คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [R∞M2] บังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต
“นั่นจมูกมึงไปโดนอะไรมาวะ? หรือมึงแอบไปทำหล่อมา ไม่มีบอกกูนะสัด!” บาสเอ่ยถามอย่างสงสัยกับผ้าพันแผลสีขาวก้อนใหญ่ที่แปะอยู่บนสันจมูกโด่งของไอ้เพื่อนตัวดี
“พ่องดิ! ... กูโดนแมวงับมา” เขาเอ่ยตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนักเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าอายแบบนี้
“ตลก! อย่างกู?
แมวข้างห้องว่ะ กูดันไปแหย่มันเข้าก็เลยโดนฟัดกลับมา หึๆ”
“เออะ! เรื่องของมึงเถอะ
ว่าแต่คืนนี้เอาไงมึงไปป่าว? เจนเขาให้กูมาชวน เอาจริงๆกูว่าเขาสน
”
“เชี่ย!แมว! เดี๋ยวกูบีบีไป”
“อ่าว! ไรของมึง แล้วนั่นมึงจะไปไหน! ไอ้นัท
ไอ้เชี่ยนัท!”
ทันใดที่สายตาไปสะดุดเข้ากับร่างคุ้นตาที่กำลังเดินพูดคุยอย่างสนุกสนานกับเพื่อนสาวๆในกลุ่ม ขายาวของเขาทั้งสองข้างก็เหมือนรู้งานรีบลุกขึ้นหมายเดิมตามไปคิดบัญชีกับคนก่อคดีเมื่อวานนี้ให้ทัน สายตานั้นจับจ้องไปที่คนหน้าสวยอย่างกลัวว่าจะคลาดสายตา
“โทษฮะ! ขอทางหน่อยครับ!
ขอโทษครับ!” ความรู้สึกราวกับกำลังเล่นเกมวิ่งไล่จับที่ต่อให้จะวิ่งเร็วเท่าไรก็ยังตามไม่ทันแถมยังมีอุปสรรคคอยขัดขวางไม่ให้ไปถึงเส้นชัย เกมนี้ดูท่าแล้วไม่ง่ายเลย ยิ่งเห็นว่าคนที่ตนวิ่งตามกำลังจะเข้าลิฟท์ไปยิ่งพาให้ขาต้องรีบเร่งความเร็ว
‘ติ๊ง!’ แต่ตานี้ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้แพ้เพราะเมื่อพาตัวเองมาถึงจุดหมายประตูลิฟท์ก็ปิดลงพอดี
“อ้าว!นัท!
เป็นไรอ่ะซิน? ตกใจอะไร?” สาวร่างอวบเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มที่ตัวเองคุ้นหน้าปรากฏตัว ยามเมื่อหันไปพูดคุยกับเพื่อนสนิทของตนที่ยืนอยู่ข้างกายแต่แล้วก็ต้องเอ่ยถามออกมาเช่นนั้นเนื่องจากสังเกตเห็นถึงสีหน้าที่ตื่นตกใจของเพื่อน คนข้างๆที่ยืนนิ่งเงียบราวกับกำลังทบทวนความคิดอะไรบางอย่างอยู่สักพักจึงเอ่ยถามเพื่อนรักออกมา
“รู้จักเขาหรอเจน?”
.
..
‘กริ๊ง!’ เสียงข้อความเข้าของเครื่องมือสื่อสารแบล็คเบอรี่ดังขึ้นสร้างอารมณ์หงุดหงิดให้แก่คนที่กำลังเร่งรีบ
‘เชี่ยนัท อยู่ไหนมึง’
‘เฮ้ยโทดมึง! ถึงแล้ว’
‘เขาแดกกันจนจะอ้วกแล้วมึงยังไม่โผล่’ บาสเริ่มหงุดหงิดเพราะนึกว่าเพื่อนตัวดีคิดจะทิ้งให้เขานั่งเหงาเป็นหมาหงอย ครั้งนี้ที่มาดื่มก็เพราะสาวเจ้าหวังจะให้เขาเป็นพ่อสื่อให้เธอกับไอ้เพื่อนรักบรรยากาศวันนี้แม้ว่าจะสนุกสนานครึกครื้นแต่ก็ไม่ใช่แนวเขาก็ทั้งวงเหล้ามีแต่ผู้หญิง
.
“อ้าวนัทมาแล้ว!”
“โทษทีเจน พอดีนัทติดธุระนิดหน่อยน่ะ.. แล้วมากันแค่2คนเองหรอ”
“คุณนัทครับ ก็คุณเล่นมาเอาป่านนี้คนอื่นเขากลับบ้านนอนกันหมดแล้วครับ” บาสเอ่ยตอบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“ไง..เพลินเลยดิมึง” เขาเอ่ยกับบาสอย่างหยอกเย้า
“เพลินตาแต่ไม่เพลินอารมณ์ว่ะ แม่มผู้หญิงทั้งวง” บาสตอบคำถามด้วยท่าทีเนือยๆเป็นสัญญาณให้อีกคนรู้ว่าตนหน่ายเต็มที
“เอาไง กลับเลยไหมล่ะ? พอเขามาเราก็บอกขอกลับก่อน จะอ้างไรก็ว่าไป หรือว่าจะไปเลยแล้วค่อยโทรไปขอโทษ บอกว่ามีเรื่องด่วน หรือไง? กูเองก็อยากกลับแล้วเหมือนกัน”
“เฮ้ย! ได้ข่าวมึงเพิ่งมา เขามานั่งแดกรอมึงตั้งนาน เดี๋ยวเขาก็ด่าพ่องให้หรอก แล้วมึงจะรีบกลับไปทำไร?”
“อ่าว! กูก็มีธุระของกู
ช่างเหอะน่า มึงก็อยากกลับนี่ ตามนั้นนะ” หลังจากเพื่อนรักทั้งสองตกลงปลงใจกันวางแผนว่าจะขอชิ่งสาวๆกลับก่อนแต่แล้วก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้อีกคนนั้นเปลี่ยนใจกระทันหันทำเอาเพื่อนของเขาเหยียบเบรคหัวแทบทิ่ม
“เฮ้ยซิน! แกใจเย็นๆเดี๋ยวฉัน
อ้าว!นัทจะกลับแล้วหรอ?”
“อ๋อ.. ป่าวหรอก นัทเห็นเจนไปนาน เป็นห่วงน่ะว่าจะตามไปดู”
“อ๋อจ้า
แต่ถ้านัทกับบาสเบื่อกลับก่อนก็ได้นะ เจนกับเพื่อนคงอยู่ต่ออีกสักพัก”
“หืม.. ไม่เห็นมีอะไรน่าเบื่อนี่ สนุกจะตาย ฮ่ะๆ” เล่นเปลี่ยนใจไม่บอกไม่กล่าวกันก็ทำให้เพื่อนร่วมขบวนการอย่างบาสนั่งงงเป็นไก่ตาแตกกับอารมณ์ผีเข้าผีออกของเพื่อนตนก็เลยได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาและขยับปากเป็นถ้อยคำว่า ‘ตอ-แหล’ แต่ก็คงจะมีแค่เพียงไอ้คนผีเข้าตัวเดียวที่มันกำลังพยายามส่งสายตาให้เแก่เขาเป็นเชิงบอกว่าเปลี่ยนแผนได้รู้และรับถ้อยคำด่านั่นไปเต็มๆ
.
จากที่นั่งเงียบกันได้ครู่หนึ่งเจนก็เพิ่งนึกได้ว่าตนเองแอบเสียมารยาทที่ไม่ได้แนะนำคนมาใหม่ให้เพื่อนๆตนได้ทำความรู้จัก
“อ่อ!ทุกคนนี่ นัท เพื่อนบาส.. แล้วนี่อาย แป้ง แล้วก็ซิน เพื่อนเจนเอง”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับทุกคน” ขณะที่พูดอย่างยิ้มกริ่มสายตาเจ้าเล่ห์นั้นก็จดจ้องเพียงแต่ร่างบางที่เขาได้ทำความรู้จักอย่างไม่เป็นทางการมาก่อนหน้านี้แล้วทำเอาคนที่รู้ตัวว่าถูกมองถอนหายใจออกมาเฮือกเบ้อเริ่มพลางหยิบคว้าแก้วที่บรรจุน้ำสีชาที่เกือบเต็มตรงหน้ายกซดทีเดียวจนหมด จากนั้นก็ผลุนผลันลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไปทำเอาคนที่มองอยู่ตั้งตัวคิดหาเหตุผลที่จะตามร่างที่เดินเกือบลับไปแล้วนั้นแทบไม่ทัน
“เอ่อออ นัทไปห้องน้ำก่อนนะ” ว่าแล้วก็รีบลุกเดินตามร่างบางนั้นออกไปยังนอกร้าน
.
“เว้ย~ เดินเร็วชะมัด! หายไปไหนแล้ววะ!”
“กำลังตามหาเราอยู่รึป่าว? จะเอาคืนกันหรือไง?” พอสิ้นเสียงหวานที่คุ้นหูแม้จะเคยได้ยินเพียงครั้งเดียวแต่เสียงเพราะๆนั่นกลับก้องดังอยู่ในโสตประสาทเขาเรื่อยมาจากวันนั้น ทันใดสมองก็เริ่มประมวนได้ว่า โดนเข้าแล้ว! แต่ก็ดีคงไม่ต้องเสียเวลาวิ่งไล่ตามอีกในเมื่อเจ้าตัวที่ตนกำลังตามหาเป็นคนวางกับดักล่อให้เขาออกมาตกหลุมพลางอย่างจัง
“ได้ด้วยหรอ? ..ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ
.จะยอมกันหรอ?” คนที่มีใบหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและนุ่มลึกพลางค่อยๆสาวเท้าเข้าใกล้ตัวของอีกคนทำเอาต้องจนมุมเพราะมัวแต่เคลิบเคลิ้มกับความหล่อเหลาและน้ำเสียงชวนให้หลงใหล ไม่รู้ว่าด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์หรือว่าอะไรถึงทำให้วันนี้แมวดื้อแสนจะเชื่องยอมอ่อนให้กับคนตรงหน้าอย่างง่ายดายโดยไม่คิดแม้แต่จะขัดขืน หลังบางๆนั้นถูกดันจนติดกำแพงมือข้างหนึ่งของอีกคนค่อยๆเกาะเกี่ยวและรวบเอวบางไว้ดึงให้ช่วงล่างเข้าชิดตัว มือหยาบอีกข้างค่อยๆไล้ไปตามโครงหน้าเรียวสวยที่ตอนนี้ผิวขึ้นสีชมพูชวนมอง เมื่อพิจารณาดวงหน้าสวยจนครบทุกองค์ประกอบแล้วมือนั้นจึงจับเชยคางขึ้นสูดกลิ่มหอมอ่อนๆเคล้ากลิ่นแอลกอฮอลล์ที่แก้มใสแล้วผละออกสบดวงตากลมโตที่ปรือลงน้อยๆพลางมองไปยังปลายจมูกโด่งที่ยังปรากฏรอยฟันเป็นวงจางๆ ครู่หนึ่งคนได้เปรียบจึงค่อยๆแลบลิ้นแตะเลียที่ริมฝีปากบางสัมผัสดูดดึงกลีบปากด้วยริมฝีปากของตน แม้อีกคนจะไม่ตอบสนองการกระทำนั้นแต่ก็ไม่แสดงท่าทีขัดขืนอะไร ทุกอย่างราวกับหยุดนิ่งไร้ซึ่งเสียงของสรรพสิ่งรอบกายมีเพียงเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจที่เต้นอย่างครึกโครมของคนทั้งคู่ ครั้นคนตัวบางผละออกด้วยจะหมดลมหายใจ คนตัวใหญ่กว่าจึงรีบฉวยดูดดึงริมฝีปากนั้นด้วยความแรงที่เพิ่มขึ้นและทิ้งท้ายด้วยการขบอย่างแรงที่ริมฝีปากล่างของอีกคนจนได้รสเลือดทำเอาคนเจ็บสะดุ้งสุดตัว
“ฮ่ะๆ หายกันแล้วนะซิน หรือจะเอาคืนกันใหม่ก็ยินดีนะ” เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างมีชัย
“นัท! ซิน! พวกเราจะกลับกันแล้วนะ” แล้วก็เป็นเสียงของเจนที่ราวกับระฆังช่วยชีวิตหยุดให้คนทั้งสองที่พร้อมขึ้นสังเวียนถูกจับแยกโดยทันที
“อ่าวซิน!แล้วปากแกไปโดนอะไรมา” แป้งเอ่ยทักหลังจากสังเกตเห็นเลือดสีแดงซึมออกมาจากรอยแตกบนริมฝีปากล่างอันอวบอิ่มของเพื่อน
“หมากัดน่ะ! รีบกลับกันเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวได้เตะปากหมา!” ร่างบางเอ่ยตอบด้วยกระชากเสียงและถลึงตาไปยังคนที่ทำให้เขาได้เลือด ผู้ต้องหาในคดีนี้ก็ได้แต่หัวเราะลงคอด้วยความสะใจในถ้อยคำด่าทออย่างต้องการเอาชนะของคนหน้าสวยนั้น
“ซินกลับกับเราสิ หอเดียวกัน เรา
”
“เจือก! ไปตายซะ!” ยังไม่ทันพูดจบประโยคคนหน้าสวยก็รีบสวนขึ้นมาทำเอาเพื่อนๆในกลุ่มอึ้งรับประทาน พอพูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีไปเรียกแท็กซี่ คนอื่นๆก็ได้แต่ยืนงงด้วยรับไม่ทันกับสภาพอารมณ์และไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่แสนเอาแต่ใจนี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบซึ่งก็ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หัวเราะกับตัวเองดังๆ
“เอ่อ
งั้นพวกเรากลับก่อนนะ คงได้ไปดื่มด้วยกันอีก ขับรถดีๆนะ” หลังจากสาวๆเอ่ยบอกลาเสร็จก็รีบเดินตามเพื่อนของตนขึ้นแท็กซี่ไปในทันที ดูจากท่าทางสุดแสนสบายใจของเพื่อนแล้วบาสที่กำลังยืนประมวลเรื่องราวอยู่ก็พอจะปะติดปะต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนเขาในวันสองวันที่ผ่านมาจนกระทั่งตอนนี้ได้บ้าง
“ไปมึง! ยืนเอ๋อแดกเชียว ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ ถึงแล้วบีบีบอกกูด้วย” บาสได้แต่รับคำในลำคอแล้วจึงเดินขึ้นรถขับออกไปทิ้งไว้แต่คนที่ยังคงยืนยิ้มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย
‘นี่ละมั้งเรื่องบังเอิญที่ใครๆเขาเรียกว่า พรหมลิขิต’
-end of chapter2-
ความคิดเห็น