คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [R∞M3] ไม่คิดไม่ฝัน
ยามฟ้าสางพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบเมฆเพื่อเริ่มปฏิบัติหน้าที่ของวันใหม่ ชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนสามารถแบกร่างกายอันโรยราของตนกลับมาถึงหอพักได้ในที่สุด หลังจากก่อเรื่องราววุ่นวายให้แก่คนหน้าสวยไปเมื่อคืน พอแยกย้ายกันที่ว่าจะกลับหอในตอนแรกแต่ด้วยอารมณ์คึกที่ยังคงครุกรุ่นอยู่เพราะได้ปั่นประสาทคนร่างบางจึงทำให้ต้องกดเบอร์โทรหาไอ้เพื่อนสนิทที่เพิ่งจะขับรถออกไปให้กลับมาเพื่อไปต่อที่อื่นเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้เปลือกตามันหนักอึ้งราวกับจะปิดลงได้ทุกเมื่อ
“ช่วยแจ้งช่างให้ด้วยนะฮะ ขอบคุณครับ”
“ซิน!” เขารีบหันขวับทันใดที่เสียงหวานคุ้นหูแว่วมาจากบริเวณหน้าฟร้อนของหอพักเข้ากระทบกับโสตประสาท ใบหน้าสวยภายใต้กรอบแว่นสีชาทรงกลมเก๋เพียงหันมาเบะปากแสดงความเหนื่อยหน่ายใส่กันก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินออกจากหอไปในทันที เห็นดังนั้นคนที่เป็นฝ่ายเอ่ยเรียกชื่อจึงรวบรวมกำลังที่เหลืออันน้อยนิดวิ่งไล่ตามอีกคนไปแต่ดูเหมือนว่าจะคว้าน้ำเหลวเมื่ออีกฝ่ายโบกเรียกแท็กซี่แล้วรีบพาตัวเองขึ้นนั่งปิดประตูโดยรวดเร็ว ช่างผิดจากที่คิดไว้เมื่อคืนอย่างไรก็ตามเกมนี้ยังคงดำเนินต่อไปแต่จะขอกดปุ่มพักไว้ชั่วครู่ตอนนี้ขอตัวไปชาร์ตแบตเตอรี่ร่างกายให้เต็มก่อนแล้วค่อยมาลุยกับด่านต่อไปก็แล้วกัน
.
ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไรแต่พอลืมตาตื่นขึ้นท้องฟ้าข้างนอกนั่นก็ใกล้จะมืดสนิทลงเต็มที เมื่อสามารถลืมตาตื่นได้อย่างเต็มที่คนที่เพิ่งหายจากอาการเมาค้างเนื่องจากเมื่อคืนจัดหนักจึงค่อยๆพยุงตัวลุกออกจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระล้างคราบสกปรกที่ติดตัวมาจากสถานที่อโคจรที่เขาได้ผจญมาทั้งคืน
‘กริ๊ง’ เสียงเครื่องมือสื่อสารแบล็คเบอรี่เครื่องใหญ่ดังขึ้นเรียกให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง มือใหญ่คว้าหยิบมันขึ้นมาแล้วกดอ่านข้อความซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนส่งมาไอ้บาสเพื่อนตัวดีของเขานั่นเอง
‘มึงยังไม่ตอบคำถามกูเมื่อคืน’
‘กูไม่มีคำตอบ’
‘งั้นสรุปว่ามึง
’ คนที่ถือโทรศัพท์อยู่ในมือเพียงอ่านข้อความแต่ก็ไม่ได้พิมพ์ส่งประโยคใดๆโต้ตอบกลับไป เขาโยนวัตถุราคาแพงนี้ลงข้างกายอย่างไม่ใส่ใจพลางทิ้งน้ำหนักตัวนอนแผ่ลงบนเตียงด้วยความรู้สึกสับสนจนน่าละเหี่ยใจ
ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทำให้คนที่ต้องการผ่อนคลายร่างกายและความคิดนั้นพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วจึงพาให้ขายาวทั้งคู่ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างไม่เต็มใจนัก
“ซิน! ขะ..เข้ามาก่อนสิ” เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองในเมื่อคนที่เขาวิ่งไล่มาโดยตลอดและไม่เคยตามกันทันจะมาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าเรียกได้ว่ามาหาถึงที่ ยิ่งไปกว่านั้นคนหน้าสวยอยู่ในสภาพที่ดูผิดหูผิดตาไปจากเดิม ผมยาวสีเข้มถูกรวบมัดเป็นมวยอวดใบหน้าสวยและลำคอยาว ร่างบางๆถูกปกคลุมด้วยชุดอาบน้ำสีขาวตัวใหญ่ที่ไหล่ข้างหนึ่งมีผ้าขนหนูสีฟ้าสดใสพาดอยู่มือทั้งสองข้างโอบอุ้มตะกร้าสีฟ้าอ่อนใบย่อมที่สังเกตดูแล้วน่าจะใช้ใส่อุปกรณ์อาบน้ำ ภาพที่เห็นนี้เล่นเอาลมหายใจของเขาติดขัดไปเลยทีเดียว
“คือ..ฝักบัวห้องเราเสีย เลยจะขอรบกวนอาบน้ำหน่อย”
“อะ..อ๋อ เอาสิ! ตามสบายเลย” ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้แสดงท่าทีประหม่าออกมาทั้งที่จริงแล้วเขาก็อยู่ในฐานะที่ออกจะได้เปรียบแล้วยังจะต้องหวั่นใจอะไรหรือไม่ชินกับการที่ถูกรุกแบบนี้กันแน่ มัวแต่คิดอะไรเพ้อเจ้อไปคนเดียวลำพังเผลออีกทีคนตัวเล็กก็เสร็จภารกิจออกมาจากห้องน้ำผิวที่เพิ่งสัมผัสน้ำอุ่นมาช่างขาวสะอาดตาแก้มใสๆขึ้นสีอมชมพู
“เสร็จแล้วหรอ? เร็วจัง” เขาเอ่ยอย่างเสียดายนิดๆ
“อืม ขอบใจมาก เราไปก่อนนะ”
“อะ..อืม” เขาได้แต่ตอบรับในลำคออย่างจำใจ แต่แล้วร่างบางก็ทำเอาต้องกลั้นหายใจด้วยขาเล็กๆนั้นก้าวเดินเข้ามาประชิดตัวมือข้างหนึ่งยื่นออกสัมผัสที่โครงหน้าคมนิ้วมือนิ่มๆเกลี่ยลงบนผิวเรียบ พลางค่อยๆเลื่อนใบหน้าสวยของตนเข้าไปใกล้กับใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนแล้วจึงเป่าลมออกมาเบาๆ
“ขนตาน่ะ” หลังจากผละออกคนหน้าสวยเอ่ยยิ้มๆแล้วจึงหันกลับไปยังประตูเดินออกจากห้องไป ไม่น่าเชื่อว่าแมวดื้อที่เคยเจอเมื่อหลายวันก่อนวันนี้จะแสนเชื่องเอาใจน่ารักและน่าเลี้ยงเป็นที่สุด อันที่จริงเขาอยากจะยื้อเวลายามที่คนๆนี้มาอยู่ใกล้ๆโดยหวังว่าอะไรๆมันจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นมากกว่าแล้วมา
.
..
“เราโอเค.. ขอบใจนะแป้ง บาย~” หลังจบบทสนทนาคนหน้าหวานก็วางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะอ่านหนังสือที่ปลายเตียงจากนั้นก็จัดแจงติดกระดุมเสื้อเชิร์ตสีขาวที่ตนติดค้างไว้เนื่องจากเสียงเรียกเข้าของเจ้าโทรศัพท์ราคาแพงนี้ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งผิดปกติบนระเบียงห้องของตนด้วยความตกใจจึงส่งเสียงร้องดังขึ้นมา
“เฮ้ย! ไอ้บ้านี่! จะทำตัวปกติแบบคนธรรมดาเขาทำกันไม่ได้ใช่ไหม!”
“เฮ้ยๆใจเย็นดิ! มาเต็มเลยนะครับคุณ
ไอ้แมวเชื่องตัวเมื่อวานมันหายไปไหนวะ!”
“ปากหมา! ใครแมว!
อ๋อ~ เข้าใจแล้ว ที่บ้านไม่เคยสอนหรอว่าถ้าจะขออะไรจากคนอื่น ต้องพูดจาเพราะๆทำตัวน่ารักๆน่ะ” พอสิ้นถ้อยคำแถลงไขของอีกคน คนตัวสูงก็ได้แต่หัวเราะฮึๆลงลำคอ ‘ร้ายเสียจริง!’
“แล้วประตูหน้ามีทำไมไม่เข้า..เดี๋ยวได้ตกไปตาย ผีบ้าอย่างนายคงเฮี้ยนน่าดู เรารับไม่ได้จริงๆ”
“ก็เห็นประตูระเบียงเปิดทิ้งไว้จะลำบากเดินไปเคาะประตูโน้นให้เจ็บมือทำไม แล้วอีกอย่างน่ะ
ประตูหน้าเราเข้าบ่อยแล้ว ก็เลยอยากลองเข้าทางข้างหลังดูบ้าง~” พอได้ยินคำพูดสองแง่สองง่ามที่ตอบกลับมา คนที่พูดจาปากดีในตอนแรกเป็นต้องสะอึกกลืนก้อนคำด่าลงคอจะไปต่อก็ไม่ถูกหน้าตาหัวหูแดงไปหมด ส่วนคนที่พูดจายียวนกวนประสาทเมื่อเห็นอีกคนตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นก็ออกจะรู้สึกสะใจอยู่ไม่น้อยในใจพลางคิดว่าคนอะไรเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเล่นเอาเขาปรับสภาพอารมณ์ตามแทบไม่ทัน
“แล้ว..มีธุระอะไร?” หลังจากที่อึกอักอยู่พักใหญ่คนตัวบางก็ตั้งสติแล้วจึงเอ่ยถามคนที่ทำตัวอุกอาจบุกรุกห้องของเขา
“เหมือนว่านายจะลืม ‘นี่’ ไว้” คนที่มีใบหน้าคมเอ่ยน้ำเสียงเรียบพร้อมยื่นมือข้างหนึ่งไปเบื้องหน้าของคนตัวเล็กในฝ่ามือมีหมุดจิวเวอรี่เม็ดเล็กใสแวววาว คนร่างสูงเดินเฉียดกายของอีกคนไปจากนั้นค่อยๆก้าวเขยิบเข้าซ้อนทางข้างหลังพลางโน้มตัวออกมาด้านข้างเล็กน้อยมือที่ว่างอยู่จับรวบผมยาวสลวยลื่นมือที่เกะกะลำคอขาวให้พ้นทางแล้วพาดไว้กับไหล่บางอีกฝั่งหนึ่ง นิ้วมือด้านแตะเบาๆบนติ่งหูนิ่มทำเอาคนถูกสัมผัสขนชันขึ้นทั้งตัว
“อ๊ะ!” คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกทันทีที่ปลายหมุดแหลมคมถูกกดลงบริเวณรอยเจาะที่ปรากฏบนติ่งหูบาง ลมผาดแผ่วถูกพ่นออกจากปากของคนที่ยังคงยืนซ้อนด้านหลังไม่ขยับเขยื้อนไปไหนช่วยปัดเป่าความเจ็บและตื่นตกใจเรียกให้ขวัญที่กระเจิงไปของอีกคนกลับคืนมา
“นี่แต่งตัวจะไปไหน? เข้ามอหรอ?”
“อะ..อืม”
“เราก็กำลังจะเข้ามอ ไปด้วยกันสิ เราขับรถไป
งั้น! เดี๋ยวเราไปเอาของกับกุญแจรถที่ห้องก่อนแล้วเจอกันข้างล่างนะ” ไม่ทันรอให้อีกคนได้ตอบตกลงใดๆคนที่คิดเองสรุปเอาเองก็ไม่รอช้ารีบเดินออกไปยังระเบียงและปีนกลับห้องของตนไปทิ้งให้คนที่ยังคงยืนอารมณ์ค้างอยู่ที่เดิมแอบลอบยิ้มกับตัวเองลำพัง
“ไม่เซ่ออย่างที่คิด”
.
..
“เอ่อ~ ขอบใจ ที่ให้ติดรถมาด้วย แล้วก็...เอาไอ้ นี่ มาคืน” ใขขณะที่เอ่ยคำขอบคุณนิ้วเรียวยาวก็จับที่ใบหูบางของตนไปด้วย
“อืม”
“แล้ว
เย็นนี้ ว่างไหม? เราอยากเลี้ยงอะไรเล็กๆน้อยๆตอบแทนนาย
จะได้ไม่ติดเป็นหนี้บุญคุณกันไปน่ะ อย่ามโน!!!” พอเห็นอีกคนเริ่มทำลอยหน้าลอยตาเหมือนได้ใจพร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่ฉุดขึ้นที่มุมปาก ทำให้ริมฝีปากบางต้องเอ่ยดักขึ้นมาเสียก่อนที่คนตรงหน้าจะได้ใจคิดอะไรต่อมิอะไรไปไกลคนเดียว
“ฮ่าๆ โอเค๊~ สักหกโมงเป็นไง? รอเราที่แหละเดี๋ยวมารับ”
“อืม” พอตกลงกันเป็นอันเข้าใจร่างบางก็รีบผลุนผลันเปิดประตูลงจากรถคันงามไปโดยทันที
.
..
“โอ่ย~ แน่นจัง
ไม่เคยกินฟูจิได้อร่อยขนาดนี้มาก่อน ฮ่าๆ” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีในขณะที่เขาทั้งสองชวนกันดูโน่นดูนี่ตามแผนกต่างๆเพื่อเดินย่อยอาหารมื้อใหญ่ที่คนตัวเล็กได้เลี้ยงตอบแทนพอเป็นพิธีที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังระแวกเดียวกับมหาวิทยาลัย
“ก็แน่สิ! ของฟรีนิ่” คนที่รับหน้าที่เป็นเจ้ามือใหญ่ตอบกลับอีกคนไปพร้อมกับทำท่าทางเบะปากน้อยๆ
“หึๆ นี่~ รีบกลับรึป่าว? ขอเราแวะดูกีตาร์อีกแปบนึงได้ไหม?”
“ก็ตามใจสิ” พอได้รับคำตอบคนตัวสูงก็ไม่รอช้าก้าวเดินนำเพื่อพาอีกคนมุ่งหน้าตรงไปยังร้านขายเครื่องดนตรีประจำของเขา
.
“นายเรียนสินกำหรอ?” คนผมยาวเอ่ยถามออกมาในขณะที่อีกคนกำลังทดสอบกีตาร์โปร่งเรือนไม้ตัวใหญ่นี้อยู่
“วิดวะ” คนถูกถามตอบแบบไม่ได้ใส่ใจนักเพราะมัวแต่เพ่งสมาธิและความสนใจอยู่กับเจ้ากีตาร์ตัวสวย
“หา?
โกหกรึป่าว! ไม่งั้นจะลงทุนซื้อไอ้นี่ทำไม? แพงจะตาย..” คนหน้าสวยอุทานอย่างตกใจกับคำตอบที่น่าเหลือเชื่อ
“ก็ชอบ เล่นเป็น มีตังค์ เหตุผลแค่นี้พอไหม?”
“ปีไหน? 8รึป่าว! ฮ่าๆ” เพราะว่าออกจะหมั่นไส้ในคำตอบที่ได้รับ คนหน้าสวยก็เลยสวนกลับด้วยคำถามยียวนหวังจะเอาคืนอีกฝ่าย
“มากไป! 4ก็พอ เออ~ แล้วนายอ่ะซิน รู้แต่ว่าเรียนถาปัตย์”
“ปี5”
“อย่ามาตลก! เรียนซ้ำชั้นไง๊?”
“บ้านแกสิ! ถาปัตย์เค้าเรียนกัน5ปีโว้ย~” ได้ยินแบบนั้นคนหน้าสวยถึงกับเพลีย นี่ใครเขาปล่อยให้มันเข้ามาเรียนวิศวะกันหรือว่าจับฉลากได้
“อ้าว! งี้ก็ต้องเรียกพี่อ่ะดิ! พี่ซินคร้าบบบ~” คนที่ยังคงนั่งเกากีตาร์อยู่เอ่ยอย่างหยอกเหย้าพลางเอาหัวเข้าไถลำตัวคนตัวบางที่ยืนอยู่อย่างอ้อนๆทำเอาคนมือไวเป็นต้องตวัดมือใส่หลบหลีกกันแทบไม่ทัน ว่าแล้วก็อดที่จะกลั้นขำกับความทะเล้นของอีกคนเอาไว้ไม่ได้ แต่แล้วทันใดเสียงทุ้มอันคุ้นหูก็ดังขึ้นขัดจังหวะเรียกให้คนที่ยืนอยู่ต้องหันไปสายตาพลันปะทะเข้ากับร่างของใครบางคนที่ตนหลบหน้ามาหลายวัน
“พี่โย่ง
”
-end of chapter3-
ความคิดเห็น