คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [R∞M5] คุณเก็บความลับได้ไหม?
สนทนา : สำหรับใครที่รออยู่มาเปิดห้องที่5แล้วจ้ะ คนอ่านอาจคิดว่าทำไมมันรักกันเร็วจังวะ? ฮ่าๆ นั่นสิ๊ >< fiction นะจ๊ะfiction อ่านเอาสนุกละกันนะ อาจไม่ค่อยสมเหตุสมผล หาสาระไม่ได้ เพลิดเพลินกันไปในโลกของจินตนาการที่หาไม่ได้ในความเป็นจริงแล้วกันนะคะ :) ขอบคุณคนอ่านทุกท่านค่ะ และขอบคุณมากๆสำหรับคอมเม้น มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเราคุยเรื่องเดียวกัน เข้าใจ และสนุกสนาน แล้วเจอกันเร็วๆนี้ค่ะ ^^
เสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีถูกปล่อยออกมาจากคนสองคนที่นั่งแนบชิดกันบนเตียงเดี่ยวหลังกว้าง บทสนทนาต่างๆถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยอย่างสนุกสนานในขณะที่คนทั้งคู่กำลังรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลนัดสำคัญ แต่แล้วเสียงร้องเตือนของโทรศัพท์มือถือที่บ่งบอกเจ้านายของมันว่ามีข้อความเข้าก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ฝ่ามือหนาหยิบเจ้าโทรศัพท์เครื่องใหญ่ราคาแพงนั้นขึ้นมาและกดอ่านข้อความที่ใครบางคนส่งถึงเขา
‘มึงอยู่ไหน? ไปแดกเบียร์ดูบอลกัน’
‘อยู่หอ ไม่ค่อยสะดวกว่ะ โทดที’
‘อืม’
บทสนทนาจบลงเพียงสั้นๆ คนที่ส่งข้อความหาเขาไม่ใช่ใครก็ไอ้บาสเพื่อนรักสุดสวาทของเขานั่นเอง ไม่ทันที่เจ้าโทรศัพท์เครื่องยักษ์ถูกวางลงบนพื้นเตียงข้างกายเจ้าของมันเสียงข้อความก็ดังขึ้นอีกครั้งทำให้มือใหญ่ต้องหยิบมันขึ้นมาดูอีกที
‘เดี๋ยวนี้มึงเป็นอะไร’
‘ยังไง?’
‘มึงมีอะไรทำไมไม่บอกกู’
‘???’
‘ยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ไหม?’
‘เดี๋ยว กูไม่เข้าใจ’
‘กูต่างหากที่ไม่เข้าใจ’
‘มึงใจเย็น’
‘ช่างมันเหอะ’
สิ้นสุดบทสนทนาใบหน้าหล่อเหลายับยุ่งเนื่องจากบทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างตนเองกับเพื่อนตัวดี เขาไม่สามารถตีความหรือทำความเข้าใจกับถ้อยความที่เพื่อนบอกผ่านตัวอักษรได้ ไม่รอช้าจึงรีบกดโทรออกไปยังหมายเลขที่คุ้นเคยแต่ก็มีเพียงเสียงรอสายที่ดังอย่างต่อเนื่องไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากคนถือสายปลายทางกระทั่งถอดใจและตัดสินใจวางสายลง
.
“ใคร?” เสียงหวานใสเอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นถึงสีหน้าผิดปกติของคนหน้าตาหล่อเหลาที่นั่งแนบชิดอยู่ข้างกายตน
“ไอ้บาส”
“ทำไม?”
“ที่ไหน! เมื่อไหร่! เพื่ออะไร! ด้วยรึป่าวล่ะ?” คนกวนประสาทเอ่ยอย่างประชดชันคนหน้าสวยที่พยายามจะซักไซ้ถามเอาเรื่องเอาราวจากเขา
“กวนตีน! กลับห้องไปเลยไป!”
“ฮ่าๆ โอ๋ๆ ล้อเล่นน่ะเหมียว~” เมื่อได้ยินเสียงใสแสบแก้วหูตวาดกลับมาเช่นนั้นทำเอาอีกคนรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก มือเล็กๆพยายามผลักใสตัวเขาออกให้พ้นจากเตียงนอนแต่ก็ไม่อาจต้านทานเรี่ยวแรงมากมายได้จึงจำต้องปล่อยให้คนกวนประสาทนั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ต่อไป คนมือไวใจไวไม่รอช้ารีบวาดวงแขนออกกว้างคว้าเข้าที่เอวเล็กคอดให้กระเถิบมาชิดตัว ร่างบอบบางเพียงแสดงท่าทีขัดขืนออกมาเล็กน้อยพอเป็นพิธีเพื่อไม่ให้คนตัวใหญ่รู้สึกได้ใจจนเกินไป มือหยาบอีกข้างจับเข้าที่คางเรียวมนพลางออกแรงน้อยๆหันหน้าของอีกคนให้มาสบตา
“รู้หรอกว่าห่วง” คำพูดและแววตาจริงจังที่ส่งกลับไปให้คนที่นั่งตีหน้าบึ้งตึงอยู่บ่งบอกว่าเขาสามารถสัมผัสและรับรู้ความหวังดีจากอีกคนได้ด้วยใจ คนที่มีใบหน้าคมยกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก จากนั้นจึงจู่โจมเข้าฟัดที่แก้มใสซ้ายทีขวาทีทำเอาคนถูกฉวยโอกาสได้แต่ดิ้นขลุกขลักโวยวายเนื่องจากตกใจที่รับมือกับไอ้ตัวอันตรายได้ไม่ทัน
“น่ารว๊ากอ้ะ~ฮ่าๆ” คนเจ้าเล่ห์ยังคงรวบกอดอีกคนด้วยวงแขนที่รัดแน่นขึ้นพร้อมกับเอ่ยล้อเลียนให้อีกคนได้รู้สึกขัดใจ แต่แล้วคนที่ทำเก่งปั้นหน้านิ่งก็อดทนเก็กขรึมต่อไปอีกไม่ไหวสุดท้ายจึงหลุดหัวเราะชุดใหญ่ออกมา
เวลาล่วงเลยมาเกือบสามเดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์กระทบกระเทือนคนที่ร่างกายและจิตใจบอบบางนี้ ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเห็นใจหรือจะอะไรก็ตามมันทำให้เขาไม่สามารถละสายตาและอยู่ห่างจากคนที่น่าสงสารนี้ได้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พื้นที่ว่างตรงกลางระหว่างเขาทั้งสองคนนับวันยิ่งน้อยลงจนถึงตอนนี้อาจไม่มีที่พอสำหรับอะไรหรือใครมาแทรกกลาง
..
.
หลังจากหมดคาบเรียนสุดท้ายคนร่างสูงก็รีบพาตัวเองมานั่งยังโต๊ะประจำบริเวณโถงกลางของอาคารเรียนสายตาคมพลางกวาดมองไปทั่วบริเวณเพื่อหวังจะพบร่างของบุคคลที่คุ้นเคยหลังจากที่เฝ้ารอมาทั้งวัน ก็วันนี้ไอ้เพื่อนสนิทตัวดีของเขาไม่ยอมเข้าเรียนไม่รู้ว่าเพราะป่วย ติดธุระหรืออันที่จริงมันต้องการที่จะหลบหน้าหลบตาเขากันแน่ไม่ว่าจะบีบี ส่งข้อความหรือโทรหาไอ้คนปลายทางก็ทำเล่นตัวไม่ยอมรับสาย... พักหลังมานี้เขาค่อนข้างที่จะห่างกับบาส ยอมรับว่าตัวเองมีส่วนผิดที่มัวแต่เอาชีวิตของตนไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของคนบอบบางจนบางทีเวลาที่เคยมีให้กับเพื่อนรักมันน้อยเกินพอดี ไม่ใช่ว่าไม่สนใจละเลยในวันเรียนพวกเขาทั้งสองยังคงเข้าเรียนพร้อมกัน หาข้าวกลางวันกินด้วยกันดังปกติแต่ก็มีบ้างที่พอเลิกเรียนจะต้องรีบปลีกตัวเอาใบหน้าและหัวใจหล่อๆไปให้คนที่แสนดื้อดึงพอใจส่วนเวลาที่จะปันไปเมาเหล้าเมายากับเพื่อนรักบอกได้เลยว่าไม่น้อยแต่... ไม่มี!
"เหม่ออะไร?"
"เฮ้ย!ตกใจหมด"
"เหล่สาวอยู่หรอ?"
"เหอะ ผู้ชาย... อะไรเล่า~ พูดจากระทบกระเทือนจิตใจไม่ได้เล๊ย ทำหน้าตาสะเทือนอารมณ์ตลอด"
ในขณะที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยทันใดนั้นคนร่างบางที่เขามีนัดด้วยก็โผล่ขึ้นที่เบื้องหน้าเล่นเอาเหวอ เสียงหวานใสนั้นเอ่ยทักทายกันด้วยถ้อยความประชดประชันพอเขาตอบกลับแบบกวนประสาทให้เข้าหน่อยไอ้หน้าสวยๆก็ชักสีหน้าบอกบุญไม่รับขึ้นมาทันที
"เหมียววว~ ไปยังอ่ะ หิวจะแย่ กินแมวได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย ฮ่าๆ" คนจอมเจ้าเล่ห์ว่าพลางเอื้อมมือหยาบของตนเกาคางให้อีกคนอย่างออดอ้อนเอาใจ แต่ฝ่ามือเล็กนั้นก็ตะปบเข้าให้ที่หน้าผากของคนขี้แกล้ง ใบหน้าสวยยังคงรักษาระดับความบึ้งตึงไว้ได้เป็นอย่างดี ว่าแล้วคนเอาแต่ใจสะบัดหน้าเดินเชิ่ดตรงลิ่วไปยังที่จอดรถทำเอาคนตัวใหญ่ที่ยังคงเจ็บๆคันๆบนใบหน้ารีบตามไปแทบไม่ทัน
.
..
...
"เออ~ ... เฮ้ยๆ แปบๆ แค่นี้ก่อนนะมึง" ทันใดที่สายตาคมปะทะเข้ากับร่างของคนสองคนที่เขารู้สึกคุ้นตาริมฝีปากหนาจึงเอ่ยตัดบทสนทนาและรีบกดวางสายลงทันที
'ไอ้นัท!' เขาเอ่ยสบถกับตัวเองในใจเมื่อพบว่าบุคคลที่พบเห็นนั้นไม่ใช่ใครก็ไอ้เพื่อนรักของเขานั่นเองแล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อคนที่เดินเคียงคู่กับไอ้เพื่อนตัวดีคือหนุ่มหน้าสวยที่เขาเคยเจอที่ผับเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ยังคงพบเจอเป็นระยะๆแถมเวลาที่เจอกันนั้นเป็นอันต้องมีไอ้เพื่อนใจหล่อพ่วงอยู่ข้างกายทุกที ถามมันแล้วก็ว่าไม่มีอะไรเขาจึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้เพียงลำพังโดยไม่คิดจะถากถางอีกคนให้ผิดใจกัน เขาเดินสะกดรอยตามคนทั้งสองที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังส่วนที่เป็นลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า ภาพคนสองคนที่เดินหยอกล้อกันด้วยท่าทีอย่างคนสนิทสนมตกอยู่ในสายตา ดูเหมือนว่าจะเป็นเพื่อนของเขาที่รุกอีกคนอย่างหนักเดี๋ยวจับมือเดี๋ยวโอบเอวเกาะแกะกับร่างบางๆไม่หยุดหย่อน อย่างที่โบราณท่านว่าไว้ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น... ชัดเจน ฟ้องด้วยภาพ!
.
หลังจากจัดแจงอาบน้ำอาบท่าจัดการกับธุระส่วนตัวเป็นอันเสร็จสิ้นยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้ล้มตัวลงนอนทันใดนั้นเสียงเคาะประตูโครมใหญ่ก็ดังขึ้นทำเอาเขารู้สึกหัวเสีย ใครกันทำตัวไร้มารยาทเคาะห้องคนอื่นเสียงดังในเวลากลางค่ำกลางคืน
"ไอ้เชี่ยบาส! เป็นห่าอะไรของมึงเนี่ย!" เขาเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดทันทีที่เปิดประตูมาพบกับร่างสะบักสะบอมของเพื่อนสนิทพลางเดินไปประคับประคองคนที่ไร้สติสัมปะชัญญะให้เข้ามาในห้องของตน
"มึงคิดจะปิดกูไปถึงเมื่อไร!"
"ใครให้มึงแดกจนเมาเป็นหมาแบบนี้กันวะ!"
"ไอ้เชี่ย! ผู้หญิงมีเยอะกว่าปั๊ม! ทำไมมึงไปเอาผู้ชาย!"
"... กูว่ามึงพูดไม่รู้เรื่องละ ไว้มึงสร่างค่อยคุยกัน" คนมีสติพยายามข่มใจควบคุมอารมณ์ของตนให้ลงต่ำเขาพอจะเข้าใจความหมายที่เพื่อนคนนี้บอกอยู่หรอก จริงๆแล้วเขาไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังเพียงแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหนหรือควรอธิบายอย่างไรให้คนรอบกายยอมเข้าใจและยินดีรับฟัง
"กูขอ... มึงเลิกเหอะ"
"กูไม่มีเหตุผลที่ต้องเลิกกับเขา"
"ก็มันเป็นผู้ชาย! เหตุผลเพราะมันเป็นผู้ชาย! แค่นี้พอยัง!" หลังจากที่สามารถเรียกสติของตนกลับมาได้เพียงชั่วครู่คนที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของแอลกอฮอล์ก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป มือใหญ่กำหมัดแน่นและประเคนเข้าให้ที่ซีกหน้าของเพื่อนสนิทผู้เป็นเจ้าของห้องอย่างแรงซึ่งไม่ทันตั้งตัวเซไถลล้มลงไปนอนกองกับพื้น
"ถ้ามึงเป็นกู... มึงจะเข้าใจ"
"มึงคิดอะไร! ฮะไอ้นัท! นี่มึงรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไร! เรื่องของมึงมันเป็นไปไม่ได้!"
"แล้วที่มึงเห็นที่ห้าง..วันนี้ล่ะ?"
"แบบนี้... ยังไง..สักวันมึงต้องเสียใจ"
"วันนี้กูพอใจ"
"... มึงแน่ใจแล้ว? ... คนนี้?"
"วันนี้กูแน่ใจ"
ไม่มีถ้อยคำหรือประโยคใดๆตอบกลับจากคนที่มาเยือนหากมีเพียงลมหายใจหนักๆที่พรั่งพรูยาวออกมา ห้องทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบจนสามารถรู้สึกได้ถึงมวลอากาศที่ลอยคว้างอยู่รอบตัว หลังจากใช้ความคิดและเหตุผลทบทวนเรื่องราวของอีกคนอยู่พักใหญ่ไม่นานนักคนอารมณ์ร้อนก็สามารถควบคุมอารมณ์ของตนให้กลับมาเป็นปกติได้ดังเดิม
"เฮ้อ~ ... ก็มันเรื่องของมึงนี่"
"ขอบคุณที่เข้าใจเรื่องของกู"
"... แต่กูว่าไม่ถูกนะ คือ... เออ~ เหมือนจะถูก คือใช่... แต่..."
"นี่... มึงไม่ได้กำลังหึงกูอยู่ใช่ไหม?"
"เชี่ย~ พ่อง!"
และแล้วเสียงหัวเราะฃก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างอดกลั้นจากเพื่อนรักทั้งสองที่เป็นอันเข้าใจกัน ปมปัญหาถูกคลี่คลายแฟ้มคดีสามารถปิดได้อย่างสวยงาม
"แล้วนั่นมึงจะไปไหน?"
"กลับบ้านนอนดิ"
“กูว่ามึ..."
"กูสร่างแล้ว ไม่ต้องห่วง สบาย... ไปล่ะ"
ว่าจบคนที่ร่างกายกลับสู่สภาวะปกติเกือบสมบูรณ์ก็พาตัวเองเดินตรงดิ่งไปยังประตู แต่ไม่ทันที่จะก้าวพ้นจากบานประตูห้องร่างสมส่วนนั้นก็หันกลับมาเอ่ยบอกกับคนเป็นเพื่อน
"กูขอโทษ"
"อืม~" เขาตอบรับอีกคนในลำคอเบาๆพลางส่งยิ้มๆน้อยให้เพื่อยืนยันในคำตอบว่าเขาไม่เป็นไรหรือไม่คิดติดใจอะไรทั้งสิ้นเห็นดังนั้นคนที่รู้สึกผิดเต็มอกจึงค่อยสบายใจเดินจากไปพร้อมกับโบกมือร่ำลา หลังประตูห้องถูกปิดลงยังไม่ถึงนาทีและแล้วเสียงเคาะเบาๆที่ประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งพาให้คนที่เป็นเจ้าของห้องต้องรีบเดินไปเปิด ครั้นพอประตูถูกเปิดออกร่างของแขกผู้มาเยือนคนใหม่ที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาเจ้าตัวนั้นมึนงง
"อ่าว~ ไม่นอนอีก"
"ข้างห้องเสียงดังโวยวาย เราเลยนอนไม่หลับน่ะ"
" ขอโทษ~" คนตัวเล็กที่มาใหม่พูดจาเหน็บแนมสะกิดใจให้อีกคนต้องรู้สึกผิดน้อยๆ
"ฮ่าๆ ล้อเล่นน่ะ... นี่~ทะเลาะกัน ... เพราะเรา?" หลังเอื้อนเอ่ยถ้อยคำจบคนที่ร่างกายผอมบางก็ค่อยๆเดินสาวเท้าเข้าไปใกล้คนตัวโตดวงตาคู่สวยสังเกตเห็นถึงร่องรอยฟกฟ้ำบริเวณมุมปากของอีกคนมือเรียวยาวจึงเอื้อมขึ้นสัมผัสเบาๆตรงบริเวณรอยแผลนั้นเป็นเชิงปลอบประโลม
"ไม่เป็นไร..." น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยอย่างแผ่วเบาพร้อมด้วยสายตาคมและรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งกลับไปให้ดั่งมนต์สะกดทำเอาอีกคนยืนค้างนิ่ง ดวงตาคู่กลมสวยค่อยๆเบี่ยงสายตาจ้องมองไปยังริมฝีปากสีสดซึ่งกำลังเอื้อนเอ่ยประโยคเป็นอันต้องวูบไหวพลางกลืนก้อนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ
"รู้ตัวว่าเราหล่อ แต่ห้ามใจหน่อย ฮ่าๆ" ทันทีที่สามารถจับอาการผิดปกตินิ่งผิดสังเกตของคนที่แสนดื้อดึงตรงหน้านี้ได้ร่างสูงจึงเอ่ยขึ้นอย่างเย้าแหย่ยั่วอารมณ์โกรธให้อีกคน
"ถุย!" คนที่ถูกจับได้สบถถ้อยคำทำทีเป็นอารมณ์เสียกลบเกลื่อนพร้อมทั้งสะบัดหน้าให้ดวงตาใสกลมอยู่พ้นจากวิถีของอีกคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
"ร้อนเลยๆ คิดกับเค้าไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย ฮ่าๆ ... คิดไปถึงตอนมีลูกแล้วม๊าง~ฮ่าๆ" คนยียวนยังคงพูดเล่นแซวคนที่ตอนนี้หน้าแดงหูแดงไปหมดอย่างไม่หยุดหย่อนแต่ดูเหมือนว่าคำพูดประโยคสุดท้ายจะสะกิดเข้ากับหัวใจที่บอบบางของคนคิดเยอะ ร่างตรงหน้าพลิกตัวหันแผ่นหลังให้คนตัวเล็กไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวหรือกล่าวพูดถ้อยคำใดๆราวกับคนที่ถูกผลักให้จมดิ่งสู่ห้วงความคิด แต่แล้วสติก็ถูกฉุดกลับคืนมาเมื่อร่างกายรู้สึกได้ถึงวงแขนแกร่งของคนที่เพิ่งนึกได้ว่าเผลอหลุดถ้อยคำแทงใจคนตัวเล็กไปที่อ้อมมาข้างหน้าโอบล้อมลำตัวบางจนสามารถรับรู้ได้ถึงไออุ่นน้อยๆจากแผ่นอกของอีกคนผ่านเนื้อผ้าชั้นดี
"ซิน~"
"..."
"ที่บอกว่ามีลูก..." คนตัวใหญ่กระซิบบอกอีกคนอย่างประนีประนอมด้วยน้ำเสียงชวนหลงใหลจนคนที่เป็นผู้ฟังนั้นตกสู่ห้วงภวังค์อีกครั้งริมฝีปากอุ่นจ่อชิดใบหูบางกระทั่งสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวของใบหูนั้น
"..."
"เราหมายถึงวิธีที่เขาทำให้มีลูกกันต่างหาก..." ว่าจบคนเจ้าเล่ห์ก็จูบสัมผัสที่ลำคอยาวระหงษ์ของอีกคน คนที่ถูกโอบล้อมด้วยอ้อมกอดนั้นได้แต่ดิ้นขลุกขลักไปมาด้วยความเขินอาย คนร่างหนายังคงฉวยโอกาสละเลียดไล่ฝังรอยจูบบนผิวขาวใสนั้นจนเกิดรอยแดง กับคนตรงหน้านี้เท่าไหร่ก็ไม่สาแก่ใจกระทั่งเสียงหวานครางเครือของอีกคนนั้นเล็ดลอดออกมาคนที่เป็นฝ่ายได้เปรียบจึงผละริมฝีปากของตนออกและคลายอ้อมกอดให้อีกคนได้พ้นเป็นอิสระ
"เราไปนอนแล้ว!" เสียงหวานใสเอ่ยอย่างดุๆแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่อารมณ์กำลังทะยานสูงรู้สึกกลัวสักนิด
"ฮ่าๆ เดี๋ยวๆ" ว่าพลางเอื้อมมือฉุดรั้งท่อนแขนกลมกลึงของอีกคนเอาไว้
"อะไร!" คนที่ชักเริ่มหงุดหงิดตวาดอีกคนกลับอย่างแมวขู่ นิ้วมือหนายกขึ้นถูเบาๆตรงรอยแดงจางที่โผล่พ้นคอเสื้อบริเวณลำคอและลาดไหล่ของอีกคนพลางจัดแต่งผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่ การกระทำทั้งหมดสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่สวย เขาเองไม่ได้คิดจะให้ใครมาแทนที่ใคร จนถึงตอนนี้ยอมรับว่าตัวเองยังคงลืมความสัมพันธ์ครั้งเก่าไม่ได้ กำแพงสูงที่ตัวเขาก่อขึ้นมาเพื่อใช้ปิดกลั้นใครๆ ผู้ชายคนนี้ไม่คิดทลายกำแพงของเขาลงเพียงแต่ค่อยๆหาวิธีสร้างประตูขึ้นมาเพื่อเปิดรับความสัมพันธ์
"ฝันดี ซิน~"
คนตัวเล็กเขย่งเท้าสุดความสูงริมฝีปากอวบอิ่มจูบประทับบางเบาลงบนรอยแผลที่มุมปากของคนร่างสูงในเวลาเพียงชั่วพริบตาแล้วรีบผละออกให้อีกคนรู้สึกใจหาย
"ฝันดี~"
ขาเรียวเล็กพาร่างของเจ้าของมันเดินออกจากห้องของอีกคนไปและทันทีที่ประตูปิดลงเสียงตะโกนไล่หลังของคนน่าไม่อายที่โหวกเหวกโวยวายอยู่ในห้องเป็นอันต้องทำให้ริมฝีปากบางสวยลอบยิ้มและหลุดหัวเราะออกมา
.
.
.
"อยากมีลูกเว้ย! โบร๊ววววววววววววว~"
-end of chapter5-
"Yesterday's the past, tomorrow's the future, but today is a gift. That's why it's called the present"
Kerri Afford
ความคิดเห็น