คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [R∞M1] คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
เตือนตัวเท่าบ้านนิยายวายนะจ๊ะ^^
สนทนา : สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับคนอ่านทุกท่านนะคะ ขอบอกก่อนเลยว่าเราเพิ่งเคยเขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ภาษาเลยอาจจะเยอะยังไม่เข้าที่เข้าทางยังหาแนวตัวเองไม่เจอ ส่วนพล็อตเรื่องก็มโนเองทั้งนั้นไม่ได้อิงความเป็นจริงแต่อย่างไร เรื่องนี้พูดจากันออกจะหยาบคาย เตือนแล้วนะจ๊ะ หวังว่าจะสนุกและมีความสุขกับการอ่านจ้า~ ใครพอใจจะคอมเม้นก็ยินดีนะจ๊ะ จะติหรือแนะนำก็ไม่ว่ากัน ชอบก็บอกกันหน่อยนะจ๊ะ :)
"โห่ยแม่ม! ไม่ได้แค่ไม่กี่เดือน ทำไมสภาพแม่มแย่อย่างงี้วะ! หอแพงซะป่าว... เชี่ย! หลอกแดกตังค์กู" ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดหน้าตาจัดได้ว่าเป็นผู้ชายหล่อเหลาคนหนึ่งเอ่ยสบถกับตัวเองหลังจากเห็นสภาพหอพักที่ตนพักมาตลอดระยะเวลา3ปีในระหว่างที่กำลังเรียนอยู่
.
"เห้ยมึง! ไอ้บาส มึงเข้าหอยังวะ... เชี่ย!สภาพโคดแย่ ยิ่งอยู่ยิ่งแย่ ถ้าไม่ติดว่ามันใกล้มอที่สุดกูไม่อยู่ละ! ... อ่าว! มองหน้า นี่กูเห็นแก่หน้าท่านพ่อท่านแม่กูหรอกนะ กูกลัวจะเข้าเรียนไม่ทัน เดี๋ยวเกรดไม่งาม ท่านจะไม่ปลื้ม ฮ่าๆ"
"ถุย! ไอ้เชี่ยนัท! มึงอย่าพูดกูเหม็นขี้ฟัน อย่างมึงน่ะกูว่าเลี้ยงไก่ไว้แทนนาฬิกาปลุกเถอะ พอมันดังมึงก็ปิดแล้วนอนต่อ พอมึงสายมึงก็โทษมัน.. แล้วหอมึงก็ทนอยู่มาได้ตั้ง3ปี อีกปีนึงทำจะตาย แล้ว!เอ่อ..นี่กูไม่ได้บอกมึงหรอว่าปีนี้กูไม่อยู่หอแล้ว"
"พ่อง! ถ้ามึงไม่อยู่แล้วใครจะมาอยู่กับกู"
"เอ่ออออ.. เออ~ กูขอโทษที่บอกมึงช้าไป..มาก ก็แม่กูอ่ะ เขาอยากให้กูอยู่บ้าน น้องกูมันไปเรียนต่อแล้ว เขาเหงา กูไม่อยากให้เค้าเครียด น่ะมึงเข้าใจกูหน่อยนะ... นี่กูเป็นลูกที่กตัญญูมากนะเนี่ย จริงๆมึงควรที่จะสรรเสริญกู"
"โห่ย~ กูงอน!"
"โห่มึง~ อ่าว! แล้วนั่นมึงจะไปไหนไอ้นัท"
"กูจะไปขี้ มึงจะตามมาแดกขี้กูไหมล่ะ?"
"เชิญมึงไปขี้ให้หมาแดกเถอะ! สัด!"
อยากจะโกรธแต่ก็โกรธไม่ลง เขาจำได้ว่าตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมาจริงอยู่ที่เขามีเพื่อนฝูงมากมายแต่เพื่อนกินน่ะหาง่ายแค่เอาเท้าเขี่ยก็เจอ แต่กับเพื่อนตายที่คอยช่วยเหลือและอยู่ข้างเขามาตลอดอย่างบาสนานๆทีจะจุติมาสักตัว ถ้าจะโกรธก็แลดูงี่เง่าไร้สาระไปหน่อยเพราะบาสก็มีเหตุผลที่ดูฟังขึ้น อันที่จริงก็ไม่ได้อะไรหรอกเรื่องที่จะต้องอยู่คนเดียวออกจะชอบด้วยซ้ำไป แต่ก็ติดอยู่เรื่องเดียวนั่นแหละที่หวั่นใจ
...
..
.
'กริ๊ง' เสียงร้องเตือนของโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังบอกเจ้าของมันว่ามีข้อควมเข้า
'ไอ้บาสบอกมึงงอน'
'เชี่ยแตม กูไม่ใช่ตุ๊ดต้องมางอน'
'แล้วมึงบอกจะไปขี้เจือกหนีกลับหอ'
'กูมาขี้ที่หอ'
'อ้าง! ไม มึงไม่อยากอยู่คนเดียวหรือไม่กล้าอยู่คนเดียว'
'ไม่เห็นมีไรต้องกลัว กูอยู่มา3ปีไม่เห็นมีห่านอะไร นอกจากปลวก'
'555 มึงอย่าร้อนตัว กูยังไม่ได้พูดอะไร.. เออ แต่มึงเคยได้ยินไหมเรื่องผู้หญิงที่โดนยามหลอกมาฆ่าข่มขืนที่หอมึง'
'ไอ้สัด! มึงไม่ต้องบิ้ว กูไปนอนแล้ว'
'55555555'
.
ค่ำคืนนี้ช่างเงียบสงบหากเป็นแต่ก่อนคงมีเสียงไอ้เพื่อนร่วมห้องตัวดีส่งเสียงกรนไม่ก็กัดฟันกล่อมให้เคลิ้มหลับไป ความรู้สึกในร่างกายมันแปลกพิกลคล้ายตัวมันเย็นๆใจมันหวิวๆไม่รู้เพราะความไม่ชินหรือว่ากลัวกันแน่
"นอนไม่หลับเว้ย!" เขาสบถออกมากับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์มือถือมากดดูเวลาซึ่งตอนนี้ก็เกือบจะตี4แล้ว
มวลควันกลุ่มใหญ่ถูกอัดลงปอดบ้างก็ถูกพ่นออกมาปะทะกับอากาศภายนอก นิ้วมือซ้ายคีบมวลบุหรี่ที่ใกล้จะมอดลงเกือบหมด ส่วนมือขวานั้นก็ถือโทรศัพท์คู่ใจมองอ่านข้อความของคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย ลมที่พัดเย็นสบายกับบรรยากาศที่ชวนนอนทำให้เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง แต่สายตาก็ดันไปชะงักกับทัศนียภาพที่ไม่ชวนมองเท่าไรบนระเบียงห้องด้านข้าง อันที่จริงมันก็เกือบจะเป็นระเบียงเดียวกันเนื่องจากระเบียงทั้งสองนั้นห่างกันแค่เพียงศอกกั้น
"ตากเชี่ยอะไรเยอะแยะวะ"ขณะที่สบถถ้อยคำหยาบคายชินปากสายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้นขนลุกขนชันขึ้นทั้งตัว ลนลานหนีเข้าห้องแทบไม่ทัน
"โดนแล้วไงกู"
...
..
.
"เชี่ยนัท! ห้อยพระองค์เท่าบีบีเลย ฮ่าๆ ไง~ เจอผีมาหรอวะ" บาสพูดติดตลกตามนิสัย
"ไอ้เชี่ยบาส! มึงอย่าพูดชื่อดิ แล้วอย่าลืมมึงยังมีคดีกับกูอยู่ อย่าๆ"
"ก็เออ~ มึงตาฟาดมั้ง ไม่ก็คิดมาก หลอนไปเอง...อยู่มา3ปีกูก็ไม่เห็นว่าจะเคยเจอผะ..เอ้ย! ไอ้คนที่มึงก็รู้ว่าใครเลย เอาหน่าๆไม่มีอะไรหรอกมึง"
"เฮ้อ~ แต่ภาพยังติดตากูอยู่เลย ผู้หญิงผมยาวๆผิวซีดๆใส่ชุดขาว หู่ยยย พูดแล้วขนลุก.. ก็ไอ้เชี่ยแตมตัวดี วางระเบิดใส่กูก่อนนอน เจือกเล่า.."
"นั่นไง! ไอ้แตมมานู่นแล้ว"
"ไอ้นัท! หูมึงดับรึไง กูทั้งบีบีไปโทรเข้าเป็น10สายไม่ตอบกู... จารย์ธวัชเรียกมึง ด่วนเลย! กูไปเยี้ยวก่อนละ"
"โหย ไอ้เชี่ยนี่ มาเร็วเคลมเร็ว ไม่ทันให้มึงด่าเลย.. เออ แล้วโทรศัพท์มึงอะไอ้นัท?"
"เออ กูก็ว่าวันนี้กูลืมอะไร สงสัยอยู่ที่ห้องมั้ง?"
.
..
...
"อ่าว! หายไปไหนวะ ก็วางไว้.. อ๋อ~ ชัดเลย!ตกตรงระเบียงเมื่อคืนแน่ๆ"
โชคดีที่กลับมาถึงหอแต่หัววันไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าออกมาตามหาเจ้าโทรศัพท์คู่ใจเป็นแน่ หลังจากที่ก้มๆเงยๆมองหาตรงนู้นทีตรงนี้ทีสุดท้ายก็เจอ แค่ไม่ได้พกมันแค่วันเดียวแต่ความรู้สึกราวกับติดเกาะที่ปราศจากผู้คนเป็นแรมปีชีวิตช่างอ้างว้างเหลือเกิน ทันทีที่ลุกขึ้นตัวพ้นขอบระเบียงสายตาก็เผอิญจับจ้องไปยังระเบียงเจ้ากรรมห้องข้างๆ
"เชี่ย!!!ผีหลอก!!!" เขาอุทานถ้อยคำหยาบกับภาพตรงหน้า ราวกับเหตุการณ์เมื่อคืนถูกฉายซ้ำ สายลมผาดแผ่วพัดให้ผ้าที่ตากไว้ปลิวสะบัดปรากฏให้เห็นร่างของผู้หญิงผมยาวผิวซีดในชุดสีขาวแต่แสงแดดจ้าที่ส่องกระทบร่างนั้นทำให้เห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน โครงหน้าเรียวยาวกับตากลมโตจมูกสวยได้รูปบวกกับริมฝีปากอิ่มเอิบ อาการที่ช็อกในตอนแรกก็แปรเปลี่ยนเป็นเคลิบเคลิ้มกับภาพชวนฝันเบื้องหน้า แต่สติก็ถูกฉุดกลับมาทันใดเมื่อสายตาคู่สวยนั้นกำลังเหลือบมองกลับมาด้วยท่าทีที่แสดงถึงความไม่พอใจ
"อ่าว! คนนี่หว่า เอ่อออ..." ได้แต่สบถกับตัวเองเบาๆ ตอนนี้ความคิดของเขามันตีกันไปหมด แล้ว..ยังไงต่อไปล่ะ
"นี่เธอ ที่นี่หอชาย เทอขึ้นมาได้ไงน่ะ? หรือแฟนแอบพาขึ้นมา สุดยอดอ่ะ ยามแม่มโคดโหด" แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบกลับมีเพียงเสียงถอนใจเฮือกใหญ่เท่านั้น ร่างสวยตรงหน้ายังคงตั้งหน้าตั้งตาเก็บผ้าต่อไป ท่าทางคนตรงหน้าคงจะเคืองเขาละมั้ง
"เฮ้ย! เราขอโทษ.. คือแบบ..ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ ช่วงนะ.."
"จะกรุณามากถ้าวันหลังคุณจะสูบบุหรี่ตอนที่ไม่มีผ้าของเราตากอยู่ จริงอยู่มันอาจไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณไม่ได้มาสูบในที่ของเรา แต่ความเกรงใจเป็นสิ่งที่ทุกคนควรมีหากคิดจะอยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่น.. อ่อ อีกอย่างนี่ห้องของเราไม่จำเป็นต้องให้ใครพาขึ้นมาหรอก"
เขาได้แต่อึ้งกับคำพูดชุดใหญ่ที่ตอบกลับมาอย่างต่อเนื่องไม่มีแม้ระยะให้หยุดหายใจเว้นช่วงให้เขาได้อธิบายหรือแก้ตัว แต่แทบไม่เชื่อสายตาถ้าไม่ได้ยินกับหูของตัวเองก็คนตรงหน้านี้จริงๆแล้วเป็นผู้ชาย แม้น้ำเสียงแข็งกร้าวนี้ออกจะหวานและอ่อนนุ่มแต่ยังไงมันก็เป็นโทนเสียงของผู้ชาย ช่างน่าเสียดายรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามนี้เสียจริง อีกอย่างที่น่าเสียดายสุดๆคือ ช่างเป็นคนที่ปากร้ายและเย่อหยิ่ง ดอกกุหลาบสวยแต่ก็ซ่อนไว้ซึ่งอันตรายเหมาะแก่การปักแจกัญประดับมากกว่า หากคิดจะอยากถือเฉยชมก็ต้องจัดการหนามคมทิ้งเสียก่อน เมื่อเห็นว่าร่างนั้นกำลังหมุนตัวจะกลับเข้าห้อง มือยาวที่ไวกว่าแสงนั้นก็รีบคว้าแขนเล็กข้างนึงไว้ก่อนกระชากให้หันกลับมาคุยกัน
"เฮ้ย! จัดมาชุดใหญ่! ก็บอกดีๆสิครับคุณครับ จะพูดจาเสียดสี ประชดประชันกันทำไม?"
"....ปล่อยเรา ปล่อย.. ปัญญาชนน่ะเขาไม่ใช้กำลังกันหรอกนะมีแต่ควายเท่านั้นแหละที่มันใช้!" ได้แต่ขัดขืนด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดแม้แววตาและสีหน้าจะแลดูหวาดหวั่นแต่ฝีปากที่พ่นออกไปนั้นไม่ได้หวั่นเลย
"อื้อหือออออออออ~ แรง! ปากดี ปากดีแบบนี้มันต้องทำยังไงนะ ต้องทำยังไง หึๆ"
สิ้นประโยคที่น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์เร็วเท่าความคิดเขาออกแรงดึงให้ร่างบางนั่นโน้มตัวพ้นจากระเบียงเข้าหาตัว มือข้างที่ว่างก็พยายามกอดรวบเอวคอดไว้ อีกคนก็ได้แต่ดิ้นด้วยหวั่นเกรงกับความพิกลของคนตรงหน้าอีกใจก็กลัวว่าจะพลัดตกลงไป
"เชี่ยนี่! ปล่อย! ปล่อยกู!!!"
"อ่าว! ทำเป็นแอ็บ พูดจาไม่น่ารักเลยนะจ๊ะ!" หลังจากฉุดยื้อกันอยู่นานคนที่ด้อยกว่าด้วยกำลังก็เริ่มผ่อนแรงลงปล่อยให้อีกคนกระทำตามอำเภอใจ
"หมดแรงแล้วดิ่ หึๆ"
"อื้อ~ ปล่อย~"
เสียงหวานเอ่ยแผ่วอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงพร้อมกับท่าทีที่เกือบหยุดนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาจึงค่อยๆยื่นเข้าใกล้ใบหน้าสวยช้าๆทีละนิดกระทั่งปลายจมูกโด่งนั้นชนกันเขาจึงหยุดชะงักเพื่อดูปฏิกิริยาของคนหน้าสวยตรงหน้านี้แต่ก็ไร้ซึ่งการขัดขืนใดๆ ดวงตากลมโตหลบสายตาและปรือลง ริมฝีปากอิ่มไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากอีก คนได้ใจจึงหมายจะฉกชิมริมฝีปากนั้น แต่ก็...
"โอ๊ย!!!"
"ไอ้บ้ากาม!!!"
คนสวยนั้นฉวยโอกาสยามที่อีกคนถือวิสาสะเอาหน้าเข้ามาใกล้มากๆงับลงบนปลายจมูก ความเจ็บแปล๊บทำให้อีกคนนั้นปล่อยมือโดยอัตโนมัติคนหน้าสวยจึงหลุดเป็นอิสระแล้วผลีผลามเลื่อนปิดประตูกระจกบานใหญ่เข้าห้องไป
"ร้ายนักนะ! อย่าให้เจอ พ่อจะซัดให้!!! โอย~" ได้แต่เอามือกุมจมูกของตนไว้แม้ปากจะเอ่ยสบถถ้อยคำไม่พอใจแต่ภายในกลับยิ้มกลิ่มให้กับตัวเอง...
-end of chapter1-
ความคิดเห็น