คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [R∞M6] ฉันร้องไห้เป็นหมื่นครั้งเพื่อมาเจอเธอ
สนทนา : มาปัดฝุ่นเปิดห้องแล้วฮ๊าฟ... ช่วงนี้เหตุการณ์ทุกอย่างกำลังกลับสู่ภาวะปกติ น้ำลด-แห้ง โรงเรียนและมหาวิทยาลัยเปิดเทอม สำหรับแฟนคลับซิงกูลาร์ก็มีเรื่องให้ฟิน-เฟลกันไปเป็นกระษัย อย่าไปคิดอะไรมากเลยค่ะ โลกก็เป็นอย่างที่มันควรเป็นเราเองก็ต้องหมุนตามโลก เอาเป็นว่าก็เป็นกำลังใจให้กับทุกฝ่ายรวมไปถึงคนอ่านทุกท่าน สู้ๆนะคะ ^^v
ป.ล. เหมือนเดิมจ้าตัวละครแค่ไปยืมชื่อเขามาให้คนอ่านพอมโนรูปร่างหน้าตาของมันได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงของใครใดๆทั้งสิ้น ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะแล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นจ้า ^^
บทสนทนาระหว่างชายหนุ่มหน้าตาดีทั้งสองถ้าพิจารณามองดูแล้วคนทั้งคู่ออกจะคล้ายกันในบางมุม เกิดขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังดื่มเฉลิมฉลองส่งท้ายให้แก่การสอบมิดเทอมวิชาสุดท้ายที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้
“แม่ม~ มีหวังเทอมนี้กูได้แมวมาเลี้ยง”
“ฮ่าๆ เอาน่า~ กูก็คงไม่แคล้ว
.. แต่แมว
ก็น่ารักดี” อีกคนเอ่ยอย่างให้กำลังใจเพื่อนตัวดีพร้อมยกยิ้มที่มุมปากขึ้นน้อยๆกับถ้อยคำของตนที่แฝงด้วยความหมายโดยนัยและคงจะมีแต่เขาเท่านั้นที่เข้าใจความหมายนี้เพียงผู้เดียว
“มึงมันซุ่ม!”
“ฮ่าๆ”
“เออ! ตกลงมึงว่าไง เรื่องทะเล?”
“เอ่อออ~ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูบีบีไปบอก ยังไม่ได้ตัดสินใจ”
“มึงยังไม่ได้ตัดสินใจหรือยังไม่ได้ขอใคร? ‘เดี๋ยว’ ของมึงกูว่ากูคงมีชีวิตอยู่รอไม่ไหว”
“มึงก็เยอะไป
”
“
มึงเอาซินไปด้วยก็หมดเรื่อง” บาสเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิทของเขาที่นั่งตีหน้าเครียดคิ้วชนกันอย่างคนกำลังครุ่นคิด
..
.
เช้านี้อากาศแจ่มใสไร้วี่แววของฟ้าฝนแสงแดดจ้าส่องผ่านกระจกหน้าต่างของรถสีดำคันงามที่แม้จะติดฟิล์มมืดทึบแต่ก็ไม่อาจต้านทานความสว่างและร้อนแรงของแดดยามเช้าได้ คนสองคนที่แต่งกายคล้ายกันในชุดลำลองเสื้อยืดใส่สบายกับกางเกงยีนส์เข้ารูปพอดีตัวบนใบหน้าของคนทั้งสองประดับตกแต่งด้วยแว่นตากันแดดอันใหญ่มีสไตล์ทำให้ทั้งคู่ดูดีมากขึ้นเลยทีเดียว บรรยากาศบนรถช่างเงียบสงบปราศจากบทสนทนาของคนทั้งคู่มีเพียงเสียงเพลงที่ถูกเปิดโดยคลื่นวิทยุชื่อดังทำนั้นที่ทำลายความเงียบและบรรยากาศมาครุเหล่านั้นลง
“เป็นอะไร? ดูทำหน้าดิ่ ฮ่าๆ” ว่าแล้วนิ้วยาวก็หนีบเข้าที่สันจมูกโด่งของอีกคน คนที่เป็นผ่ายถูกรังแกก็ได้แต่ฟาดงวงฟาดงาในอากาศเรียกเสียงหัวเราะจากคนขี้แกล้งที่นั่งอยู่บริเวณฝั่งคนขับได้อย่างสะใจ แต่แล้วมือบางก็จับเข้าที่ข้อมือหนาบีบแน่นและจิกเล็บยาวลงบนเนื้อของอีกคนทำเอาคนที่เจ็บแปล๊บต้องปล่อยมือออกโดยทันที
“เจ็บนะ!
ซิน~” บรรยากาศเริ่มอบอวลด้วยความตรึงเครียดร่างบางเขยิบตัวออกห่างจากอีกคนเข้าชิดประตูของฝั่งข้างคนขับที่ตนนั่งอยู่ เห็นดังนั้นคนหล่อจำต้องสงบจิตสงบใจเอ่ยเรียกชื่อของอีกคนอย่างใจเย็นหวังให้คนขี้งอนที่นั่งหันหน้าออกหน้าต่างหันกลับมาพูดคุยทำความเข้าใจกัน
“ทำไมต้องบังคับให้มาด้วย?” เสียงหวานใสเอ่ยน้ำเสียงเรียบสายตายังคงจับจ้องไปยังวิวทิวทัศภายนอก
“นัทแค่อยากให้ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ได้ตั้งใจจะบังคับ งั้น
เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวนัทโทรบอกพวกมันก่อน” คนที่นั่งหน้าหงอยคอตกเอ่ยอย่างอ่อนใจกับความดื้อดึงและเอาแต่ใจของคนข้างๆ มือหนาเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือของตนที่วางไว้บริเวณพื้นที่ว่างตรงกลางระหว่างที่นั่งของเขาทั้งคู่ขึ้นมาแล้วจัดการค้นหาหมายเลขเพื่อนรักของตนจากนั้นจึงกดโทรออก คนหน้าสวยรู้ดีว่าอีกคนเหนื่อยหน่ายมากเพียงไรกับการต้องคอยเอาใจและทนรับสภาพอารมณ์ที่ขึ้น-ลงของตนใครเลยจะคิดว่าคนที่ใจแข็งทื่อไม่สนใจหรือแคร์อะไรเท่าไรกับสรรพสิ่งรอบกายอย่างนัทท้ายที่สุดก็ยอมอ่อนลงให้กับตนทุกครั้งไป
คิดได้ดังนั้นมือเรียวเล็กจึงตัดสินใจคว้าโทรศัพท์ออกจากฝ่ามือใหญ่แล้วกดตัดสายทิ้ง
“ไม่เป็นไร
หวังว่าจะได้ไปสนุกด้วยกัน” คนตัวเล็กเอ่ยปลอบคนที่นั่งหงอตัวหดเหลือไม่กี่สิบเซนพร้อมด้วยรอยยิ้มบางบนบนริมฝีปากสวยและดวงตากลมที่ส่งไปให้ คนตัวใหญ่ตอบรับยิ้มน้อยๆนั้นด้วยการทาบฝ่ามือหนาลงบนศีรษะกลมแล้วลูบไล้เบาจับปอยผมที่ถูกลมจากเครื่องปรับอากาศเป่าเสียจนยุ่งเหยิงทัดเข้าที่ใบหูบ้างข้างหนึ่ง
“อยู่กับนัทซินจะปลอดภัย ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น
นะ” คำพูดและแววตามั่นคงไม่สั่นคลอนตอกย้ำความมั่นใจให้แก่อีกฝ่ายราวกับมีเสียงกระซิบเบาดังขึ้นในห้วงความคิด สิ้นสุดเสียทีการเดินทาง เขาไม่ต้องเหนื่อยตามหาที่พักพิงอีกต่อไป ในเมื่อที่ที่เขามีอยู่นี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยและมั่นคงไม่ว่ากับร่างกายหรือจิตใจก็ตาม หลายครั้งที่ภาพความรักครั้งเก่าปรากฏซ้อนขึ้น ยอมรับว่ามีบ้างที่คิดถึง เขาก็ตระหนักดีว่าอะไรที่เสียไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้ จะมัวมาเสียเวลาอาลัยอาวรณ์อยู่ทำไม สร้างใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ เสียงเคาะที่ดังขึ้นทำให้คนทั้งสองรีบผละออกจากกัน นิ้วมือด้านเลื่อนกดปุ่มเปิดกระจกหน้าต่างอัตโนมัติลง
“พร้อมยังมึง?” คนร่างสูงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีปรากฏตัวขึ้นทางด้านข้างของประตูรถเอ่ยถามตัวเขาด้วยถ้อยคำที่สนิทสนมจากนั้นจึงมองข้ามเข้าไปในตัวรถส่งยิ้มทักทายและพยักหน้าให้กับคนที่นั่งอยู่เบาะด้านข้างคนขับซึ่งก็ยิ้มตอบเพื่อนรักของเขาอย่างมีไมตรี
“นานแล้ว
มึงนำเลย”
“เออ~ ตามกูให้ทันนะมึง!”
“อ่อน!” เพื่อนรักทั้งสองพูดจากันด้วยความสนิทสนมทำเอาคนที่ได้ยินบทสนทนายียวนแกมน่ารักนั้นเหล่านั้นเป็นต้องหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
.
หลังจากเดินทางกันมาเกือบครึ่งค่อนวันในที่สุดพวกเขาก็มาถึงยังจุดหมายปลายทาง ภาพของท้องฟ้าสีสดประดับประดาด้วยหมู่เมฆสีขาวสะอาดดูกลมกลืนกับน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ไล่ระดับเข้มขึ้นเรื่อยๆจากบริเวณน้ำตื้นไปสู่น้ำลึกกว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่รู้ว่าต้องเดินทางอีกมากมายเท่าไรจึงจะพบจุดที่บรรจบกันระหว่างแผ่นน้ำกับขอบฟ้า คนสองคนที่ยืนเคียงกันทอดมองออกไปยังทิวทัศเบื้องหน้าเคลิบเคลิ้มกับสายลมร้อนที่พัดผ่านและบรรยากาศแสนอบอุ่น นิ้วเรียวเล็กค่อยๆเกี่ยวเข้ากับนิ้วมือด้านของอีกคนแล้วก็เป็นฝ่ามือใหญ่นั่นเองที่เปลี่ยนมากอบกุมมืออุ่นนั้นไว้ ทันใดนั้นเสียงแหลมกังวาลของหญิงสาวก็ร้องดังขึ้น
“ขอโทษค่ะ! ช่วยเก็บหมวกให้หน่อยค่ะ!” หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มรูปร่างดีเอ่ยตะโกนบอกกับคนสองคนที่ยืนอยู่ไกลออกไปพร้อมกับหมวกของเจ้าตัวที่ปลิวไปทางนั้น มือเล็กหยิบคว้าหมวกสานใบงามที่ล่องลอยไปกับสายลมไว้ได้ จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนั้นและยื่นมันให้กับเธอ ทำให้คนที่ยืนนิ่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ต้องเดินตามคนตัวเล็กนั้นไป
“ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้แก่คนตรงหน้าทั้งสอง
“อ้าวแด๊ต! พี่กับเพื่อนเราตามหาตั้งนาน มาอยู่นี่เอง
อ้าว! เจอกันแล้วหรอ?” เสียงทุ้มของเพื่อนตัวดีดังขึ้นพร้อมกับร่างของเจ้าของมัน เมื่อคนที่มาใหม่เห็นว่ารุ่นน้องคนสนิทยืนอยู่กับคนสองคนที่มีฐานะเป็นเพื่อนร่วมทริปด้วยกันเลยทำให้ต้องเอ่ยขึ้น
“คะ?” หญิงสาวตอบรับน้ำเสียงสูงด้วยความสงสัย
“อ่อ~ นี่นัทแล้วก็ซินเพื่อนพี่เอง
ส่วนนี่น้องดาต้ารุ่นน้องที่เราที่มอ เราชวนน้องเขากับเพื่อนๆมาสนุกด้วยกัน รู้จักกันไว้นะลงเรือลำเดียวกันแล้ว”
“อ่อ~ เมื่อกี้บนเรือน้องนั่งตรงไหนอ่ะ? พี่ไม่เห็นเห็นเลย ฮ่าๆ” แล้วก็เป็นชายหนุ่มน่าตาหล่อเหลาอัธยาศัยดีอีกคนหนึ่งที่เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีเรียกเสียงหัวเราะและความประทับใจได้จากจากสาวน้อยคนนี้
“ตลกนะมึง!
ไป~ ไปเก็บข้าวของเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วลงมานั่งเล่นกัน อ้อ! กูจัดการห้องพักให้แล้วมึงไปบอกชื่อกูที่ฟร้อนได้เลย”
“เออๆ เจอกันมึง” ว่าจบร่างสูงและคนตัวบางต่างช่วยกันขนข้าวสัมภาระลงจากรถและมุ่งหน้าตรงไปยังที่พัก ทิ้งไว้เพียงหนุ่มสาวสองคนที่มองตามคนทั้งคู่ไปอย่างไม่คลาดสายตา
“ผู้ชาย?” สาวสวยหุ่นดีราวกับนางแบบเอ่ยถามรุ่นพี่คนสนิทของตนด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงถึงความประหลาดใจ
“อืม
” ชายหนุ่มนั้นเพียงตอบรับในลำคอสายตายังคงจับจ้องไปยังคนทั้งสองที่เพิ่งหายลับเข้าโรงแรมไป
,
ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาคนตัวใหญ่ก็ปล่อยทิ้งข้าวของทุกอย่างในมือลงกับพื้นจากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงนอนแผ่หลาอย่างคนหมดแรง
“แค่นี้ทำเหนื่อย” เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นอย่างประชดประชันคนตัวเขื่องที่นอนกินพื้นที่บนเตียงกว้างแล้วตามไปนั่งลงยังปลายเตียงจัดแจงเอาเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ออกจากกระเป๋าเดินทางแล้วจัดวางให้เข้าที่เข้าทาง
“แหม่~ คุณครับ คุณเล่นถือแค่กระเป๋าสะพายสองใบ ส่วนผมแบกทั้งน้ำทั้งขนมทั้งกระเป๋าเดินทาง เห็นใจกันหน่อยสิครับ” คนที่นอนหมดแรงเอ่ยน้ำเสียงกระแทกด้วยอารมณ์ แต่แล้วก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อคนร่างบางย้ายตัวมานั่งข้างๆมือนิ่มๆนั้นบีบนวดให้กับแขนข้างหนึ่งของเขาแต่ใบหน้ายังคงบึ้งตึงพร้อมเบะปากน้อยๆทำเอาอีกคนรู้สึกชอบใจและเอ็นดูกับท่าทางน่ารักและแสนดื้อของคนตรงหน้า ที่เหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง หลังจากที่นอนให้อีกคนบีบนวดอย่างสบายอารมณ์สมองพลันคิดอะไรบางอย่างได้จึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทะเล้นเล่นเอาอีกคนต้องรีบเด้งออกจากเตียงนอนแล้วถอยห่างจากอีกคนด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัย
“สบายแล้วไงเตียงเดียวด้วย ฮ่าๆ” หลังจากสิ้นคำพูดคนที่นอนอมยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ก็ระเบิดหัวเราะตู้มใหญ่ออกมา คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความคิดของคนที่ชอบฉวยโอกาสจากตัวเขา
“บอกมาคืนนี้ อยากได้กี่ครั้ง ล๊าลาลา~”
“ทะลึ่ง!” ว่าพลางปาผ้าขนหนูผืนใหญ่สีขาวสะอาดใส่หน้าคนกวนประสาทที่กำลังนอนพล่ามสบายใจเฉิบอยู่
“ไรวะ! คนเขาร้องเพลง~ นี่หวังอะไรอยู่เหรอ? ฮ่าๆ”
“อย่ามาๆ เสียงอุบาทที่สุด!” คนที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาจัดข้าวของอยู่เอ่ยออกมาน้ำเสียงจริงจังแต่ก็หลุดยิ้มออกมาน้อยๆและไม่รู้ตัวเลยว่าสีหน้าของตนนั้นแดงอย่างกับลูกตำลึงอีกทั้งลามไปถึงใบหูและลำคอ
“ฮ่าๆ”
..
.
ตกเย็นสมาชิกผู้ร่วมเดินทางในทริปนี้ทุกคนพากันมานั่งกินลมชมบรรยากาศบริเวณชายหาดด้านหน้าที่ติดอยู่กับโรงแรมที่พักต่างเพลิดเพลินไปกับบทสนทนาที่ออกรสออกชาติดื่มด่ำแอลกอฮอล์และสนุกสนานครื้นเครงกับบทเพลงที่คนในวงช่วยกันขับร้องบรรเลงขึ้นจนกระทั่งเวลาล่วงเลยเข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกากำลังจะบรรจบลงที่เลขสอง นิ้วเล็กสะกิดเบาๆลงบนต้นขาของคนที่หน้าเริ่มขึ้นสีดวงตาหยาดเยิ้มด้วยฤทธิ์ของเครื่องดื่มดีกรีสูงที่นั่งเบียดอยู่ข้างกายตน
“ง่วง~” คนร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างเด็กช่างอ้อนทำเอาอีกคนต้องยิ้มออกมาฝ่ามือใหญ่รวบกอบกุมมือเรียวเล็กนั้นไว้ก่อนหันไปบอกขอตัวกับสมาชิกร่วมวงสนทนาทุกคน
“เดี๋ยวมา~ กูต้องพาน้องไปเข้านอน” ประโยคที่เอ่ยออกมาทำให้ทุกคนในวงหัวเราะชอบใจเรียกเสียงเฮฮาและเสียงกรี๊ดเกรี้ยวกร้าวจากไอ้พวกเพื่อนตัวแสบของเขาได้เป็นอย่างดี
“ซินจ๊ะ ให้เราไปนอนเป็นเพื่อนไหมจ๊ะ ที่ห้องแอร์เย็นมากเลยนะ เคยได้ยินไหม
หนาวเนื้อห่มเนื้อจึงหายหนาว ฮิ้ววว~” แสตมป์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่มเชิงหยอกเย้าคนหน้าสวย ซึ่งไอ้เพื่อนหน้าแป๊ะยิ้มของเขาคนนี้พร้อมกับเพื่อนร่างยักษ์หน้าโหดแต่นิสัยแอ๊บแบ๊วของมันตามพวกเขามาสมทบในภายหลัง
“ลามปามมึง! ซินน่ะรุ่นพี่พวกมึง!” คนที่ยืนกุมมือเล็กนั้นอยู่เป็นอันต้องตีหน้าโหดพูดดักคอไอ้เพื่อนตาตี่ตัวดีที่หวังตีท้ายครัวเขาด้วยความหมั่นไส้
“ถ้าซินรุ่นพี่
ไอ้แตมป์ก็รุ่นพ่องแล้วล่ะ! มึงไม่เคยได้ยินชื่อเกาหลีของมันหรอ?”กอล์ฟเพื่อนสนิทตัวกลมของแสตมป์เอ่ยขัดขึ้น
“อะไร?” บาสเอ่ยถามด้วยความสงสัยพร้อมด้วยสาวๆที่นั่งตาใสตั้งอกตั้งใจรอฟังคำตอบ
“ซิ่ว บ่อย จัง มึง” คำตอบสามารถเรียกเสียงหัวเราะฮาพรืดได้จากทุกคน
“ถุย! บ้านมึง! ชื่อเกาหลีเขามีแค่ 3 พยางค์” แสตมป์เอ่ยขึ้นพร้อมกับตวัดมือลงบนศีรษะหลิ่มของคนเล่นมุกฉาดใหญ่
“โอ๊ย!
ก็ชื่อกลางไงมึง!” ไม่ทันได้ฟังคำแถของไอ้เพื่อนตัวยักษ์ คนผมสั้นก็เดินจูงนำคนผมยาวเดินเข้าโรงแรงไป
.
หลังจากที่คนร่างบางจัดการอาบน้ำอาบท่าทำธุระส่วนตัวของตนเองเสร็จแล้ว เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็พบเข้ากับร่างของคนขี้เมาและขี้เซานอนหลับแอ้งแม้งอยู่บนเตียง
“นัท~ อย่าเนียน ไปอาบน้ำ” ว่าพลางฉุดทั้งแขนดึงทั้งขาให้คนขี้เกียจทำเป็นนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวให้ลุกขึ้นมา หลังฉุดยื้อกันอยู่นานคนร่างเล็กเริ่มหมดเรี่ยวแรงจึงจำเป็นต้องงัดมาตรการเด็ดขาดมาประกาศใช้
“ในเมื่อพูดกันไม่เข้าใจ เรา
” ยังไม่ทันได้จบประโยคร่างหนาก็รีบเด้งตัวขึ้นจากที่นอนเมื่อได้ยินถ้อยคำที่เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นยะเยือกเล่นเอาเขาหนาวตัวแข็งหัวหดหน้าหดเพราะรังศีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากคนตรงหน้า เห็นเช่นนั้นคนตัวเล็กจึงยิ้มออกมาอย่างคนมีชัยคนตัวโตไม่ได้โต้ตอบ ไม่สิ! ไม่กล้าโต้ตอบอะไรเพียงทำท่าทางเบะปากน้อยๆอย่างล้อเลียนคนตรงหน้าแล้วรีบคว้าผ้าขนหนูกับชุดนอนเดินเข้าห้องน้ำไป สักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังง่วนอยู่กับการสางผมยาวของตัวเองนั้นต้องหยุดชะงักลงแล้วเดินไปเปิดประตูต้อนรับแขก ร่างของสาวสวยผิวดีสมาชิกร่วมวงสนทนาที่เขาเพิ่งจะขอปลีกตัวมาสักครู่ใหญ่นั้นปรากฏขึ้นตรงหน้า
“พี่นัทล่ะคะ?
พี่เขาลืมบีบีไว้ ดาต้าเลยเอามาคืน” สาวน้อยว่าพลางมองชะโงกหน้าเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ
“อาบน้ำน่ะ เข้ามาก่อนไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฝากด้วยนะคะ” เมื่อไม่พบร่างของคนที่ตนถามหาสาวเจ้าจึงฝากโทรศัพท์มือถือเครื่องใหญ่นี้ไว้กับคนตรงหน้าให้เป็นธุระช่วยนำไปคืนเจ้าของของมันพอพูดจบขาเรียวยาวก็เดินทอดน่องกลับห้องของตนไป ไม่ทันที่มือเล็กได้วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่ส่งข้อความมาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นแสตมป์เพื่อนสนิทจอมเจ้าเล่ห์ของคนร่างหนานั้นเอง คนตัวเล็กจึงถือวิสาสะกดอ่านดูข้อความเผื่อว่าคนที่ส่งมาจะมีเรื่องรีบร้อนแต่แล้วก็พบเข้ากับรูปภาพของสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มพร้อมกับข้อความที่อีกคนส่งมา
‘เด็ดป่ะล่ะ’
‘กูรู้ว่าแนวมึง’
‘ขาวจั๊วะน่าเจิ๊ยะ555’
‘ไม่ต้องห่วง ซินกูรับผิดชอบเอง555’
‘อ่าว! เงียบเลยมึง’
เขาตีความหมายของรูปภาพและข้อความที่ถูกส่งมาไปในความหมายต่างๆนานาได้แต่คิดเองสรุปความเอาเองไปโดยลำพัง ไม่รู้ว่าด้วยความรู้สึกใด โกรธ อิจฉา ผิดหวัง กังวลหรือไม่ว่าอะไรก็ตามมือเรียวเล็กขว้างโทรศัพท์มือถือของอีกคนลงบนที่นอนแล้วยืนสงบสติอารมณ์สักครู่ก่อนที่จะล้มลงบนเตียงมุดตัวเข้าใต้ผ่าห่มผืนหนาพยายามข่มตาให้หลับลง คนร่างสูงที่เดินออกจากห้องน้ำเมื่อเห็นว่าอีกคนเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วจึงค่อยๆทรุดตัวลงนั่งที่ด้านข้างแล้วโน้มตัวหมายจะจูบราตรีสวัสดิ์ส่งอีกคนเข้านอนแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเล็ดลอดมาจากคนที่หันข้างนอนตะแคง
“ซิน~ เป็นอะไร?” คนตัวใหญ่เอ่ยกระซิบข้างใบหูของคนที่ยังคงนอนหลับตานิ่งทั้งที่น้ำตายังคงไหลรินลงมาเป็นทางยาว ร่างเล็กไม่ตอบคำถามใดๆเพียงลืมตาโพลงกระเถิบตัวออกห่างจากอีกคนและรีบลุกขึ้นเดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำ แต่ต่อให้เดินเร็วแค่ไหนก็ไม่สามารถพ้นจากรัศมีคนมือยาวได้
“เป็นอะไร!”
“ปล่อยเรา!”
“ไม่บอกแล้วนัทจะรู้ไหม!”
“
”
“นัทมันควาย ไม่เข้าใจอะไรง่ายๆแบบซินหรอก!” คนที่เคยใจเย็นเริ่มหมดความอดทนตะโกนใส่อีกคนด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว เช่นเดียวกับอีกคนที่เส้นความอดทนขาดผึงพลั้งมือตบลงบนซีกใบหน้าคม คนที่ไม่ทันตั้งตัวจึงพลาดล้มลงกับที่นอนเป็นโอกาสให้คนที่อารมณ์เดือดพล่านก้าวขึ้นนั่งคร่อมบนคนตัวใหญ่และทุบตีคนที่อยู่ข้างใต้อย่างไม่หยุดมือ คนที่เหนือกว่าด้วยกำลังนั้นไม่คิดแม้แต่จะตอบโต้ใดๆแม้จะไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนตรงหน้าก็ตามแต่เขาก็ไม่มีวันที่จะทำให้คนที่ร่างกายและจิตใจบอบบางนั้นต้องกระทบกระเทือนหรือเจ็บตัว หลังจากที่กลั้นสะอื้นอยู่นานในที่สุดธารน้ำตามากมายมหาศาลก็พรั่งพรู่ออกมาคนที่อยู่ด้านบนร้องไห้โฮอย่างน่าสงสารปานจะขาดใจ ทันใดนั้นร่างทั้งร่างก็โถมเข้าใส่คนเบื้องล่างกลีบปากบางดูดดึงเข้าที่ริมฝีปากหนาดวงตากลมโตนั้นหลับพริ้มแต่สายน้ำตายังคงไหลยาวเป็นทาง ลิ้นเล็กแตะเลียบนริมฝีปากของอีกคนที่เปิดปากน้อยๆเพื่อสูดอากาศหายใจลิ้นร้อนพลันค่อยๆสอดเข้าข้างในเกาะเกี่ยวรัดพันกับลิ้นหนา คนตัวเล็กที่อยู่ด้านบนมอบจูบที่โรมรันและร้อนแรงพยายามรุกไล่ให้อีกคนจนมุม แต่แล้วก็เป็นตนเองที่กำลังจะหมดลมหายใจจำให้ต้องตัดสินใจผละริมฝีปากออกมาอย่างเสียดาย คนที่เป็นฝ่ายถูกปล้ำจูบในตอนแรกพอเห็นว่าอีกคนกำลังจะถอนจูบออกฝ่ามือใหญ่จึงรีบคว้ากดท้ายทอยของอีกคนไว้และจูบเน้นหนักลงบนริมฝีปากสวยเป็นเชิงบอกลา
“ฮึก..เจ็บมากไหม ซินขอโทษ” มือนุ่มลูบไล้ลงบนใบหน้าคมที่ตนพลั้งเผลอทำร้ายไปพลางจับสำรวจไปยังบริเวณต่างๆ ลำคอ หัวไหล่ แขนยาว หาร่องรอยอาการบาดเจ็บที่ตนเป็นผู้กระทำ
“ซินขอโทษ ฮึก ฮึก
ซินขอโทษนะนัท ซินขอโทษ” ใบหน้ามนซบลงกับอกกว้างน้ำตาเอ่อทะลักออกมาพลางกล่าวคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมา
“ไม่เป็นไร
ไม่เป็นไรซิน” ฝ่ามือหนาสัมผัสบางเบาบนศีรษะของอีกคนอย่างต้องการจะปลอบประโลม
“ผู้หญิง ฮึก.. คนนั้น
ฮือ~ อย่าทำ อย่าทำให้ซินต้องเสียใจ อย่าทำให้ซินต้องร้องไห้ ซินจะไม่ทน
ฮือ~” ถ้อยคำแต่ละคำนั้นถูกเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบากเนื่องจากก้อนสะอื้นที่คอยขัดขึ้นในลำคอ เขาคิดเพียงว่าตนเองกำลังจะเสียที่พักพิงที่สุดท้ายนี้ไปสมองก็เลยไม่ทันคิดเอ่ยกล่าวแต่ถ้อยคำน่าอายและเห็นแก่ตัวเหล่านั้นออกมา อีกคนได้แต่เงี่ยหูฟังประโยคเหล่านั้นอย่างตั้งใจเพียงเท่านี้เขาก็พอจะเข้าใจอะไรอะไรได้บ้างแล้ว
“นัทสัญ..”
“อย่าสัญญา เราไม่เคยเชื่อในคำสัญญา
มันไม่มีจริง!” ยังไม่ทันที่อีกคนจะพูดจบประโยคดีเสียงใสปนสะอื้นก็พูดสวนขึ้นทำให้คนที่ถูกขัดต้องกลืนถ้อยความเหล่านั้นลงคอ
“เชื่อใจ
แค่เชื่อใจกันก็พอ” ไม่มีคำตอบรับใดๆจากคนที่ยังคงนอนซบเขาอยู่ด้านบนแขนเรียวเล็กสอดเข้าที่ทายทอยของอีกคนพลางกอดกระชับให้แน่นเท่าใจคนที่นอนอยู่ด้านใต้เพียงขยับตนเองพร้อมด้วยอีกคนให้เข้าที่เข้าทางอยู่ในท่านอนที่สบายขึ้น ท่อนแขนใหญ่เกาะเกี่ยวเอวเล็กคอดไว้พลางสลับลูบไล้ไปมาบนแผ่นหลังเล็กจนกระทั้งเสียงอื้นเริ่มเบาจนกระทั่งเงียบสนิทแทนที่ด้วยลมหายใจพ่นเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
“ก็เป็นเอาซะแบบนี้ แล้วจะไปไหนรอดกันเล่า~”
..
.
“พี่นัทล่ะคะ?” เสียงเล็กแหลมของหญิงสาวในชุดลำลองเสื้อตาข่ายสีสันสดใสกับกางเกงยีนส์ขาสั้นกุดสุดเซ็กซี่เอ่ยถามรุ่นพี่คนสนิทของตนที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดวางสัมภาระบนรถเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่แพลนไว้ที่ต่อไป
“อ่อ~ ไอ้นัทมันบีบีมาบอกว่าจะไม่ไปกับเราแล้ว มันจะเช็คเอ้าท์ออกตอนบ่าย แล้วตีรถกลับกรุงเทพเลย”
“อ่าว! ทำไมวะ?” เพื่อนคู่หูคู่ฮาแสตมป์กอล์ฟเอ่ยถามด้วยความสงสัยแทบจะในเวลาเดียวกัน
“ไม่รู้ดิ
เห็นแม่มบอกเมื่อคืนซินเล่นเอาแทบไม่ได้นอน” บาสเอ่ยตอบคำถามไอ้เพื่อนตัวแสบแบบขอไปที ไม่ช่วยยังมีหน้ามาก่อกวนซักนู่นไซ้นี่ ทำให้เขาต้องเหนื่อยกายกับการขนย้ายกระเป๋าเดินทาง อีกทั้งเหนื่อยใจกับไอ้เพื่อนรักที่นอนกกอยู่กับอีกคนบนห้อง
“อื้อหือออออออออออออ~”
“แรวง!!!”
คำตอบส่งๆอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนักของคนหน้าตาหล่อเหลาหารู้ไม่ว่าคำพูดเหล่านั้นของตนเล่นทำเอาคนได้ฟังเป็นต้องอ้าปากค้างเอ่ยอุทานทีเล่นทีจริงด้วยความตื่นตกใจจะมีก็เพียงสาวเจ้าเท่านั้นที่แม้ริมฝีปากจะยิ้มสวยออกมาแต่แววตาที่ปรากฏนั้นกลับดูขึงขังจริงจังไม่ได้อย่างริมฝีปากงามนั้นเลย
-end of chapter6-
ความคิดเห็น