดการกับธุระส่วนตัวของตนเองเสร็จเรียบร้อย เมื่อออกมาจากห้องน้ำคนร่างบางก็ไม่พบร่างสูงใหญ่ของอีกคนจึงทำให้คิดไปว่าคนๆนั้นอาจหนีกลับบ้านนอนไปแล้วก็เป็นได้เขาจึงตัดสินใจปิดไฟเข้านอน พักใหญ่กว่าที่ประตูบานเลื่อนตรงระเบียงจะเปิดออกอย่างแผ่วเบา เพราะมัวแต่รายงานความเป็นไปของคนตัวเล็กให้แก่เพื่อนสนิทที่อุตส่าห์โทรทางไกลข้ามประเทศเพื่อถามไถ่ข่าวคราวของคนที่ฝากฝังไว้จนเพลินครั้นพอวางสายก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าไฟในห้องนั้นดับลงเสียแล้ว ภายใต้ความมืดมิดมีเพียงแสงสลัวสีนวลจากไฟดวงเล็กบนหัวเตียงที่ส่องให้เห็นเรือนร่างงามของคนที่ตกอยู่ในห้วงนิทรา คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่นั้นสาวเท้าเดินเข้าใกล้เตียงนอนเพื่อสำรวจว่าอีกคนนั้นหลับสนิทแต่ภาพตรงหน้าที่งดงามดั่งผลงานศิลปะของศิลปินฝีมือดีที่ปรากฏทำให้เขาต้องทรุดตัวลงจ้องมองใบหน้าสวยนั้นอย่างหลงไหลเมื่อรู้ตัวอีกทีตนเองก็ได้ถือวิสาสะขึ้นไปนอนเคียงข้างร่างบางนั้นแล้วเปลือกตานั้นหนักอึ้งกระทั่งปิดลงในที่สุด ดวงตากลมสวยค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆใบหน้าคมของอีกคนอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ ยามเมื่อจ้องมองคนๆนี้ภาพของใครอีกคนที่คิดถึงมักจะซ้อนทับขึ้นมาจนบางทีก็ลืมตัวและอาจเผลอใจแต่ก็ด้วยเพราะคิดว่าเป็นใครอีกคน ร่างบางเลือกที่จะเพิกเฉยต่อความรู้สึกนี้ปลายนิ้วเรียวไล้ไปตามสันกรามคมของคนที่ดวงตาปิดสนิทริมฝีบางสวยได้รูปเอื้อนเอ่ยถ้อยคำออกมาแล้วจึงกลับเข้าสู่ห้วงนิทราดังเดิม

    บาส

     

    .

     

    เสียงที่ดังกระทบกันของจานและช้อนส้อมสร้างความรำคาญและหงุดหงิดใจให้กับคนที่กำลังหลับสบายอยู่บนเตียงหลังกว้าง ร่างบนฟูกนอนนั้นพลิกตัวกลับไปกลับมานิ้วเท้าคีบหยิบเอาผ้านวมผืนหนาที่ขยุ้มอยู่บริเวณปลายเตียงให้แผ่ขึ้นคลุมโปง คนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่สายตาเฝ้ามองท่าทางตลกของอีกคนเป็นอันต้องหลุดเสียงหัวเราะออกมา คนที่พยายามข่มตาให้หลับลงหลังจากที่สมองประมวลเหตุการณ์อยู่นานเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองได้ก้าวล้ำเขตแดนของการปฏิบัติหน้าที่ไปมากจึงรีบเด้งตัวขึ้นจากที่นอนดวงตาเปิดโพลง

     

    ฮ่าๆ

    เอ่อออ

    กินข้าว แปลกที่ไม่มีแม้แต่คำต่อว่าหรือท่าทีที่แสดงถึงความไม่พอใจใดๆจากคนเจ้าอารมณ์มิหนำซ้ำยังกล่าวคำเชิญด้วยสีหน้าที่ดูร่าเริงแจ่มใสกว่าที่เคยๆ ร่างหนาที่นั่งทำหน้าตาเหรอหราส่งยิ้มตาหยีให้กับคนที่เป็นเจ้าของห้องก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน พอดีกับคนที่เพิ่งรับประทานอาหารเสร็จนั้นรวบเก็บถ้วยชามจัดการทำความสะอาดกับคราบและเศษอาหารที่เปรอะเปื้อนบนโต๊ะ จากนั้นจึงเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเย็นเฉียบกระดกลงคอพร้อมกับได้ยินเสียงแว่วของประตูที่ถูกปิดลง ร่างเล็กๆยืนค้างอยู่กับที่ในอิริยาบถเดิมเมื่อรู้สึกได้ถึงวงแขนแกร่งของใครบางคนที่เอื้อมโอบล้อมลำตัวบางของเขาพลางออกแรงรวบให้แผ่นหลังเล็กเข้าชิดกับแผ่นอกแกร่ง ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง ตอนนี้เขาได้ยินแต่เสียงของลมหายใจของคนด้านหลังที่เป่ารดใบหูพลอยให้ขนลุกชันไปทั้งร่างกับเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นไม่เป็นส่ำดังก้องอยู่ภายในทรวงอกเลือดสูบฉีดขึ้นใบหน้าจนตัวเองยังรู้ได้ถึงไอร้อนที่ระอุออกมา แขนยาวข้างหนึ่งผละออกจากลำตัวของเขามือจับรวบเข้าที่กลุ่มผมยาวสลวยให้ย้ายไปอยู่รวมกันบนบ่าข้างหนึ่งเผยให้เห็นลำคอยาว ริมฝีปากอุ่นค่อยๆประทับรอยจูบลงผิวขาวเนียนแล้วค่อยๆไล่จูบลงมายังกระดูกไหปลาร้าสวยที่โผล่พ้นคอเสื้อ คนที่ตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดยืนตัวแข็งทื่อดวงตาปิดลงแน่นลมหายใจเริ่มติดขัดด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขารู้สึกหมดเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านสัมผัสนี้แต่ลึกๆในใจกลับรู้ดีว่าเขาเองที่ไม่คิดจะต่อต้านสัมผัสนี้ สัมผัสที่คุ้นเคยราวกับเป็นของใครอีกคน

    ‘ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าจะคิดว่าบาสเป็นใคร’ อยู่ดีๆน้ำเสียงทุ้มกับประโยคที่เคยผ่านหูก็ดังขึ้นในความคิดทำให้เสียงใสๆหลุดเรียกชื่อของใครคนหนึ่งออกไป

    นัท

    คิดถึงกันไหม?” แทบไม่เชื่อหูตัวเองเสียงของคนที่เขาเพิ่งเอ่ยเรียกชื่ออกไปเมื่อครู่ดังขึ้น ดวงตากลมเบิกโพลงมือปล่อยทิ้งขวดน้ำที่ถืออยู่แล้วจึงรีบหันใบหน้ากลับหลังเพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าของเสียงนั้นมีตัวตนใช่ว่าเพราะความห่วงหาเลยพาลให้หูแว่วได้ยินผิดเพี้ยนไปเอง แล้วก็เป็นดั่งใจคิดคนที่เขาเฝ้าคิดถึงกลับมาแล้วคนตัวเล็กโผเข้ากอดคนที่มาใหม่อย่างสุดตัวด้วยความดีใจใบหน้าเปื้อนยิ้มแววตาที่เปร่งประกายแห่งความสุขถูกส่งออกมาให้บุคคลที่สามที่กำลังยังยืนเฝ้ามองคนทั้งสองอยู่รับรู้ได้ถึงสิ่งที่เรียกว่าความรัก เขาเผยยิ้มน้อยๆด้วยความยินดีกับคนทั้งคู่ สิ้นสุดแล้วสินะหน้าที่ของเขาแม้ว่าใจจริงจะรู้สึกเสียดาย แต่จะช้าจะเร็ววันนี้ย่อมมาถึงเขารู้ดี คนที่รู้สึกว่าตัวเองแลดูจะเป็นส่วนเกินค่อยๆหันหลังเดินออกจากประตูไปเงียบๆ เขาเลือกที่จะหยุดความรู้สึกทุกอย่างไว้ที่นี่และจะหอบกลับไปเพียงภาพและความทรงจำดีๆที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับอีกคน

     

    -end of chapter7-  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×